-->

ผู้เขียน หัวข้อ: โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)  (อ่าน 4038 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)
« เมื่อ: 14 สิงหาคม 2015, 14:06:46 »

โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)



พระเจ้าโซโลมอน มีชื่อเสียงในเรื่องสติปัญญา, ความร่ำรวย,และจำนวนมเหสี ภรรยาน้อย 700 คน และนางสนมอีก 300 คน
พระองค์ได้รับการยกย่องจากคัมภีร์ฮีบรู เกี่ยวกับการปกครองจักรวรรดิที่ขยายอาณาเขตจากอียิปต์ไปจนถึงยูเฟรตีส อย่างไรก็ตาม 
เช่นเดียวกับบิดาของเขา คือกษัตริย์ดาวิด, โซโลมอนและความสำเร็จของเขา เป็นเรื่องที่ยังเป็นที่ถกเถียงกัน


การปกครองของโซโลมอน ได้รับการยกย่องว่าเป็นยุคทองของอิสราเอลและประวัติศาสตร์ยูดาย์อย่างน้อย ก็จากการอ่านเรื่องราวตามคัมภีร์ไบเบิล
การปกครองของเขายาวนาน สี่สิบปี ประมาณปี 970 ถึง 930 ก.ส.ศ. ศพของเขาถูกฝังในกรุงเยรูซาเล็ม,เมืองของดาวิด 
เมืองที่โซโลมอนขยายอาณาเขตออกไปอย่าง กว้างขวางที่สุด

โซโลมอน (Solomon) มาจากราก S-L-M ที่แปลว่าความสงบ ในอิสลาม เรียกว่า นบีสุลัยมาน เป็นศาสดาคนที่ 25 ของชาวมุสลิม
บุคคลในคัมภีร์ฮิบรู (พันธสัญญาเดิม)เป็นการเล่าเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงการถ่อมตนและการเกรงกลัวใน อัลเลาะฮ์ ส่วนในคัมภีร์อัลกุรอาน
กล่าวว่าพระเจ้าโซโลมอนเป็นลูกของเดวิดชื่ออีกชื่อหนึ่งที่ใช้กันคือ “Jedidiah” ในคัมภีร์ทานัคห์ (Tanakh) (พันธสัญญาเดิม) และกล่าวว่า
เป็นกษัตริย์องค์ที่สามของสหราชอาณาจักรอิสราเอลและกษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนที่จะแยกเป็นราชอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือและ
ราชอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ หลังจากการแยกตัวผู้ที่สืบเชื้อสายก็ปกครองแต่เพียงราชอาณาจักรยูดาห์เท่านั้น


กษัตริย์โซโลมอนตามคัมภีร์ ฮีบรู มักพรรณนาถึงกิจกรรมพิธีการตามความเชื่อของโซโลมอนและ บอกต่อเกี่ยวกับความมั่งคั่งของเขา
สติปัญญา และเกียรติศักดิ์ในระดับนานาชาติ แต่ก็ทรงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงโปรดกวีและศิลปะ และแม้พระองค์จะได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาด
หลักแหลมมาก แต่พระองค์ก็ยังทรงมีนักปราชญ์และกวีเป็นที่ปรึกษามากมาย งานวรรณกรรมที่ว่ากันว่าเกิดในยุคนั้นก็ยังมีหลงเหลือ
เล่าขานมาถึงทุกวันนี้ คือ สุภาษิตโซโลมอน บทเพลงโซโลมอน ตำนานพันหนึ่งราตรี

เรื่องราวของโซโลมอนถูกเล่าขานกันมายาวนานกว่าสามพันปี จากการศึกษาบันทึกอักขระบนหนังสัตว์และก้อนหิน กล่าวกันว่า
กษัตริย์โซโลมอนนั้นเป็นผู้มีความฉลาด, มั่งคั่ง และทรงอำนาจเป็นอย่างมากอาณาจักรของพระองค์นั้นกว้างใหญ่มีความมั่งคั่ง
ทางการค้าเป็นอย่างมาก  มีเงินและทองคำจำนวนมากที่ได้มาจากการค้า และจากพ่อค้าที่เข้ามาค้าขาย โดยมีบางส่วนมาจาก
กษัตริย์อาราเบีย และผู้ปกครองเมืองต่างๆที่มอบให้เป็นของกำนัน แผ่นดินของกษัตริย์โซโลมอน ปูด้วยแผ่นทองคำจำนวนสองร้อยแผ่น
และมีบันลังก์งาช้างตกแต่งด้วยทองคำประณีตที่สุด พระองค์ทรงสร้างพระวิหารโซโลมอน (Solomon's Temple - Temple Mount)
ในกรุงเยรุซาเล็มที่ถือกันว่าเป็นพระวิหารแห่งเยรุซาเล็มหลังแรก

ตำนานวิหารแห่งโซโลมอน



วิหารของโซโลมอน(Solomon's Temple)และพระราชวัง ถูกสร้างขึ้นทางทิศเหนือของเมืองคนเยบุส. เมืองที่ดาวิดยึดครองอยู่ไกลมา
ทางภาคใต้มากทีสุดของชายขอบตะวันออก. การก่อสร้างเป็นไปอย่างยากรำบากเพราะเป็นพื้นที่ลาดชัน แต่คนงาน และวิศวกรโยธา
ก็ต้องทำเพราะเป็นคำบัญชาที่ขัดไม่ได้ อย่างไรก็ตามวิหารที่มีชื่อเสียงของโซโลมอนถูกสร้างบนพื้นที่ด้านทิศเหนือของชายขอบตะวันออก 
ที่สูงประมาณ 750ฟุต ไปทางทิศเหนือของเมืองเยบุส.ล้อมรอบทั้งสองด้านด้วยแนวดินแคบยาว  แต่ยังไม่ได้รับยืนยันใดๆทางโบราณคดี
เพราะว่าบางส่วนของเมืองได้รับการสร้างใหม่หลายครั้งในช่วงหลายพันปีมานี้.

 
ปัจจุบัน คือเทมเพิลเมานท์(Temple Mount) หรือ โดมทองแห่งเยรูซาเล็ม(Dome of the Rock)สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม
ตั้งอยู่บน ฮะรอมอัลชารีฟ(Haram al-Sharif) เป็นวิหารที่สวยงามที่โลกอาหรับรู้จัก  สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการต่อสู้แย่งชิงกันยาวนาน
กว่า 4,000 ปี  ปรากฏตามบันทึกในช่วงศัตวรรษที่ 3 ว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคานาอัน  แต่ว่ากันว่าน่าจะมีการสักการะ
กันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5,000ปี จึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่แผ่นดินทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
 
ในคัมภีร์ฮีบรูมีหลักฐานถึงสร้างวิหารว่าเริ่มต้นหลังจากอพยพชาวยิวออกจากอียิปต์ 480 ปี  และเป็นการครองราชค์ในปีที่ 4 ของโซโลมอน
กินเวลาการสร้างยาวนานกว่า 20 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ  เมื่องานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์, โซโลมอนได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่ นบีเดวิดมอบให้ไว้ในวิหาร
ทั้ง เงิน,ทองคำ และสิ่งของเครื่องใช้  รวมทั้งหีบพันธสัญญาด้วย. ในครั้งนั้นว่ากันว่า มีการทำพิธีอุทิศ รวมทั้งพิธีย้ายหีบพันธสัญญาเข้าไป
ในวิหารและการอธิษฐานยาวนานโดยโซโลมอน เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาของเขากับดาวิด   

ตำนานกุญแจย่อยของโซโลมอน - พันธสัญญาแห่งโซโลมอน(Testament of Solomon)



พระคัมภีร์กล่าวว่า ครั้งหนึ่งโซโลมอนได้ไปขอสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อจะได้นำมาใช้ในการปกครอง อาณาจักร แต่ต่อมาพระองค์ไม่ยอมดำเนิน
ในแนวทางของพระเจ้า เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าจึงลงโทษให้อาณาจักรถูกแยกเป็น 2 ส่วน กลายเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อมาฝ่ายเหนือ
ล่มสลายไปด้วยน้ำมือของอาณาจักรอัสซีเรีย และฝ่ายใต้ก็ล่มสลายด้วยน้ำมือของอาณาจักรบาบิโลน และนี่เป็นเหตุให้คนอิสราเอลต้องกระจัดกระจาย
ไปทั่วโลกนับแต่บัดนั้น ตำนานคัมภีร์กุญแจแห่งโซโลมอน

 

กุญแจย่อยของโซโลมอน (Lesser Key of Solomon) หรือ คลาวิคิวลา ซาโลมอนิส (Clavicula Salomonis)   

เป็นตำราเวทย์ซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเป็นหนังสือที่แพร่หลายที่สุดในปิศาจวิทยา รวมถึงยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ในอีกชื่อคือ เลเมเกทัน (Lemegeton) กุญแจย่อยของโซโลมอนปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่เนื้อหาภายในนั้นส่วนใหญ่เคยปรากฏในข้อเขียน
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เช่น ซูโดโมนาร์เชีย แดโมนัม ของโยฮัน เวเยอร์ และตำราเวทย์ในยุคกลางเล่มอื่นๆ บางส่วนของเนื้อหาเช่นการ
เรียกปิศาจนั้นมีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14

กุญแจย่อยของโซโลมอนมีรายละเอียดของภูตและการอัญเชิญเพื่อใช้งาน ซึ่งรายละเอียดนี้รวมถึงตราพิทักษ์และพิธีกรรมซึ่งจำเป็นต้องใช้
ในการควบกุญแจย่อยของโซโลมอนนั้นแบ่งเป็น 5 บท

บทที่ 1 อาร์สโกเอเทีย



ศาสตร์แห่งโกเอเทีย กล่าวถึงปิศาจ 72 ตนที่กล่าวว่าโซโลมอนเคย เรียกขึ้นมาใช้งานโดยขังไว้ในภาชนะทองเหลืองที่ผนึกด้วยตราเวท อาร์สโกเอเทีย
บรรยายถึงการสร้างภาชนะแบบเดียวกันและใช้เวทมนตร์เรียกปิศาจ โดยระบุถึงยศของปิศาจแต่ละตนในนรกและดวงตราผนึกที่ใช้ควบคุม

ในพ.ศ. 2447 แซมมวล แมเธอร์ส และ อเลสเตอร์ โครลีย์ ได้แปลและเรียบเรียงอาร์สโกเอเทียเป็นภาษาอังกฤษโดยใช้ชื่อว่า
เดอะ โกเอเทีย : กุญแจย่อยของกษัตริย์โซโลมอน (คลาวิคิวลา ซาโลมอนิส เรจิส) (The Goetia: The Lesser Key of Solomon the King
(Clavicula Salomonis Regis)) ซึ่งเป็นตำราสำคัญในระบบเวทมนตร์ของโครลีย์ คุม และป้องกันตัวจากภูต ในตำราที่พบเดิมนั้น
รายละเอียดจะแตกต่างกันไปในหลายๆฉบับ


บทที่ 2 อาร์สทิวร์เกียโกเอเทีย



อธิบายถึงชื่อ ลักษณะ และผนึกของภูตอากาศ 31 ตน (แต่ละตนมียศเป็น หัวหน้า, จักรพรรดิ, ราชา และ เจ้าชาย) ซึ่งโซโลมอนเคย เรียกและควบคุม
วิธีการป้องกันตัวจากภูติ ชื่อของภูติรับใช้ พิธีอัญเชิญและใช้งาน ภูติเหล่านี้มีทั้งดีและเลว ภูติเหล่านี้สามารถใช้ค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ เปิดเผยความลับ
ของบุคคล และขนย้ายวัตถุใดๆได้ตราบที่ถูกควบคุมไว้ด้วยธาตุทั้งสี่ ภูติเหล่านี้ถูกระบุถึงด้วยลำดับที่ซับซ้อนในหนังสือ

บทที่ 3 อาร์สพอลลินา 



ศาสตร์แห่งพอลเป็นบทที่สาม ซึ่งในตำนานนั้นเป็นศาสตร์ที่นักบุญพอลเป็นผู้ค้นพบ แต่ในหนังสือเล่มนี้ระบุว่าเป็น "ศาสตร์พอลไลน์ของโซโลมอน "
ศาสตร์แห่งพอลนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยกลาง ในหนังสือเล่มนี้แบ่งเป็นสองบทย่อย

★ บทย่อยแรก อธิบายถึงเทวทูตในช่วงเวลาต่างๆของวันและคืน ซึ่งรวมถึงรายละเอียดเรื่องผนึก พฤติกรรม ผู้รับใช้ (เรียกว่าดุ๊ค)
ความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดที่รู้จักในขณะนั้น ตำแหน่งของดวงดาวที่เหมาะสม รายชื่อ และวิธีการอัญเชิญเทวทูตเหล่านั้น


★ บทย่อยที่สอง กล่าวถึงเทวทูตผู้ปกครองจักรราศี ตำแหน่งทางดาราศาสตร์ ความสัมพันธ์กับธาตุทั้งสี่ ชื่อ และผนึก เทวทูตเหล่านี้
เรียกว่าเทวทูตแห่งมนุษย์ เพราะมนุษย์ทั้งมวลล้วนแต่เกิดภายใต้จักรราศีทั้งสิบสอง


บทที่ 4  อาร์สอัลมาเดล 




ศาสตร์แห่งอัลมาเดล  ว่าด้วยการทำ อัลมาเดล ซึ่งเป็นแผ่นขี้ผึ้งที่มีตราพิทักษ์เขียนไว้และตั้งเทียนไขไว้สี่เล่ม บทนี้กล่าวถึงการเลือกสี
วัสดุ และพิธีกรรมที่ใช้ในการทำอัลมาเดลและเทียนไข อาร์สอัลมาเดลยังกล่าวถึงเทวทูตที่ จะเรียกมาพร้อมอธิบายวิธีอัญเชิญ ทั้งยังระบุว่า
ผู้อัญเชิญสามารถขอให้เทวทูตช่วยได้แต่สิ่งที่สมเหตุผลและ เป็นธรรมเท่านั้น บทนี้ยังระบุเรื่องผู้ปกครองทั้งสิบสองของเทวทูต
นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดของวันและตำแหน่งของดวงดาวที่เหมาะสมกับการอัญเชิญแต่ก็ไม่ยาวนัก

บทที่ 5  อาร์สนอทอเรีย 



ศาสตร์อันโดดเด่น ตำราเวทย์ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่สมัยกลาง หนังสือเล่มนี้อ้างว่าศาสตร์นี้พระเจ้าได้เผยให้แก่โซโลมอนผ่านเทวทูต บทนี้รวบรวมมนตร์ต่างๆ
ผสมด้วยแคบบาลาห์และ เวทมนตร์ในภาษาต่างๆ วิธีการสวดมนต์เหล่านี้ และความสัมพันธ์ของพิธีกรรมเหล่านี้กับการเข้าใจศาสตร์ต่างๆ
ในบทนี้ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของดวงจันทร์กับผู้สวดมนต์และระบุว่ามนตร์ เหล่านี้เป็นการเรียกเทวทูต อาร์สนอทอเรียอ้างว่าเมื่อสวดมนต์เหล่านี้
อย่างถูกต้องก็จะทำให้เข้าใจ ศาสตร์แขนงที่สัมพันธ์กันและยังทำให้จิตใจมั่นคง ความทรงจำดี  ในบทนี้ยังกล่าวถึงการที่โซโลมอนได้รับวิวรณ์
จากเทวทูตอีกด้วย


ตำนานแหวนโซโลมอน(Seal of Solomon)



แหวนแห่งโซโลมอน หรือดวงตราแห่งโซโลมอน ถูกเรียกขานกันในชื่อดาวของเดวิด มีลักษณะเป็นดาวสัญลักษณ์ 6เหลี่ยมที่ใช้เป็นสัญลักษณ์พื้นฐาน
ในการอัญเชิญปีศาจทั้ง 72 ตนมาสู่โลกมนุษย์ และทำให้โซโลมอนพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้อีกด้วย


ตามตำนานเมื่อกาลก่อนครั้งยังไม่ปรากฏนามของพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ของฮิบรูพระองค์หนึ่งพระนามว่าโซโลมอน ได้มีพระราชโองการขึ้นฉบับหนึ่ง
สั่งให้เหล่ามหาอำมาตย์ที่ปรึกษาของพระองค์สร้างแหวน วิเศษขึ้นวงหนึ่ง และให้แหวนวิเศษนั้นมีคำจารึกซึ่งไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคาถาหรือบทสวดใดๆก็ได้
ลงบนแหวน และเมื่อใดก็ตามที่พระองค์ทอดพระเนตร  แหวนนี้จะต้องเปลี่ยนอารมณ์ของพระองค์ได้ ไม่คำนึงว่าพระองค์จะทรงดีใจหรือเสียใจอยู่
หรือต่อให้พระองค์ทรงโกรธอยู่ แหวนนี้ก็จักต้องสามารถทำให้หายโกรธได้ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่พระองค์กำลังทรงดีใจ แหวนวงนี้ก็ต้องแสดง
อิทธฤทธิ์ออกมาให้ทรงหายดีใจได้


   
เหล่าอำมาตย์ต่างก็คิดกันหนักว่าจะไปหาแหวนวิเศษขนาดนั้นจากที่ไหนช่างและ กวีทั่วทั้งเยรูซาเล็มถูกตามตัวมารับงานขึ้นเรือนแหวน นักบวช
ตามวิหารต่างๆถูกตามมาสร้างสวดมนต์เพื่อแหวน แล้วก็เป็นอย่างที่เหล่าอำมาตย์คาดไว้ ไม่มีใครสามารถสร้างแหวนที่ทรงพลานุภาพอย่างนั้นได้
การประชุมของเหล่าที่ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มีแทบทุกวัน วันกำหนดที่จะถวายแหวนแด่พระองค์ก็ใกล้เข้ามาทุกที ความกังวลนั้นเข้ามาอยู่ยึด
อยู่ในจิตใจของทุกคน แต่ที่หนักที่สุดเห็นจะเป็นปราชญ์เฒ่าผู้เป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ กษัตริย์โซโลมอน เพราะถ้าทำไม่สำเร็จพระราชอาญา
ก็คงต้องตกกับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว

ความกังวลเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าใครก็ตามก็มักจะก่อตัวใหญ่ขึ้น และเมื่อกังวลเรื่องหนึ่งได้มันก็จะกังวลต่อไปอีกไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่ เรื่อง ปราชญ์เฒ่า
ผู้เป็นหัวหน้าก็เช่นกัน ถึงตอนนี้แล้วความกังวลมากมายจึงก่อตัววนอยู่รอบๆความคิดของปราชญ์เฒ่า ไหนจะเรื่องพระราชอาญาที่อาจถึงแก่ชีวิต
ไหนจะเรื่องครอบครัว ไหนจะเรื่องความจงรักภักดี ฯลฯ


 
และเมื่อถึงที่สุดแล้ว ความเป็นปราชญ์ของเขาก็คิดได้ว่า เขาจะกังวลไปทำไม ในเมื่อความมั่นคงในชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริงมันไม่เคยมีจริง คนเรานั้น
จะดีใจหรือหดหู่กับเคราะห์หามยามร้ายมากเกินไปทำไมและในวินาทีนั้น เองท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะเปิดออกให้ได้เห็นแสงสว่าง

ในวันที่ถวายแหวนวิเศษแด่กษัตริย์โซโลมอน ทันทีที่พระองค์หยิบแหวนขึ้นมาทอดพระเนตรคำจารึก พระองค์ถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ แล้วจึงทรงแย้ม
พระโอษฐ์ออกมาอย่างพึงใจ เหล่าอำมาตย์ทั้งปวงจึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงถวายพระพร ในแหวนวิเศษนั้นมีคำจารึกไว้ว่า

And this, too, shall pass away
"แล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านไปเช่นกัน"



ขอบคุณบทความจากหนังสือเท่าดวงอาทิตย์
เขียนโดย Kititus
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 สิงหาคม 2015, 16:16:48 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

PLAYBOY ขั้นเทพ

  • V.I.P.
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1345
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +6/-2
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 09 กันยายน 2015, 22:03:07 »

อยากลองทำมั่ง
***** PLAYBOY ขั้นเทพ #  PRESENTS   การบ้านสะท้านปฐพี   ==> ความมันส์!..กำลังจะบังเกิดแล้วครัชพี่น้อง *****

Drift K

  • แอบหื่น
  • ***
  • กระทู้: 39
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 09 กันยายน 2015, 22:16:02 »

ไม่กลัวบ้างหรือไงนะ