มาตาฮารี (Mata Hari) ยอดจารชนหญิงของโลก

ผู้เขียน หัวข้อ: มาตาฮารี (Mata Hari) ยอดจารชนหญิงของโลก  (อ่าน 844 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพหื่นไม่รู้ดับ
  • *
  • กระทู้: 23048
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
มาตาฮารี (Mata Hari) ยอดจารชนหญิงของโลก
« เมื่อ: 20 ตุลาคม 2021, 15:24:40 »

มาตาฮารี (Mata Hari) ยอดจารชนหญิงของโลก



ถ้าจะนับเจมส์บอนด์ 007 เป็นสุดยอดสายลับฝ่ายชาย "มาตาฮารี" ก็ต้องเป็นสุดยอดสายลับฝ่ายหญิง
ซ้ำยังเหนือกว่า เจมส์ บอนด์หลายเท่า เพราะชีวิตโลดโผนเก่งเกินคน เจมส์ บอนด์นั้นมาจากบทประพันธ์
ของเอียน เฟลมมิ่ง แต่ผลงานทุกชิ้นของมาตาฮารีถูกขีดเขียนด้วยตัวเธอเอง ทำให้เธอได้ชื่อว่าเป็น
ยอดสายลับที่น่ากลัวที่สุดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยสถิติล้วงความลับทางทหารไปถึง 1,700 ชิ้น
โดยมีเพียงใบหน้าสวยเฉี่ยวกับเสน่ห์ร้อนแรงเป็นอาวุธ



ชื่อเดิมของมาตาฮารีคือ มาร์กาเรท เกอร์ทรูด เซลเล เธอเกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1876 ที่ประเทศ
เนเธอร์แลนด์ ชีวิตของมาร์กาเรทเวียนว่ายอยู่ในเกมกามแห่งความรักตั้งแต่แตกเนื้อสาว อายุเพียง 18 ปี
เธอก็มีข่าวชู้สาวคาวสวาทกับครูใหญ่ในโรงเรียนตัวเอง จนต้องเลิกเรียนกลางคัน จากนั้นมาร์กาเรทก็ไป
คว้ารูดอล์ฟ แม็คลีออด นายทหารแห่งกองทัพฮอลันดามาเป็นสามี


รูดอล์ฟนั้นแก่กว่าเมียเด็กถึง 20 ปี ในยามข้าวใหม่ปลามัน เขาจึงหลงใหลมาร์กาเรทหัวปักหัวปำ ทั้งคู่
มีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง สองปีต่อมารูดอล์ฟก็ย้ายไปทำงานในค่ายทหารที่เกาะชวา มาร์กาเรทคลอด
ลูกสาวอีกคนหนึ่งที่นั่น แต่ความสุขของเธออยู่ได้เพียงไม่นาน รูดอล์ฟก็เริ่มออกลายเจ้าชู้ขี้เมา เห็นเมีย
เป็นกระสอบทราย ส่วนมาร์กาเรทเองก็ใช่ย่อย ความร้อนแรงบวกเสน่ห์แพรวพราวของเธอทำเอาทหาร
ทั้งค่ายแทบจะตีกันตาย ทั้งสาวเจ้าก็ขยันเล่นชู้เปลี่ยนคู่ควงมิได้หยุด ความสัมพันธ์ของเธอกับรูดอล์ฟ
จึงกลายเป็นรักระหว่างรบ มีแต่แยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันไม่เว้นแต่ละวัน



จุดแตกหักมาถึงเมื่อลูกชายของทั้งคู่ถูกคนพื้นเมืองวางยาพิษตาย สองผัวเมียจึงเปิดศึกน้ำลายโทษกัน
ไปมา และจบด้วยการเลิกรากัน มาร์กาเรทยกลูกสาวให้สามีไป ส่วนตัวเธอนั้นเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ที่ปารีสซึ่งเป็นเมืองแห่งแสงสีในยุคนั้น ไหนๆ ก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งที มาร์กาเรทจึงถือโอกาสเปลี่ยนชื่อ
เสียเลย เธอตั้งชื่อให้ตัวเองว่ามาตาฮารี หมายถึง ดวงตาแห่งรุ่งอรุณ และยึดอาชีพนักเต้นระบำเลี้ยงตัว


การเต้นของเธอสร้างความฮือฮาไปทั่วกรุงปารีส เพราะในขณะที่นางระบำคนอื่นเขาร่ายรำกันด้วยศิลปะอัน
นุ่มนวล มาตาฮารีก็แหวกแนวด้วยการเต้นไปเปลื้องผ้าไป มือไม้ก็ลูบไล้ร่างกายตัวเองไปพลางส่งเสียงร้อง
ครางกระเส่ายั่วยวน เล่นเอาคนดูแทบหัวใจจะวายกับการแสดงอันเด็ดดวงที่ไม่มีนางระบำคนไหนกล้าทำมาก่อน


 
มาตาฮารีตระเวนแสดงไปทั่วยุโรป และขายบัตรเข้าชมในราคาสูงลิ่ว มีเพียงคนชั้นสูง นายทหารรัสเซีย
ข้าราชการรัฐบาลฝรั่งเศส ทหารสเปนและอังกฤษที่เงินหนาเท่านั้นที่จะเข้ามาดูได้ เมื่อลูกค้ายอมทุ่มทุน
ขนาดนี้ มาตาฮารีจึงมีโปรโมชั่นพิเศษแถมให้ ด้วยการตามไปโชว์ลีลาระบำภาคพิสดารต่อถึงบนเตียง
ทำให้เธอคุ้นเคยกับคนสำคัญของเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษเป็นอย่างดี


ชีวิตในช่วงนี้เป็นจุดสูงสุดในอาชีพของเธออย่างแท้จริง มาตาฮารีสำเริงสำราญอยู่ท่ามกลางแสงสี เงินทอง
และคำชื่นชม จนถึงปี 1914 สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ระเบิดขึ้น นักระบำส่วนใหญ่พากันตกงานเป็นทิวแถว
มีเพียงมาตาฮารีเท่านั้นที่ยังงานชุก เดินทางขึ้นล่องยุโรปเป็นว่าเล่น จนทางการอังกฤษเริ่มสงสัยว่าเธอ
อาจจะรับจ๊อบเป็นสายลับ คอยเจาะข่าวให้เยอรมันเสียมากกว่า อังกฤษจึงส่งข่าวไปถึงฝรั่งเศสซึ่งเป็นชาติ
พันธมิตร ให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของมาตาฮารีตลอดเวลา

พร้อมกันนั้นก็มีข่าวลือเกี่ยวกับเธอออกมาหลายกระแส บ้างก็ว่าที่เธอเป็นสายลับให้เยอรมันเพราะเคยทำ
ความผิดคดีอาญา จึ งต้องทำงานแลกกับการไม่ต้องติดคุก บ้างก็ว่า เธอถูกส่งไปเข้าโรงเรียนฝึกหัดจารชน
ที่เบลเยี่ยม เพื่อให้เรียนทุกอย่างที่สายลับพึงรู้ ตั้งแต่การเขียนรหัสสื่อสาร ถอดโค้ด และสร้างเครือข่าย
สื่อสารต่างๆ โดยมีรหัสประจำตัวเป็นหมายเลขเอช 21 (H21)



ตลอดเวลาที่ข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่นายทหาร มาตาฮารี กลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนอื่นเขาโกลาหลเพราะเธอ
มากแค่ไหน เพราะขณะนั้นสาวเจ้ากำลังหน้ามืดตามัวอยู่กับวลาดิเมียร์ เดอมัสลอฟ หรือวาดิม ทหารร้อยเอก
แห่งกองทัพรัสเซีย หนุ่มน้อยวัย 21 คนนี้เป็นรักแท้รักเดียวในชีวิตของมาตาฮารี แต่ก็เป็นชายที่สร้างความ
เสียใจให้กับเธอไม่ต่างจากคนอื่นที่ผ่านมา วาดิมเป็นพวกรายได้ต่ำแต่รสนิยมสูง ครั้นพอเงินหมดก็จะมาแบมือ
ขอจากมาตาฮารี เธอจึงต้องมองหาอาชีพใหม่ๆ เพื่อปั๊มเงินไว้ให้คนรักผลาญเล่น ด้วยเหตุนี้เมื่อยอร์ช ลาดูส
นายทหารฝรั่งเศสมาติดต่อให้มาตาฮารีเป็นสายลับให้กับฝรั่งเศสด้วยค่าจ้างก้อนโต เธอจึงตกลงทันที


ฝีมือการสืบข่าวของเธอฉกาจฉกรรจ์กินขาดนักสืบรุ่นเก่าๆ ในยุคนั้นทุกคน เพราะขณะที่สายลับคนอื่นต้อง
อาบเหงื่อต่างน้ำเอาชีวิตเข้าแลกเสี่ยงหาข่าว มาตาฮารีกลับใช้วิธีนอนสืบ โดยมีเตียงและความสวยเป็นอาวุธ
ทำให้เธอได้ข่าวที่เป็นความลับสุดยอดจริงๆ มานับไม่ถ้วน จนกลายเป็นตำนานยอดจารชนของโลก

ตอนแรกยอร์ช ลาดูส พอใจในฝีมือล้วงลูกแบบคลุกวงในของมาตาฮารีมาก แต่ต่อมาเขาก็พบว่าก่อนที่ข่าว
แต่ละชิ้นจะมาถึงมือเขา มาตาฮารีต้องบอกกับวาดิม คนรักชาวรัสเซียของเธอก่อนเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าวาดิม
ต้องรายงานไปยังกองทัพรัสเซียด้วย ยอร์ช ลาดูส จึงเบี้ยวไม่ส่งเงินและความช่วยเหลือให้มาตาฮารีอีก
ทั้งยังแกล้งให้เธอถูกจับไปในข้อหาเป็นจารชน กว่าสาวเจ้าจะรอดตัวรอดมาได้ก็เรียกว่าหืดขึ้นคอ เธอจึง
หมดศรัทธาในรัฐบาลฝรั่งเศสและหันไปขายข่าวให้กับชาติอื่นบ้าง ทั้งอังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย สเปน แล้ว
แต่ว่าใครจะรับซื้อ โดยไม่สนใจว่าลูกค้าของเธอล้วนแต่เป็นศัตรูคู่แค้นกันอยู่ เรื่องนี้เป็นชนวนเหตุสำคัญ
ที่ทำให้มาตาฮารีกลายเป็นตัวอันตรายของนานาชาติไปโดยปริยาย



ในปี 1971 ชีวิตสายลับหญิงของมาตาฮารีก็สิ้นสุดลง เมื่อหน่วยสืบราชการลับฝรั่งเศสสามารถถอดรหัส
ข้อความที่ถูกส่งไปถึงอาร์โนลด์ แคลเล่ ทหารเรือชาวเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่าติดต่อกับมาตาฮารีได้


"เอช 21 แจ้งว่ามารี โบนาปาร์ต เจ้าหญิงแห่งกรีก กำลังใช้ความสัมพันะอันลึกซึ้งของเธอกับบริอังต์
(อริสทีด บริอังต์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในขณะนั้น) เพื่อให้เขาสนับสนุนพระสวามีของพระนาง"



พอเห็นหลักฐานตำตา ฝรั่งเศสก็ตะครุบตัวมาตาฮารีทันที ในข้อหาขายความลับฝรั่งเศสให้กับรัฐบาลเยอรมัน
อีกทั้งยอร์ช ลาดูสยังหักหลังเธอซ้ำสองด้วยการเปิดโปงว่ามาตาฮารีก็คือสายลับรหัส เอช 21 นั่นเอง
มาตาฮารี ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำแซงเลซาร์เป็นเวลานานก่อนจะขึ้นศาลทหาร โดยมีอัยการพันเอก
ปิแอร์ บูชาดอน เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ตอนแรกเธอพยายามปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นสายลับ และเงินก้อนใหญ่
ในบัญชีธนาคารของเธอมาจากการขายตัวล้วนๆ แต่ทว่าหลังจากที่พยายามติดต่อคนใหญ่คนโตที่รู้จัก
กลับถูกบอกปัดอย่างไม่แยแส มาตาฮารีก็คงพอจะเดาจุดจบของตัวเองได้ สุดท้ายเธอจึงยอมรับว่าเป็นจารชนจริงๆ

เธอเล่าว่าในคืนหนึ่งของเดือนพฤษภาคม ปี 1916 ขณะที่อยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม โครเมอร์ ทูตจากเยอรมัน
ได้มาติดต่อจ้างเธอเป็นสปาย โดยสัญญาจะจ่ายเงินให้ถึง 20,000 ฟรังก์ ขณะนั้นมาตาฮารีกำลังถังแตกสุดๆ
เพราะถูกยอร์ช ลาดูส เบี้ยวไม่ส่งเงินค่าจ้างมาให้ เธอจึงรับข้อเสนอของทางเยอรมันโดยไม่เสียเวลาคิด และ
เธอก็ทำงานคุ้มค่าจ้าง เพราะสามารถส่งข่าวไปให้เยอรมันถึง 1,700 ครั้งชนัเลิศทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
เกินหน้านักสืบในประวัติศาสตร์ทุกคน


 
มาตาฮารีถูกส่งไปขังยังคุกหญิงแซงเลซาร์ ในกรุงปารีส นานถึง 7 เดือน ก่อนจะถูกยิงเป้าเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
ปี 1917 ความตรอมตรม หวาดหวั่น สิ้นหวัง ทำให้สาวงามที่เคยเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วยุโรป เดินขึ้นสู่ลานประหาร
ในสภาพหญิงวัยกลางคนอ้วนฉุ ไม่เหลือเค้าความสวยงามในอดีตอีกเลย


แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งลายนางเสือร้าย ก่อนจะถูกยิงเป้า มาตาฮารีร้องขอผู้คุมว่าอย่าใช้ผ้าปิดตาหรือมัดเธอกับเสา
เหมือนนักโทษทั่วไป เพราะเธอต้องการตายอย่างกล้าหาญสมศักดิ์ศรี นาทีที่พลทหารกำลังจะลั่นไกปืน
มาตาฮารี ก็โปรยยิ้มและส่งจูบให้นักแม่นปืนและเจ้าหน้าที่ที่คุมการประหารทุกคน

จากนั้นเสียงปืนชุดหนึ่งก็ดังขึ้นร่างของจารชนหญิงที่น่ากลัวที่สุดในโลกก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ลมหายใจ
เฮือกสุดท้ายหลุดลอยไป เหลือไว้เพียงตำนานของผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเขย่าโลกในฐานะสายลับหลายหน้า
และเหยื่อที่หลงเข้าไปในวังวนของเกมการเมืองเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 ตุลาคม 2021, 15:11:16 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย นวดกษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ นวดนอกสถานที่ อาบอบนวด นกป การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่