8.คำแนะนำสำหรับคนที่ชอบหลีกเลี่ยงไม่ใส่ถุงยาง จากผลการศึกษามานานแล้วพบว่าโอกาสติดเชื้อจากการอึ๊บสดต่อครั้งมีในราวๆ 2 เปอร์เซ็นต์
(จำตัวเลขแน่ชัดไม่ได้) และจากข้อเท็จจริงที่พบว่าพวกหมอพยาบาลที่ถูกเข็มที่มีเชื้อเอดส์ตำ
จะติดเชื้อเอดส์ประมาณแค่ 0.4 เปอร์เซ็นต์( แต่เขาจะให้กินยาต้านไวรัสเอดส์ทันทีจึงช่วยได้มาก)
และเด็กที่เกิดจากแม่ที่เป็นเอดส์ ก็ติดเชื้อประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้าให้แม่กินยาต้านเอดส์ตอนท้องก็จะช่วยทำให้ลดลงเหลือแค่แถว ๆ 10 เปอร์เซ็นต์
และยังพบด้วยว่าเชื้อเอดส์ไม่สามารถผ่านเข้าสู่เซลทางผิวหนังปกติ(คือไม่มีแผล )
ส่วนทางเยื่อเมือก(ที่บอกว่าติดทางเยื่อเมือกก็เช่นแค่เนื้อเยื่อจู๋เสียดสีกับเยื่อเมือกของช่องคลอด
เชื้อก็ซึมติดกันได้แล้วโดยไม่ต้องมีแผลเลย)เช่น ในจี๋ม ปากมดลูก รูปัสสาวะ นั้น
เดิมทีก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่ถึงกับยืนยันว่าได้หรือไม่ได้อย่างเด็ดขาด
แต่ก็เชื่อกันมากว่าน่าจะไม่ได้ เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อคู่ผัวเมียคนใดคนหนึ่งเป็นเอดส์
และยังคงอึ๊บกันต่อไป ก็ปรากฏว่าคู่ของตนไม่เป็นเอดส์ทุกคน หรือถ้าติดก็ไม่ได้ติดทันที
แต่ติดในเวลาห่างกันมากก็มี จึงมีการสัณนิษฐานว่าสาเหตุใหญ่น่าจะติดเชื้อทางแผลเล็ก ๆ
ที่อวัยวะเพศ ซึ่งสาเหตุที่มาน่าจะเป็นดังนี้ ปกติการอึ๊บกันระหว่างผัวเมีย
บางครั้งผัวก็เล้าโลมจนเมียเสี้ยนเต็มที่ ในจี๋มมีน้ำเมือกหล่อลื่นออกมามากจนเยิ้มมาถึงข้างนอก
และฝ่ายผัวเองมีน้ำนำร่องออกมาจุกที่ปลายจู๋ เวลาผัวสอดจู๋ใส่จี๋มจึงเข้าได้ไม่ยากนัก
(แต่ก็ไม่คล่องอยู่ดีแหละทุกคนคงรู้อยู่แล้ว) จึงไม่มีแผลปริ
แต่ในบางครั้งเมื่อจะอึ๊บไม่เล้าโลมเมีย (เพราะต้องรีบกลัวลูกตื่น หรือด้วยเหตุผลอื่น )
น้ำเมือกจี๋มของเมียยังไม่ออกมา แต่ฝ่ายผัวกลับพยายามจะดันจู๋ข้าไป
ปากรูจี๋มปกติก่อนจะถูกจู๋เสียบถ่างออกไปจะมีขนาดเล็กกว่าจู๋มาก เมื่อจี๋มยังแห้งอยู่และ
จู๋ก็แห้งอยู่เหมือนกัน ก็จะฝืดมากดึงรั้งหนังหุ้มจู๋โดยเฉพาะตรงบริเวณเส้นสองสลึง
ถ้ายังพยายามจะดันลงไปแรง ๆ หนังตรงนั้นก็จะปริเป็นแผลเล็กๆ ยิ่งถ้าทำแรงมากก็จะ
ทำให้ปากรูจี๋มเป็นแผลถลอกเล็กๆได้
(ที่พวกผู้หญิงบอกว่า "ค่อย ๆ นะมันเจ็บ " นั่นแหละส่วนมากก็เป็นตอนสอดจู๋นี่แหละ)
แผลพวกนี้อาจเล็กมากจนเราไม่ทันสังเกต แต่ถ้าใหญ่นิดนึงเวลาล้างน้ำจะแสบนิด ๆ
(เราทุกคนคงเคยเจอมากันทั้งนั้นแหละ) ทีนี้ไม่ว่าแผลใหญ่เล็กแค่ไหนจะต้องมีเลือด
และน้ำเหลืองออกทั้งนั้น มันจึงมีเชื้อปนออกมา ถ้าหากฝ่ายหญิงเป็นเอดส์แต่ชายไม่เกิดแผล
หรือกลับกันชายเป็นเอดส์แต่หญิงไม่เป็นแผล ก็จะไม่ติดถึงอีกคน ถ้าเกิดแผลพร้อมกันทั้งสองคน
จึงเปิดโอกาสให้เชื้อผ่านสู่อีกคนนึงได้ ถ้าหากเชื้อเอดส์สามารถติดโดยผ่านทางเยื่อเมือก
ก็คงติดเชื้อกันตั้งแต่อึ๊บกันครั้งแรกแล้ว(หรือตอนอมเลียกันสด ๆ ) เพราะว่า
เชื้อเอดส์ออกมากับน้ำเมือกหล่อลื่นในช่องจี๋มและในน้ำอสุจิเป็นจำนวนมาก
ก็ต้องมีบ้างละที่เชื้อเอดส์จะเข้าทางเยื่อเมือกในรูจู๋ท่อฉี่ของชาย กับทางเยื่อเมือกในจี๋ม,ปากมดลูก
ตั้งแต่ตอนอึ๊บกันครั้งแรก นับแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดเชื้อเอดส์มา
สรุปว่าการร่วมเพศระหว่างคู่ผัวเมียที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นเอดส์ไม่ทำให้อีกฝ่ายติดทุกคน
และทันทีที่มีการร่วมเพศกัน จึงสันนิษฐานว่ามันติดกันทางแผลถลอกเป็นหลัก
นอกจากนี้จากการศึกษายังพบว่าการติดเอดส์จะเกิดได้ง่ายมากถ้าหากคนนั้นติดเชื้อกามโรคอยู่
เพราะเชื้อกามโรคจะทำให้เนื้อเยื่ออักเสบเป็นแผลนั่นเองเชื้อเอดส์จึงเข้าได้ง่ายขึ้น
คำแนะนำที่ผมจะเขียนแนะนำต่อไปนี้ไม่ใช่สนับสนุนให้ไปเอาสดกับหมอนวดนะ
แต่เพราะมีนักเที่ยวมากมายที่ชอบเอาสด ๆ จะห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่ได้ลองชอบซะแล้ว
เอาช้างมาฉุดก็เอาไม่อยู่(การที่มีติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นทุกวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าต้องมีการเอาสดกัน เยอะแยะ)
เพราะฉะนั้นเมื่อห้ามไม่ได้ ก็ต้องสอนวิธีที่จะลดโอกาสติดเชื้อลงไปให้มากที่สุด
เมื่อเรารู้ว่าสาเหตุสำคัญเกิดจากการมีแผลถลอกตอนสอดจู๋เข้ารูจี๋ม หลักใหญ่ในการป้องกันก็คือทำให้จู๋ ,รูจี๋ม และบรรดาเนื้อบริเวณนอกรูจี๋ม
มีความลื่นมากที่สุด (การหล่อลื่น) เพื่อลดการเสียดสีระหว่างจู๋เนื้อบริเวณปากรูจี๋ม
ซึ่งก็ทำได้ง่าย ๆ โดยเอาเควายเยลลี่(หรือเยลหล่อลื่นแบบอื่น น้ำสบู่ น้ำแชมพูก็ใช้แทนได้ )
ละเลงด้านนอกปากรูจี๋ม,ช่องคลอดและกลีบเนื้อนาง (แคมเล็ก)ให้ลื่นปรื๊ด (บริเวณผิวเนื้อรอบๆ
ส่วนข้างนอก(โคกประกับหรือแคมใหญ่) ก็ทาบางๆด้วย) แล้วบีบใส่นิ้วล้วงเข้าไปกวาด
ในช่องคลอดให้ทั่ว อันนี้จำเป็นมากโดยเฉพาะถ้าผู้หญิงมีจี๋มที่เล็กฟิตมาก ๆ แต่ถ้ามีจี๋มที่ใหญ่พอ
อาจไม่ต้องเอาไปกวาดในช่องคลอดอีก ทำตรงบริเวณปากรูจี๋มส่วนต้นๆ ก็พอ
มิฉะนั้นเวลาอึ๊บกันจะรู้สึกลื่นหลวมมากไม่สนุก ยกเว้นถ้าชอบลื่นๆก็ล้วงไชทากันให้สนุกเลย
เสร็จแล้วให้เอามาทาที่หัวจู๋และลำตัวจู๋ส่วนสามนิ้วแรกให้ทั่วดี
ส่วนที่เหลือไม่ต้องทามากก็ได้ เพราะส่วนนั้นจะไม่เกิดแผลจากการสอดใส่
ที่สำคัญเมื่อทาแล้วก็ต้องสอดใส่ทันที อย่าปล่อยไว้นานเพราะมันแห้งได้เร็วเหมือนกัน
ตอนสอดจู๋ก็ต้องทำค่อย ๆ อย่ากระแทก ถ้าหากเส้นสองสลึงตึงก็ต้องหยุดดูให้แน่ใจ
ว่ายังลื่นอยู่ถ้าไม่ลื่นพอก็เอาเยลหล่อลื่นทาซ้ำโดยชักออกมานิดนึงแต่อย่าให้หลุด
แล้วกดลงไปใหม่ทีละนิด ๆ จนเข้าไปหมดลำแล้ว ก็ควรหยุดสักนิดแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าออกนิด ๆ
น้ำเมือกหล่อลื่นน่าจะออกมาอีก ตอนนี้ก็ลองชักออกสักนิ้วสองนิ้วและดันเข้าไปช้าๆ
สังเกตดูว่าฝืดมากหรือไม่ถ้าเข้าออกดีแล้ว ก็ลองชักออกยาว ๆและดันเข้าไปใหม่
ถ้าเห็นว่าลื่นดีแล้ว ก็จัดการซอยสั้นซอยยาวได้เต็ม ๆ ตามต้องการ จะไม่เกิดแผลอย่างแน่นอน
(หมายเหตุ โดย "จิ้งเหลนไฟ " วิธีการหล่อลื่นนี้ นำไปใช้กับคู่สามีภรรยาที่เพิ่งจะมีเพศสัมพันธ์กันใหม่ๆได้)
ในกรณีที่ไม่มีเควายเยลลี่ หรือไม่ชอบเยลหล่อลื่น ก็ใช้น้ำสบู่ หรือน้ำแชมพูแทนก็ได้
อย่าลืมตัวเด็ดขาด ตัวผมเอง(จิ้งเหลนไฟ) นั้นชอบครีมอาบน้ำแทน เพราะลื่นและหอม
แต่ถ้ายังหายากอีก ก็ต้องเอาถุงยางมาสวมจู๋ จัดการนวดให้จู๋เปียกน้ำยาหล่อลื่น
แล้วฉีกซองใส่ถุงยางแผ่ออกเอาไปละเลงที่บริเวณปากรูจี๋ม
แล้วสอดจู๋เข้าจี๋มจนสุดแล้วเดินลำเข้าออกช้าๆให้น้ำยาหล่อลื่น
จากถุงยางทำให้ผนังรูจี๋มลื่นไปด้วย ใช้ได้แล้วก็ชักจู๋ออกมาถอดถุงยางออก
แล้วสอดจู๋เข้าไปใหม่ค่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเข้าไปได้สะดวก แต่อาจจะฝืดๆ หนืดๆ บ้าง
หากไม่พอก็เอาน้ำลายไปเพิ่มช่วยได้ ไม่แปลกอะไร เพราะหมอนวดที่ยอมให้เอาสด
มักยอมให้เลียจิ๋มอยู่แล้ว ผนังรูจิ๋มย่อมเปียกน้ำลายเป็นปกติ
ที่พูดไปนี้เป็นกรณีที่หมอนวดยอมให้เอาสดโดยรู้ตัวเต็มใจก็จะให้ความร่วมมือดี
แต่ปัญหาของคนที่ชอบเอาสดมันอาจไม่ตรงไปตรงมา คือไม่มีการบอกกันก่อนว่าจะเอาสด
แต่เอาสดไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ทั้งจู๋และกลีบเนื้อบริเวณปากรูจี๋มยังแห้งอยู่
เหตุการณ์อย่างนี้มักเข้ากรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้
8.1.
แขกเล้าโลมหมอนวดจนเกิดอารมณ์ แขกก็ขึ้นสอดใส่เลย
มักจะใช้กำลังจับขาหมอนวดยกถ่างออก แล้วรีบจ่อจู๋กดเข้าไปในจี๋มอย่างรวดเร็ว
การทำอย่างนี้อาจสำเร็จหรือไม่สำเร็จอยู่ที่หมอนวดเป็นหลัก
หากหมอนวดหยุดนิ่งนานพอควรก็สามารถสอดได้ แต่ถ้าเธอขยับตัวนิดหน่อยก็มักไม่สำเร็จ
ถ้าหากเข้าได้ก็เชื่อได้ว่าจะต้องมีการดึงรั้งที่หนังหุ้มจู๋อย่างแน่นอน
ซึ่งอาจปริเป็นแผลได้ คนที่ใช้วิธีนี้ประจำขอให้เลิกเสีย
แต่ถ้าไม่เลิกก็ควรใส่ถุงยางก่อนแล้วเมื่อตัดสินใจว่าจะสอดจึงเอาออก
บางทีแขกเล้าโลมและลงไปเลียจี๋มจนหมอนวดเสียวทนไม่ไหวไม่ทันระวังตัว
ก็จัดการเสียบจู๋ทันทีอย่างนี้อาจจะเกิดแผลได้ เพราะแม้จี๋มของหมอนวดจะเปียกชุ่มน้ำเมือก
แต่หนังหุ้มจู๋ยังแห้งอยู่ ความที่กลัวว่าหมอนวดจะขัดขืนก็เลยรีบร้อนกระแทกจู๋
ก็จะเกิดการดึงรั้งตรงเส้นสองสลึงอย่างแน่นอน และตอนนี้แหละที่จะเป็นแผล
ทางแก้ก็เหมือนที่บอกไปข้างต้น
8.2.
คนที่ชอบเอาสด ๆ แบบทีเผลอและมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จมากนั้น
หมอนวดมักเล่าให้ฟังว่า พวกนี้จะเอาปลอกสวมจู๋ตามปกติให้เห็นเลย แล้วก็เล้าโลมกัน
หรือเลียจี๋ม แล้วก็แอบถอดปลอกออกโดยหมอนวดไม่ทันเห็น
ยิ่งถ้าหมอนวดเขยิบไปที่ขอบเตียงแล้วแขกคุกเข่าเลียจิ๋ม
ก็ยิ่งมองไม่เห็นว่าแขกถอดปลอกทิ้งไปแล้ว เมื่อเธอเสียวมากจากการถูกเลีย
แขกก็จะสอดจู๋ใส่จี๋มทันที หมอนวดบางคนก็ไม่มองเพราะเห็นว่าใส่ปลอกแล้ว ก็ปล่อยให้สอดใส่
ความที่จู๋เปียกน้ำมันหล่อลื่นดีแล้ว และกรณีนี้ปากรูจี๋มเปียกชุ่มน้ำเมือกสวาทและ
น้ำลายจากการถูกเล้าโลมเลีย การสอดจู๋ก็เลยมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จมาก
แต่อย่างไรก็ตามปกติการอึ๊บโดยใส่ปลอกกับไม่ใส่ให้ความรู้สึกต่างกัน
หมอนวดจะรู้ว่าไม่ได้ใส่ปลอกแต่กว่าเธอจะรู้ตัวจู๋ก็เข้าไปอยู่ในจี๋มแล้วและมีการเดินลำไปบ้าง
ลักษณะนี้จะทำให้เกิดแผลได้
(แม้จะน้อยกว่าการสอดแบบแห้งๆอยู่บ้าง )
เพราะปกติแขกมักรีบร้อนกลัวหมอนวดขืนตัวได้ทันจึงมักกดใส่อย่างเร็วและแรงเสมอ
8.3.
พวกที่ขอเอาจู๋ถูไถจี๋มด้านนอก เมื่อถูไถไปมาก็เปียกเมือกจากรูจี๋ม พอได้ทีก็กดเข้าไป
แขกที่จะทำอย่างนี้ อาจเป็นที่หมอนวดอยากตามใจแขก หรืออาจเป็นเพราะจู๋ไม่แข็ง
แขกจึงขอถูไถสดๆ จะได้เกิดอารมณ์ให้แข็งได้เร็ว หมอนวดบางคนเชื่อก็ยอม แต่พอถูไถแล้ว
หมอนวดไม่ระวังตัวก็จัดการสอดเลย ลักษณะนี้ส่วนใหญ่สำเร็จเพราะแขกมักเอาจู๋ไปป้วนเปี้ยน
แถวปากช่องจี๋มแล้วสอดเข้าเลยทำให้สำเร็จได้มาก แต่บางครั้งแขกรีบร้อนไป
ยังไม่ทันที่เมือกจากช่องคลอดจะออกมาเยิ้มถึงข้างนอกและช่วยทำให้ลำจู๋ลื่นดี
พอกดเข้าไปก็เกิดแผลได้ แต่ถ้าเป็นกรณีที่แขกใส่ถุงยางอยู่ก่อนแล้วจู๋อ่อนตัวลงแล้ว
ถึงเอามาถูไถก็จะมีน้ำมันหล่อลื่นอยู่ก็ทำให้เข้าได้ง่าย ไม่ค่อยเกิดแผล
กรณีที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หมอนวดส่วนมากพอรู้ว่าจะถูกเอาสดก็จะขัดขืนและผลักแขกออกไป
แต่ในบางกรณี จู๋ของแขกก็เข้าไปในจี๋มแล้ว บางครั้งกว่าจะผลักออกได้
ก็ถูกแขกเดินลำเข้าออกหลายหนแล้ว หรือฉีดน้ำเข้าไปแล้วก็มี(หลั่งเร็ว ,ล่มปากอ่าว)
จึงเป็นบทเรียนสำหรับหมอนวดว่าจะต้องระวังคอยดูอากัปกิริยาของแขกตลอดเวลา
ไม่ใช่นอนหลับตาพริ้ม, หันมองไปทางอื่น ถ้าอย่างนั้นโอกาสโดนเอาสดก็จะมีมาก
ขอเตือนพวกชอบเอาสดทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง ต้องจำไว้เสมอว่าอย่าหลั่งอสุจิในช่องคลอด
มันเสี่ยงสำหรับหมอนวดและตัวเราเกินไป อาจติดกามโรคโดยเฉพาะเอดส์และเธออาจท้องได้
(คือบางคนก็ไม่ได้กินยาคุมจนครบก่อนมาทำงาน เพราะไม่คิดว่าจะให้ใครเอาสด)
เมื่อคิดจะเอาสดต้องระวังความสะอาดให้ดี ถ้ามียาฆ่าเชื้อก็ทาให้ทั่วจู๋ถ้าเป็นแบบเยลใส
หรือพ่นคลุมป้องกันไว้ ถ้าเป็นแบบโฟม (มักเป็นยาฆ่าอสุจิไปด้วย )
แม้แต่แอลกอฮอล์ก็พ่นฉีดที่จู๋ตอนเสร็จแล้วได้แต่จะแสบบ้าง
อย่างไรก็ดีการลดโอกาสติดกามโรคและเอดส์ที่ดีที่สุดคือ
อย่าเอาสดกับทุกคนที่ไม่รู้ว่าตรวจเลือดหรือไม่ หรือตรวจมานานแล้ว
ถ้าอยากมากต้องทำกับบางคนที่เราเชื่อใจจริงๆ เช่น
เมื่อเด็กเข้าใหม่เพิ่งตรวจโรค หรือเพิ่งตรวจโรคเมื่อครบสามเดือน
ในกรณีที่เป็นขาประจำกับหมอนวดหลาย ๆ คน
(ขาประจำชั้นดี,แขกสนิทติดลึก ,VIP) ก็ช่วยได้มาก
(ซึ่งมาม่าซังหรือปาป้าซังหรือผู้จัดการ ของอาบอบนวดหลายแห่งมักมีการจัด
ตารางเวลาให้แขกประจำแบบนี้โดยคิดค่าบริการพอสมควร)
วิธีการคือ หมอนวดเหล่านี้จะต้องตรวจเลือดประจำอยู่แล้ว
ความที่สนิทสนมเป็นเจ้าประจำกัน แขกก็สามารถโทรถามว่าจะตรวจเลือดเมื่อไร
แล้วไปเอาสดกันตอนนั้นหลังจากรู้ผลแล้ว(ว่าไม่มีเชื้อ ) สลับคนกันเรื่อยไป
(เพราะแต่ละคนจะตรวจเลือดไม่พร้อมกัน)
ก็จะทำให้เอาสดได้เรื่อยหลังแต่ละคนตรวจเอดส์ตรวจโรคแล้ว
เพราะหมอนวดที่เคยให้เอาสดกับขาประจำที่ดีๆก็มักจะเชื่อใจยอมเรื่อยไป
และการที่เราสลับคนทำให้เราสามารถตรวจสอบว่าเราติดเชื้อจากคนก่อนด้วยหรือไม่ด้วย
หากรู้ว่าคนที่เราเอาสดนั้นยังทำงานอยู่ก็เชื่อว่าไม่เป็นเอดส์
(หรือกามโรคอื่น ) เพราะปกติถ้าติดเชื้อกามโรคแล้วเขาก็ไม่ให้ทำงานต่อ
(ให้ไปรักษา ) กรณีเอดส์ต้องเลิกทำเลย วิธีการนี้จะสำเร็จอยู่ที่การเริ่มตาราง จะต้องเริ่มจากเด็กใหม่ที่เพิ่งตรวจเลือด
เมื่อเอาสดแล้วก็หยุดให้เด็กคนนั้นตรวจเลือดอีกรอบหนึ่งแล้วเราจึงไปเอาตอนนั้น
ส่วนช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ตรวจเลือด เราก็ไปเอากับอีกคนที่ตรวจเลือดแล้ว
(เราย่อมต้องทนทำใจให้ได้เพราะแบบนี้ทำไม่ได้บ่อย เดือนหนึ่งอาจได้แค่หนสองหน)
จึงมีหมอนวดอยู่จำนวนหนึ่งที่สามารถเอาสดได้
เมื่อจะหาคนใหม่เพิ่มก็ไปทำกับเด็กที่เพิ่งเริ่มงานใหม่อีก(ตรวจเลือดแล้ว ) เป็นอย่างนี้เรื่อยไป
ที่สำคัญห้ามทำกับคนที่ไม่ได้ตรวจเลือด(แม้จะมาใหม่ ๆ )
แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็เป็นแค่ลดโอกาส ไม่รับรองร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะถ้าหมอนวดติดเชื้อมาแล้ว กว่าจะตรวจเจอต้องรอประมาณสามเดือน
หมอนวดอาจติดเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ไปตรวจเลยจึงยังตรวจไม่เจอ
(พอเราฟาดเข้าไปก็จบเห่ )
มีต่อ..............................