-->

ผู้เขียน หัวข้อ: หวงตี้ (皇帝) จักรพรรดิเหลือง  (อ่าน 305 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18154
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
หวงตี้ (皇帝) จักรพรรดิเหลือง
« เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2018, 12:40:59 »

หวงตี้ (皇帝) จักรพรรดิเหลือง

ถ้าเปรียบชาวจีนทั้งหมดเป็น “น้ำ” ใน “แม่น้ำ” สายใหญ่ จักรพรรดิเหลือง ก็คงเป็น “ต้นน้ำ”
ที่กำเนิดชาวจีนทุกผู้ทุกคน



       
“จักรพรรดิเหลือง” หรือ จักรพรรดิหวงตี้ (เชื่อกันว่าครองราชย์ระหว่างปี 2490-2413 ก่อนคริสตกาล)
ความสำคัญของ จักรพรรดิองค์นี้ก็เนื่องจากเป็นผู้ปราบปรามชนเผ่าต่างๆ และรวบรวมกันไว้ ขณะที่ก็
พัฒนาด้านความเป็นอยู่ให้ชาวจีนควบคู่ไป ด้วยการแนะนำให้ทำการเกษตร เลี้ยงไหม คิดค้นเกวียน เรือ
จนถึงเข็มทิศ
       
นอกจากนี้จักรพรรดิเหลืองยังมีอัฉริยภาพอีกมาก เนื่องจากเป็นผู้ประดิษฐ์ตัวอักษร คิดค้นปฏิทินจีน
จนถึงเครื่องมือ-เครื่องใช้อีกหลายอย่าง และะด้วยสิ่งเหล่านี้เองทำให้ชาวจีนถึงรักจักรพรรดิเหลืององค์นี้มาก
จนมีเรื่องเล่าว่า เมื่อองค์จักรพรรดิเสด็จสวรรคต เนื่องจากพระองค์ทำความดีมาก จึงกลายเป็นเซียน
แต่ขณะที่กำลังเสด็จขึ้นสวรรค์ ด้วยความรัก ชาวจีนที่อยู่บนพื้นโลกจึงพยายามดึงพระองค์เอาไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ
โดยสิ่งที่เหลืออยู่บนโลกก็เพียงเสื้อผ้า ที่ชาวจีนเอามาฝังไว้ที่ “สุสานจักรพรรดิเหลือง”



 
หวงตี้เป็นลูกคนที่สองของเส้าเตี่ยน (少典) เนื่องจากมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เล็กจึงได้เป็นผู้นำชน
เผ่าปศุสัตว์เร่ร่อนต่อจากพ่อ หวงตี้มีภรรยาสี่คนล้วนแต่สวยงามทั้งสิ้น ภรรยาคนแรกชื่อเหลยจู่( 嫘祖)
เป็นคนริเริ่มสอนให้เลี้ยงไหม คนสุดท้ายเป็นหญิงสาวที่สติปัญญาเฉลียวฉลาดแต่หน้าตาอัปลักษณ์
ชื่อว่า ม่อหมู่ (嫫母) ซึ่งคำว่าม่อหมู่ต่อมาหมายถึงหญิงอัปลักษณ์ ตรงข้ามกับไซซีที่หมายถึงหญิงงาม

เมื่อเขาเป็นหัวหน้าชนเผ่าได้พบว่า ชาวบ้านสามารถเก็บของป่าได้มากมาย แต่การขนย้ายกลับทำได้ยากลำบาก
หลังจากสังเกตเห็นลูกสนที่มีลักษณะกลมสามารถกลิ้งได้ เขาจึงคิดประดิษฐ์ล้อขึ้น เมื่อนำมาติดเข้ากับแกนกล่อง
ก็ทำให้สามารถขนย้ายสิ่งของได้สะดวกยิ่งขึ้น และสามารถนำสัตว์มาผูกเพื่อใช้ในการขนย้ายไปยังที่ไกลๆ ได้อีกด้วย
เขาจึงเรียกสิ่งนี้ว่า “เกวียน”



หลังจากประดิษฐ์เกวียนได้แล้ว เขาก็พบว่า การเดินทางยังไม่สะดวกมากนัก ยิ่งการที่มีแม่น้ำคั่นอยู่ก็ทำให้
การเดินทางไม่สะดวกมากขึ้น เขาสังเกตพบว่า ต้นไม้สามารถที่จะลอยน้ำได้ จึงนำท่อนไม้มาลอยน้ำ แต่ก็ยัง
ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อขุดไม้ออกเป็นโพรงก็สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น

เมื่อการเดินทางทำได้สะดวกมากขึ้น การติดต่อระหว่างเผ่าของเขาและเหยียนตี้ก็มีเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดการ
ขัดแย้งที่นำไปสู่การปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมให้แก่กัน จนเกิดศึกสงครามขึ้นในที่สุด หลังจากการทำสงคราม
ของทั้งสองเผ่า ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในที่สุดเผ่าของเขาก็สามารถที่จะเอาชนะเผ่าของเหยียนตี้ได้
ทำให้ทั้งสองเผ่าได้รวมเป็นหนึ่งเดียว และเขาได้เป็นผู้ปกครองคนแรกของแผ่นดิน ซึ่งผู้ปกครองในยุคต่อๆ มา
ได้นำชื่อของเขาไปตั้งเป็นตำแหน่งผู้ปกครอง  หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในชื่อของ ฮ่องเต้ อีกทั้งชื่อของเขา
ยังแปลว่า พระเจ้าเหลือง ดังนั้นสีประจำองค์ฮ่องเต้จึงเป็นสีเหลือง



หวงตี้ร่วมมือกับเหยียนตี้ขับไล่ซือโหย่ว (蚩尤) ผู้รุกรานในการรบที่จัวลู่ ( 涿鹿之戰) ซือโหย่วผู้นี้
ได้ชื่อว่าเป็นคนเก่งในด้านการประดิษฐ์อาวุธ และมีเวทย์มนต์ ขณะทำการรบได้เสกหมอกให้ปกคลุม
ไปทั่วบริเวณ แต่หวงตี้ได้คิดค้น รถเข็มทิศ ( 指南车) ซึ่งรถเข็มทิศนี้จะชี้ไปทางใต้เสมอ หลังจาก
แก้ไขสถานการณ์จนรบชนะฉือโหย่ว จึงได้เป็นใหญ่ใช้ชื่อว่า “หวงตี้”




หลังจากหวงตี้สามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวและขยายอิทธิพลออกไปมากขึ้น ระบบสังคมของแผ่นดินจีน
ในยุคนั้นเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ระบบการปกครองในยุคสมัยนั้น ผู้นำจะมาจากการคัดเลือกจากผู้ที่มีความรู้
ความสามารถ ซึ่งเริ่มจาก หวงตี้ จวนซู่ ตี้คู้ ถังเหยา และอี๋ซุ่น โดยแต่ละคนต่างก็มีความสามารถที่โดดเด่นแตกต่างกันไป
และไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สงบสุข ผู้คนอยู่ด้วยความสงบร่มเย็น



จนเมื่ออี๋ซุ่นชราก็มอบสมบัติต่อให้กับหยู และเมื่อหยูชราก็คิดที่จะส่งต่อให้กับอี้เป็นผู้ปกครองคนต่อไป แต่ว่าฉี่ที่เป็น
บุตรชายของหยูไม่พอใจ จึงวางแผนลอบสังหารอี้ ก่อนที่จะใช้อำนาจแต่งตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิและสถาปนาราชวงศ์
ของตนขึ้นมา และถือเป็นราชวงศ์แรกของประวัติศาสตร์จีน คือ ราชวงศ์เซี่ย นอกจากนี้ยังเปลี่ยนรูปแบบการสืบอำนาจ
ไปเป็นระบบพ่อให้ลูก


ด้วยประวัติอันยาวนานของสุสานแห่งนี้ที่มีกว่า 4-5 พันปี ทำให้ รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับสุสานแห่งนี้มาก
เป็นอันดับ 1 ในบรรดาสุสานทั้งหมดที่มีอยู่นับพันนับหมื่นแห่งในจีน โดยในแต่ละมีจะมีพิธีไหว้จักรพรรดิเหลือง
ครั้งใหญ่ 2 ครั้งโดย คือ


       
วันที่ 5 เมษายน รัฐบาลจีนจะจัดขึ้นใน ในช่วงเชงเม้ง ซึ่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จะเดินทางมาสักการะ
องค์จักรพรรดิด้วยตนเอง ขณะที่ ในวันที่ 9 เดือน 9 หรือ 9 กันยายน วันที่ชาวบ้านจะร่วมกันจัดงานระลึกถึง
การส่งจักรพรรดิเหลืองขึ้นสวรรค์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 พฤศจิกายน 2018, 14:59:14 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่