-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Richard Loeb & Nathan Leopold แผนที่สมบูรณ์แบบ  (อ่าน 630 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Richard Loeb & Nathan Leopold แผนที่สมบูรณ์แบบ
« เมื่อ: 09 ธันวาคม 2016, 14:49:33 »

Richard Loeb & Nathan Leopold แผนที่สมบูรณ์แบบ

ในปี 1924 ที่ชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาฯ
ได้เกิดคดีหนึ่งที่น่าตกตะลึงขึ้นเมื่อเด็กวัยรุ่นสองคนคือ
นาธาน ลีโอโปลด์ (Nathan Leopold) กับ ริชาร์ด โลบ (Richard Loeb) ได้ตัดสินใจลักพาตัว
และทำการฆาตกรรเด็กชายวัย 14 ปี ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องเจ็บแค้นกันมาก่อน และเมื่อทั้งสองถูกจับกุม
พวกเขาก็บอกสาเหตุที่ทำเรื่องเหล่านี้ว่าพวกเขาทำไปเพราะต้องการประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเท่านั้น......

 
 
นาธาน ลีโอโปลด์ กับ ริชาร์ด โลบ (Richard Loeb & Nathan Leopold)



 
นาธาน ลีโอโปลด์ ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี เมื่อเย็นของวันที่ 10 พฤศจิกายน 1923 เขาได้ตกลงที่จะขับรถให้กับริชาร์ด
โลบเพื่อนและคนรักของเขาจากชิคาโกไปยังมหาวิทยาลัยมิชิแกน การเดินทางกินเวลาหกชั่วโมง เพราะต้องแวะไป
ขโมยของญาติห่างๆ ของโลบแต่พวกเขาขโมยได้แต่เพียงเงิน $80  นาฬิกาหนึ่งเรือน มีดพก และเครื่องพิมพ์ดีด
ถือว่าเป็นรางวัลน้อยมากสำหรับแผนอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ของเขา  ระหว่างเดินทางกลับชิคาโก ลีโอโปลด์เริ่มบ่น
และโต้เถียง บ่นที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดีขึ้นในช่วงหลัง


ในที่สุดทั้งสองก็โอบกอดแสดงความรักกันและกันว่าพวกเขาจะผูกพันจนวันตาย และในขณะพวกเขายังคงขับรถไปตามถนน
ในชนบทมุ่งสู่ชิคาโก โลบเริ่มที่จะพูดคุยแผนการก่ออาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง ที่ผ่านมาพวกเขาร่วมมือกันเป็นหัวขโมย
ลักเล็กขโมยน้อยและวางเพลิงสอง-สามครั้งแต่ไม่มีใครเอาเรื่องที่เขาก่อลงหนังสือพิมพ์  พวกเขาต้องก่ออาชญากรรมที่ทำให้
ทั่วทุกแห่งในชิคาโกหันมาสนใจ และแล้วพวกเขาก็นึกแผนการอย่างหนึ่งมาได้ นั่นคือ

การลักพาตัวและฆาตกรรมเด็ก



โดยพวกเขาจะทำเป็นเหมือนโจรเรียกร้องเงินค่าไถ่จากพ่อแม่ มันเป็นงานที่ยากและซับซ้อน แต่มันก็ท้าทาย
หากพวกเขาทำสำเร็จ มันจะกลายเป็นแผนสมบูรณ์แบบที่พวกเขาคิดขึ้นมา


ลีโอโปลด์และโลบได้พบกันในฤดูร้อนของปี 1920 เด็กทั้งสองเติบโตมาในเคนวู้ด ย่านของคนร่ำรวยทางด้านทิศใต้ของชิคาโก
ครอบครัวของลีโอโปลด์นั้นเป็นชาวยิวเชื้อสายเยอรมันอพยพที่ร่ำรวยและเป็นที่นับหน้าถือตา พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด
ที่ได้รับมรดกเป็นบริษัทขนส่ง ในปี 1924


ทั้งลีโอโปลด์และโลบนั้นต่างเป็นเด็กฉลาด โดยเฉพาะลีโอเปลด์นั้นเป็นเด็กอัจฉริยะ พูดคำแรกตั้งแต่อายุสีเดือน มีเชาว์ปัญญา
กว่า 210 จุด เป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมในมหาวิทยาลัยชิคาโกตอนอายุ 15 ปี สามารถพูดภาษาต่างๆ กว่า 27 ภาษาอย่างคล่องแคล่ว
และนอกจากนี้เขายังเป็นนักวิหควิทยาสมัครเล่นที่รอบรู้เชี่ยวชาญ ลีโอโปลด์วางแผนที่จะศึกษากฎหมายเพื่อจบออกมาจะเป็นทนาย
ที่มีประสบความสำเร็จให้ครอบครัวภาคภูมิใจ

ส่วนทางด้านริชาร์ด โลบนั้น เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อเป็นรองประธานของบริษัทเชียร์ แอน โรบัคส์ (Sears and Roebuck)
มีเงินมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบุตรคนสุดท้องของพี่น้อง 4 คน เป็นเด็กฉลาดสอบเป็นบัณฑิตอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
ของมหาลัยมิชิแกน และกลับไปเรียนต่อในโรงเรียนกฎหมายชิคาโก

สองวัยรุ่นได้พบกันขณะเรียมหาวิทยาลัยชิคาโก พัฒนาจากเพื่อนสนิทจนกลายเป็นคนรักโฮโมเซ็กซ์ช่วล



โลบนั้นเป็นเด็กที่มีความข่มขืนในวัยเด็ก ใช้เวลาส่วนมากในการอ่านนวนิยายนักสืบฆาตกรรมและความรุนแรง จนกลายเป็นคนเชื่อว่า
สามารถกระทำ “อาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ” ชนิดที่ตำรวจไม่สามารถจับได้ ด้วยเหตุนี้เองโลบก็เริ่มต้นก่ออาชญากรรม จากระดับเล็ก
เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากการโกงไพ่ มาเป็นลักเล็กขโมยน้อยทำลายข้าวของ ทุบหน้าต่างร้านค้า วางเพลิง โดยไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษ
ลีโอโปล์ดเองก็ให้ความร่วมมือเสมือนหนึ่งลูกสมุนที่ซื่อสัตย์ของเขาเพื่อสร้างมิตรภาพและความรักแก่โลบ

แต่ดูเหมือนว่าการก่ออาชญากรรมพวกนี้จะไม่สาแก่ใจของทั้งคู่ พวกเขาอยากก่ออาชญากรรมที่ใหญ่มากกว่านั้น ผลสรุปก็คือพวกเขาคิดจะ
ลักพาตัวและฆาตกรรมเด็กชาย ให้ดูเหมือนเป็นการเรียกค่าไถ่ โดยพวกเขาเชื่อว่า “มันคืออาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ”
ที่ตำรวจไม่สามารถจับพวกเขาได้

ลีโอโปล์ดและโลบใช้เวลานานถึงเจ็ดเดือนในการวางแผนอย่างละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเหยื่อที่ต้องเป็นเด็กชายจากครอบครัว
ที่ร่ำรวยพาหนะที่ลักพาตัวเด็กต้องเป็นรถเช่า การฆ่าเหยื่อต้องการตีให้สลบและช่วยการรัดคอ นำศพไปหมดท่อน้ำในบริเวณไม่มีคน

จากนั้นพวกเขาก็ส่งจดหมายเรียกค่าไถ่จดหมายที่ด้วยพิมพ์ดีดไปยังครอบครัวของเด็ก ในจดหมายเรียกร้องเงินเรียกค่าไถ่และวิธีการ
ส่งมอบเงินแบบละเอียดยิบ ทั้งหมดนี้เพื่อให้แผนออกมาสมบูรณ์แบบ มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

ในวันพุธ21พฤษภาคม, 1924แผนการของลีโอโปล์ดและโลบก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากการตะเวนหาเหยื่อที่เป็นเด็กชายที่เดินกลับบ้าน
หลังเลิกเรียน ในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจเลือกโรเบิร์ต "บ๊อบบี้" แฟรงค์ อายุ 14 ปี เป็นลูกชายของเศรษฐีจาค็อบ แฟรงค์ซึ่งรู้จักกับ
โลบเป็นอย่างดี


“เฮ้บ๊อบ” โลบตะโกนเรียกเด็กชายจากหน้าต่างรถ เด็กชายหันมาเมื่อได้ยินเสียง โลบโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูรถชักชวน
เด็กชายให้เข้ามา“สวัสดีบ๊อบ มานั่งบนรถสิ เราจะพานายไปส่ง”



เด็กชายส่ายหัวปฏิเสธ เพราะเดินอีกไม่กี่นาทีก็ถึงบ้านเขาแล้ว
“มานั่งในรถสิ ฉันต้องการให้นายดูไม้เทนนิสที่ได้จากพี่ชายของฉันน่ะ”
มันได้ผล บ็อบบี้สนใจและยอมขึ้นรถมาด้วยจากนั้นประตูหน้าก็เปิดออก บ๊อบบี้ก้าวเข้าไปในประตูตามคำเชิญชวน

เด็กชายนั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้า โดยมีลีโอโปล์ดขับรถ ระหว่างที่เด็กกำลังชื่นชมไม้เทนนิส เขาไม่รู้สึกตัวว่าตอนนี้รถได้ออกไกล
จากบ้านของเขา ไปยังจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน และเมื่อโลบเห็นโอกาสเหมาะ จึงได้ใช้ท่อนเหล็กฟาดที่ด้านหลังกะโหลกศีรษะ
ของบ๊อบบี้เพื่อหวังให้เขาสลบตามแผนที่วางไว้

แต่ปรากฏว่ามันไม่ไปตามแผน บ๊อบบี้ไมได้สลบหลังถูกไม้ฟาดเด็กยังคงมีสติ เขามองไปหาโลบ ยกแขนขึ้นราวกับพยายาม
ปกป้องตนเองจากการฟาดของโลบเต็มที่ พร้อมร้องไห้แหกปากจ้า โลบตกใจจึงกระหน่ำฟาดไปหลายครั้งสุดแรงเกิด
มากเท่าที่จะทำได้

เลือดจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าผากเด็กกระเซ็นกระจายไหลนองไปทั่วพื้นรถ และสาดลงบนกางเกงของลีโอโปลด์
โลบยังคิดว่าเด็กยังมีสติอยู่และกลัวแหกปาก เขาเลยลากเด็กไปเบาะหลังของรถ เอาเศษผ้ายัดไปที่ลำคอของเด็ก
แล้วดันเข้าไปข้างในสุดแรงเกิด จากนั้นก็ฉีกเทปกาวปิดปากทับอีกที และนั่นทำให้เด็กชายเสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น

แม้แผนการจะผิดคาดไปบ้าง แต่ลีโอโปล์ดและโลบก็ยังทำตามแผนอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบต่อเขาคลุมศพของเด็กชาย
และขับรถไปยังพื้นที่ห่างไกลผู้คน บริเวณทะเลสาบวูล์ฟ ในอินเดียน่า ซึ่งเป็นยังจุดหมายที่กำหนดไว้ว่าเป็นที่หมกศพ

ทั้งคู่จัดการถอดเสื้อผ้าบ๊อบบี้ และเทกรดไฮโดรคลอริกที่หน้าและอวัยวะเพศเพื่อไม่ให้ใครจำศพได้ จากนั้นหมกศพ
ในท่อระบายน้ำใต้รางรถไฟซิลเวเนีย ริมทะเลสาบ

 

 

จดหมายเรียกค่าไถ่


 
หลังจากกลับไปชิคาโก พวกเขาก็โทรศัพท์แม่ของบ๊อบบี้ บอกว่าตอนนี้ลูกชายของเธอถูกลักพาตัวไป ตอนนี้สบายดี และจะส่งจดหมาย
เรียกค่าไถ่ไปให้ทีหลัง จากนั้นทั้งคู่ก็จัดการเผาเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเด็กชาย และพยายามทำความสะอาดคราบเลือด
จากเบาะรถยนต์เช่าเพื่อทำลายหลักฐาน จากนั้นทั้งสองใช้เวลาที่เหลือเล่นไพ่ฆ่าเวลา

แต่แล้วเช้าวันต่อมา ในขณะที่ครอบครัวบ๊อบบี้เตรียมเงินค่าไถ่ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเป็นเสียงของตำรวจที่แจ้งว่า
ได้พบศพลูกชายของตน และนั่นเองทำให้แผนการลักพาตัวเด็กเรียกค่าไถ่ที่ลีโอโปล์ดและโลบวางเอาไว้ล้มไม่เป็นท่า และเมื่อทั้งคู่
ทราบข่าวจึงรีบทำลายเครื่องพิมพ์ดีดที่เขียนจดหมายเรียกค่าไถ่และเผาเสื้อคลุมที่เคลื่อนที่ศพ

แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้พบหลักฐานสำคัญที่จะตามรอยฆาตกร เมื่อมีการค้นพบแว่นตาใกล้ศพเด็กชาย แว่นตาอันนี้มีบานพับ
กลไกที่ผิดปกติไม่เหมือนแว่นตาทั่วไป และเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเพียงสามคนที่ซื้อแว่นตาดังกล่าว และหนึ่งในนั้นคือ นาธาน ลีโอโปล์ด
และเขา ก็เป็นเพื่อนบ้านของบ๊อบบี้ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด



เมื่อตำรวจนำลีโอโปล์ดมาสอบสวน เขาก็ยอมรับว่าแว่นที่พบที่เกิดเหตุเป็นของเขาจริง หากแต่ทำตกตอนไปดูนก และเมื่อตำรวจ
ถามว่าเขาทำอะไรในคืนที่เกิดการฆาตกรรม ทั้งลีโอโปล์ดและโลบให้การตรงกันว่าคืนนั้นพวกเขากำลังขับรถและระหว่างทางพาสาวๆ
ขึ้นรถ และมีเซ็กส์ในที่เปลี่ยว และปล่อยพวกเธอที่สนามกอล์ฟใกล้ๆ โดยที่ไม่รู้ชื่อของพวกเธอด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อโลบเจอการสอบสวนอย่างหนักหน่วง เขาก็ได้รับสารภาพ และเมื่อลีโอโปลด์ทราบเรื่องเขาก็สารภาพตามโลบด้วย


แม้ว่าทั้งสองจะได้รับสารภาพ แต่คำให้การว่าใครต้นคิดและใครสังหารบ๊อบบี้นั้นทั้งสองโทษกันไปมา แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านี้คือแรงจูงใจ
ที่ทั้งสองทำลงไปไม่ได้ต้องการเงินค่าไถ่แม้แต่น้อย เพราะครอบครัวของทั้งคู่นั้นมีทุกอย่างต้องการ ทั้งสองยอมรับว่าแรงหนุนเกิดจาก
ความตื่นต้นมนการฆ่า และความปรารถนาที่จะทำ “อาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ” ให้ได้


ไม่นานเรื่องราวของฆาตกรทั้งสองก็ถูกเผยแพร่ในหน้าหนังสือพิมพ์อย่าง และได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างรวดเร็ว
และแน่นอนว่าทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้ฆาตกรทั้งสองถูกประหารชีวิตให้สาสมกับความผิด

ไม่แปลกใจเลยว่า ในวันที่ลีโอโปล์ดและโลบถูกดำเนินตัวดำเนินคดีในชั้นศาล ได้กลายเป็น “การพิจารณาคดีแห่งศตวรรษ” เป็นที่เรียบร้อย
ประชาชนมากมายต่างแหกันจนล้นศาลเพราะอยากเห็นหน้าสองฆาตกรให้ชัดๆ



ทางด้านครอบครัวของโลบไม่อยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกประหาร จึงได้ว่าจ้างคลาแรงซ์ ดาร์โรว์ทนายความผู้มีชื่อเสียงอายุ 67 ปี
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีที่ว่าความให้จำเลยได้รับการลดหย่อนโทษหลายคดี แน่นอนว่ามันเป็นงานที่หินมากของทนายดาร์โรว์  แต่เขาก็ใช้ความ
วิกลจริตของลีโอโปล์ดและโลบมาเป็นประโยชน์ อีกทั้งเขายังแนะนำให้ลูกความของตนสารภาพความผิดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพิจารณาคดี
โดยลูกขุน ซึ่งเชื่อว่าวิธีเหล่านี้จะทำให้ลูกความของตนไม่ถูกประหาร

ในระหว่างการพิจารณาคคี 12 ชั่วโมงในวันสุดท้าย ดาร์โรว์ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กล่าวกันว่ดีที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่า จนต้องจารึกลงใน
ประวัติศาสตร์ทางกฎหมายในสหรัฐอเมริกาว่า เป็นหนึ่งในสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดและมีผลกระทบต่อคดีมากที่สุด โดยบางส่วนของสุนทรพจน์
มีดังต่อไปนี่

 
“...เป็นเรื่องง่ายๆ และนิยมว่าดี ถ้าลูกความของกระผมจะถูกพวกคุณตัดสินให้แขวนคอ ผมรู้ดี...ชายหญิงทั้งหลายที่ไม่ได้คิด
อะไรลึกซึ้งจะปรบมือให้คำสั่งประหาร เพราะพิสูจน์แล้วถึงความโหดเหี้ยมไร้มนุษย์ธรรม ปราศจากความยั้งคิดของคนคู่นี้
มักง่ายที่จะตัดสินลงโทษประหารในวันนี้...แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ในชิคาโกและตลอดแผ่นดินเสรีภาพของสหรัฐอเมริกา
พวกเราที่เป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล.......จะเริ่มคิดได้เหมือนๆ กันว่าไม่ควรยินดี ไชโยโห่ร้องในความตาย
ของลูกความของกระผมเลย คำถามจะผุดขึ้นมาว่าเมื่อไหร่เราจะหยุดเลือดและน้ำตากันได้เล่า? ด้วยวิธีประหารของจำเลยเหรอ?
สามัญสำนึกของมนุษย์จะทำให้เราต้องเสียใจที่ฆ่าพวกเขาให้ตายตกไปตามกันเช่นนี้ แล้วยังหยุดยั้งอาชญากรรมใดๆ
ไม่ได้เลย......กระผมขอวิงวอนว่า เราควรเอาชนะความโหดร้ายด้วยความเมตตา และทำลายความเกลียดชังด้วยความรัก......”


วันที่ 19 กันยายน 1924 นาธาน ลีโอโปลด์ กับ ริชาร์ โลบ ถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำ Joliet ด้วยข้อหาฆาตกรรมและค่าเรียกค่าไถ่
เป็นเวลา 99 ปี แน่นอนว่าคำตัดสินนั้นไม่เป็นที่ถูกใจของสาธารณะชนแน่นอน หลังการตัดสินก็มีโทรศัพท์ จดหมายหลั่วไหลจาก
ทั่วประเทศออกมาตำหนิอย่างรุนแรง จากนั้นก็มีโทรศัพท์มาด่าทอเข้ามาจนรับไม่ไหว มีสองรายขู่จะวางระเบิดเรือนจำที่ขังสองฆาตกรนั้น
หากศาลไม่สามารถลงโทษประหารสองคนนี้สำเร็จ และยังมีจดหมายประท้วงอย่างรุนแรงหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ เพราะการกระทำ
ของสองฆาตกรคนนี้เป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้

หลังการตัดสินนั้นบรรดาญาติทั้งเหยื่อและฆาตกรต่างได้รับความทุกข์ระทมแตกต่างกัน บางคนตรองใจตาย บางคนมีอาการประสาทหลอน
ญาติของลีโลโปลด์และโลบถึงขั้นอับอายต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เพราะทนความอับอายไม่ไหว และปกปิดความลับว่าเป็นญาติของฆากตรทั้งสอง

ทางด้านชะตากรรมของเด็กหนุ่มฆาตกรรมนั้น ทั้งสองมีเส้นทางชีวิตแตกต่างกัน ในปี 1936 ในเรือนจำ Stateville โลบถูกนักโทษ
เพื่อนท้องขังใช้มีดโกนเชือดคอหอยในห้องอาบน้ำ แม้ว่าแพทย์คุกจะพยายามอย่างดีที่สุดในการรักษา แต่สุดท้ายโลบในวัย 30 ปี
ก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา จากการสูญเสียเลือดจากบาดแผลในปริมาณมากจนช็อก




ทางด้านนาธาน ลีโอโปลด์ถูกจำคุก 33 ปี จนเขาได้รับรางวัลเป็นทัณฑ์บนและถูกปล่อยเป็นอิสระในปี 1958

เมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ ลีโอโปลด์ก็ย้ายไปเปอร์โตริโก อาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครรู้ จากนั้นก็ศึกษาในระดับปริญญา ทำงานสังคม
ที่มหาวิทยาลัยเปอร์โตริโก เขียนหนังสือเกี่ยวกับนกบนเกาะ และในปี 1961 ก็ได้แต่งงานกับแม่ม่ายชาวเปอร์ติโกที่มีอาชีพเป็นแพทย์
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ในที่สุดเขาก็สามารถเดินทางกลับไปเมืองบ้านเกิดชิคาโก และเมื่อมาถึงเขาก็วางดอกไม้บนหลุมพ่อและแม่
ของเขา และพี่ชายสองคน

เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากปี 1924 ในห้องพิจารณาคดีที่ร้อนระอุและอุดอู้ ซึ่งตอนนี้มีเพียงแต่เขาที่เป็นผู้รอดชีวิต
และแล้ววันที่ 29 สิงหาคม 1971 ลีโอโปลด์วัย 66 ปีก็เสียชีวิตในเปอร์โตริโกด้วยโรคหัวใจวาย


เป็นอันปิดตำนานคดีในประวัติศาสตร์ของอเมริกาไปอีกคดีหนึ่ง
 
อ้างอิง
http://www.smithsonianmag.com/history-archaeology/criminal-minds.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Leopold_and_Loeb

credit :: cammy@dek-d.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มกราคม 2017, 09:19:42 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่