คดีฆาตกรรมในโรงนาสีแดง (Red Barn Murder)

ผู้เขียน หัวข้อ: คดีฆาตกรรมในโรงนาสีแดง (Red Barn Murder)  (อ่าน 501 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพหื่นไม่รู้ดับ
  • *
  • กระทู้: 23048
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
คดีฆาตกรรมในโรงนาสีแดง (Red Barn Murder)
« เมื่อ: 01 ธันวาคม 2021, 17:29:04 »

คดีฆาตกรรมในโรงนาสีแดง (Red Barn Murder)



ในปี 1827 ที่หมู่บ้านพาลสเตด (Palstead) ประเทศอังกฤษ เกิดคดีฆาตกรรมที่สร้างความแตกตื่น
ไปทั่วประเทศ ไม่ใช่เพราะผู้ตายเป็นสาวสวยอายุน้อย หรือเพราะศพของเธอถูกอำพรางไว้นานนับปี
แต่เป็นเพราะวิญญาณสาวเจ้ากลับมาทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง เมื่อฆาตกรทำท่าว่าจะลอยนวลไปได้



มาเรีย มาร์เตน (Maria Marten) เป็นลูกชาวนายากจน แต่เมื่อมีความสวยเป็นอาวุธ มาเรียจึงหวังเสมอว่าจะใช้
รูปเป็นทรัพย์ สลัดความลำบากที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดทิ้งไปให้ลงได้ ความทะเยอทะยานข้อนี้ผลักดันให้มาเรีย
กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของวิลเลียม คอร์เดอร์ ลูกชายคนที่สามของเจ้าของที่ดินฐานะดี โดยไม่สนใจว่า
ความประพฤติของเขาจะดีสมฐานะหรือเปล่า




วิลเลียม คอร์เดอร์ อาจจะเกิดมาในครอบครัวเงินถุงเงินถังก็จริง แต่นิสัยใจคอกลับเจ้าเล่ห์ไม่ผิดอะไรกับ
อันธพาลข้างถนน ฉายา "จิ้งจอก" (The Fox) ของเขาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาจากนิสัยกลิ้งกลอก
ปลิ้นปล้อน  ตลบแตลง วิลเลียมเคยถูกจับได้ว่าปลอมลายเซ็นต์บิดาไปกว้านซื้อผลผลิตชาวบ้าน แล้วหายจ้อย
เข้ากลีบเมฆโดยไม่จ่ายเงิน พอความแตก ครอบครัวคอร์เดอร์จึงต้องส่งเขาไปอยู่ที่ลอนดอนเพื่อไม่ให้สร้าง
ความเดือดร้อนได้อีก ต่อมาวิลเลียมกลับสู่หมู่บ้านโพลสเตดอีกครั้ง หลังจากพี่ชายของเขาจมน้ำเสียชีวิต
อย่างมีเงื่อนงำ และไม่ว่าการตายของพี่ชายจะเป็นอุบัติเหตุจริงหรือมีใครจัดฉาก แต่มันก็ทำให้เงินมรดก
และฟาร์มพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์ตกเป็นของวิลเลียมโดยปริยาย

พอวิลเลียมได้พบมาเรีย ความเจ้าชู้ในกมลสันดานก็แผลงฤทธิ์ทันที เขาชอบพาเธอไปพลอดรักกันที่โรงนา
ขนาดใหญ่บนเนินเขาบาร์นฟิลด์ ห่างหมู่บ้านไปประมาณครึ่งไมล์ หลังคาโรงนาแห่งนี้มุงด้วยกระเบื้องสีแดง
เมื่อแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามา

โรงนาจะแดงฉานราวกับอาบด้วยสีเลือด ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า "โรงนาสีแดง"

สองหนุ่มสาวพร่ำพรอดกันอยู่ไม่นาน มาเรียก็ตั้งท้อง เธอจึงอ้อนวอนให้คนรักรีบจัดงานแต่งงานโดยเร็วที่สุด
แต่วิลเลียมกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนจนกระทั่งเด็กในท้องทนรอไม่ไหวต้องออกมาดูโลกซะเองในอีก 3 เดือน
ต่อมาทว่าไม่นานนักทารกน้อยก็จายไปอย่างเป็นปริศนา มีเพียงมาเรียที่ยืนกรานว่าวิลเลียมเป็นคนฆ่าลูกของเธอ

(ต่อมามีการพิสูจน์ว่าลูกของเธอถูกฆาตกรรมจริงๆ)

 
ถึงตอนนี้ต่อให้ฉลาดน้อยแค่ไหน มาเรียก็คงเดาได้แล้วว่าวิลเลียมไม่เคยคิดจะจริงจังกับเธอเลย แต่เธอ
ทุ่มเทชีวิตจิตใจ ชื่อเสียงเกียรติยศลงไปที่ผู้ชายคนนี้ จนยอมถอยกลับมือเปล่าไม่ได้เสียแล้ว เธอจึงตาม
เซ้าซี้วิลเลียมไม่เลิกรา หารู้ไม่ว่าการตอแยคนอย่างวิลเลียมก็เหมือนเล่นกับไฟ เพราะเขาสามารถทำอะไรร้ายๆ
ได้มากเกินกว่าที่ใครจะคิด

วันที่ 18 พฤษภาคม 1827 วิลเลียมหลอกให้มาเรียไปพบที่โรงนาสีแดง โดยบอกว่าจะพาเธอไป
เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ด้วยความความดีใจมาเรียจึงรีบเก็บเสื้อผ้าข้าวของไปตามนัดทันที แต่แล้ว
ความฝันทั้งมวลของเธอก็ต้องจบลง พร้อมกับเสียงกัมปนาทที่ดังจากปลายกระบอกปืนของชายคนรัก
จากนั้นวิลเลียมก็ฝังศพเธอแล้วหนีไปกบดานในกรุงลอนดอน ทิ้งความรัก ความฝัน และความหวัง
ของผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งไว้ในโรงนาสีแดงแห่งนั้นนั่นเอง




เมื่อมาเรียหายตัวไปพร้อมวิลเลียม ทุกคนจึงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากสาวเจ้าคงถือธรรมเนียมวิวาห์เหาะ โบยบิน
หนีตามเจ้าหนุ่มไปเสียแล้ว โธมัส มาร์เตน พยายามติดต่อวิลเลียมหลายครั้งเพื่อถามข่าวคราวลูกสาว เมื่อไม่ได้
คำตอบเขาก็ขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ ไม้ตายนี้เป็นสิ่งที่วิลเลียมกลัวที่สุด  จอมกะล่อนจึงต้องหาทางโธมัสว่ามาเรียยังมีชีวิตอยู่
เขาเขียนจดหมายไปหาโธมัสในชื่อของมาเรีย เล่าว่าเธอสุขสบายดีอยู่บนเกาะไวท์ห่างไกลผู้คน พร้อมกับขอโทษที่
ลายมืออาจจะเพี้ยนไปบ้างเพราะได้รับบาดเจ็บที่มือ และเพื่อให้โธมัสเชื่อสนิทใจ วิลเลียมยังลงทุนสอดเงินปึกหนึ่ง
เข้าไปในจดหมายด้วย ด้วยเหตุนี้การหายไปของมาเรียจึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดจะขุดคุ้ยอีกต่อไป

เวลาผ่านไป 1 ปี กลางดึกของเดือนเมษายนปี 1828 จู่ๆ นางมัวร์ แม่เลี้ยงของมาเรียก็ฝันติดกันถึง 3 ครั้ง
ว่าได้เห็นลูกเลี้ยงสาวร่างกายโชกเลือด มาร้องไห้อ้อนวอนให้ช่วยขุดศพเธอออกจากโรงนาสีแดง ซ้ำยังระบุ
ด้วยว่าเธอตายด้วยน้ำมือของวิลเลียม วันรุ่งขึ้นโธมัสกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจึงพากันไปที่โรงนา แล้วขุดลงไป
ในจุดที่นางมัวร์บอก เพียงไม่นานทุกคนก็พบศพของมาเรียถูกยัดไว้ในกระสอบเก่าๆ ใบหนึ่ง ทันทีที่พบศพ
อิสรภาพของวิลเลียมก็หลุดลอยไป เขาถูกจับในข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยมีปืนที่ตำรวจพบ
ในห้องพักเป็นหลักฐานมัดตัว


คดีนี้มีประชาชนแห่มาฟังการพิจารณาคดีจนเต็มห้อง จนถึงขั้นแจกตั๋วสำหรับผู้มีสิทธิเข้าฟังเลยทีเดียว ตอนแรกวิลเลียม
ทำท่าว่าจะรอดตัวไป เนื่องจากศพของมาเรียเน่าเปื่อยไปมากจนระบุสาเหตุการตายที่แน่ชัดไม่ได้แล้ว แต่ทว่าตำรวจ
ก็โชว์ลวดลายเหนือชั้นด้วยการไปความหาตัวชาวนาที่บังเอิญเห็นเขาเดินถือปืนออกจากโรงนาหลังจากที่ฆ่ามาเรีย
ทำให้ผู้ร้ายปากแข็งหมดปัญญาจะบ่ายเบี่ยง เขาจึงสร้างนิทานโกหกเรื่องใหม่ว่าเขากับมาเรียเพียงแต่มีปากเสียง
กันเท่านั้น แต่เธอต่างหากที่คว้าปืนไปยิงตัวเอง เขาจึงจำใจต้องฝังศพเธอไว้เพราะเกรงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร

อันที่จริงนิทานโกหกเรื่องหลังมีเหตุผลพอฟังขึ้นอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อพิจารณาจากพยานแวดล้อมแล้ว ผู้พิพากษา
ก็ตัดสินใจลงโทษวิลเลียมด้วยการแขวนคอ ขณะกำลังรอวันประหารอยูในคุก วิลเลียมยอมสารภาพว่าเขาทำปืนลั่น
ใส่มาเรีย หลังจากทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ไม่มีเจตนาจะฆ่าเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

ความตายของวิลเลียมมาถึงในวันที่ 11 สิงหาคม เขาถูกนำตัวไปยังตะแลงแกงในเรือนจำเบอรี่ เซนต์เอดมันส์ โดยมี
ประชาชนเฮโลมาชมการประหารนั้นแน่นขนัด หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งคำนวณว่าน่าจะมีผู้ชมมากกว่า 7,000 คน
ขณะที่อีกฉบับบอกว่ามีมากกว่า 20,000 คนเสียอีก


"ผมมีความผิด นี่คือการตัดสินยุติธรรม ผมสมควรได้รับโชคชะตาดังกล่าว
และขอให้พระเจ้าเมตตาต่อจิตวิญญาณของผมด้วย"


เป็นคำพูดประโยคสุดท้ายที่วิลเลียมทิ้งไว้ก่อนชดใช้สิ่งที่เขาทำ



อย่างไรก็ตาม หลังจากวิลเลียมถูกประหารไปแล้ว คดีเลือดที่โรงนาสีแดงกลับไม่ตายไปพร้อมกับเขา มีคนตั้ง
ข้อสังเกตว่าออกจะเหลือเชื่อไปหน่อยที่มาเรียจะเข้าฝันแม่เลี้ยง เพราะถึงจะได้ชื่อว่าเป็นแม่แต่ที่จริงแล้วนางมัวร์
แก่กว่ามาเรียเพียงไม่กี่ปี มาเรียจึงไม่เคยชอบหน้าแม่เลี้ยงของเธอ และปักใจเชื่อว่าจะมาหลอกพ่อของเธอ
เพื่อหวังสูบเลือด  สองสาวทะเลารกันบ่อยครั้ง ทุกครั้งก็เถียงกันเผ็ดร้อนแทบจะฆ่ากันตาย แล้วเหตุใดจู่ๆ
มาเรียถึงยอมบากหน้ามาเข้าฝันนางมัวร์ แทนที่จะไปเข้าฝันโธมัสพ่อของเธอ


คำถามข้อต่อมาก็คือทำไมมาเรียถึงต้องรอต้องรอตั้งหนึ่งปีกว่าจะบอกว่าเธอถูกฆาตกรรม ช่วงหนึ่งปีที่วิลเลียมปลอม
จดหมายพร้อมส่งเงินมาให้นั้น วิญญาณสาวชาวนาผู้อาภัพนอนสงบอยู่ในโรงนามาโดยตลอด จนกระทั่งวิลเลียมหยุด
ส่งเงินนั่นล่ะ เธอถึงตะกายออกจากหลุมมาร้องขอความเป็นธรรม มีการคาดการณ์กันว่านางมัวร์น่าจะรู้เห็นการตาย
ของลูกเลี้ยงมาตั้งแต่ต้น แต่เธอเห็นโอกาสจะแบล็กเมล์รีดเงินจากวิลเลียม จึงได้อุบเงียบไม่กระโตกกระตากบอกใคร

ตอนแรกวิลเลียมคงกลัวคำขู่จนขึ้นสมองถึงได้รีบส่งเงินมาตามที่เธอเรียกร้อง แต่หลังจากหนึ่งปีผ่านไป เขาอาจหมุนเงิน
ไม่ทัน หรือไม่ก็คิดว่านางมัวร์ไม่กล้าเปิดโปงความลับเพราะนั่นเท่ากับนางจะต้องกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย เลยไม่ยอม
ส่งเงินมาอีก แต่แม่สาวมัวร์กลับฉลาดเป็นกรด เลยอ้างเรื่องผีขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องติดร่างแห มีคนตั้งข้อสงสัยด้วยว่า
นางมัวร์น่าจะเป็นคนรักอีกคนหนึ่งของวิลเลียมไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าเขานัดหมายมาเรียไปหาตอนไหน หรือดีไม่ดีเธออาจ
คบคิดกับเขา ฆ่าลูกเลี้ยงที่เป็นหนามยอกอกมานานด้วยซ้ำไป



คดีผีทวงแค้นแห่งโรงนาสีแดงกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วอังกฤษและถูกนำไปสร้างเป็นเพลงพื้นบ้าน ละครเวที
และภาพยนต์อีกหลายต่อหลายครั้ง ส่วนตัวโรงนาก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังจนกระทั่งในปี 1842
เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ทำให้โรงนาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก โศกนาฏกรรม และการทรยศหักหลัง
มอดไหม้เป็นจุณไปในที่สุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 ธันวาคม 2021, 11:47:07 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย นวดกษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ นวดนอกสถานที่ อาบอบนวด นกป การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่