ผู้เขียน หัวข้อ: The DC Sniper สไนเปอร์อำมหิต (อ่าน 1848 ครั้ง)

etatae333

The DC Sniper สไนเปอร์อำมหิต

ครั้งหนึ่งเคยมีคำกล่าวว่า สไนเปอร์หนึ่งคนมีค่ายิ่งกว่าทหารหลายพันคน เพราะกระสุนเพียงนัดเดียวของพวกเขาสามารถ
สร้างความหวาดกลัวแก่ทหารกองทัพได้

เมื่อเดือนตุลาคม 2002 ได้เกิดเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญในประวัติศาสตร์ฆาตกรต่อเนื่องในอเมริกาที่เรียกว่า ดีซีสไนเปอร์
หรือการโจมตีด้วยสไนเปอร์วงแหวนรอบนอก (The DC Sniper: The Beltway Sniper Attacks) เมื่อสิบคนถูกฆ่าตาย
และบาดเจ็บหลายราย ด้วยปืนสไนเปอร์ ที่ซุ่มยิงตามจุดพื้นที่ต่างๆ กลางเมืองวอชิงตัน และทางหลวงเวอร์จีเนีย เชื่อว่าฆาตกร
ดังกล่าวทำการซุ่มยิงในรถสีขาวหรือรถบรรทุก แน่นอนว่าฆาตกรดังกล่าวไม่มีเหตุจูงใจในการฆ่า จุดประสงค์ในการฆ่าเพื่อ
ความสนุกสนานล้วนๆ ส่งผลทำให้ประชาชนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตและอยู่อย่างหวาดระแวงในช่วงสามสัปดาห์ดังกล่าวหลายราย

ต่อมาก็มีการจับฆาตกรรายดังกล่าวได้ ผลปรากฏว่าเป็นเป็นคู่หูสองคน คือจอห์น มูฮัมหมัด อัลเลน อายุ 41 ปี และลูกเลี้ยงลีบอยด์
ที่ทั้งคู่มีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียดเป็นหางว่าว และนี้คือคู่หูฆาตกรที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา

ความจริงแล้วก่อนที่จะถึงเชื่องเดือนตุลาคม ก็มีเหตุการณ์ยิงในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว เพียงแต่ว่าเกิดคนละพื้นที่ และคดีเหมือน
จะฆ่าชิงทรัพย์มากกว่า โดยการยิงเบื้องต้นเริ่มขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 220 เมื่อจอห์น กาเอตาเปลี่ยนยางที่ลานจอดรถในแฮมมอนด์
รัฐหลุยเซียน่า จู่ๆ เขาก็ถูกยิงที่ลำคอโดยโจรวัยรุ่นผิวสีคนหนึ่ง หากแต่โชคดีที่เขาไม่ตาย แค่บาดเจ็บเล็กน้อย เขาเลยแกล้งตาย
โดยปล่อยให้โจรขโมยเงินจากกระเป๋าสตางค์ของเขา และเมื่อโจรจากไปเขาก็รีบวิ่งไปที่สถานีดำรวจและถูกส่งไปโรงพยาบาลทันที
และในเวลาต่อมาเขาก็ได้รับจดหมายขอโทษจากโจรดังกล่าว

แต่เรื่องราวยังไม่จบ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 20025 เวลาสิบโมงครึ่ง นายพอล ลาลูฟา อายุ 55 ปี เจ้าของร้านพิซซ่าในคริสตัน แมรี่แลนด์
ถูกยิงหกนัดซ้อนในขณะกำลังปิดร้านของเขา จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์เพราะพบว่าคอมพิวเตอร์
ถูกขโมยไป ต่อมาวันที่ 21 กันยายน

คลอดีน ปาร์คเกอร์ พนักงานร้านเหล้าในอลาบาม่า เขาและเพื่อนร่วมงานถูกยิงตายในระหว่างการปล้น เพื่อนร่วมงานรอดชีวิตหาก
แต่เขาตายในทันที คดีดังกล่าวตอนแรกไม่ได้ถูกเชื่อมโยงในคดีดีซีสไนเปอร์ เนื่องจากที่อเมริกามีคดีปล้นฆ่าในลักษณะแบบนี้เป็น
จำนวนมากอยู่แล้ว หากแต่เมื่อการมีการจับกุมตัวผู้จ้องสงสัยได้เมื่อในคดีดีซีสไนเปอร์ก็มีขยายผลเชื่อมโยงคดีเหล่านี้ได้ในที่สุด

สถานที่การโจมตีซีสไปเดอร์ 15 จุด ตามลำดับเลข

ในเดือนตุลาคมถือว่าเป็นช่วงที่ดีซีสไปเดอร์ออกอาละวาดอย่างแท้จริงและส่งผลทำให้คนในรัฐแมรี่แลนด์เกิดความหวาดกลัว การออก
อาละวาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม เวลา 5:20 น. มีการยิงผ่านหน้าต่างร้านไมเคิลส์ขายสินค้าหัตถกรรมในแอสเพนฮิลส์ แมรี่แลนด์
แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและไม่มีการแจ้งเตือนภัยจากร้าน หากแต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เวลา 18:30 น. เจมส์ มาร์ตินนักวิเคราะห์โครงการ
ของ องค์การสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration อายุ 55 ปี ถูกยิงและ
ถูกฆ่าตายในลานจอดรถของร้านขายของชำอาหารปลีกและเภสัชกรรม( Shoppers Food & Pharmacy)

ในช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคมฆาตกรได้ฆ่าคนถึง 4 รายซ้อนในช่วงเวลาเพียง 2 ชั่วโมงและทั้งหมดถูกยิงในขณะทำกิจกรรมชีวิตประจำวัน
แบบปกติทั้งสิ้น เริ่มจากในช่วงเจ็ดโมงสี่สิบเอ็ดนาที เจมส์ เอล.บูคานันอายุ 39 ปีถูกยิงตายในขณะกำลังตัดหญ้าที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ร็อกวิล
ต่อมาเวลาแปดโมงสิบสองนาที คนขับรถแท็กซี่เปรม คูมาร์ วอกค์เกอร์อายุ 54 ปีถูกยิงเสียชีวิต ในขณะเติมน้ำมันแท็กซี่ของเขาที่
ปั๊มน้ำมันแอลฮิลล์ ไม่กี่นาทีไม่ไกลจากที่เกิดเหตุซาร่าห์ รามอส แม่บ้านอายุ 34ก็ถูกยิงเสียชีวิตในระหว่างทำความสะอาดรถในปั๊มเซลล์
ต่อมาผู้หญิงคนหนึ่ง โลรีแอน ลูอัสริเวอร่าก็ถูกยิงเสียชีวิตในขณะกำลังเดินข้ามถนน

หลังจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเหยื่อทั้งหมดถูกฆ่าด้วยกระสุนชนิดเดียวกัน ที่ถูกยิงในระยะไกล แสดงให้เห็นว่าตอนนี้
รัฐแมรี่แลนด์กำลังมีฆาตกรต่อเนื่องที่ชอบฆ่าคนออกอาละวาด สถานที่ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือจุดบริการน้ำมัน, ซูเปอร์มาร์เก็ต
ร้านอาหาร และโรงเรียน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะถูกสุ่ม มีหลากหลายอายุ เพศ เชื้อชาติ สภานะทางเศรษฐกิจและสังคมทุกอย่างสุ่มหมด
อีกทั้งสถาที่โจมตีส่วนมากอยู่ใกล้ฟรีเวย์ เชื่อว่าฆาตกรไม่รู้จักเส้นทางดีกว่ามากนักและใช้แผนที่จะสถานีออนไลน์ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์
ดังกล่าวส่งผลทำให้ความหวาดกลัวครอบคลุมไปทั่วทันที ผู้ปกครองหลายคนต้องไปรับบุตรหลานถึงโรงเรียน โดยไม่ให้เด็กกลับบ้าน
โดยใช้รถโรงเรียน อีกทั้งกิจกรรมการแจ้งของโรงเรียนก็ถูกยกเลิก

เหยื่อทั้งหมด 10 ราย

หลังจากนั้นมือปืนสไปเนอร์ก็เริ่มขยายพื้นทีเกิดเป็นวงกว้างขึ้น เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม แคโรไลน์ ซีเวลล์ หญิงสาวอายุ 43 ปีถูกยิง
ในขณะยกสินค้าขึ้นรถตู้ในห้างโชคดีที่เธอรอดชีวิตมาได้ ต่อมาในวันที่ 7 ตุลาคม ในตอนเช้าเด็กชายชื่ออิหร่าน บราน์ อายุ 13 ปี
ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างท้องและหน้าอกในขณะลงจากรถโรงเรียน จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ
ก็พบข้อความที่คาดว่าเป็นของฆาตกร เป็นปลอกกระสุนและไพ่ทาโรต์(มรณะ) ถูกเขียนประโยคว่า “เรียกฉันว่าพระเจ้า”

มือปืนต่อเนื่องสไปเนอร์ยังไม่หยุดที่จะอาละวาด สองวันต่อมาแฮโรลด์ เมเยอร์ถูกยิงเสียชีวิตในขณะเติมน้ำมันในปั๊ม สองวันต่อมา
ในตอนเช้า เคนเนธ บริดเจส อายุ 53 ถูกยิงตายในขณะเติมน้ำมันในปั๊มเหมือนเหยื่อรายก่อนหน้า

วันที่ 14 ตุลาคม ลินดา แฟรงคลิน นักวิเคราะห์ข่าวกรองของเอฟบีไอถูกยิงตายในขณะกำลังช็อปปิ้งในห้องกับสามีของเธอ
ต่อมาวันที่ 19 ตุลา ชายอายุ 37 ปีคนหนึ่งถูกยิงแต่รอดชีวิต และเช้าวันต่อมา คอนราด จอห์นสันถูกยิงในขณะอยู่ในรถบัส
โดยสารและเสียชีวิตในโรงพยาบาลต่อมา

เจอห์น อัลเลน มูฮัมหมัด (John Allen Muhammad)

ผลสรุปซุ่มยิงเวอร์จีเนียปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิต 10 คน แต่กระนั้นมันก็เพียงพอที่จะสร้างความหวาดกลัวแก่ทั่วทุกหนทุกแหง อย่างไร
ก็ตามมันก็ทำให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น หลายเบาะแสที่เข้ามาทำให้หน่วยสอบสวนทุกฝ่าย
สามารถวิเคราะห์ ตรวจตาพื้นที่ จนสามารถเข้าใหล้มือปืนดังกล่าวมากขึ้น และแล้ววันที่ 24 ตุลาคมนี้เองก็มีการจับชายผิวดำวัย
กลางคนและวัยรุ่นสองคน ขณะนอนหลับในรถเพาหนะรถยนต์เชฟ-โรเล็ต คาไพรซ์ แผ่นป้ายทะเบียนรถ เอ็นดีเอ 21 แซด
ที่จอดบริเวณที่จอดรถพักข้างทาง จากการตรวจสอบได้พบปืนปืนไรเฟิลขนาด .223 Bushmaster ชนิดเดียวกับที่ใช้ยิงเหยื่อ

นอกจากนี้ยังพบกล้องเล็ง และขาตั้ง และแผนที่ วิทยุสื่อสาร และรายการอื่นๆ อีกมากมายที่ใช้ปฏิบัติสังหารเหยื่อ อีกทางหนึ่ง
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้ยกกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของชายต้องสงสัยทั้ง 2 คน ที่เมืองเบลลิงแฮม รัฐวอชิงตัน เพื่อตรวจค้นหาหลักฐาน
ที่เกี่ยวข้องกับคดีโหด โดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือหลายชนิดรวม ทั้งอุปกรณ์ตรวจจับโลหะ

จากการตรวจสอบประวัตติชายผิวดำสองคนที่จับกุมตัวพบว่าชายวัยกลางคนคือมูฮัมหมัด อัลเลน อายุ 41 ปี และลูกเลี้ยงลีบอยด์
ทั้งคู่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และประกอบเป็นโจรปล้นฆ่าก่อที่จะก่อเหตุการณ์ร้ายดังกล่าว

จอห์น อัลเลน มูฮัมหมัด มีชื่อเดิมว่าจอห์น วิลเลียมส์ อัลเลน เกิดวันที่ 31 ธันวาคม 1960 ในลอสแอนเจลิส อดีตเคยเป็นทหาร
กองทัพบกสหรัฐฯ ประจำการอยู่ที่ค่ายฟอร์ต ลูว์อิส ใกล้เมืองทาโคมา รัฐวอชิงตัน และเข้าร่วมกลุ่มมุสลิมผิวดำในอเมริกา ที่กองทัพ
บกมูฮัมหมัดได้รับการฝึกอบรมเป็นทหารช่างคนขับรถบรรทุกและผู้เชี่ยวชาญโลหกรรม มีคุณสมบัติในการใช้ปืนไรเฟิลทหารราบ
มาตรฐาน M16 ยิงปืนแมนยำจนได้รับประเมินในระดับสูง หากแต่ในสงครามอ่าวเปอร์เซียที่เขาเข้าไปประจำการในปี 1994
เขากลับถูกกล่าวหาว่าขว้างระเบิดมือเจข้าไปในเต็นท์ของเพื่อนทหาร จนถูกปลด

ในฐานะมุสลิมผิวดำในอเมริกา มูฮัมหมัด จัดอยู่ในพวกอเมริกันที่ต่อต้านความไม่เท่าเทียมกัน ก่อนที่พัฒนาเป็นพวกต่อต้านอเมริกัน
และเริ่มทำเป็นคนนอกกฎหมาย มีส่วนร่วมปลอมแปลงเอกสารบัตรเครดิตและเอกสารตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งในช่วงนั้นเองเขาก็ได้เปลี่ยน
ชื่อเป็นจอห์น อัลเลน มูฮัมหมัดและได้รู้จักลีบอยด์ และจับคู่จนกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา

ลี บอยด์ สมัลโว

ลี บอยด์ สมัลโว หรือเจมส์ ลี สมัลโว เกิดเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 1985 ในคริสต์ตัน จาเมกา แม่ของเขาเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกับ
มูฮัมหมัดที่รู้จักกันเมื่อปี 1999 เนื่องจากต้องการลับลอบเข้าอเมริกาโดยให้มูฮัมหมัดออกเอกสารเท็จให้ และถือโอกาสให้สมัลโว
เป็นลูกเลี้ยงมูฮัมหมัด หากแต่เขาและแม่ถูกจับได้แถวชายแดยเสียก่อนแต่ถูกจำคุกช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกมา
หลังจากออกจากคุกเขาก็ติดตามมูฮัมหมัดในฐานะลูกเลี้ยง และมูฮัมหมัดก็ปลอมเอกสารว่าเป็นบิดา เขาเคยเข้าโรงเรียนมัธยม
แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่กระนั้นเขาเก่งเรื่องปืน เพราะพ่อเลี้ยงสอนเขายิงปืนประจำ

โดยเฉพาะปืนประเภท AR - 15

ไพ่ทาโรต์ “มรณะ” ที่มือปืนทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ สังเกตว่ามีคำว่า “Call me God” อยู่ด้านบน

หลังจากนั้นทั้งสองก็เป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย ก่อนที่จะเกิดเหตุซุ่มยิงเดือนตุลาคมนั้น ทั้งสองก่อเหตุฆ่าคนในหลายพื้นที่
แน่นอนหลังจากที่ทั้งสองจับได้ คำถามที่ตามมาก็คือสาเหตุที่ทั้งสองก่อเหตุร้ายแบบนี้เพื่ออะไร? คำตอบของมูฮัมหมัดคือเขาทำ
เพราะคิดว่าเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ญิฮาด ส่วนลูกเลี้ยงได้ก่อเหตุครั้งนี้เพราะเป็นคำสั่งของเขา อีกทั้งยังมีความคิดว่าแผนที่
จะสร้างสังคมศาสนาของเขา โดยนำเด็กจรจัดมาฝึกมาปั้นเป็นผู้ก่อการร้ายและส่งไปก่อเหตุร้ายในสหรัฐ แน่นอนว่าหลายฝ่าย
พยายามเชื่อมโยงการก่อการร้ายของพวกมุสลิมหัวรุนแรง หากแต่กระนั้นก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า

หลายคนเชื่อว่าสาเหตุที่มูฮัมหมัดทำแบบนี้เพราะต้องการระบายความแค้นภรรยาที่หย่ากับเขา ซึ่งเขาแค้นภรรยามากและก่อเหตุ
ดังกล่าวเพื่อเบี่ยนประเด็นว่าเป็นการฆ่าแบบซุ่ม แต่ผลสุดท้ายแรงจูงใจแท้จริงของมูฮัมหมัดก็ยังคงไม่ชัดเจน

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2003 คณะลูกขุนใช้เวลาไม่กี่นาทีในการตัดสินว่ามูฮัมหมัดและลูกเลี้ยงมีความผิดจริงในข้อหาก่อการร้าย
ในเวอร์จีเนียและฆาตกรรมผู้บริสุทธิ์เพื่อเจตนามุ่งเน้นข่มขวัญประชาชนและรัฐบาล และมีอาวุธปืนผิดกฎหมายครอบครอง
มูฮัมหมัดต้องโทษประหารด้วยการฉีดยาพิษตาย ส่วนลูกเลี้ยงลดโทษเพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะเหลือเพียงโทษจำคุกตลอดชีวิต

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2009 เวลาประมาณ 9 โมง 11 นาที มูฮัมหมัดถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษตาย เขาปฏิเสธคำกล่าวลาสุดท้าย
แต่กระนั้นเขาก็รับประทานอาหารมือสุดท้ายซึ่งเป็นไก่และซอสน้ำแดงและขนมเค้กซึ่งเขารับประทานเป็นบางส่วน เขาเสียชีวิตจากการ
ประหารชีวิตด้วยการฉีดยาต่อหน้าพยานยี่สิบเจ็ดคนโดยหนึ่งผู้ตกเป็นเหยื่อมีสมาชิกครอบครัวของเหยื่อรวมอยู่ด้วย

The DC Sniper ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจภาพยนตร์เรื่อง D.C. Sniper: 23 Days of Fear หรือชื่อไทย “นรกเดือด” (2010)
กำกับโดย Ulli Lommel และเขียนบทโดย Lommel

อ้างอิงจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Beltway_sniper_attacks

credit :: cammy@dek-d.com