-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)  (อ่าน 1646 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18154
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
« เมื่อ: 18 ธันวาคม 2015, 15:04:27 »

ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์"(Sadism)

ซาดิสม์ (Sadism) คือคำเรียกของผู้ที่ชอบเห็นความเจ็บปวดทรมานของผู้อื่น มีพฤติกรรมชอบทรมาน ทำร้ายผู้อื่น
เพื่อดื่มด่ำความเจ็บปวดนั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ที่ชอบมีเพศสัมพันธ์แบบวิปริต ชอบทรมานคู่นอนให้เกิดความเจ็บปวด
ก่อนจึงจะสมใจ


<a href="https://www.youtube.com/v/s3suWVNBB3U" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/s3suWVNBB3U</a>

คำว่าซาดิสม์ เกิดจากชื่อของบุรุษมีตระกูลชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งนาม “มากี เดอ ซ้าด” (Marquis de Sade)
ซึ่งเป็นคนที่มีความประพฤติโหดร้าย ชั่วช้าในทุกๆ ด้าน และชอบความรุนแรงโดยเฉพาะเรื่องเพศจนเป็นที่เลื่องลือกันเป็นตำนาน
ถึงความชั่วร้ายของเขา กระทั่งชื่อของเขาได้รับเกียรติให้นำมาตั้งเป็นชื่อของโรคจิตชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยทางจิตเป็นพวกชอบ
ความรุนแรง และชอบทรมานคู่นอนก่อนหรือขณะร่วมเพศซึ่งก็คือ “ซาดิสม์” นั่นเอง


ประวัติของซ้าดเป็นที่น่าสนใจมาก แรกเริ่มซ้าดเกิดมาในตระกูลขุนนาง เมื่อเกิดมีนามเต็มว่า โดนาเตียง อัลฟ็อง ฟรังซัวร์
หรือท่านเคานท์น้อยแห่งซ้าด ใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทแบบเดียวกับเจ้านายฝรั่งยุคศักดินาทุกประการ มารดาของซ้าดเป็น
นางพระกำนัลให้แก่เจ้าหญิงแห่งกงเด (Princess of Conde) นางมีความทะเยอทะยานอยากให้ลูกชายได้ใกล้ชิดกับ
เจ้าชายน้อยกงเดผู้เป็นทายาทเจ้าของปราสาท จึงพยายามผลักดันให้ซ้าด (ผู้อายุอ่อนกว่าเจ้าชายถึง 4 ปี) เข้ามาเป็น
พระสหายสนิทของเจ้าชาย แต่ซ้าดน้อยวัยเพียง 4 ขวบ ชอบเล่นรุนแรง เขามักเป็นฝ่ายรังแกเจ้าชายเสมอ และมักใช้
เจ้าชายเป็นกระสอบทรายมากกว่าที่จะเป็นเพื่อนเล่น จึงถูกส่งให้ออกไปอยู่กับลุงของเขาด้านนอกปราสาท



กระทั่งอายุ 14 เขาเริ่มเบื่อกับความธรรมดาของชีวิตในชนบท อยากจะออกไปท่องโลกกว้าง จึงสมัครเป็นทหารในสังกัด
กองทหารม้า (Light cavalry: ทหารราบที่ขี่ม้าด้วย) เขาได้อยู่ในกองทัพนานกว่าปกติ เพราะช่วงนั้นเกิดการปฏิวัติ
ซ้าดจึงต้องเป็นทหารอยู่ถึงสิบปี ระหว่างนั้นเขาได้เห็นเหตุการณ์กระทำทารุณต่างๆ นานาต่อเชลยและนักโทษที่ถูกจับได้
แต่ภาพความโหดร้ายเหล่านั้นกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด  เมื่อออกจากทหารแล้วเขาได้รับตำแหน่งขุนนาง
สืบตระกูลจากบิดา กลายมาเป็น มากี (Marquis) ผู้มีศักดิ์แห่งซ้าด ตั้งแต่นั้นเขาก็ได้รับการเรียกขานอย่างให้เกียรติว่า
“มากี เดอ ซ้าด” และแต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง (ที่แก่กว่าเขาถึง 10 ปี) ไม่กี่วันหลังการแต่งงาน บิดาของซ้าดก็ถูก
มารดาฝ่ายหญิงจับได้ว่าโกงเงินค่าพิธีแต่งงาน จากนั้นไม่นานบิดาของซ้าดก็ตาย พร้อมทิ้งหนี้กองใหญ่ไว้ให้ซ้าด


เป็นโชคร้ายของสตรีนางนั้นที่มาเป็นภรรยาของซ้าด เพราะตลอดช่วงชีวิตการแต่งงาน ซ้าดผู้เป็นสามีได้กระทำการ
ที่เรียกว่าหมิ่นน้ำใจภรรยาเสมอ แต่มาดามซ้าดก็ไม่เคยบ่นเพราะนางเป็นคนดีมาก แม้ว่าจะเคยอยู่ในตระกูลที่สูงส่ง
ไม่เคยพบเห็นการกระทำหยาบคาย และความวิปริตต่างๆ แต่นางก็มีความอดทนเป็นอย่างดี ตัวอย่างความชั่วของซ้าด
เช่น หลังแต่งงานได้เพียง 7 วัน เขาจ้างโสเภณีมาทั้งสำนัก พร้อมเชิญเพื่อนเสเพลของตนมาร่วมเสพกามกันที่บ้าน
ทั้งที่นายหญิงของบ้านก็ยังอยู่ทั้งคน แต่เมื่อนางไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยิ่งย่ามใจ และก่อกิจกรรมวิปริตๆ อีกมากมาย
ครั้งหนึ่งเขาพาหญิงนางหนึ่งมาจากซ่อง จับมัดมือมัดเท้า เฆี่ยนตีจนเนื้อแตก เลือดพุ่งอาบรินไปทั่ว เธอร้องไห้จนหมดแรง
เพราะไม่คิดว่าจะถูกทารุณเช่นนั้น แล้วจากนั้นซ้าดก็ร่วมรักกับเธออย่างสุขสม พร้อมให้เงินปิดปากไม่ให้ไปบอกใคร
ซ้าดมีพฤติกรรมชั่วช้าดิบเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ เขาติดเซ็กซ์และความรุนแรงแบบที่เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว

และในเวลาต่อมาเขาก็ได้ไปเยือนคุกเป็นครั้งแรกเมื่อสาวงามโรส เคลเลอร์ ผู้ถูกเขาล่อลวงมาจับมัดมือเฆี่ยนตีก่อนเสพสม
ได้วิ่งแจ้นไปฟ้องเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจนเป็นข่าวดังและเป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว แต่เขาก็ไม่ได้ลดละแค่นั้น กลับทำชั่ว
และวิตถารมากขึ้นไปอีกและได้ก่อคดีน่าละอายและเป็นที่สยดสยองมากขึ้นเรื่อยๆ




เมื่ออายุได้ 32 ปี ซ้าดจัดปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ที่เมืองมักเซยส์ จ้างคณะโสเภณีมาเกือบยกเมือง แล้วก็ทำการมอมยาโสเภณี
พวกนั้นจนอ่วม บางรายป่วยหนักไปเลย ยาที่ใช้ก็เป็นของที่นิยมในขณะนั้นคือ แมลงวันสเปน (Spanish fly)ผลลัพธ์คือ

เขาถูกแจ้งข้อหาเพิ่มอีกหนึ่ง คือพยายามฆ่าด้วยยาพิษ และกามวิตถาร ด้วยข้อหาร้ายแรงนี้เขาถึงต้องลี้ภัยไปถึงอิตาลี
แต่ด้วยการให้เบาะแสจากแม่ยายของเขาที่ต้องทนกับตระกูลซ้าดมาตลอด ทำให้เขาถูกจับได้ที่เมืองซาวอยประเทศอิตาลี
และถูกส่งเข้าขังยังเรือนจำแห่งมิโอลาน แต่ก็หนีออกมาได้ (ซึ่งที่จริงเขาหนีออกจากคุกหลายต่อหลายครั้งแล้ว)
ในที่สุดเขากลับมาอยู่ที่บ้านเก่า ลา คอสต์ แต่แม่ยายก็ตามรังควานนำตำรวจไปตามจับไม่เลิก ซึ่งเขาก็มักจะรอดพ้น
ไปได้อย่างเฉียดฉิว และสุดท้ายจึงหนีไปอยู่ในชนบทที่ห่างไกลออกไป

ต่อมาเขาได้หลอกเด็กหญิงชายกลุ่มหนึ่งว่าจะนำไปเป็นบ่าวรับใช้ แต่กลับนำเด็กๆ ไปใช้ในเกมกามของเขา และยังกล้า
กลับมายัง ลา คอสต์อีก เด็กในกลุ่มนั้นเมื่อสุดทนจึงหนีมาแจ้งความ เมื่อแม่ยายทราบข่าวก็หูผึ่งรีบนำตำรวจไปตามจับทันที
พร้อมทั้งคนแถบนั้นก็โกรธแค้นที่ซ้าดล่อลวงเด็กๆ ไปทำทารุณทางเพศ ต่างเรียกร้องให้ทางการจับซ้าดให้ได้ เขากลายเป็น
บุคคลอันตรายถึงขนาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็พร้อมที่จะโยนความผิดให้เขาหมด ซ้าดเขียนไว้อย่างขบขันในหนังสือ
ของเขาว่า

“คนพวกนี้แม้เรื่องเพียงน้อยนิด เช่น แมวถูกหวดก้น ก็พร้อมจะบอกใครๆ ว่าน่านแหละฝีมือ มองซิเออร์ซ้าดล่ะ”

นอกจากซ้าดจะเป็นที่รังเกียจของสุจริตชนทั่วไปแล้ว เขายังดูเหมือนจะเป็นที่รังเกียจของนรกสรรค์ทั้งปวงอีกด้วย
เพราะเขาเคยถูกลอบฆ่ามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ตาย รอดได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้งไป เช่น คราวที่พาสาวน้อยนาม คริล เลต์
หนีออกจากบ้าน ทำให้พ่อของสาวนั้นโกรธแค้นมาก ใช้ปืนยิงจ่อที่หัวซ้าดในระยะเผาขน แต่ลูกกระสุนดันด้านเสียอีก
นับเป็นคนชั่วที่นรกไม่อยากได้จริงๆ




จากที่ชั่วได้ที่มานาน เขาก็เริ่มได้รับกรรมในการเข้าๆ ออกๆ เรือนจำเป็นว่าเล่น ตำรวจหลอกจับเขาโดยปลอมจดหมาย
ให้เขาไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยหนักในปารีส (ทั้งที่แม่เขาตายไปนานแล้วโดยที่เขาไม่รู้) แล้วตำรวจก็จับเขาได้ที่นั่น เมื่อพิจารณาโทษแล้ว
ทางศาลก็เห็นว่าควรส่งเขาไปขังไว้ที่ปราสาทแวงซองส์ ที่มีป้อมปราการสูงใหญ่ และไม่เคยมีใครหนีรอดออกมาได้
ซึ่งที่นั่นซ้าดต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง เพราะเขาขาดสาวๆ และเซ็กซ์วิปริตอันเป็นของโปรด เขาจึงหางานอดิเรกทำ
โดยการเขียนบทประพันธ์ แต่งกลอน และละครเพลง เกี่ยวกับประสบการณ์กามต่างๆ ที่ผ่านมาของเขา ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง
วิตถารผิดมนุษย์บรรยายไว้อย่างละเอียดจนเห็นภาพ (ต่อมากลายเป็นหนังสือต้องห้าม ไม่ให้ตีพิมพ์นานเกือบ 200 ปี)
การกระทำชั่วผ่านปลายปากกานี้ทำให้เขาถูกคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยไม่ให้เขาใช้ดินสอ ปากกา หรือกระดาษใดๆ อีกเลย

แม้จะชั่วช้าอย่างไรก็ตาม แต่ด้วยความประเสริฐของม้าดมัวแซลเรเน่ผู้เป็นภรรยา ก็ยังคงคอยดูแลความเป็นอยู่ของสามีในคุก
อยู่ตลอด ทั้งจัดหาเสื้อผ้า อาหารอร่อย และของอื่นๆ ที่ซ้าดต้องการมาให้มิได้ขาด และยังเขียนสาส์นประณีประนอมโทษมาให้
ผู้คุมของซ้าดหลายครั้ง และเรียกร้องให้ผู้คุมเห็นใจสามีตนและปฏิบัติต่อเขาด้วยดี เขาถูกขังอยู่ที่แวงซองล์ 7 ปี และย้ายมาคุมขัง
ต่อที่บาสติลล์ ซึ่งซ้าดใช้เวลาในการเขียนเรื่อง “120 วันอันวิตถาร” (120 Days of Sodom) ถือเป็นเรื่องติดเรทระดับมาสเตอร์พีซ
ของเขา และยังมีเรื่อง “ความอับโชคแห่งคุณธรรม” (The misfortunes of virtue) ซึ่งแต่ละเรื่องก็เต็มไปด้วยความเลวร้าย
จนต้องม้วนซ่อนเอาไว้ตามซอกอิฐเพื่อไม่ให้ผู้คุมเอาไปทำลาย


เมื่อติดคุกนานๆ ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เขาก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลบ้า นั่นคือ ชารองตอง อัซสิลัม และที่แห่งนี้
ก็เป็นที่พำนักของเขาในอีก 14 ปีที่เหลือของชีวิต แต่กระนั้นแม้จะอยู่ในโรงพยาบาล เขาก็ยังไม่วายหาความสุขทางเพศไปเรื่อยๆ
เห็นได้จากบันทึกของเขา (ในวัยเจ็ดสิบกว่า) ถึงเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างเขา และคนงานในสถานบำบัดสาวอายุ 17 ปี
ที่เขียนไว้อย่างละเอียดลออว่าเขามีเพศสัมพันธ์กับเธอถึง 57 ครั้ง และเขาสอนให้สาวน้อยอ่านออกเขียนได้ ตัวอย่างบันทึกตอนหนึ่งมีว่า


“ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 1814 นี้ แม่สาวน้อยแม็กดาลีนได้มาเยี่ยมฉันเป็นเวลา 2 ชั่วโมง และมันนับเป็นสองชั่วโมงที่สุขสมเสียจริง”

แต่ความสุขของเขานี้อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อจู่ๆ ซ้าดวัย 74 ปี ก็ล้มป่วยอย่างกะทันหัน ได้ถูกส่งตัวเข้ารักษา และไม่เคยได้ตื่นมาอีกเลย
เป็นอันปิดฉากชายชื่อฉาวที่สุดในฝรั่งเศส แต่เป็นการเปิดตำนานแห่งคำว่า “ซาดิสม์” ให้กับโลก



ที่มาของคำว่าซาดิสม์



คำนี้มีที่มาครับ มันมาจากชื่อของคนนามว่า มาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis de Sade Marquis de Sade) หรือชื่อฝรั่งเศส
โดนาเตียง อัลฟงส์ ฟรองซัวส์ เดอ ซาด Donatien Alphonse François de Sade) "มาร์กีส์จอมเทพ" (Divine Marquis)
นักเขียนนวนิยายลามกแนวจุดขายพฤติกรรมทางเพศสุดแสนจะพรรณนาเป็นคำพูดและภาษาออกมาได้ ส่วนใหญ่เน้นตีแผ่ธรรมชาติ
ด้านมืดของเพศมนุษย์ โดยใช้นวนิยาย (บางส่วนเป็นบทความเชิงปรัชญา) และผลงานของเขาส่วนใหญ่จะออกมาในช่วงช่วง 29 ปี
ซึ่งช่วงนี้เขาถูกจับขังในโรงพยาบาลบ้า!!


ด้วยผลงานที่อื้อฉาวมากในยุคนั้นทำให้นักวิชาการได้นำชื่อของเขามากลายเป็นศัพท์ เรียกอาการทางจิตในเรื่องความรุนแรงจนกลาย
เป็นคำๆ หนึ่งในภาษาไทยนั้นคือคำว่า Sadism

หนึ่งในผลงานสร้างชื่อของเขาคือนวนิยายเรื่อง 120 วันในโซดอม (120 days of Sodom) โรงเรียนของผู้รักอิสระ) ค.ศ. 1785
ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1904 ถือได้ว่าเป็นนวนิยายแนวซาดิสท์ที่โด่งดังที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยมีมา อีกทั้งยังกลายเป็นวรรณกรรม
ต้องห้ามและอันตรายสำหรับบุคคลทั่วไปอีก

ทำไมถึงต้องถามและอันตรายหรือ?




ในบทประพันธ์เรื่องนี้กล่าวถึงพฤติกรรมทางเพศที่วิปริตและหยาบช้าสามานย์ของชนชั้นกลางสี่คนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน
(เรื่องที่เกิดเป็นยุคปัจจุบันเสียด้วยสิ ไม่ใช้ยุคกริซ) แล้วสี่คนนั้นก็หาผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกันทำการทางร่วมเพศหมู่กับเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ด้วยจำนวนมากอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน เพียงเพื่อแสวงหาความรื่นรมย์และความหฤหรรษ์ทางเพศให้กับตัวเอง โดยเวลาตลอด 120 วัน
ในปราสาทซิลลิ่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางหุบเขาซึ่งมีนายธนาคารหนึ่งในกลุ่มผู้คบคิดเป็นเจ้าของ.......


แน่นอน เรื่องมันก็บอกว่านี้เป็นนวนิยายลามก มันต้องมีฉากที่นวนิยายแนวนี้ที่มี เช่น มีตั้งแต่ถูกข่มขืน ถูกจับไปร่วมเพศหมู่อย่าง
วิปริตและชั่วช้าสามานย์ ไปจนถึงการถูกทรมานร่างกายและจิตใจด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ตั้งแต่การเฆี่ยน การฉีกแขนขา
ชิ้นส่วนของร่างกาย และแม้กระทั่งการฆาตกรรม!!




นี้แค่เนื้อเรื่องน่ะเนี้ย ไม่รวมฉากต่างๆ ที่สุดจะพรรณนา เช่น

เหยื่อในเรื่องทั้งหมดจะสวมปลอกคอ ทำท่า ทำทางเหมือนสัตว์สี่เท้า
เหยื่อในเรื่องทั้งหมด ถ้าเห็นเจ้านายจะทำความเคารพเหมือนพระเจ้าและทำท่าอิ๋งๆ เหมือนหมา และยั่วยวน
ให้เจ้านานเล่นบทพระบทนาง....

มีการทุบตีเหยื่ออย่างวิปริต ใช้ข้าวของปาเหยื่อ ตั้งแต่แจกันไปจนถึงโต๊ะ ประตู บางคนตายคาโต๊ะ เก้าอี้ก็มี
อย่างเครื่องอุปกรณ์ทรมานในยุโรปถูกมาใช้ทรมานเหยื่อในเรื่องอย่างทั่วหน้าการบังคับเหยื่อร่วมมือล็อก
จับเพื่อนร่วมชะตากรรมเพื่อจะสำเร็จโทษ เช่นดึงฉีดลิ้นเหยื่อคนนั้น   ฯลฯ

ยังๆ ยังไม่จบเพราะนิยายเรื่องนี้มันดันสร้างเป็นภาพยนตร์อีก เรื่อง (120 days of Sodom) เช่นกัน
แนวเรตสนิท โหดอีกต่างหาก สาระก็ไม่ค่อยมีเหมือนนวนิยาย


<a href="https://www.youtube.com/v/gs-523jPoSE" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/gs-523jPoSE</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2017, 17:40:13 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

samapet

  • Resource Pool
  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 97
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2015, 14:07:02 »

 pongz ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ

bahozar

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 100
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2015, 21:53:21 »

วันนี้ไล่อ่านทั้งวัน

gogorin

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 100
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2016, 01:56:16 »

ตำนาน  .,mn

Little Tiger

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 142
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2016, 19:08:00 »

ซาดิสของแท้กะเอาตายชัดๆ eta06