-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 45 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ  (อ่าน 766 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

45 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ



หลายคนน่าจะเห็นข่าวคราวของทรัมป์จากสื่อมากมายทั้งในและนอกประเทศ เขาดูจะเป็นผู้สมัครที่มีปัญหามากที่สุดคนหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์เลย มีข่าวที่ไม่ดีออกมามากมาย ไหนจะนิสัยส่วนตัวที่ดูไม่ค่อยมีมารยาทแถมชอบดูถูกคนอื่น รวมไปถึงนโยบาย
ที่ดูไม่ค่อยมีมนุษยธรรมซักเท่าไหร่อีก ฉะนั้นมาดูกันดีกว่าว่าเขาเป็นใครอะไรยังไงกันแน่


 
1. ทรัมป์เคยพูดถึงนโยบายหลักของตัวเองไว้ว่า
"ll bring back our jobs from China, from Mexico, from Japan, from so many places.
 I’ll bring back our jobs, and I’ll bring back our money."

(แปลตรงๆ ก็คือ ฉันจะเอางานของพวกเรากลับมาจากจีน จากเม็กซิโก จากญี่ปุ่น และอีกหลายๆ ที่
ฉันจะเอางานของพวกเรากลับมา และจะเอาเงินของพวกเรากลับมา)

2. สโลแกนหลักในการหาเสียงของเขาคือ "Make America Great Again" ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง



3. ถึงเขาจะดูไม่ชอบพวกอพยพ แต่แม่ของทรัมป์เป็นชาวสก็อตแลนด์ที่อพยพมาอยู่อเมริกาตั้งแต่เธออายุ 18 ปี

4. ปู่กับย่าของทรัมป์ก็เป็นชาวเยอรมันที่อพยพมาอยู่อเมริกาเหมือนกัน ส่วนพ่อของทรัมป์เกิดในอเมริกา

5. พ่อของทรัมป์กลายเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้

6. นามสกุลเดิมของปู่ทรัมป์สมัยยังอยู่เยอรมนีคือ Drumpf



7. ทรัมป์มีอาอยู่คนหนึ่งที่เคยเป็นอาจารย์ที่ MIT อาของเขาเคยช่วยงานวิจัยเรื่องเรดาร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ FBI ยังเคยขอความช่วยเหลือจากอาของทรัมป์ให้ช่วยวิเคราะห์เอกสารงานประดิษฐ์ต่างๆ ของนิโคล่า เทสล่า
ที่พบพร้อมกับศพของเทสล่า ถ้าใครสงสัยถึงความฉลาดของทรัมป์ เขาก็มักยกอาคนนี้มาอ้างถึงยีนส์อัจฉริยะที่มีในสายเลือด

8. เพื่อนร่วมโรงเรียนบางคนของทรัมป์เล่าว่าสมัยนั้นเขาเป็นพวกหัวโจกที่ชอบแกล้งคนอื่น แต่ทรัมป์บอกว่า
เขาก็แค่ซนและเอะอะตามประสาเด็กเฉยๆ

9. พออายุ 13 ทรัมป์เลยถูกส่งไปเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแทน
                                                                         
10. ทรัมป์จบมัธยมโรงเรียนทหารพร้อมเกียรติประวัติมากมายทั้งด้านกีฬาและการเรียน ผลการเรียนเขาดีมาก

11. จากนั้นเขาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดัมในช่วง 2 ปีแรก ก่อนจะโอนหน่วยกิตไปเรียนปี 3 ต่อที่
Wharton School of Finance and Commerce ของ University of Pennsylvania ซึ่งคณะด้านการเงิน
ที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของอเมริกา และเป็นที่แรกๆ ที่เปิดสอนเศรษฐศาสตร์วิชาเอกอสังหาริมทรัพย์



12. สรุปว่าทรัมป์จบจากมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีก แถมยังจบจากคณะที่ดังระดับประเทศ เขาเรียนเก่งมากจริงๆ

13. ทรัมป์คิดอยากสมัครเป็นประธานาธิบดีมาหลายครั้งแล้ว แถมยังเคยอยากสมัครเป็นผู้ว่าการมลรัฐนิวยอร์กมาก่อน
แต่ก็ยังไม่เคยลงสมัครอะไรจริงจนกระทั่งการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2000

14. ปี 2000 ทรัมป์ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีกับพรรครีฟอร์ม ซึ่งคู่แข่งในปีนั้นจาก 2 พรรคดังคือ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช
ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน และอัล กอร์ ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต

15. ในครั้งนั้นทรัมป์ชนะการเลือกตั้งรอบแรกในมลรัฐแคลิฟอร์เนียและมิชิแกนด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ขอถอนตัว
โดยอ้างว่ามีความกังวลเกี่ยวกับตัวพรรครีฟอร์ม



16. ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2012 ที่โอบามาชนะเป็นสมัยที่ 2 นั้น ทรัมป์เคยเกือบได้เป็นตัวแทน
ของพรรครีพับลิกันที่จะแข่งกับโอบามาแล้วด้วย ตอนนั้นทรัมป์มีคะแนนนิยมนำมิตต์ รอมนีย์ ด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย
เขาก็ประกาศว่าเขาจะไม่ลงสมัครเลือกตั้งในปี 2012 แต่ก็ย้ำด้วยว่าถ้าเกิดเขาลง เขาก็ชนะได้รับเลือกไปแล้ว

17. ข่าวดังสุดๆ ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012 คือตอนที่ทรัมป์โจมตีโอบามาเรื่องสัญชาติ โดยกล่าวหาว่า
โอบามาไม่ได้เกิดในอเมริกาจึงไม่มีสัญชาติเป็นอเมริกัน หลังทำเนียบขาวเอาสูติบัตรของโอบามาออกมายืนยัน
ทรัมป์ก็บอกว่าขอดูประวัติการศึกษาและใบเกรดของโอบามาต่อว่าใช้คะแนนเท่าไหร่เข้าไอวี่ลีก

18. แต่เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้กับทรัมป์ในการหาเสียงปี 2016 ของเขา ทรัมป์บอกว่าเขารู้อยู่แล้วว่าโอบามาเกิดในอเมริกา
แต่ข่าวลือเรื่องสัญชาติของโอบามาในตอนนั้น ฮิลลารี คลินตัน เป็นคนกุข่าวขึ้นในการหาเสียงปี 2008 ของเธอ



19. ทรัมป์เคยอยู่พรรครีฟอร์มเป็นเวลาสั้นๆ ช่วงปี 1999 – 2001 หลังจากนั้นเขาก็ย้ายมาอยู่พรรคเดโมแครต
ตั้งแต่ปี 2001 – 2009 พรรคเดโมแครตคือพรรคที่ฮิลลารี คลินตัน อยู่ในตอนนี้ และเป็นพรรคคู่แข่งกับรีพับลิกันนั่นเอง

20. ปี 2009 เขาย้ายมาอยู่พรรครีพับลิกัน และสนับสนุนจอห์น แมคเคน ในการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี

21. ทรัมป์มอบเงินสนับสนุนให้ผู้ลงสมัครประธานาธิบดีและผู้สมัครเวทีการเมืองท้องถิ่นถึง 96 คนจากหลายพรรคตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา

22. แต่เงินบริจาคที่มอบให้ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตสูงกว่าของพรรครีพับลิกันมาก



23. ทรัมป์เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เขาก็เคยเป็นเจ้าของเวทีการประกวดสาวงาม
อย่าง Miss Teen USA, Miss USA แลพ Miss Universe

24. ในปี 2015 หลังทรัมป์ประกาศลงสมัครเป็นประธานาธิบดี และมีนโยบายที่ฟังดูไม่ดีเกี่ยวกับผู้อพยพชาวเม็กซิกัน
ช่อง NBC ที่เป็นช่องทีวีคู่บุญกับทรัมป์มาหลายปีก็ประกาศยุติความร่วมมือทางธุรกิจทั้งหมดกับทรัมป์

25. จากนั้นทรัมป์ก็ซื้อหุ้นการประกวด Miss Universe ของ NBC มาทั้งหมด ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของการประกวด
Miss Universe แต่เพียงผู้เดียวในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่เขาจะขายต่อให้ WME/IMG ทั้งหมด

26. ทรัมป์มีบริษัทโมเดลลิ่งของตัวเองด้วยนะ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แมนฮัตตัน เน้นนำเข้านางแบบจากต่างประเทศ
แต่ก็โดนเรื่องละเมิดกฎหมายแรงงานต่างด้าวอีก

27. ก่อนการลงสมัครเป็นประธานาธิบดี คนส่วนมากรู้จักทรัมป์จากรายการ The Apprentice และ The Celebrity Apprentice
รายการเรียลลิตี้ที่ไม่ได้เอาคนมาแข่งร้องเพลงหรือเดินแบบ แต่มาแข่งการบริหารและจัดการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
โดยมีทรัมป์เป็นพิธีกรและกรรมการของรายการ



28. รายการ The Apprentice มีมาแล้ว 14 ซีซั่น และกำลังจะสร้างซีซั่นที่ 15 โดยซีซั่นที่ 15 นี้จะเป็นซีซั่นที่ไม่มีทรัมป์
มาเกี่ยวข้องด้วยเป็นครั้งแรก เพราะช่อง NBC ยุติความร่วมมือกับทรัมป์แล้ว

29. แต่ละตอนของ The Apprentice จะจบลงด้วยการที่ทรัมป์พูดวรรคทองว่า “You’re fired.” หรือ “คุณถูกไล่ออก”
กับผู้ตกรอบประจำแต่ละสัปดาห์

30. ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึง 2 ครั้ง จากผลงานเรียลลิตี้โชว์นี้ แถมยังมีดาวของตัวเองประดับ
ที่ถนน Hollywood Walk of Fame อีกด้วย



31. ทรัมป์ได้เล่นเป็นตัวเองในละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Sex and the City, Zoolander, และ Two Weeks Notice

32. ทรัมป์เคยเล่นเป็นตัวเองในหนังโป๊เรื่องนึงด้วย (เป็นแค่ตัวประกอบ)

33. ทรัมป์มีมหาวิทยาลัยของตัวเองด้วยนะ มีชื่อว่า Trump University ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 เปิดสอนด้านการค้าอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ

34. แต่มหาวิทยาลัยนี้ไม่เคยได้รับการรับรองว่าเป็นวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยจริงจากกระทรวงศึกษาฯ วุฒิที่ได้หลังเรียนจบ
จึงไม่ได้รับการยอมรับ แต่ด้วยความที่ชื่อส่อให้เข้าใจผิด ทำให้โดนฟ้องหลายต่อหลายครั้ง (รวมถึงฟ้องในแง่มุมอื่น)
จนต้องปิดตัวลงในปี 2010



35. แม้จะเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ แต่ก็มีหลายธุรกิจของทรัมป์ที่ล้มละลาย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนักหรอก เขามีช่องทาง
ให้ไปต่อเรื่อยๆ แถมกำไรจากธุรกิจอื่นก็ยังเยอะมาก

36. กลับมาที่การลงสมัครเป็นประธานาธิบดีในครั้งนี้ของทรัมป์ ตอนแรกๆ ที่ทรัมป์จะเป็นตัวแทนของพรรค สมาชิกพรรครีพับลิกัน
บางคนยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสนับสนุนดีมั้ย เพราะกลัวทรัมป์จะทำให้ภาพลักษณ์พรรคเปลี่ยนไป
                                                   
37.   ตอนหาเสียงทรัมป์เน้นนโยบายเรื่องชาตินิยม โดยจะทวงคืนงานและเงินกลับมาให้คนอเมริกัน การทำกำแพงกั้นพรมแดน
ประเทศเพื่อไม่ให้ชาวเม็กซิกันลักลอบข้ามมา (โดยให้เม็กซิโกเป็นคนออกเงินสร้างกำแพงเอง) รวมไปถึงการแบนชาวมุสลิม
เพื่อป้องกันการก่อการร้ายอย่างน้อยก็จนกว่าจะได้คำตอบเรื่องการก่อการร้ายที่ฝรั่งเศส (จากการหาเสียงเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2015)
แต่หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เขาก็ดูจะอ่อนลงในเรื่องเหล่านี้

38. หลังประกาศลงสมัคร ทรัมป์ก็ทวีตว่าคนอื่นเยอะขึ้น ไม่ว่าจะคู่แข่งหรือสื่อที่เขียนข่าวถึงเขาไม่ดี จนเขาถูกทีมงาน
เปลี่ยนรหัสผ่านทวิตเตอร์ในวันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งเพื่อกันเขาทวีตอะไรไม่ดีอีก แต่ไม่นานนักเขาก็ได้แอคเคาน์ทวิตเตอร์
ตัวเองคืนมา

39. ฮิลลารี คลินตัน คือผู้ที่ถูกทรัมป์ทวีตด่ามากที่สุด คำด่าที่เขาใช้เรียกเธอบ่อยๆ คือ Crooked ที่แปลว่าไม่ซื่อสัตย์
นอกจากนี้ก็มีอีกหลายคำที่สื่อว่าโกหก, ปลิ้นปล้อน, หลอกลวง, โง่, และไร้คุณสมบัติที่จะเป็นประธานาธิบดี เขาเคยขู่ว่า
ถ้าได้เป็นประธานาธิบดีจะจับฮิลลารีเข้าคุก แต่หลังได้รับชัยชนะเขาก็พูดถึงเธอในแง่ดี และให้เกียรติ รวมถึงชมเชยเธอ
ในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


40. ผู้สมัครคนอื่นจากพรรครีพับลิกันเหมือนกับทรัมป์ก็โดนทวีตด่าด้วยเช่นกัน เจบ บุช ถูกทวีตด่าว่าเป็นนักการเมืองที่โง่,
อ่อนแอ, น่าสมเพช, และไร้สมรรถภาพ เท็ด ครูซ ผู้สมัครร่วมพรรคที่มีเชื้อสายอเมริกาใต้ก็โดนทวีตด่าว่าควรหลีกทาง
ให้คนที่มีโอกาสมากกว่าอย่างฉัน ได้แล้ว, ขี้โกหก, หยุดพูดเรื่องเชื้อชาติได้แล้ว, และ ยังไงก็ไม่มีทางชนะฉันได้แน่นอน

41. ขนาดนักการเมืองพรรครีพับลิกันที่ไม่ได้ลงสมัครประธานาธิบดีปีนี้อย่างจอห์น แมคเคน ก็โดนไปด้วยว่า
“ต้องมากราบขอร้องให้ฉันช่วยสนับสนุนในสมัยนั้น (ฉันให้เงิน เขาเลยชนะ)"

42. อดีตตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครประธานาธิบดีคราวก่อนอย่างมิตต์ รอมนีย์ ก็โดนทรัมป์ด่าว่า
“มัวแต่ช็อกอ้ำอึ้งเหมือนหมา จนพลาดโอกาสเอาชนะเลย”

43. ประเทศต่างๆ ก็โดนทวีตด่าเช่นกัน ที่โดนแล้วก็มีอังกฤษ, จีน, เยอรมนี, อิหร่าน, เม็กซิโก, ซาอุดิอาระเบีย
รวมไปถึงตัวสหรัฐอเมริกาเอง ผู้นำประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปก็โดนด่าว่า “อ่อนแอ”

44. สื่อก็โดนทั่ว ไม่ว่าจะช่อง ABC, CNBC, CNN, Fox News, NBC หรือสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง สำนักข่าว AP,
Forbes, Fortune, The Huffington Post, The New York Times, USA Today, Vanity Fair,
The Wall Street Journal หรือ The Washington Post ก็โดนด่ากระจายไม่มีข้อยกเว้น

45. แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะแม้แต่ตัวพรรครีพับลิกันที่ตัวทรัมป์เองเป็นสมาชิกอยู่ ทีมหาเสียงของพรรค
หรือประชาชนที่เชียร์พรรคนี้ก็เคยโดนทวีตด่าเช่นกัน ทรัมป์ทวีตด่าทุกคนอย่างทั่วถึงจริงๆ


ตอนนี้ที่ทรัมป์ชนะแล้ว เขาดูอ่อนโยนมากขึ้นและท่าทีแข็งกร้าวที่มีต่อหลายๆ นโยบายแรงๆ เมื่อก่อนก็ดูจะซอฟต์ลง
แล้วด้วยเช่นเดียวกัน จากสุนทรพจน์ตอนได้รับชัยชนะเขาดูมีท่าทีที่สุขุมขึ้น นอกจากนี้เขายังหวังจะเป็นประธานาธิบดี
เพื่อคนอเมริกันทุกคนไม่ใช่แค่คนที่เลือกเขา ดังนั้นนโยบายสุดโต่งหลายอย่างน่าจะถูกนำมาพิจารณาใหม่และปรับให้
เหมาะสมขึ้นกว่าเดิม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤศจิกายน 2016, 13:00:07 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่