-->

ผู้เขียน หัวข้อ: การสร้างเครือข่ายทาง  (อ่าน 1466 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
การสร้างเครือข่ายทาง
« เมื่อ: 09 มกราคม 2008, 23:28:53 »

การสร้างเครือข่ายทาง
การตลาดด้านการบริหารเครือข่าย

อาจารย์ชวลิต ทองรมย์


      คนเราเลือกเอา ระหว่าง เวลา กับรายได้ ถ้าต้องการมีรายได้มาก ๆ ก็ต้องสละความสุขส่วนตัว ไปทำงาน ที่ต้องใช้เวลา แต่ถ้าไม่ต้องการรายได้ ก็มีเวลาที่จะได้พักผ่อน อยู่บ้าน ไปใช้ชีวิตส่วนตัว อยู่กับครอบครัว แต่ก็ไม่มีความสุข เพราะไม่มีรายได้ ดังนั้นต้องเลือกความพอดี ให้เหมาะ แต่ถ้าคุณได้ทั้ง เวลา และรายได้ รวมถึงความสุขด้วย คุณจะทำได้อย่างไร คำถามนี้น่าคิด และเป็นแบบอย่างในฝันที่หลาย ๆ คนต้องการ คือ ต้องการมีทั้งรายได้ และเวลาที่จะใช้แสวงหาความสุขใส่ตัว ไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้น หลายคนต้องไปมุ่งเสาะแสวงหา บ้างคนก็ไม่เจอ บางคนก็เจอ แต่ก็ใช้เวลานาน อายุก็ปาเข้าไปใกล้ ๆ จะเกษียน หรือ เกษียนไปแล้วก็มี ทำให้ไม่มีแรงไปเที่ยวอีก
      อาชีพ ในฝัน ที่จะสร้างให้มีรายได้มาก ๆ และมีเวลามาก ๆ ในเวลาเดียวกันเพื่อจะได้ไปใช้ความสุขที่ตนต้องการ คืออะไร? หลาย ๆ คนคงจะตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่ประสบการณ์และความรู้ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าอาชีพใด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการและระบบงานที่เข้ามารองรับ และคำตอบง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเข้าใจ ก็คือ ความมานะ บากบั่น และความเพียรพยายาม อย่างถูกต้องและยุติธรรมในด้านการดำเนินการ นั่นก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่จริง ๆ แล้ว ที่สำคัญของความสำเร็จใด ๆ คือ ต้องสร้างคนที่อยู่กับองค์กรเราให้สำเร็จ ถ้าทุกคนในองค์กรสำเร็จ องค์กรเราก็จะสำเร็จไปด้วย ดังนั้น การทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ก็คือการสร้างระบบเพื่อรองรับกับความสำเร็จนั้น ๆ นั่นเอง และทำให้เป็นแบบอย่างที่ทุกคนสามารถนำไปดำเนินงานหรือปฏิบัติตามได้ เท่านี้ เราก็ให้ระบบทำงานให้เรา นี้คือหัวใจของการทำงานที่ประสบความสำเร็จอย่างง่าย ๆ ซึ่งถ้าผู้ประกอบการใด สามารถพัฒนาระบบที่ประสบความสำเร็จได้ และมีระบบให้กับบุคคลในองค์ทำได้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เท่านี้ เจ้าของผู้ประกอบการนั้นก็สามารถสร้างรายได้ และมีเวลา เพราะว่ามีระบบรองรับและมีผู้ที่สำเร็จอยู่รอบ ๆ ตัว และทุกคนในองค์กรนั้น ๆ ก็ย่อมสำเร็จ หมายถึง มีเวลา และรายได้ ไปพร้อม ๆ กัน
      การสร้างระบบให้พัฒนาคนให้สำเร็จนั้น บางตำราก็คือการสร้างเครือข่ายทางการตลาด ที่ให้ทุกคนทำงานตามแบบอย่างที่มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน ที่สามารถปฏิบัติตามได้โดยง่าย และทำให้สำเร็จได้ไม่ยากนัก และสามารถจำลองระบบเพื่อการขยายออกไปได้ไม่จำกัดนั้นเอง ซึ่งการสร้างเครือข่ายทางการตลาดนั้น มีนิยามอยู่ 2 แนว คือ

1.การตลาดแบบชั้นเดียว หรือ การตลาดทางตรง (Direct Marketing)
คือการทำตลาดแบบตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน หรือเป็นแบบที่ธุรกิจส่วนมากดำเนินการอยู่ แต่อาจจะมีการจ่ายค่าตอบแทนจะอยู่ในรูปของเงินเดือน ค่าแรง หรือ ค่ากำเหน็ด หรือหลาย ๆ คนอาจจะเรียกว่า ?ค่าคอมมิสชั่น?ก็ได้ และเป็นการจ่ายแบบโดยตรงจากองค์กรหรือบริษัทไปยัง พนักงาน หรือ ตัวแทน นั้น ๆ ซึ่งการดำเนินงาน ก็จะมีผู้บริหารและพนักงานมาเป็นผู้ประสานงานด้วย






2. การตลาดแบบเครือข่าย (Network Marketing)
   คือการทำการตลาดแบบหลายชั้น ที่มีผู้ดำเนินการเป็นกลุ่ม ๆ หรือเป็นชั้น ๆ ตามลำดับลดหลั่นกันลงไป ซึ่งการจ่ายค่าตอบแทนจะอยู่ในรูปของ เงินเดือน ค่าแรง หรือ ค่ากำเหน็ด หรือ ค่าคอมมิสชั่นก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าจะมี ?ค่าบริหารทีมงาน? เพิ่มเติมเข้าไป ที่จะจ่ายกันตามชั้น ๆ มากน้อยขึ้นอยู่กับระดับของชั้นที่สังกัดอยู่ และบางที่อาจจะมีการจ่ายค่าตอบแทนจากการสร้างทีมงานใหม่ด้วย หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือ การจ่ายเงินค่าหาคนเข้ามาทำงานในระบบนั้นเอง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ
   2.1 แบบเครือข่ายไม่เกินสองชั้น (Two Level Marketing) คือมีการสร้างเครือข่ายออกเป็นชั้น ๆ แต่ไม่เกินสองชั้นนั่นเอง





   
2.2 แบบเครือข่ายเกินสองชั้น หรือที่รู้จักในนามของ เครือข่ายหลายชั้น (Multi Level Marketing) คือการสร้างเครือข่ายออกเป็นหลาย ๆ ชั้น และให้แต่ละชั้นดูแลชั้นที่ต่ำกว่าไปเรื่อง ๆ







   ทั้งนี้การสร้างการทำงานทั้งแบบชั้นเดียว หรือ แบบเครือข่าย นั้น ในทุกตำแหน่งของการทำงาน ต้องมีการจำลองภาพของความสำเร็จขององค์กรนั้น ๆ ให้ได้ และต้องมีการถ่ายทอดความสำเร็จนั้น ๆ ไปยังบุคลต่าง ๆ ในองค์กรให้ปฏิบัติตามให้ได้และให้เกิดผลได้เร็วที่สุด ซึ่งการดึงคนเข้ามาในระบบขององค์กรนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น
   1. จากการประกาศรับสมัคร หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยตรงจากบริษัทหรือองค์กร ซึ่งเป็นการกระทำโดยตรงจากผู้ประกอบการ เจ้าของ หรือ พนักงานของบริษัท ที่ทำการประกาศผ่านสื่อต่างๆ  ไม่ว่าทางสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ  และรวมถึงการจัดทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกพื้นที่ทำการขององค์กรหรือบริษัท
   2. จากการแนะนำของบุคคลในองค์กรหรือจากเครือข่าย เป็นการค้นหาบุคคลหรือบุคลากรจากการแนะนำ ชักชวน ของบุคคลในองค์กร หรือ จากเครือข่าย เข้ามาร่วมงาน และบอกต่อ ๆ กันไป ซึ่งอาจจะได้รับค่าตอบแทนจากการสรรหาด้วยหรือไม่ก็ได้
   3. จากการสร้างความสัมพันธ์นอกองค์กรหรือนอกเครือข่าย เป็นการสร้างการยอมรับ และการให้คำแนะนำในการบอกต่อ ๆ กันไปจากบุคลอื่น หรือ องค์อื่นๆ ที่เป็นพันธ์มิตรกัน หรือ รู้สึกชอบ หรือ อยากจะช่วยเหลือบุคคลอื่น ๆ ให้มาร่วมงานกับองค์กรที่ถูกแนะนำไป ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีและระยะยาวอีกด้วย

การสร้างระบบเพื่อเครือข่ายการตลาดที่สำเร็จ
   การพัฒนาเครือข่ายที่สำเร็จต้องมาจากระบบที่สำเร็จด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่าเป็นการพัฒนาพื้นฐานของการทำธุรกิจใด ๆ ที่ต้องการความสำเร็จ ต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจที่ผู้ประกอบการนั้น ๆ กระทำอยู่ ซึ่งการสร้างระบบที่ดีนั้นสามารถกระทำได้ดังนี้
   1. การคิดค้นและทดลองทำจนประสบความสำเร็จ การที่จะทำธุรกิจใด ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการนั้น ๆ ต้องเป็นผู้ลงมือกระทำ เรียนรู้ และสร้างความสำเร็จด้วยตนเอง และทำความเข้าใจในธุรกิจอย่างถ่องแท้ และพัฒนาจนสามารถสร้างรายได้จากการประกอบกิจกรรนั้น ๆ ด้วย ซึ่งขึ้นอยู่ว่าธุรกิจนั้น ๆ ว่าเป็นแบบใด ถ้าเป็นแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน หรือเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือ สิ่งประดิษฐ์ขึ้นใหม่ หรือ อาจจะเป็นจากการปรับปรุงจากที่มีมาอยู่เดิมแต่ทำให้ดีขึ้นก็ได้ ซึ่งต้องใช้การสังเกตและความสามารถในการประดิษฐ์ค่อนข้างมาก แต่ถ้าเป็นการรับธุรกิจจากที่มีอยู่แล้วในอุตสาหกรรมเข้ามาบริหารเอง อย่างนี้ก็ใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้น้อยลง เพราะมีแบบฉบับให้เห็นอยู่แล้ว
   2. การจำลองภาพความสำเร็จให้เป็นแบบมาตรฐาน เป็นขั้นถัดมา จะต้องมีการจัดทำความสำเร็จของธุรกิจให้มีมาตรฐาน จนสามารถที่จะทำได้ใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่มีการผิดพลาด หรือ ผิดพลาดน้อยที่สุด และจัดทำเป็นแบบฉบับให้สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ไม่ว่าจะกระทำโดยผู้ใด
   3. การถ่ายทอดความสำเร็จให้แก่ผู้ที่สืบทอด ซึ่งความสำเร็จนั้น ๆ ต้องสามารถถ่ายทอดไปให้แก่บุคคลอื่น ๆ ในองค์กรได้อย่างไม่จำกัด เพื่อความเจริญก้าวหน้าของธุรกิจ และผู้ที่จะเข้ามารับการถ่ายทอดความสำเร็จนั้น ต้องเป็นผู้ที่ผู้ประกอบการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ได้ หรือไม่ก็สามารถพัฒนาได้ แต่ที่สำคัญต้องไว้ใจ และสามารถความคุมได้ด้วย ซึ่งการถ่ายทอดความสำเร็จนั้น ๆ อาจจะทำได้โดยการ สอนงานโดยตรง สาธิตอธิบายทำให้ดูเป็นตัวอย่าง หรือ ผสมผสานทั้งสองแบบ ให้แก่ผู้สืบทอดนั้น ๆ ต่อไป
   4. การพัฒนาความสำเร็จแบบยั่งยืน ซึ่งธรรมชาติของธุรกิจต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงให้ทันสมัยต่อยุคและเหตุการณ์เสมอ ดังนั้นการสร้างความสำเร็จไม่ใช้เพียงแต่ทำได้สำเร็จแล้วจะคงอยู่ถาวรตลอดไป การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนับว่าเป็นการกระทำที่ต้องคิดอยู่เสมอ เนื่องจากว่าในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ สามารถทำให้การเลียนแบบ หรือ การทำซ้ำจากคู่แข่งขันนั้นสามารถทำได้โดยง่าย ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อการปรับปรุงตลอดเวลา ซึ่งเป็นหลักในการสร้างความสำเร็จแบบยั่งยืน
   5. การวิเคราะห์และประเมินความสำเร็จ   แน่นอนการประกอบกิจการงานใด ๆ ถ้าได้ทำไปแล้วต้องมีการวิเคราะห์และประเมินความสำเร็จนั้น ๆ ว่าได้กระทำไปได้มากน้อยเพียงใด ถ้าทำไม่สำเร็จ เพราะเหตุใด และสามารถทำให้ดีกว่าเดิมได้หรือไม่ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลไว้ในการพัฒนาสินค้าหรือบริการต่อไป

ทางเลือกในยุคข้อมูลข่าวสาร
   การสร้างเครือข่ายทางการตลาดในปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้มีการขยายระบบออกไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบอินเตอร์เน็ต ที่สามารถสร้างธุรกิจขยายออกไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่จำกัดทางด้านขอบเขตของพรมแดนประเทศและเวลา ทั้งนี้เพราะระบบอินเตอร์เน็ตมีการเชื่อมต่อกัน และมีผู้นิยมเข้ามาใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในโลกเสรีนิยม ที่มีการพัฒนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างดีแล้ว ที่สำคัญระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการพัฒนาขีดความสามารถของการค้าออกไปได้ทั่วโลกด้วย ซึ่งต้นทุนต่อหน่วยของการทำธุรกิจไม่สูงนัก และสามารถเข้าถึงบุคคลต่าง ๆ ได้ทั่วโลก โดยที่ได้มีการประมาณผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกไว้มากกว่าสองร้อยห้าสิบล้านคน และมีมูลค่าทางการค้าสูงถึง 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยที่เดียว จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถจะสร้างธุรกิจเป็นเครือข่ายของตนออกไปได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่นิยมสร้างธุรกิจกันอย่างแพร่หลาย และขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินงานที่ค่อนข้างน้อย และสะดวกในการจัดการค่อนข้างมาก โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการติดต่อสื่อสารจะใช้งบประมาณไม่สูงมากนัก และสามารถทำได้ตลอดเวลาและรวดเร็ว เช่น การรับส่งอีเมล์ สามารถส่งกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ หรือ เสียน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการโทรศัพท์ทางไกล โดยเฉพาะติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ
   

กรณีศึกษา

บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด
?หนึ่งในบริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ป ที่เป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ1 ของโลก ที่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน ฉบับเดือนกรกฎาคม ปี 2545 และ ปี 2546 จากรายได้และกำไร?

ชั้น 29 อาคารสินธร ทาวเวอร์3
130 ? 132 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม 10330
ติดต่อ อ.ชวลิต ทองรมย์ 02-263-3900

บริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ปได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยเกิดจากการรวมตัวของบริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของ เนเธอร์แลนด์ (Nationale ? Nederlanden) กับธนาคาร เอ็นเอ็มบี โพสต์แบงค์ กรุ๊ป (NMB Post Bank Group) ซึ่งเป็นธนาคารเก่าแก่และใหญ่เป็นอันดับสามของเนเธอร์แลนด์ ทำให้บริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ปจึงกลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีรากฐานยาวนานจากชาวดัตช์กว่าร้อยห้าสิบปี และหลังจากนั้นทางบริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ปได้ขยายกิจการไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้เกิดความมั่นคงน่าเชื่อถือมากขึ้นและเป็นแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับการขยายตัวในตลาดโลกต่อไป นานนับศตวรรษทางบริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ป เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบริหารการเงิน (Financial Service Provider) ดำเนินธุรกิจด้านการประกันชีวิต ประกันภัย ธนาคาร หลักทรัพย์ กองทุนรวมและบำนาญ ในกว่า 60 ประเทศ มีพนักงานกว่า 115,000 คนเพื่อให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 60 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 27 ล้านล้านบาททั่วโลก ทำให้วันนี้ทางกลุ่มบริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ป ได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของโลก
ไอเอ็นจีประกันชีวิตเข้าสู่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2543 ด้วยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัท เอ็ทน่า โอสถสภาประกันชีวิต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยที่ได้เริ่มก่อตั้งโดยกลุ่มบริษัท โอสถสภา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และหลังจากนั้นก็ได้มีกลุ่มบริษัท เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านประกันชีวิตและสุขภาพ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เข้ามาถือหุ้นในปี พ.ศ. 2541 และในที่สุดเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2546 ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ตามสัญญาของการเข้าถือหุ้นของกลุ่มบริษัทไอเอ็นจี ปัจจุบันไอเอ็นจีประกันชีวิต ในประเทศไทย มีสาขาที่ให้บริการทั่วประเทศพร้อมแบบประกันชีวิตหลากหลาย ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าคนไทย ภายใต้จุดแข็งและสัญลักษณ์เดียวกันทั่วโลก คือ ไอเอ็นจี และเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2546 บริษัทไอเอ็นจีประกันชีวิตในประเทศไทย มียอดขายรวม 1,174 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในอุตสาหกรรมประกันชีวิต ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดโดยที่มียอดขายเกินพันล้านด้วยเวลาดำเนินการเพียง 5 ปีเท่านั้น และทางบริษัทยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่องต่อไปได้อีกในอนาคต
บริษัทไอเอ็นจี ได้ใช้ประสบการณ์จากผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่สร้างความสำเร็จมาแล้วในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทยได้มีนโยบายที่จัดหาผู้ที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในธุรกิจ ซึ่งทางบริษัทแม่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้คุณเจมส์ โลเวล บาวน์ มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ (CEO) เพื่อดูแลและบริหารงานทั่วไป โดยที่คุณเจมส์มีประสบการด้านการบริหารงานระดับองค์กรนานาชาติที่ประสบความสำเร็จ มาเป็นเวลานานหลายสิบปี และคุณสมโพชน์ เกียรติไกรวัลศิริ มาเป็นรองกรรมการผู้จัดการและ CAO (Chief Agency Officer) ที่มีประสบการทางด้านการขายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ปีเข้ามาดูแลงานทางด้านฝ่ายขายที่เป็นกำลังส่วนใหญ่ของบริษัท และมีทีมงานผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอีกหลายท่าน ทำให้บริษัทเจริญรุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และเนื่องจากมีประสบการณ์จากงานที่ทำจริง โดยได้นำมาปรับปรุงจนเป็นสูตรสำเร็จ จนสามารถจำลองเป็นต้นแบบให้ทางฝ่ายขาย ตัวแทนนำไปปฏิบัติต่อได้ และที่สำคัญ มีการฝึกอบรมที่ดี และต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหาร ตัวแทน ทางฝ่ายขายได้รับความรู้ที่เป็นแบบฉบับของความถูกต้อง รวมถึงมีแบบอย่างที่ดีประสบความสำเร็จได้ง่าย ซึ่งสามารถสืบทอดต่อไปได้เป็นทอด ๆ
การขยายเครือข่ายของธุรกิจทางด้านฝ่ายขาย ทำโดยมีการแต่งตั้งผู้แทนขายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพเป็นหัวหน้าทีม กล่าวคือ มียอดขายที่ดี มีลูกค้าที่ดี และมีการบริการที่ดี รวมถึงเป็นผู้ที่เข้าใจในเรื่องของแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นอย่างดี ทำให้สามารถอธิบายแบบประกัน รวมถึงให้บริการที่ถูกต้องตรงต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและเข้าร่วมเป็นลูกค้าโดยยินดี และเต็มใจบอกต่อ ๆ ไปยังบุคคลอื่นๆ ที่ต้องการซื้อประกันได้อีกด้วย
หลังจากที่ได้ผู้แทนขายที่ประสบความสำเร็จเป็นหัวหน้าทีมแล้ว ผู้แทนขายคนนี้ ก็ต้องไปหาลูกทีม โดยที่ไปบอก สาธิต และนำแสดงการขายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทพูด การนำเสนอต่างๆ  ให้แก่ลูกทีม จนทำให้ลูกทีมเกิดความเข้าใจ และกระทำตามได้ และประสบความสำเร็จในที่สุด และจากลูกทีม ก็ขยายตัวเป็นแม่ทีมต่อไปได้ในอนาคต และทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้ตัวแทนฝ่ายขายขยายตัวออกไปได้ในที่สุด
สำหรับทางด้านการบริการลูกค้า ทางบริษัทก็มิได้เพิกเฉย มีการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการบริการรับชำระเบี้ยประกันที่สะดวกและง่าย การให้บริการด้านสุขภาพเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยใช้บัตรแคร์การ์ดแทนเงินสดตามโรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศ หรือแม้นกระทั่งการให้บริการกระเช้าเยี่ยมไข้ในยามเจ็บป่วยเป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ไอเอ็นจีประกันชีวิต เป็นบริษัทที่เกิดใหม่ในตลาดประกันชีวิตในประเทศไทย แต่อาศัยความสำเร็จของผู้นำที่สามารถเป็นแบบอย่าง ที่คนในองค์กรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และประสบความสำเร็จได้ด้วยการกระทำตามแบบผู้นำ และมีการสืบทอดความสำเร็จนี้ออกไปเป็นทอด ๆ และสำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของธุรกิจโดยที่ไม่ต้องไปลงทุนเปิดบริษัทเอง ไม่ต้องมีเงินทุน ไม่ต้องเริ่มต้นหาสินค้าและบริการเอง โดยสามารถเข้ามารับฟังความสำเร็จ ของผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จและพร้อมที่จะมีสูตรสำเร็จให้ทดลองทำตาม ตลอดทั้งมีระบบการฝึกอบรมและพร้อมที่จะถ่ายทอดให้ไปปฏิบัติได้ รวมถึงมีการส่งเสริมแนะแนะนำจนเป็นผู้ประกอบที่มีความสำเร็จในอาชีพได้ในรายละเอียดทุกขั้นตอน


บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด
ชั้น 29 อาคารสินธร ทาวเวอร์3
130 ? 132 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม 10330
ติดต่อ อ.ชวลิต ทองรมย์ 02-263-3900