เรื่องเล่าสุนัขในตำนาน (Legendary Dog Stories) Part3

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าสุนัขในตำนาน (Legendary Dog Stories) Part3  (อ่าน 369 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพหื่นไม่รู้ดับ
  • *
  • กระทู้: 23047
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
เรื่องเล่าสุนัขในตำนาน (Legendary Dog Stories) Part3
« เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2022, 10:00:52 »

เรื่องเล่าสุนัขในตำนาน (Legendary Dog Stories) Part3

เซอร์เบอรัส (CERBERUS)



เซอร์เบอรัส คือหนึ่งในเทพปกรณัมกรีกและโรมัน ที่มีรูปร่างเป็นสุนัข 3 หัว ทำหน้าที่เฝ้าประตูนรก
ตามความเชื่อของชาวกรีก ซึ่งตามตำนานระบุว่า เซอร์เบอรัส เป็นสัตว์เลี้ยงของ เทพเฮดีส


“ราชาแห่งนรก เทพเจ้าแห่งความตายและความร่ำรวย”

โดยเทพเฮดีสมอบหมายให้ เซอร์เบอรัส ทำหน้าที่เฝ้าประตูนรกเพื่อป้องกันไม่ให้คนตายหลบหนี
และยังป้องกันไม่ให้คนเป็นมายังขุมนรกก่อนเวลาอันควรอีกด้วย

อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า เซอร์เบอรัส เป็นเหมือนสุนัขที่มี 3 หัว แต่ใช่ว่าอวัยวะของมันจะเหมือนกับ
สุนัขไปเสียหมด เพราะหางของมันเป็นมังกร บางตำนานก็บอกว่าหางเป็นงู ขนของมันเต็มไปด้วยพิษร้าย
หากสัมผัสจะถึงแก่ความตายในทันที บางตำนานกล่าวว่าแท้จริง เซอร์เบอรัสไม่ได้มี 3 หัว แต่อาจมีเพียง
1 หรือ 2 หัวเท่านั้น หรืออาจจะมากที่สุดถึง 100 หัวเลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้จำนวนหัวทั้ง 3 ของ เซอร์เบอรัส
เปรียบเสมือนกับแบ่งช่วงชีวิตได้แก่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต หรืออีกหนึ่งความหมายคือ เกิด เยาว์วัย แก่ชรา




ถึงแม้เซอร์เบอรัสจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้คนตายหลบหนีจากขุมนรก หรือป้องกันไม่ให้คนเป็นเข้ามายัง
ขุมนรกได้ แต่ใช่ว่ามันจะทำหน้าที่นี้ได้ดีเสมอไป เพราะในตำนานกรีกโบราณก็ได้กล่าวถึงผู้ที่สามารถผ่าน
ประตูนรกและสามารถจัดการกับเซอร์เบอรัสได้เช่นกัน และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ “เฮอร์คิวลิส” ที่ได้รับคำสั่ง
ให้ไปจับเซอร์เบอรัสตามคำสั่งของกษัตริย์องค์หนึ่ง

และด้วยพละกำลังที่มีอยู่อย่างมหาศาลทำให้เฮอร์คิวลิสสามารถจัดการกับเจ้าเซอร์เบอรัสได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ยังมีเรื่องของ “ออร์เฟียส” ที่ใช้เสียงพิณกล่อมบรรเลงจนเซอร์เบอรัสหลับใหล ทำให้สามารถผ่านเข้า
ไปยังประตูนรกได้ รวมไปถึง “อีเนียส” ที่หลอกล่อเซอร์เบอรัสด้วยขนมปังที่ว่ากันว่าเป็นของโปรดของ
เจ้าเซอร์เบอรัส จนสามารถผ่านเข้าประตูนรกได้อย่างสบายๆ

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจาก เฮอร์คิวลิส, ออร์เฟียส และอีเนียส ตำนานกรีกก็ไม่เคยกล่าวว่ามีผู้ใดสามารถ
จัดการกับเจ้าเซอร์เบอรัส หรือผ่านประตูนรกได้อีกเลย นั่นแปลว่าหากเป็นมนุษย์ธรรมดายังไงก็จัดการกับ
เจ้าเซอร์เบอรัสไม่ได้แน่ๆ จากตำนานดังกล่าวทำให้ชาวกรีกในสมัยโบราณนิยมนำขนมปังใส่ลงไปในหลุมศพ
เพื่อที่จะให้คนตายสามารถผ่านเซอร์เบอรัสไปได้อย่างสะดวก




ไฮนุ (羽犬)



ไฮนุ (Hainu) เป็นสุนัขที่มีปีก พวกมันมีความแข็งแกร่ง รวดเร็วและดุร้ายเฉกเช่นเดียวกับหมาป่า
ทำให้ในบางครั้งพวกมันก็สามารถที่จะคุกคามมนุษย์ ในขณะเดียวกันหากฝึกสอนไฮนุให้กลายเป็น
สัตว์เลี้ยงที่แสนเชื่อง แถมยังรักปศุสัตว์ได้เช่นกัน..


เรื่องราวของไฮนุปรากฏอยู่ในจังหวัดชิคุโกอกะและฟุกุโอกะ โดยบันทึกถูกฝังเอาไว้ในหลุมฝังศพ
ณ วัดโซงาคุเระ ที่เรียกกันว่า “สุสานไฮนุ” โดยมีอนุสาวรีย์หินและรูปปั้นทองสัมฤทธิ์จำนวนหนึ่ง
ตั้งอยู่ทั่วเมือง ราวกับเป็นการรำลึกถึงตำนานของท้องถิ่น ในขณะเดียวกันไฮนุก็ยังได้รับเลือกมาเป็น
มาสคอตอย่างเป็นทางการของเมืองชิคุโกะอีกด้วย



อย่างไรก็ตาม ตำนานของไฮนุได้แบ่งออกเป็นสองแบบคือ “ไฮนุดี” และ “ไฮนุชั่วร้าย” เรื่องราวของ
ตำนานทั้งสองบทเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1587 เมื่อกองทัพของ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ
ได้บุกโจมตีไคชู โดยมีเป้าหมายที่จะกำราบผู้ต่อต้านและรวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้กลายเป็นหนึ่งเดียว

ตำนานของไฮนุที่ชั่วร้าย
เมื่อนานมาแล้วมีสุนัขมีปีกปรากฏตัวขึ้นในจังหวัดชิคุโก มันเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
มันฆ่าเหล่าปศุสัตว์และทำร้ายนักเดินทาง จนทำให้กลายมาเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวของชาวบ้าน
ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นอย่างมาก


ในระหว่างการเดินทัพของฮิเดโยชิ ไฮนุได้ขวางทางกองทัพ ทำให้เหล่าทหารต้องใช้ความพยายามยาม
อย่างมากในการกำหราบ จนกระทั่งมันถูกปราบในที่สุด อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการให้เกียรติความฉลาด
และดุร้าย ทำให้ฮิเดโยชิได้สร้างเนินดินขึ้น ณ จุดที่ฝังศพของสัตว์ประหลาดเอาไว้

ตำนานของไฮนุที่ดี
ตำนานเล่าขานกันว่าในขณะที่ฮิเดโยชิได้ทำการพบปะกับราษฎรเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง มีไฮนุ
ตัวหนึ่งติดตามเขามาด้วย มันบินไปรอบท้องฟ้าเพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของผู้เป็นนาย
สร้างความชื่นชอบให้กับฮิเดโยชิเป็นอย่างมาก


แต่น่าเศร้านักในขณะที่เดินทางผ่านจังหวัดชิคุโก ไฮนุตัวนั้นได้ล้มป่วยลงและเสียชีวิต ทำให้ฮิเดโยชิ
เศร้าโศกเป็นอย่างมาก ทำให้เหล่าผู้ติดตามทั้งหลายได้พากันสร้างสุสานของไฮนุเอาไว้ที่นั่น เพื่อเป็น
การช่วยบรรเทาความโศกเศร้าของผู้เป็นนาย




หมาป่าโลกันตร์ (Dire Wolf)



เราคงเคยได้ยินชื่อ หมาป่า Dire Wolf มาจากภาพยนตร์หลายๆเรื่อง โดยเฉพาะหากใครได้ดูซีรี่ส์
เรื่อง Game Of Throne มา ต้องมีได้ยินชื่อหมาป่า Dire Wolf อย่างแน่นอน ในเรื่องเจ้า Direwolf
นี่ก็เป็นหมาป่าที่ดุร้ายมากๆ ถึงกับสู้กับ White walker สู้กับนักรบได้เลยทีเดียว และเชื่อว่าหลายๆคน
ก็มีความสงสัยถึงเจ้าหมาป่า Dire Wolf ว่าสัตว์ดุร้ายขนาดนี้มีอยู่จริงในโลกของเรารึปล่าวนะ หรือว่า
เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความสนุกแค่นั้น!!! มาๆวันนี้เราจะคุยกันเรื่องเจ้าหมาป่า Dire wolf นี้กัน


หมาป่า Dire Wolf เป็นสัตว์ที่เคยมีอยู่จริงบนโลกของเรา มีชื่อไทย ชิกๆว่า หมาป่าโลกันต์ เป็นหมาป่าสายพันธุ์
โบราณของโลก ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปนานมากแล้ว ประมาณ 125,000–9,500 ปีก่อน โครงกระดูกของ Dire wolf
ถูกค้นพบทางตอนใต้ของ Alberta ประเทศ Canada และพื้นที่ความสูงกว่า 7,300 ฟุตเหนือน้ำทะเลในประเทศ
Bolivia ตัว Dire Wolf นั้นอยู่ในยุคเดียวกับ Sabre -Toothed Cat หรือเสื้อเขี้ยวดาบ แถมเป็นคู่กัดกันอีกต่างหาก



ขนาดตัว หมาป่า direwolf จะมีขนาดตัวประมาณใกล้ๆกับ Grey Wolf หรือหมาป่าสีเทา ซึ่งเป็นหมาป่าที่ดุร้ายมาก
อาศัยอยู่แถบไซบีเรีย เจ้า Direwolf จะมีน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัมโดยปกติ แต่นักวิทยาศาสตร์ต่างคาดการณ์
ว่ามันสามารถตัวโตได้ขนาด 113 kg

หากเทียบกันแล้วหมาป่าไดร์วูฟแข็งแกร่งและดุร้ายกว่า หมาป่า Grey wolf มาก นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์กันว่า
ต่อให้เป็นพิตบูลหรือร็อตไวเลอร์รุมมัน 2 ตัว ยังน่าจะเอาไม่อยู่เลย แรงกัดของ Dire Wolf ประมาณ 1,100 psi
ซึ่งจัดว่าสูงมาก ระดับเดียวกับเสือเลยทีเดียว
(ฉลามขาว แรงกัดประมาณ 625 psi,สิงโต 925 psi)

ลักษณะการล่าของ Dire wolf จะเป็นลักษณะการไล่ต้อนเหยื่อจนจนมุมแล้วกัดด้วยกรามที่แข็งแรงของมัน
เหยื่อของมันก็จะเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่า อย่างเช่น ควายไบซัน สันนิษฐานกันว่าสาเหตุที่มันสูญพันธุ์เพราะ
เหยื่อขนาดใหญ่ของมันลดปริมาณลงมาก เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป และเหยื่อที่มีขนาดเหล็กก็มีความ
ปราดเปรียว ว่องไว ยากที่ Direwolf จะวิ่งไล่จับมันได้ อย่างที่รู้ๆกันเจ้าหมาป่า Direwolf เรื่องความเร็ว
ไม่ใช่จุดเด่นของมันเลย สุดท้ายจำนวนก็ลดลงไปเรื่อยจนสูญพันธุ์ไปในที่สุด



ในซีรีส์ GOT หรือ Game of Throne เราจะเห็นหมาป่า Direwolf เป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับตัวละครหลักตระกูล Stark
มาตลอดทั้งเรื่อง คงสงสัยกันใช่มั้ยครับว่า เจ้าหมาป่าในเรื่อง GOT นี้ใช้สุนัขพันธุ์อะไรมาแสดงด้วย…… ทะแด๊น
เค้าใช้ สุนัขพันธุ์ Northern Inuit มาเข้าฉากนาจาาาาา ผสมกับ CG ช่วยให้มันดูตัวใหญ่ สง่ามากขึ้น
ขนพริ้วไสวสวยงามตามท้องเรื่อง




เฟนเรียร์ (Fenrir)



Fenrir (ออกเสียง "FEN-rir;" ตำนานนอร์สโบราณเฟนเรียร์ "ผู้ที่อาศัยอยู่ในบึง" ) เป็นหมาป่าที่นิสัย
ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วก็มีชื่อเสียงด้านลบซะเยอะเป็นพิเศษ ความสำคัญของมันยุคก่อนคริสต์ศักราชสำหรับ
ชาวสแกนดิเนเวียนั้น กล่าวถึงหมาป่าที่จะโผล่มาในรูปลักษณะของผู้ที่ถูกพันธนาการเอาไว้ และรอดตาย
มาหลายครั้งจาก runestones รวมไปถึงการที่มีเรื่องเล่าต่างๆของมันตั้งแต่สมัยวรรณกรรมเก่าแก่อีกด้วย


มันเป็นลูกชายของเทพเจ้า Loki และนางยักษ์ Angrboda และเขาคือพี่ชายคนโตสุดของงูยักษ์แห่ง
โลกมนุษย์ Jormungand และเทพีนรก Hel

ดังที่กล่าวไว้อย่างครบถ้วนในเรื่องราวที่มีชื่อว่า The Binding of Fenrir ในตอนที่เทพ Aesir ได้รับหน้าที่
เกี่ยวข้องกับ Fenrir ตั้งแต่เล็กๆ โดยการให้เทพคอยเลี้ยงดู,ควบคุมพฤติกรรมต่างๆและป้องกันไม่ให้เจ้าหมาป่า
สร้างอันตรายที่จะทำให้เกิดความหายนะไปทั่วทั้งเก้าโลกตามคำทำนาย มันเติบโตอย่างรวดเร็วและน่าอัศจรรย์


ในที่สุดเหล่าเทพเจ้าก็เริ่มหวั่นเกรงต่อคำทำนายที่จะเกิดขึ้นจริง จึงตัดสินใจที่จะพันธนาการมันเอาไว้ แต่ความ
พยายามของเหล่าเทพ 2 ครั้งแรก พวกเขาทำไม่สำเร็จ ทุกคนคงสงสัยว่า Fenrir มันยอมให้จับง่ายจัง ที่จริงแล้ว
ได้มีเทพผู้มีไหวพริบพยายามหลอกล่อให้เจ้าหมาป่าคิดว่า โซ่ที่ขังมันไว้เป็นเพียงเกมทดสอบความแข็งแกร่งของมัน
แค่นั้น แต่มันแค่กระชาก โซ่ตรวนก็พังได้อย่างง่ายดาย

สำหรับความพยายามครั้งที่ 3 ของพวกเทพ ได้มีคนแคระร่วมด้วย นั่นคือการสร้างสายโซ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่
เคยสร้างมา มีส่วนผสมก็คือ เสียงแมวร้อง,เคราผู้หญิง,รากภูเขา,เสียงปลาร้อง,เอ็นหมี และน้ำลายนก ถึงจะพูดว่า
แข็งแกร่งก็ตามแต่จริงๆแล้วโซ่นี้มีลักษณะที่นุ่มนวลและเบาบางมากถ้าลองสัมผัส เมื่อเทพเจ้ายื่นเสนอให้กับ Fenrir
เพื่อเป็นเกมทดสอบ แต่คราวนี้มันเริ่มสงสัย และมันขอปฏิเสธทันที เว้นแต่ว่าจะมีเทพเจ้าองค์หนึ่งเอามือของเทพผู้นั้น
ยื่นเข้าไปในปากของเจ้าหมาป่าเพื่อเป็นการประกันต่อความศรัทธาและสัญญาของทั้งคู่



มีเพียงเทพ Tyr ที่กล้าพอที่จะทำสิ่งนี้ถึงแม้ว่ามันจะต้องแลกกับแขนของเขาไปก็ตาม และแน่นอนเมื่อเจ้าหมาป่า
Fenrir พบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของโซ่ศักดิ์สิทธื์นี้ได้ มันจึงกัดลงไปที่แขนของเทพอย่าง
รุนแรง แขนของเทพ Tyr กระเด็นไปไกล โซ่ศักดิ์สิทธื์ถูกผูกติดอยู่กับก้อนหินและได้มีดาบง้างปากของมันให้เปิด
ออกค้างไว้อย่างนั้น ในขณะที่มันร้องโหยหวนอย่างไม่หยุดหย่อน น้ำลายของมันไหลออกมากลายเป็นแม่น้ำ
(เต็มไปด้วยฟอง) สายหนึ่งที่เรียกว่า "ความคาดหวัง" จากปากของมันเอง


แค่ชื่อของแม่น้ำจากปากของ Fenrir ก็เหมือนลางร้ายบอกเป็นนัยๆกับเทพว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเจ้าหมาป่ายักษ์
และมันจะกลับมาล้างแค้นอีกครั้ง ตอน Ragnarok มันจะหลุดพ้นจากพันธนาการและวิ่งไปทั่วโลกพร้อมกับกราม
ด้านล่างที่ดูดกลืนพื้นดินและกรามด้านบนดูดกลืนท้องฟ้า เขมือบทุกสิ่งที่ขว้างทาง และจะเป็นผู้สังหารโอดินด้วย
เงื้อมมือของมันก่อนที่จะตายไปด้วยฝีมือของหนึ่งในบุตรแห่งโอดินเช่นกัน

บางวรรณคดีของนอร์สโบราณได้กล่าวถึงเจ้าหมาป่า Fenrir ในชื่อที่แตกต่างกัน ซึ่งในบางตำนานกล่าวว่า
มีหมาป่าตัวหนึ่งที่ถูกพันธนาการไว้และมันทำลายโซ่ทิ้งลงได้ นั่นก็คือ Garm เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเป็น
อีกชื่อนึงของ Fenrir หรือ แม้กระทั่งตอนที่มีหมาป่าไล่กลืนดวงตะวัน ก็มีชื่ออยู่ในตำนานอีกว่า Skoll
("การเยาะเย้ย") รวมไปถึงหมาป่าที่ไล่กลืนดวงจันทร์ด้วยเช่นกันนั่นก็คือ Hati ("ความเกลียดชัง")
ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ Fenrir หรืออาจจะเป็นตัวเดียวกันก็เป็นได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กุมภาพันธ์ 2022, 10:04:40 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย นวดกษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ นวดนอกสถานที่ อาบอบนวด นกป การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่