-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ทายาทยักษ์สิ่งทอลุยอสังหาฯ ผุดบิ๊กโปรเจกต์โซนพระราม 3 ซีบีฯ  (อ่าน 705 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ka12345

  • รอง Global Moderator
  • แอบจิต
  • *
  • กระทู้: 15
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ทายาทยักษ์ใหญ่สิ่งทองัดที่ดินผืนงาม 12 ไร่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนพระราม 3 พัฒนาคอนโดฯ โรงแรม ค้าปลีก มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ดีเดย์เปิดโฉมหน้าคอนโดฯ ในงาน “CBRE Elite Living 2013” ลั่นมีความพร้อม ไม่ใช่โครงการใหญ่อย่างเดียว ชี้ฐานลูกค้าหลักคนไทยโซนพระราม 3 ที่เหลือชาวต่างชาติ ด้าน “อลิวัสสา” ชี้คอนโดฯ ไฮเอนด์แนวโน้มเติบโต ราคาเพิ่ม เหตุซัปพลายจำกัด ราคาที่ดินพุ่ง แย้มรูปแบบการพัฒนาจะเปลี่ยนไปสู่ประเภทโรงแรม ห้างสรรพสินค้า เพื่อเก็บที่ดินไว้
       นายภีร์ ไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คณาพญา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงการเข้าสู่วงการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ตนมีความสนใจที่จะเพิ่มศักยภาพของที่ดินเปล่าของครอบครัว ที่เดิมเตรียมที่ดินไว้ประมาณ 12 ไร่ ติดริมแม่น้ำบนถนนพระราม 3 (ฝั่งกรุงเทพฯ โดยจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ อยู่ตรงข้าม) ไว้สำหรับสร้างโกดังเก็บสินค้า และขยายโรงงานสิ่งทอซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ครอบครัวดำเนินการอยู่ แต่ด้วยทำเล และการเติบโตของเมืองที่ขยายออกมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ดินผืนใหญ่ที่ติดริมแม่น้ำค่อนข้างมีจำกัด ราคาค่อนข้างแพง ทำให้ตนซึ่งเป็นทายาทของครอบครัวมองเห็นศักยภาพ จึงได้ตัดสินใจที่จะพัฒนาโครงการในรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกของประเทศไทยขึ้น โครงการมีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีจำนวน 223 ห้อง ราคาขายที่ยังไม่สรุปอาจมากกว่า 1.3 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 45 ตร.ม.ถึง 420 ตร.ม. มีความสูง 57 ชั้น คาดว่าเปิดตัวแนะนำโครงการเดือน มิ.ย.56
       
       อีกโครงการจะอยู่ในที่ดินผืนเดียวกัน (มีคลองกันแยกกับโครงการคอนโดฯ) จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบคอมเมอร์เชียล มอลล์ มีพื้นที่ให้เช่า 20,000 ตร.ม. และส่วนของโรงแรม จำนวน 300 ห้อง โดยจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท
       
       “ที่ดินผืนนี้ คุณพ่อซื้อสะสมมามากว่า 10 ปี ราคาที่ดินไม่แพงมาก อีกทั้งตรงนี้จะเป็นบริเวณคุ้งแม่น้ำท้องมังกร ส่วนที่แม่น้ำมีความกว้างที่สุดตามความเชื่อของศาสตร์ฮวงจุ้ย โดยมีความกว้างของแม่น้ำมากถึง 900 เมตร บางแห่งกว่าแค่ 300 เมตร และการที่ตนเข้ามาเริ่มธุรกิจอสังหาฯ ที่มีขนาดใหญ่นั้น ตนคิดว่าความใหญ่อาจไม่ใช่ประเด็น แต่หลักอยู่ที่ความพร้อมมากกว่า ซึ่งเรามีมืออาชีพ และพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาร่วมทีมในการพัฒนา รวมถึงการมีที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ มืออาชีพที่มีเครือข่ายไปทั่วโลกอย่างบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด ช่วยในเรื่องของฐานลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้มร่วมงาน CBRE Elite Living 2013 ระหว่างวันที่ 26 เมษายน-6 พฤษภาคม ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นการรวมคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์กว่า 15 โครงการเข้าร่วม โดยขณะนี้มีลูกค้าจองชื่อมาแล้วเฉพาะวันแรกที่เปิดงานประมาณ 10 ยูนิต”
       
       สำหรับฐานลูกค้าหลักของโครงการจะเป็นเจ้าของธุรกิจ (เถ้าแก่) ในย่านพระราม 3 ที่ต้องการซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย และให้ลูกหลานได้อยู่ ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายรองมุ่งไปที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ( Expat) และกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน เนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปีพ.ศ.2558 จะส่งผลให้กรุงเทพมหานคร สามารถก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนได้เต็มรูปแบบ
       
       คอนโดฯ ไฮเอนด์ราคาเพิ่มซัปพลายน้อย
       
       น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ตลาดคอนโดฯ ไฮเอนด์ย่านใจกลางเมืองมีสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น เป็นตลาดที่ได้รับความสนใจ และยังมีดีมานด์จากผู้ซื้อทั้งไทย และชาวต่างชาติต่างชาติที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน แต่ที่ผ่านมาซัปพลายที่มีการเปิดตัวค่อนข้างจำกัด ผลจากวิกฤตการเงินในในยุโรปที่กระทบผู้ซื้อหลักในยุโรป ผู้ประกอบการจึงชะลอการเปิดโครงการใหม่ โดย 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวเพียง 2,000-3,000 ยูนิต ปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 1,500 ยูนิต จากนี้ไปคาดว่าจะมีเปิดตัวต่อปีประมาณ 1,000 ยูนิต
       
       “ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดคอนโดฯ ไฮเอนด์ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยโดยรวมของการปล่อยเช่าคอนโดฯ ใจกลางเมือง ในปี 2555 อยู่ที่ระดับ 4-6% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่อยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 2% และตลาดหุ้น ทองคำมีความผันผวน นอกจากนี้ หากถือไว้ในระยะยาวยังได้กำไรจากการขายต่อ เนื่องจากซัปพลายย่านใจกลางเมืองมีไม่มาก เช่น คอนโดฯ ย่านถนนวิทยุ ที่ราคาขายขึ้นมากว่า 60% ในช่วง 4-5 ปี ขณะที่ในอนาคตนักลงทุนจะไม่พัฒนาโครงการเพื่อขาย แต่จะทำประเภทโรงแรม ห้างสรรพสินค้า เพื่อเก็บที่ดินไว้แทน”น.ส.อิวัสสากล่าว
       
       น.ส.อลิวัสสากล่าวว่า สำหรับโครงการคอนโดฯ ไฮเอนด์ใจกลางเมืองมีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้นจากช่วง 2-3 ปีที่ 10% เพิ่มขึ้น 25% ผู้ซื้อหลักๆ คือ ชาวเอเชีย โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี และญี่ปุ่น เนื่องจากได้ทำเลดี และราคาถูกกว่า 4-5 เท่า
       
       น.ส.อลิวัสสากล่าวว่า ที่ดินที่มีจำกัดและต้นทุนราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้พัฒนาโครงการได้ยาก โดยเฉพาะใจกลางเมือง จาก 6-7 ปีที่แล้วราคาเพียง 900,000 ต่อ ตร.ว. ปัจจุบันราคา ตร.ว.ละ 1.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทำเลใจกลางเมืองที่ยังมีที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการได้ คือ ย่านพระราม 4 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 3 พญาไท ซึ่งที่ดินที่ติดริมถนนราคาประมาณ 300,000 บาทต่อ ตร.ว. และทำเลที่ยังมีดีมานด์เฉพาะอยู่คือ ย่านแม่น้ำ ทำให้ราคาที่ดินจากเดิมที่ราคาที่ดินคงที่อยู่ประมาณ 160,000-170,000 แสนบาทต่อ ตร.ว. เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาท ในช่วงระยะเวลา 1 ปี


ขอบคุณ : ASTVผู้จัดการออนไลน์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 เมษายน 2013, 09:49:59 โดย ka12345 »