-->

ผู้เขียน หัวข้อ: อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว (Albert DeSalvo) นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน  (อ่าน 582 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว (Albert DeSalvo) นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

<a href="http://www.youtube.com/v/GAk8QKxFxQE" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/GAk8QKxFxQE</a>

นี่คือฆาตกรระดับโลกอีกคนที่ถูกนำไปสร้างหนังมากที่สุดอีกคนหนึ่ง เหยื่อของมันส่วนมากเป็นหญิงชรา
ผลงานของมันมีถึง 13 ศพ ทุกรายถูกทารุณกรรมทางเพศ บางครั้งโดนกัด ทุบด้วยของหนัก ถูกแทง
และจัดศพแผ่หลาราวกับถ่ายหนังโป๊ ที่น่าสังเกตคือทุกศพโดนรัดคอด้วยของใช้ของผู้ตายเอง เช่น ถุงน่อง
กางเกงในยืด ฯลฯ และมัดในรูปของหูกระต่ายวางที่ใต้คางเหยื่อ




แต่น่าแปลกท่ามกลางปริศนาหลายอย่างที่มันทิ้งไว้ให้ตำรวจปวดหัว มันอยู่รอดกว่า 3 ปี แต่มันกลับจนมุมง่าย ๆ
เพราะดันไปปากโป้งว่าตัวเองเป็นฆาตกรกับคนอื่นเข้า


ในเวลาต่อมา วิทยาการทางการสืบสวนเริ่มทันสมัยมากขึ้น มีการตรวจดีเอ็นเอจากศพที่เขาฆ่ารายหนึ่ง
ผลปรากฏว่ามันไม่ใช้ของเขา แต่ความจริงนี้ไม่ได้รับการคลี่คลาย เพราะเขาถูกฆ่าตายในคุกก่อน
และความจริงก็ตายไปกับเขาด้วย
     
         
ปฐมบทตำนานจากนรก




14 มิถุนายน 1962 เมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาซูเซตต์ สหรัฐอเมริกา จูริส เดินทางไปรับแม่สเลนเซอร์ หญิงชราวัย 54 ปี
ที่อพาร์ตเมนต์ที่เธออาศัยอยู่ เพื่อไปร่วมกิจกรรมที่โบสถ์ด้วยกัน เขาเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบ เขาเคาะอีกครั้งและแรงกว่าเดิม
แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ  จูริสไม่โมโหแต่ฉุนเล็กน้อย ที่แม่ผิดเวลา แต่เขาก็ต้องรอแม่  ชายหนุ่มรอมาพักหนึ่ง
และกลับไปเคาะประตูอีกที คราวนี้ดังกว่าเดิม


แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ ความเงียบเริ่มเข้ามาอย่างน่ากลัว

เขาเริ่มกังวล เกิดขึ้นอะไรกับแม่เขา เขาควรติดต่อผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ เพื่อเข้าไปดูในห้องว่าแม่อยู่ในห้องหรือออกไปข้างนอกกันแน่
"ขอให้ออกไปข้างนอกเถอะ" ชายหนุ่มนึกขึ้นในใจ

จูริสตามหาผู้ดูแลแต่ไม่พบ เขาจึงตัดสินใจกลับขึ้นไปที่ห้องแม่อีกครั้ง คราวนี้เคาะห้องซ้ำ ๆ พรางตระโกนเรียก
แต่ไม่มีเสียงตอบ จูริสหมดความอดทนและต้องการรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกลับแม่ เขาลองไหล่กระแทกสุดกำลัง ประตูเปิดผ่าง!
ข้างในห้อง เขาเห็นลิ้นชักในห้องนั่งเล่นถูกเปิดอ้า รู้ทันทีว่าผิดปกติ เพราะแม่เขาเป็นคนประณีตมาก ไม่มีวันให้ลิ้นชัก
เปิดอ้าค้างเด็ดขาดแต่สิ่งที่เขาพบ มันเทียบไม่ได้ กับร่างไร้วิญญาณของแม่ ที่เดินลึกเข้าไปด้านในร่างของแม่อยู่ในห้องน้ำ
ขาฉีกจากกันอย่างน่าสมเพช เสื้อคลุมอาบน้ำหลุดลุ่ยจนเห็นร่างเปลือย เชือกผูกเอวย้ายขึ้นมารัดแน่นที่คอหอยจนปากอ้า
มองเห็นลิ้นสีม่วงจุกปาก

เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าแม่ตายแล้ว จูริสอยู่ในสภาพกึ่งช็อกเขาโทรศัพท์หาตำรวจ เขาให้รายละเอียดกับตำรวจไม่มากนัก
พูดเพียงว่าแม่เขาฆ่าตัวตาย เพราะแม่เขาพูดบ่อย ๆ ว่ารู้สึกเดียวดายและหดหู่


ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุและชันสูตรพลิกศพ จูริสจึงรู้ว่าแม่ไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกฆ่า ตำรวจพบหลักฐานว่าฆาตกรบุกรุก
เข้ามาในห้องขมขื่นและฆ่าแต่ไม่ชิงทรัพย์แอนนา สเลเซอร์ คือเหยื่อรายแรกของฆาตกรโรคจิตระดับโลกที่ต่อมารู้จัก
ในนาม "นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน"

ตำนานอาบเลือดได้เริ่มต้นแล้ว




เหยื่อจากนรก

60 วันหลังการตายของแอนนา สเลเซอร์ส ฆาตกรนิรนามก็ออกล่าเหยื่ออีกครั้ง

นินา นิโคลส์ วัยหกสิปแปด ถูกพบศพ ร่างเธอนอนหงายอยู่บนโซฟาในสภาพอุจาดเหมือนถูกจัดวางไว้อย่างจงใจ
นัยน์ตาเธอเหลือกถลน ขาฉีกอ้าเหมือนเหยื่อรายแรก เสื้อคลุมถูกถลกลงมาเหนือเอว ถุงไนล่อนคู่หนึ่งรัดคอแน่น
ปละเป็นอุปกรณ์สังหารหญิงชรา ปมถูกมัดอย่างประณีต ผูกโบว์สวยงาม


น้องสาวเธอเป็นผู้พบศพเธอบอกว่า เธอนัดตกลงไปกินข้าวกับเธอตอน 6 โมงเย็น ตอน  5 โมง ในขณะที่กำลัง
โทรศัพท์จู่ ๆ ก็มีคนเคาะประตู และการติดต่อก็ขาดหายนับแต่นั้นเลย เมื่อถึงเวลานัดไม่มีแม้แต่เงาของพี่สาว เธอเริ่มกังวล
จึงกลับไปหาเธอถึงที่พักและขอให้ผู้ดูแลช่วยเปิดห้องที่ล็อคอยู่ จนได้พบศพดังกล่าว

ตำรวจไม่พบเงื่อนงำใด ๆ แม้ห้องรื้อกระจุยกระจายแต่ทรัพย์สินมีค่ายังอยู่ครบ ไม่มีร่องรอยข่มขื่นผู้ตายตำรวจต้องปวดหัว
ถ้าไม่ใช้ปล้นฆ่าชิงทรัพย์ ฆาตกรจะฆ่าเหยื่อไปทำไม?


แต่สิ่งที่ตำรวจรู้แน่นอนว่ามันต้องเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องแน่ เพราะลักษณะการตลายที่มีการคล้ายคลึงหลายประการ
เช่น เป็นการฆ่ารัดคอ การจัดสภาพท่าอุจาด การผูกโบว์ ตำรวจรู้ว่านี้เป็นฝีมือคนเดียวกัน เขากำลังเผชิญหน้ากับ
ฆาตกรโรคจิตที่ฉลาด โหดเหี้ยมคนหนึ่งแล้ว

คุณคงรู้จักฆาตกรโรคจิต มันไม่เคยหยุดหย่อนในการก่อกรรมทำเข็ญ ยิ่งฆ่ามากเท่าไร ความมั่นใจในพลังอำนาจ
ของตนยิ่งมากขึ้น มันฆ่าเพื่ออวดศักดา และทิ้งปริศนาให้ตำรวจรู้ มันจะไม่หยุดงานของมันเว้นจะมีใครมาจับมัน
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับมัน

เฮเลน เบลค วัยหกสิบห้า อาชีพนางพยบาล เธอถูกฆ่าอยู่ในห้องนอน สภาพศพเปลือยเปล่า คอถูกรัดด้วยถุงเท้ายาว
ปลายถุงเท้าถูกรวบจับเป็นโบว์อย่างประณีต ที่น่าขนลุกคือจากการชันสูตรทำให้ทราบว่า เฮเลน เสียชีวิตไปก่อนหน้า
นีนา นิโคลล์หลายชั่วโมง มันเป็นการทำฆาตกรรม 2 รายซ้อนในวันเดียวกัน และเหมือนกับรายอื่น ๆ ในห้องนอน
ถูกรื้อค้นกระจุย แต่ไม่นำทรัพย์สินติดมือไป

ยกเว้น.....แต่แหวนเพชร 2 วงที่เคยสวมติดอยู่เสมอ มันหายไป
ตำรวจค้นหาและสอบถามเพื่อนบ้าน แต่ไม่มีใครเห็นแหวนดังกล่าวแล้ว มันหายไปไหน

วันที่ 19 สิงหาคม ไฮดา เออร์กา วัยเจ็ดสิบห้าถูกฆ่าโดยใช้ปลอดหมอนรัดคอจนตายและผูกโบพิสดาร และจัดศพ
ให้อยู่ท่าอุจาด ใช้ด้านไม้กวาดเป็นอุปกรณ์หยาบช้าสุด ๆ กับอวัยวะเพศ  และมีร่องรอยข่มขื่น ตำรวจได้สอบถามเพื่อนบ้าน
จึงได้ทราบว่า ก่อนหน้านั้นเธอได้อนุญาตชายหนุ่มคนหนึ่งช่วยงานบางประการ จนกระหายหายเงียบเข้าไปในบ้าน
มารู้อีกทีเธอก็เป็นศพเสียแล้ว

จากการตายของไฮดา เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสของบุคลิกฆาตกรต่อเนื่องนี้ว่า มันชอบฆ่าขมขื่นหญิงสูงอายุ
ผิวขาว อยู่ตัวคนเดียว และเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ การรัดคอด้วยถุงเท้าหรือเชือก ผูกโบว์เป็นโบว์แบบพิเศษ แสดงถึง
ความวิปริตในจิตใจ

แต่ข้อสังเกตทั้งหมดนี้กลับไม่ใช้กับ โซฟี คลาร์ก อายุ 20 ปี เธอถูกฆ่าวันที่ 5 ธันวาคมปีเดียวกันนั้นเอง โซฟี
เป็นหญิงสาวสวย ผิวดำ เธอมักเล่าเรื่องลางสังหรณ์ว่าเธอจะถูกฆ่าแก่คนข้างห้องเสมอ เธอกลัว ฆาตกรกำลังจ้องเธออยู่
โซฟีเป็นหญิงที่มีความระมัดระวังสูง ประตูมีล็อกสองชั้น เธอจะปิดล็อกทั้งสองชั้นไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือมีเพื่อนร่วมห้อง
ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะเปิดห้องให้คนแปลกหน้าเข้าไป

ยกเว้นเธอรู้จักกับมัน!

วันที่เกิดเหตุ โซฟี อยู่คนเดียว กำลังเขียนจดหมายไปหาคู่หมั่น มีใครบางคนเคาะประตู เธอลุกไปเปิดประตูออก
คนเคาะประตูอาจมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอถอดโซ่คล้องประตูออก เชิญเข้ามา มันเปลี่ยนเป็นฆาตกรโดยพลัน
จับมัดและข่มขื่น ก่อนฆ่าด้วยการรัดคอและผูกโบว์เป็นสัญลักษณ์ที่มันชอบทำ


เหยื่อต่อมาคือ แพทริเซีย บิสเซตต์ วัยยี่สิบสาม ถูกฆ่าในวันสุดท้ายของปี เธอเป็นเลขานุการที่สวย และเหมือนเหยื่ออื่น ๆ
ฆาตกรตีสนิทเข้ามาในห้อง จับเธอมัด ข่มขื่น ฆ่ารัดคอโดยใช้ถุงเท้าและเอายกทรงทำเป็นโบว์

น่าแปลกใจ ฆาตกรฆ่าหญิงจำนวนมาก แต่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ได้เลย อย่างน้อยผู้ดูแล อพาร์ตเมนต์น่าจะเห็นคนแปลกหน้าบ้าง
หลังจากนั้น เดือนมีนาคม 1963 แมรี่ บราวน์ หกสิบเก้า ได้อนุญาตคนงานคนหนึ่งเข้ามาในห้อง มันตีเธอด้วยแป๊บน้ำ ตายทันที
แต่มันยังคงข่มขืนและแทงด้วยส้อมที่เต้านม ภายหลังตำรวจพบส้อมเสียบคาเต้านม แต่สิ่งที่แปลกกว่าเหยื่อรายอื่น ๆ
คือ ครั้งนี้ไม่มีการผูกโบว์ ศพไม่ได้จัดในสภาพอุจาดอย่างที่เคยเป็นแต่คลุมไว้ด้วยผ้าคลุมเตียงทำไมถึงแตกต่าง

หรือว่าฆาตกรจะเป็นคนละคนกัน


               
6  พฤษภาคม  เบเวอรีส์ ซามานส์ วัยยี่สิบสาม เธอถูกจับมัดกางขาตายบนเตียง ศพเธอพบหลังจากฆ่าถึง 3 วัน เธฮถูกขมขื่น
แทง และรัดคอ มีหลายอย่างบ่บอกว่าเป็นฆาตกรฝีมือคนเดียวกัน แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่าง แต่ตำรวจไม่กล้าสรุป

8 กันยายน เอฟลีน คอร์บิน หญิงชราอาศัยอยู่ตัวคนเดียว วัยห้าสิบแปด ตำรวจพบศพเธอในสภาพถูกจัดในท่าอุจาด
โบว์ที่ผูกมีการเปลี่ยนแปลงไป เพราะมันใช้ถุงเท้ายาวข้างหนึ่งมัดทำโบที่ข้อศอก

23 พฤศจิกายน โจธานน์ กราฟฟ์ วัยยี่สิบสาม ปล่อยให้ชายอ้างตัวว่าเป็นคนงานเข้ามาในห้อง เธอถูกจู่โจมข่มขืน และฆ่ารัดคอ

4 มกราคม 1964 แมรี ซัลลิแวน อายุสิบเก้า ครั้งนี้ฆาตกรลงมืออำมหิตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เธอถูกโบยก่อนถูกข่มขืน
หลังฆ่ารัดคอ มันจัดศพฉีกขากว้างมาก และเสียบด้วยไม้กวาดเข้าไปในอวัยวะเพศ ผูกติดการ์ด สุขสันต์วันปีใหม่

ฆาตกรคนเดิม วิธีการฆ่าแบบเดิม ผ่านไปสองปี แต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้เลย ประชาชนหวาดหวั่น ตำรวจเป็นเป้าโจมตีของสื่อ
ในขณะที่เหตุการณ์ไม่มีท่ายุติ ฆาตกรก็จนมุมตำรวจได้ง่าย ๆ อย่างเหลือเชื่อ!

           

ฆาตกรปรากฏ
               
"ฉันเป็นคนฆ่าพวกเธอเองแหละ"
ชายคนนั้นบอกจอห์จ นาสซาร์ขณะที่เขารอการทดสอบทดสอบทางจิตที่โรงพยาบาลจิตเวชของรัฐ
จอร์จไม่ใช้พลเมืองดี เพราะเขาเป็นฆาตกรที่ฉลาดและอันตรายสุด ๆ ศาลได้สั่งให้มาตรวจสภาพจิตก่อนขึ้นศาล เขาได้ฟังเรื่อง
ของชายคนนี้พูดอย่างตั้งใจ เขาเริ่มพูดว่าตัวเองมีพลังทางเพศไม่สิ้นสุด วิปริตสุด ๆ และสุดท้ายเขาก็บอกว่าตัวเองคือ
นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตันฆาตกรชื่อดัง


"อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว" คือชายผู้นั้น



ไม่รู้ว่าจอร์จต้องการสินบนนำจับถึง 10000 เหรียญสหรัฐ หรือบางทีเขาอาจเป็นฆาตกรตัวจริงและต้องการหาแพะ หรือมันอาจ
เป็นจึงเอาประโยชน์ต่อคดีของเขา เขาได้นำเรื่องนี้ปรึกษาทนายของเขา ลี ไบเลย์ ผู้มีส่วนสำคัญในการที่ทำให้ อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว
จับกุม แต่ปัญหาคือเขาจะทำอย่างไรให้ตำรวจเชื่อว่า อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว คือฆาตกรตัวจริง เพราะในแฟ้มประวัติของตำรวจ
ว่าช่วงที่เขาติดคุกอยู่เป็นช่วงที่นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตันกำลังอาละวาด รายละเอียดของชายสติเลื่อนลอยที่สามารถหาได้จากสื่อทีวี
หนังสือพิมพ์ วิทยุ และพยานจอร์จ นาสซาร์ที่เป็นลูกความของเขาอีกต่างหาก

มีหลายครั้ง ที่มีคนบ๊อง ๆ ชอบมาอ้างตัวกับตำรวจว่าเป็นฆาตกรตัวจริง คนพวกนี้อยากดังและอยากมีชื่อในหนังสือพิมพ์ ถ้าตำรวจเชื่อ
ภาพของเขาจะลงประวัติหน้าหนึ่งในสื่อต่าง ๆ และผลสุดท้ายเขาก็ค่อยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ

"แต่ที่เมืองไทยคงทำแบบนี้ไม่ได้เพราะตำรวจไทยพร้อมที่จะจับแพะอยู่แล้ว มาเลยของแบบนี้ชอบ?"
kjhg

แต่อัลเบิร์ตได้เล่าข้อมูลอย่างละเอียดให้ทนายลีฟังโดยอัดเทปคำให้การไปด้วย ข้อมูลนอกเหนือที่ไม่มีในสื่อ รวมถึงจำนวน
เหยื่อที่ถูกสังหารไม่ตรงกับข้อมูลที่ตำรวจอยู่ในมืออย่างละเอียดอย่างกับเห็นกับตา ทนายลีพยายามอย่างนักเพื่อให้คนเชื่อว่า
อัลเบิร์ตคือนักฆ่ารัดคอจอมโหด เขานำเทปเปิดให้ตำรวจฟัง ซึ่งนอกจากเทปนี้แล้ว ตำรวจไม่มีหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ว่า
พยานหรือวัตถุ แต่พวกเขาก็ตั้งใจรับฟัง หรือว่าสมควรต่อเวลาแล้วที่เขาต้องการหาแพะสักคนเพื่อปิดคดี อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว
ถูกควบคุมตัวในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสืบสวนนานถึง 7 เดือน จึงสรุปว่าเขาจับถูกคนแล้ว

             

ใครคือ อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว


               
อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว เกิดปี 1931 ในเซลซี มลรัฐแมสซาซูเซตต์ มีพี่น้อง 6 คน ท่ามกลางความยากจนและการทารุณกรรม
โดยผู้เป็นบิดา ครอบครัวมีสภาพแตกแยก มารดาแยกออกไปตอนเขาอายุ 13 ปี และในช่วงนี้เองเขาได้ก่ออาญากรรมเป็นครั้งแรก
ถูกจับกุมในข้อหางัดแงะ จนอายุได้ 17 ปี เขาหนีปัญหาครอบครัว โดยสมัครเข้าทำงานในกองทัพ ประจำการในเยอรมนี
ต่อมาเขาก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงชาวเยอรมัน


ขณะที่อยู่เยอรมนี อัลเบิร์ตได้เป็นแชมป์นักมวยกองทัพรุ่นมิดเดิลเวท มีความเชี่ยวชาญหาตัวจับยากในศิลปะในการต่อสู้
เมื่อกลับอเมริกา เขาถูกปลดออกจากกองทัพในปี 1955 เพราะถูกกล่าวหาว่าลวนลามเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ แต่แม่เด็ก
ไม่แจ้งความเพราะกลัวลูกเสียชื่อเสียง อัลเบิร์ตจึงรอดพ้นตะรางอย่างหวุดหวิด

อัลเบิร์ตเป็นคนตัณหาจัด ภรรยาถึงแม้จะรักเขามาก แต่ไม่สามารถสนองกามารมณ์คืนละ  5-6 ครั้งได้ อัลเบิร์ตไม่พอใจ
แต่ก็ไม่บังคับเพราะเขาเองก็รักเธอ ดังนั้นทางออกของชายบ้าเซ็กซ์คือระบายกับผู้หญิงอื่นเมื่อเขาต้องการ.......................


ช่วงปี 1960 อัลเบิร์ตเริ่มต้นคดีโจรกรรมงัดเงะในวัยเด็กใหม่ แต่ไปไม่รอด เขาถูกจับ โดนลงโทษรอลงอาญาแต่ชายบ้าเซ็กซ์
ไม่ขยาด เขาเริ่มนำจิตนาการทางเพศอันวิปริตพิสดารบวกกับความกระหายอยากผิดมนุษย์ ผสมเข้ากับอาชีพโจรกรรม
กลายมาเป็นการประกอบอาชญากรรมอย่างมีแบบแผน

อัลเบิร์ต อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนเอเยนซี่โฆษณาหานางแบบ มีหน้าที่หานางแบบมาสัมภาษณ์ และวัดสัดส่วน ผู้หญิงหลายราย
มักตกหลุมพราง ยอมให้เขาเข้าไปในบ้านพูดคุย วัดสัดส่วน บางคนลงเอยด้วยการสมยอม บางคนปฏิเสธ ขัดขืน แจ้งตำรวจ
แต่ตำรวจไม่เฉลียวใจว่า เขาคือคนเดียวกับนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน ตำรวจแค่แจ้งความและให้ฉายาว่า "นักวัดตัวเจ้าเล่ห์"

ในเดือนมีนาคม 1960 อัลเบิร์ตย่องเข้าไปลักทรัพย์ แต่ถูกตำรวจจับ ตำรวจพบสายวัดตัวในกระเป๋ากางเกง เขาถูกสอบสวน
และได้รับโทษจำคุก 11 เดือน เมื่อออกจากคุกอัลเบิร์ตกลับเลวร้ายหนักไปอีก เขากลายเป็นตัวอันตรายอย่างแท้จริง
เปลี่ยนตัวเองจากนักต้มผู้หยิงเป็นโจรกรรมและข่มขืน พฤติกรรมเริ่มโหดเหี่ยม มีการข่มขื่นผูกขาติดกับเตียงเหมือน
ในหนังซาดิสม์

ในปี 1965 อัลเบิร์ตถูกจับ เขาสารภาพว่าปล้นและข่มขื่นกว่า 1000 ราย และถูกนำขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดี ขณะนั้นเอง
เขาถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสภาพจิตเพราะเขามีอาการจิตเภทและพยายามฆ่าตัวตาย ไม่มีใครคิดว่าเขาคือ
คนเดียวกับ นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน จนกระทั้งเขาเปิดปากว่าตนเป็นนักฆ่ารัดคอบอสตันกับจอร์จ นาสซาร์

ในการสัมภาษณ์ออกทีวี อเมริกันจัสติน ทนายลีได้รับเชิญให้ปรากฏตัว เขาชี้ให้เห็นว่า เป็นความผิดพลาดของตำรวจเอง
ที่ทำให้ฆาตกรลอยนวลอยู่ได้นาน เขาชี้ให้เห็นว่าความจริงแล้ว อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว พ้นคุกนานแล้ว แต่ในแฟ้มประวัติ
ของตำรวจระบุว่าเขายังอยู่ในคุกในขณะที่เกิดเหตุฆาตกรรม

ทนายลีอ้างว่า ตำรวจเคยพบอัลเบิร์ต เดอ ซัลโวในที่เกิดเหตุถึงสองครั้ง แต่เขาแสล้งชี้ตำรวจว่าฆาตกรวิ่งไปทางอื่น
ตำรวจเองก็หลงเชื่อทั้งสองครั้ง อยากจะบ้าตาย!

               
คำตัดสิน



การพิจารณาคดีกินเวลา 6 เดือน จำเลยอ้างว่าตนวิกลจริตเข้าสู้ แต่คณะลูกขุนไม่หลงกล หลังจากรับฟังชี้แจงจากจิตแพทย์
หลายนาย ลูกขุนไม่เชื่อว่าอัลเบิร์ตไม่ถึงขั้นวิกลจริต


18 มกราคม 1968 ผู้พิพากษาได้พิจารณาโทษให้จำคุกตลอดชีวิตแต่หลังจากนั้นเพียง 5 วัน อัลเบิร์ตหนีออกมาได้
มีการตามล่าเต็มพิกัด แต่สองวันหลังจากนั้นอัลเบิร์ตเดินกลับเข้าคุกเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอ้างว่าเขาแกล้งหนี
เพื่อประท้วง เขาต้องการย้ายจากคุกไปโรงพยาบาลโรคจิต เพราะเขาเป็นผู้ป่วย

ในปี 1973 หลังติดคุก 5 ปี อัลเบิร์ต เดอ ซัลโวถูกแทงตัดขั้วหัวใจตายในห้องขัง ทิ้งปริศนาที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ในเวลาต่อมา
             
ปริศนา



เดือนธันวาคม 2001 ทีมงานแพทย์นิติเวชแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ได้ขุดศพแมรี ซัลลิแวน เหยื่อรายสุดท้ายขึ้นมา
พิสูจน์ดีเอ็นเอจากคราบกางเกงในของเธอ ผลปรากฏว่ามันไม่ตรงกับของเธอและไม่ตรงกับของอัลเบิร์ตด้วย ผลสรุปว่า
อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว ไม่ใช้ชายที่ขมขื่นและฆ่าแมรี ซัลลิแวน

หลานชายของ แมรี ซัลลิแวน ได้ขอร้องให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีนี้อีกครั้งเพราะเขาไม่เชื่อว่า อัลเบิร์ต เดอ ซัลโว
คือนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตันตัวจริงมันยังไงกันแน่ ...


มีบางคนกล่าวว่า ที่เขาให้การนั้นเขากำลังจะบอกว่าใครคือฆาตกรต่างหาก หรือเขาอาจจะโดนบังคับให้สารภาพจากฆาตกรตัวจริง

คดีนี้กำลังถูกรื้อฟื้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว!
             
credit
หนังสือเลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกรของสรจักร
หนังสือ ผ่าสมองคนต้องฆ่า ของโรจนา นาเจริญ
อำมหิตคดีสยอง ของสุธารัตน์ ธิติกรชัย
Cammy@dek-d
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 ตุลาคม 2013, 11:17:02 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่