ไม่ อยาก เฉื่อย ก็ ลดอาหารจำพวกแป้ง แร้ว ทานอาหาร ที่มี กรดอะมิโน พวก เน้ งับ
แอลไลซีน * แอลไลซีน ( L-Licin ) คือเป็นอะมิโนแอซิดจำเป็น ( Essential Amino Acid ) ที่สำคัญตัวหนึ่งที่ใช้สำหรับการเจริญเติบโต และ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเนื้อเยื่อในร่างกาย
* แอลไลซีน เป็นสารต้นตอในการสร้างโปรตีนคอลลาเจน ( Collagen ) ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณและเส้นผมมีสุขภาพดี
* แอลไลซิน ลดอัตราการเกิดเริม ( Herpes Simplex ) ได้อีก
* ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย จึงนิยมรับประทานควบคู่กับการทานแคลเซียมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องกระดูก ฟัน และตะคริวได้
* ช่วยรักษาระดับไนโตรเจนในร่างกายให้เป็นปกติ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
* ลดการดูดซึมไขมันและการสร้างไขมันใหม่ เร่งการเผาพลาญไขมัน
* ขับไขมันส่วนเกิน (น้ำหนักลดลง) เสริมสร้างกล้ามเนื้อ บำรุงร่างกาย
* ร่างกายแข็งแรง สดชื่น ชลอความแก่ เพิ่มสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ
พบมากใน น้ำนม , wheat germ ,เนื้อสัตว์
โคลีน โคลีน(Choline)เป็นสารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี พบได้ในอาหาร
โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปของฟอสฟา-ติดิลโคลีน (phosphatidylcholine) หรือโคลีนอิสระ (free choline)
หากโคลีนรวมตัวกับไขมันที่เรียกว่าฟอสโฟลิปิด (phospholipid) จะได้เป็นฟอสฟาติดิลโคลีน (PC)
ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่พบมากที่สุดในเลซิทิน (Lecithin) ดังนั้นโคลีนจึงมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเลซิทิน
โคลีนมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
โคลีนมีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่างคือ
1. เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท รวมทั้งไลโปโปรตีน (Lipoprotein)
2. เป็น สารตั้งต้นในการสร้างอะเซททิลโคลีน(Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ใช้ในการส่งกระแสประสาท (Cholinergic neurotransmission) ของสมอง
3. เป็นสารที่ให้กลุ่มเมทิล แก่สารอื่น (methyl donor)
โคลีนพบได้ในอาหารประเภทใด
อาหาร ที่มีโคลีนมากพบได้ทั้งผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ ได้แก่
ไข่แดง เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ สมอง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง จมูกข้าว ข้าวโอ๊ต
กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อสัตว์ ปลา ฯลฯ
ถั่วเหลืองเป็นแหล่งของโคลีนที่ปราศจากโคเลสเตอรอลและมีไขมันต่ำ
โคลีนมีบทบาทต่อสุขภาพอย่างไร
1. ความจำและการเรียนรู้ของสมอง
โคลีนเป็นสารที่ใช้ในการสร้างอะเซททิลโคลีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญของระบบประสาท
เชื่อว่าการมีอะเซททิลโคลีนที่เพียงพอในสมองจะช่วยป้องกันภาวะความจำเสื่อม ได้
การศึกษาในผู้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ระยะเริ่มแรก
พบว่าการให้โคลีนเป็นระยะเวลา 6 เดือนจะช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ หรือการให้โคลีนร่วมกับยาที่ใช้รักษา
(cholinesterase inhibitors) ก็ทำให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจำด้วย
2. การทำงานของตับ
ถ้าขาดโคลีน จะทำให้ตับไม่สามารถเคลื่อนย้ายไขมันออกได้
ผลคือเกิดภาวะไขมันสะสมในตับ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเซลล์ตับเสื่อม ตับแข็ง และมะเร็งตับได้
3. ลดโคเลสเตอรอล และป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
โคลีนจะช่วยเพิ่มระดับของ HDL (ไขมันดี) และลดระดับของ LDL (ไขมันเลว)
และโคเลสเตอรอลรวม จึงมีผลป้องกันภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจ
(Atherosclerosis and Cardiovascular disease)
รับประทานโคลีนเท่าไรดี
ปริมาณโคลีนที่ควรได้รับประจำวัน (Dietary Reference Intake ; DRI) มีดังนี้
ชาย 550 มก. / วัน
หญิง 425 มก. / วัน
หญิงตั้งครรภ์ 450 มก. / วัน
หญิงให้นมบุตร 550 มก. / วัน
ปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้คือไม่เกิน 3.5 กรัม / วัน
ปัจจุบัน นมผงดัดแปลงสำหรับทารกก็ได้มีการเติมโคลีน เช่นเดียวกับสารอาหารชนิดอื่นคือ
EPA, DHA และ เลซิทิน เป็นต้น เพื่อให้มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของเด็ก
ทอรีน1. ช่วยในการทำงานของเรตินาในการรับแสง
2. ช่วยคอนจูเกทกรดน้ำดี
3. เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ในเม็ดเลือดขาด
4. เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ในปอดช่วยป้องกันเนื้อปอดไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ
5. ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท( depressant )
6. ควบคุมน้ำในเซลล์ของสมองเช่นในภาวะ hyoernatemia dehydration และuremia
7. ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
8. ควบคุมการทำงานของ Cyclic AMP
9. เพิ่มการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ
10. ส่งเสริมการเจริญเติบโต
11. ส่งเสริมการทำงานของอินซูลิน
12. ช่วยในการแบ่งเซลล์ ของลิมโฟซัยท์
13. มีผลหลายอย่างต่อการทำงานของหัวใจ เช่น antiarrhythmic inotropic effect โดยเกี่ยวข้องกับแคลเซียม ช่วยเสริม การทำงานของ digitalis ช่วยการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ เป็น osmotic agent และช่วยลดความดันโลหิตเป็นต้น
ในมนุษย์การขาดทอรีนเกิดขึ้นได้ยากเนื่องจากสามารถสังเคราะห์ทอรีน ได้จากกรดอะมิโนบางตัว แต่มีบุคลลบางจำพวกที่เสียงต่อการขาดทอรีนคือ
1. เด็กและผู้ใหญ่ที่ได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำที่ไม่มีทอรีนเป็นเวลานาน ๆ
2. ทารกที่รับประทานนมผงดัดแปลงสำหรับทารกที่ไม่ได้เติมทอรีน
3. ทารกคลอดก่อนกำหนดและตับยังทำงานได้ไม่ดี
4. คนที่ขาดเมทไทโอนีนและหรือซีสเตอีน
5. คนที่บริโภคมังสวิรัติโดยไม่กินไข่ น้ำนมของแม่ที่บริโภคอาหารมังสวิรัติ
6. คนที่ขาด cystathionase และ /หรือ cysteine sulfinic acid decarboxylase และวิตามินบี 6
7. คนที่เป็นการดูดซึมบกพร่องเรื้อรัง ( Chronic mala bsorption )จะมีการสูญเสียทอรีน
8. คนที่เป็นโรคตับเรื้อรังที่ไม่สามารถสร้างทอรีน
9. ในภาวะผู้ใหญ่หรือเด็กที่อยู่ในภาวการณ์เจ็บป่วยเช่น แผลไฟไหม้ และน้ำร้อนลวกการติดเชื่ออย่างรุนแรง ภาวะเจ็บป่วยหนัก ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
เทารีนมีมากใน Shellfish หอย Clam สด หอยนารม ปลาทูน่า
ที่กล่าวมา ข้างต้น สามตัว เปน กรดอะมิโน ที่ช่วยทำให้ ไม่เฉื่อย นะงับ
บริษัท ผู้ผลิต เครื่องดื่ม จึงบรรจุ กรดอะมิโนเหล่า เน้ ลงไปในเครื่องดื่มบำรุง กำลัง อ่ะ งับ