นักธุรกิจ นักการตลาดจึงต้องจับตาดูการเปลี่ยนแปลงรอบตัว และจับกระแสให้ได้ว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้า เวทีแข่งขันจะเปลี่ยนไปอยู่ที่ไหน หากเดาผิดนอกจากเสียโอกาสแล้วอาจหมายถึงอันเป็นไปของบริษัทเหมือนที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ
ผมคิดว่าโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นหรือกำลังมาถึงก็ไม่ต่างอะไรกับเหรียญที่มี 2 หน้า ที่ปกติแล้วเราจะคุ้นอยู่แค่หน้าเดียวคือ ?โอกาส? เช่นความรุ่งเรืองของจีน อินเดียในวันนี้ที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย
หรือจะเป็นหลายๆ บริษัทในบ้านเราที่ข้ามรุ่นมาเทียบชั้นกับยักษ์ใหญ่ได้เพียงแค่อาศัยเทคโนโลยีมาต่อยอดช่วยทั้งลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพตามสูตรสำเร็จ จนแชมป์ที่ครองตำแหน่งมานานหลายๆ เจ้าต้องร้อนๆ หนาวๆ เพราะไม่รู้จะมีคนอื่นแซงไปได้เมื่อไร
ยิ่งติดตาม ?บิสิเนสไทย? เป็นประจำก็จะเห็นดาวรุ่งดวงใหม่แซงหน้ายักษ์ใหญ่ที่อยู่มานานกว่าเป็นร้อยปีได้เรื่อยๆ แต่ในมุมกลับกันก็จะเห็นอดีตดาวรุ่งที่ไปไม่ถึงไหนแล้วก็ล้มหายตายไปได้ง่ายๆ เหมือนกัน
ลองมาดูความรุ่งเรืองของทั้งจีนและอินเดียในวันนี้เราก็จะเห็นเหรียญทั้งสองหน้านี้ได้ชัดเจนขึ้น หน้าแรกเป็นคู่แข่งสำคัญเพราะทั้งสองประเทศมีสินค้าที่แข่งกับเราในตลาดโลกในต้นทุนที่ถูกมากๆ โดยเฉพาะจีนที่กระทบไปทั้งโลก
แต่ในอีกหน้าหนึ่ง การเติบโตของทั้งคู่ก็หมายถึงโอกาสที่เปิดเพิ่มมากขึ้น เพราะทั้งสองประเทศกลายเป็นตลาดใหญ่ที่มีความหมายขึ้นมาทันทีหลังจากเศรษฐกิจดีขึ้น อัตราเติบโตก็สูงกว่าประเทศยักษ์ใหญ่เก่าแก่อย่างอเมริกา ยุโรป ฯลฯ
ประเทศพัฒนาแล้วเหล่านี้แม้จะยังมีฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงและขนาดตลาดที่ใหญ่มโหฬารแต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจต้องเจอปัญหาใหญ่คือประชากรวัยทำงานมีไม่พอจะเลี้ยงคนชราที่กำลังจะท่วมประเทศเพราะการคุมกำเนิดในอดีตทำให้คนมีลูกน้อยลง
อนาคตธุรกิจจึงต้องดูเหรียญทั้งสองหน้านี้ให้ลึกซึ้งและมองให้ทะลุไปข้างหน้าอย่างน้อย 5-10 ปี ซึ่งถ้าดูแนวโน้มต่างๆ ตามนี้แล้วก็พอจะเห็นแล้วว่าธุรกิจอะไรที่น่าจะมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต
เริ่มจากธุรกิจในด้านการแพทย์ ยา สาธารณสุข โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีสัดส่วนคนชรามากกว่าคนวัยทำงาน ก็แน่นอนว่าต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ รองลงมาก็น่าจะเป็นเรื่องของพลังงานที่เรากำลังเจอวิกฤตการณ์อยู่ในวันนี้
ส่วนธุรกิจด้านการสื่อสารและไอทีก็น่าจะมีช่องว่างทางการตลาดมากพอในวันนี้ ยิ่งเป็นเศรษฐกิจขาลงธุรกิจก็ต้องใช้ไอทีในการลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพให้คุ้มค่าที่สุด ยิ่งเป็นขาขึ้นก็ยิ่งต้องใช้มากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจให้ทันคู่แข่ง
นอกจากนั้นก็ยังเป็นธุรกิจการเงิน บันเทิง และ Retail ที่ผมมองว่ายังมีช่องว่างอีกมากให้เติบโตได้ ยิ่งในทุกวันนี้เราอยู่ในโลกไร้พรมแดน เงินไม่มีสัญชาติ ใครมีความคิด มีจินตนาการก็ย่อมมีแรงดึงดูดเงินลงทุนมาได้ไม่ยาก
ยุคนี้จึงเป็นยุคของคนที่มีฝีมือ ทั้งในแง่การบริหาร การตลาด และรู้จักมองหาโอกาสที่กำลังจะมาถึงเท่านั้นจึงได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่ามองที่เหรียญเพียงหน้าเดียวเช่นที่เราเคยมองจีนและอินเดียเป็นคู่แข่ง
ยิ่งทั้งคู่โตขึ้น คนของเขาก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้น ตลาดก็ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และนี่เองก็คือโอกาสที่เปิดกว้างให้ทุกคน ซึ่งจะทำได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักเหรียญทั้งสองหน้านี้ดีพอหรือรู้จักมันเพียงแค่หน้าเดียว