บทเรียนของซิตี้ คอลัมน์ คุยนอกจอ โดย เอกราช เก่งทุกทาง เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ล่าสุดต้องเป็นแมตช์แห่งความทรงจำของ "แมนฯยูไนเต็ด" แต่เป็นฝันร้ายของพวกซิตี้อย่างไม่ต้องสงสัย
นี่คือเกมที่แมนฯซิตี้สับสนกับความรู้สึกมากๆ จากที่น่าจะแพ้เพราะโดนนำตลอดกลายเป็นไม่ควรแพ้หลังจากตีเสมอในนาทีสุดท้าย แต่ท้ายสุดมันก็แพ้อยู่ดี แถมแพ้แบบข้องใจเรื่องเวลาอีกต่างหาก
จากเวลาที่ทดจริง 4 นาที กรรมการ "มาร์ติน แอ็ตกินสัน" ปล่อยให้เล่นต่อไปร่วมๆ 7 นาที จนกระทั่งเป็นเรื่องเพราะ" ไมเคิล โอเว่น " ดันซัดประตูชัยให้ปีศาจแดงในนาที 96
มาร์ก ฮิวจ์ส กุนซือซิตี้มีเหตุผลอยู่เหมือนกันที่เปิดประเด็นนี้ แต่ถึงยังงั้นก็ต้องเข้าใจสภาพของกรรมการแอ็ตกินสันที่นกหวีดค้าง เป่าไม่ออก ปิดเกมไม่ลง เนื่องจากความไหลต่อเนื่องของเกมบุกแมนฯยูซึ่งโจมตีแบบไม่ยอมเลิก เล่นเร็ว ทำเร็ว กดดดันเชิ้ตดำให้หาจังหวะเป่าลำบาก กลายเป็นต่อไปอีกหน่อย ต่อไปอีกหน่อย สุดท้ายก็เข้าทาง
ปีศาจแดงได้เกมนี้เพราะลูกเก๋า กับหัวใจที่แข็งแกร่ง สองอย่างนี้แมนฯซิตี้ยังไม่ค่อยมีนะครับ
มาร์ก ฮิวจ์ส โวยเรื่องทดเวลาได้ แต่ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองว่าดีพอจะได้คะแนนหรือเปล่า ซิตี้อาจจะมีความเฉียบขาดและฉวยโอกาสเก่ง แต่ยังเล่นไม่ละเอียดพอ เกมรับก็เสียลูกที่ไม่น่าเสียง่ายเกินไป
ฮิวจ์สต้องกลับไปทบทวนว่า ทำไมทีมปล่อยให้มิดฟิลด์อย่าง "ดาร์เรน เฟลทเชอร์" โหม่งทำประตูได้ถึงสองครั้ง รวมทั้งต้องรีบปรับทีมเวิร์กของกองหลังให้รู้ใจ รู้จังหวะกันมากขึ้น
อย่างลูกที่ 4 ที่โดนโอเว่นยิงดิ้น เห็นชัดๆ ว่าการตั้งรับมีปัญหาทั้งเช็คล้ำหน้าพลาดและยืนคุมพื้นที่ไม่ดี
ทีมที่จะเป็นแชมป์ หรือกระทั่งลุ้นติดท็อปโฟร์ ต้องไม่เสียแบบนี้
ส่วนตัวกุนซือฮิวจ์สเอง โทษนะครับ ผมว่ามองมุมไหนก็ยังไม่ถึงขั้นพาทีมให้ยิ่งใหญ่ตามเป้าหมายของสโมสรได้
เขาจัดตัว วางหมากโอเค แต่การแก้เกมในจังหวะสำคัญ หรือการเลือกเวลาเปลี่ยนตัวที่เหมาะสม ฮิวจ์สยังไม่คมเหมือนพวก "เซอร์อเล็กซ์, ราฟา, เวนเกอร์" รวมทั้ง "คาร์โล อันเชล็อตติ"
ผมพยายามเอาใจช่วย มาร์ก ฮิวจ์ส แต่นึกถึงเขาทีไร ก็อดเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นใกล้ๆ กันอย่าง "สตีฟ บรู๊ซ" ไม่ได้ทุกที
พวกนี้เกือบจะเก่งแล้ว เกือบๆ แล้วทั้งคู่
ที่มา