ผู้ร้ายกินแกะกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสัตว์กินเนื้อที่ชื่อว่าเสือทัสมาเนียน (Tasmanian tiger) อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้
ของทวีปออสเตรเลีย รูปลักษณ์ของสัตว์ชนิดนี้อยู่ก้ำกึ่งระหว่างสุนัขกับเสือ มองด้านหน้าคล้ายๆ กับสุนัข แต่กลับมีลายคล้ายเสือ
อยู่ท้ายลำตัวอย่างไรก็ตามเสือทัสมาเนียนไม่ใช่ทั้งเสือและสุนัข เพราะเสือทัสมาเนียนมีกระเป๋าหน้าท้อง อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นที่พบเฉพาะ
สัตว์ในทวีปออสเตรเลีย ฉะนั้นหากจะนับญาติกันแล้ว เสือทัสมาเนียนถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจิงโจ้และโคอาล่า
เสือทัสมาเนียนที่โตเต็มที่มีความยาวประมาณ 180 เซนติเมตร (จากจมูกถึงหาง, หางยาวประมาณ 50 เซนติเมตร)
หนักประมาณ 30 กิโลกรัม จัดเป็นสัตว์กินเนื้อมีกระเป๋าหน้าท้องที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยพบ
นอกจากนี้เสือทัสมาเนียนยังมีความสามารถที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ สามารถอ้าปากได้กว้างถึง 120 องศา กว้างกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใดๆ
ไม่มีใครทราบสาเหตที่แท้จริง แต่คาดว่าเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติที่ทำให้เสือทัสมาเนียนหายไปจากแผ่นดินใหญ่ของทวีป
ออสเตรเลียตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน เหลืออยู่เพียงบนเกาะทัสมาเนียเท่านั้น เสือทัสมาเนียนจึงถูกขนานนามตามชื่อเกาะแห่งนี้ ทวีปออสเตรเลีย และ เกาะทัสมาเนียเกาะทัสมาเนียเป็นแหล่งพำนักอันสงบสุขของเสือทัสมาเนียนอยู่นาน จนกระทั่งชาวยุโรปอพยพไปตั้งถิ่นฐานบนทวีปออสเตรเลีย
และแน่นอนว่ารวมถึงเกาะทัสมาเนียด้วยชาวยุโรปเข้าไปเข้าไปตั้งถิ่นฐาน รุกไล่พื้นที่ป่าเพื่อปลูกพืชไร่และเลี้ยงสัตว์
โดยเฉพาะ แกะ ซึ่งเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง เมื่อมีผู้ย้ายไปอยู่ใหม่เป็นธรรมดาที่จะกระทบกระทั่งกับผู้อาศัยเดิม ชาวบ้านมักพบเห็นเสือทัสมาเนียนเข้ามาวุ่นวายกับแกะที่เลี้ยงไว้
หากแกะโดนขโมยกินหมายถึงการสูญเสียรายได้ เสือทัสมาเนียนจึงถูกเจ้าของฟาร์มสังหารอยู่เนืองๆ ยิ่งว่านั้นรัฐบาลออสเตรเลีย
ถึงกับประกาศให้นำศพเสือทัสมาเนียนมาขึ้นเงินรางวัลได้ เพราะเห็นว่าเสือทัสมาเนียนสร้างความสูญเสียให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงแกะ
อย่างมาก ความโชคร้ายจึงตกอยู่กับเสือทัสมาเนียนเมื่อมีการตั้งค่าหัว การล่าเพื่อเงินรางวัลก็เริ่มขึ้น เสือทัสมาเนียนถูกสังหารหมู่
อย่างไร้ความยั้งคิด
ผลคือ เสือทัสมาเนียนลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนเกือบสูญพันธุ์ ทำให้รัฐบาลต้องหันกลับมาตั้งองค์กรเพื่ออนุรักษ์
เสือทัสมาเนียนแทนแต่สายไปแล้ว... หลังจากเริ่มอนุรักษ์ได้ไม่กี่เดือน "เบนจามิน" เสือทัสมาเนียนตัวสุดท้ายของโลกก็เสียชีวิตในกรงขังที่สวนสัตว์โฮบาร์ต
บนเกาะทัสมาเนีย เสือทัสมาเนียนสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2479 เพราะถูกพิพากษาประหาร
ข้อหาขโมยแกะ พ้นมลทิน75 ปี ผ่านไป...งานวิจัยใหม่ชี้ว่าเสือทัสมาเนียนเป็นผู้บริสุทธิ์!นักวิทยาศาสตร์จากจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลล์ ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยที่ช่วยแก้ต่างให้เสือทัสมาเนียน ในวารสาร
Journal of Zoology เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 นี้เองMarie Attard พยายามศึกษาถึงพฤติกรรมการกินอาหารของเสือทัสมาเนียนเพื่อหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสูญพันธุ์ของสัตว์
ซึ่งอาจช่วยให้เข้าใจสาเหตุที่เสือทัสมาเนียนหายไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลีย Marie ได้สร้างแบบจำลองหัวกะโหลก
ของเสือทัสมาเนียนขึ้นในคอมพิวเตอร์ แล้ววิเคราะห์ด้วยวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ (Finite Element Method) โดยทั่วไปเทคนิค
วิเคราะห์ด้วยไฟไนต์เอลิเมนต์นิยมใช้ในทางวิศวกรรม เช่น ใช้จำลองชิ้นงานในคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์ว่ามีจุดเปราะบางที่จุดใดบ้าง
ก่อนที่จะผลิตออกมาใช้งานจริง
เทคนิคนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อวิเคราะห์แรงกัดของของเสือทัสมาเนียน เปรียบเทียบกับสัตว์กินเนื้อที่มีกระเป๋าหน้าท้อง
อีก 2 ชนิด คือ ทัสมาเนียนเดวิล (Tasmanian devil) และ ควอลล์หางจุด (Spotted-tail quoll) ซึ่งทราบพฤติกรรม
การกินอาหารของมันดีอยู่แล้วTasmanian devil
Spotted-tail quoll
แบบจำลองในคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นอย่างละเอียด กำหนดตัวแปรของเนื้อเยื่อแต่ละชนิด เชื่อมโยงด้วยมัดกล้ามเนื้อถึง 7 มัด
จากนั้น จึงทดสอบการกัดเหยื่อเพื่อวัดว่าเสือทัสมาเนียนมีแรงกัดมากแค่ไหน นอกจากนี้ยังกำหนดค่าให้เหยื่อมีการดิ้นในรูปแบบ
ต่างๆ เช่น สะบัดไปมา บิดตัว กระชากตัวเพื่อหนี เพื่อให้แบบจำลองสอดคล้องกับความเป็นจริงที่สุด ...ผลปรากฏว่า...
แม้เสือทัสมาเนียนจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์กินเนื้อที่มีกระเป๋าหน้าท้อง แต่กรามของมันกลับไม่มีกำลังมากพอ
ที่จะฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่อย่างแกะ และขากรรไกรของเสือทัสมาเนียนยังเปราะบางเกินกว่าจะทนแรงดิ้นของแกะได้ด้วย
นั่นหมายถึงเสือทัสมาเนียนไม่มีทางล่าแกะที่แข็งแรงดีกินเป็นอาหารได้แน่นอน Marie อธิบายว่าเสือทัสมาเนียน
น่าจะล่าเหยื่อที่มีขนาดเล็กกว่าตัวมันค่อนข้างมากเป็นอาหาร ซึ่งน่าจะมีขนาดพอๆ กับตัวโอพอสซั่ม (Opossum)
หรือวอลลาบี (Wallaby) เท่านั้นOpossum
Wallaby
สรุปคือที่ผ่านมาเสือทัสมาเนียนถูกปรักปรำว่าเป็นผู้ร้ายฆ่าแกะ และถูกมนุษย์ตัดสินประหารจนสูญพันธุ์ไป
เพียงเพราะเกรงว่าเสือทัสมาเนียนจะมาขัดขวางการตักตวงผลประโยชน์จากการทำปศุสัตว์แม้จะพ้นจากข้อกล่าวหา แต่เผ่าพันธุ์ของเสือทัสมาเนียนก็สูญสิ้นไปหมดแล้ว เหลือเพียงภาพถ่าย วีดีโอซาก
และซากที่สตาฟไว้ที่เป็นหลักฐานว่าเคยมีเสือทัสมาเนียนอยู่บนโลกนี้ร่วมกับเรา และเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึง
ผลของการกระทำอันไร้ความยั้งคิด ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การตัดสินสิ่งต่างๆ จากภาพที่ปรากฏเพียงผิวเผิน โดยไม่คิดวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนก่อน นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลยร้ายเพียงใด
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดกับสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นที่คุยกับเราไม่รู้เรื่องเท่านั้น ในสังคมของเราเองก็เช่นกัน หลายคน
มักตัดสินผู้อื่นอย่างผิวเผิน จากภาพลักษณ์สิ่งที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ นำไปสู่การประณาม การตอบโต้ในรูปแบบต่างๆ
ก่อนที่จะตรึกตรองหรือวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนด้วยซ้ำ สิ่งใดที่กระทำลงไปแล้วก็ยากทีจะย้อนกลับไปแก้ไขให้เหมือนเดิมกรณีของเสือทัสมาเนียน มีความพยายามที่จะโคลนนิ่งกลับมา โดยใช้ดีเอ็นเอจากศพที่ดองไว้ แต่โครงการนี้ก็ล้มเหลว
เพราะดีเอ็นเอสกัดออกมา เสียหายเกินกว่าจะนำมาสร้างเป็นเสือทัสมาเนียนอีกครั้ง ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว เพราะตอนที่
ล่าคงไม่มีใครคิดจะเก็บรักษาเอาไว้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเสือทัสมาเนียนอาจจะเกิดขึ้นกับสายพันธุ์อื่นที่โดนมนุษย์รุกรานถิ่นอาศัย อีกหลายร้อยหลายพันชนิด
เพียงแต่เราอาจไม่เห็นอย่างชัดแจ้งอย่างกรณีของเสือทัสมาเนียน เราจึงไม่รับรู้ผลการกระทำของเรา
หรือกว่าจะรับรู้ ก็อาจสายไปแล้วก็เป็นได้อ้างอิงSkull mechanics and implications for feeding behaviour in a large marsupial carnivore
guild: the thylacine, Tasmanian devil and spotted-tailed quoll
M.R.G. Attard, U. Chamoli, T.L. Ferrara, T.L. Rogers, S. Wroe
http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/j.1469-7998.2011.00844.x/fullhttp://www.physorg.com/news/2011-09-tasmanian-tiger-jaw-small-sheep.htmlhttp://www.fogonazos.es/2007/04/last-thylacine.html