Clinical lycanthropy โรคมนุษย์หมาป่า??“มีคำกล่าวว่าสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวมากที่สุดคือความไม่รู้
บางครั้งสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเรา ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นอะไร”พูดถึงมนุษย์หมาป่า หรือภาษาอังกฤษคือ “werewolf” สิ่งที่เรารู้จักกันคือมนุษย์หมาป่าเป็นตำนานหรือคติชน
ที่มีความเชื่อว่ามนุษย์สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าหรือมนุษย์หมาป่าได้ โดยส่วนมากช่วงเวลาแปลงร่าง
จะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงมีตำนานมากมายว่าคนธรรมดาสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าได้ โดยหลายวิธี เช่น ต้องเวทมนตร์คำสาปจนต้องกลายเป็น
มนุษย์หมาป่า บ้างก็ว่าโดนปีศาจหมาเข้าสิง บางตำนานก็ว่ามนุษย์หมาป่านั้นสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษ คล้ายโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์
คือคนที่อยู่ในตระกูลนี้เมื่อถึงคืนวันพระจันทร์เต็มดวง จะต้องกลายเป็นหมาป่าออกอาละวาดสร้างความอกสั่นขวัญผวาน่าสะพรึงกลัว
ส่วนคืนอื่นๆ ก็เป็นเหมือนคนทั่วไปอย่างไรก็ตาม บางตำนานเชื่อ มนุษย์บางคนได้ใช้ตัวยาชนิดหนึ่งเพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นมนุษย์หมาป่า
หรือหากคนธณรมดาโดนกัดหรือโดยมนุษย์หมาป่าข่วนอาจจะสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่าได้โดยคล้ายโรคติดต่อ
มนุษย์หมาป่าตามลักษณะทั่วไปเชื่อว่ามันมีความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ มีความเร็วว่องไวและมีความรู้สึกสัมผัสเหนือกว่า
คนธรรมดาทั่วไป ส่วนมากตำนานมนุษย์หมาป่านั้นพบมากในยุโรป ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วโลก โดยมีตำนานคล้ายๆ กัน
ในหลายประเทศ เช่น มนุษย์สิงโตในอัฟริกา มนุษย์เสือดำในอเมริกาใต้ และมนุษย์เสือ หรือเสือสมิงในอินเดีย
ผู้คนส่วนมากมักหวาดกลัวมนุษย์หมาป่า พอๆ กับแวมไพร์ เพราะพวกมันมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือชอบดื่มกินเลือด
และกินเนื้อของมนุษย์เป็นอาหาร โดยมากจะเป็นเพศหญิงที่ยังอยู่ในวัยแรกรุ่น เหยื่อถูกทำร้ายและถูกประทุษร้ายทางเพศด้วย
มนุษย์หมาป่า ที่ถูกจับได้จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เมื่อถูกฆ่าตายแล้ว และมนุษย์หมาป่าเป็นสิ่งที่พบเห็นในนิยาย
หรือภาพยนตร์สยองขวัญ มีความเชื่อว่าสามารถฆ่ามันกระสุนเงิน
แม้ว่าจะปรากฏบันทึกหลักฐานว่ามีมนุษย์หมาป่าตัวจริงเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ยุโรป ที่หลายคนที่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ
เชื่อว่ามนุษย์หมาป่าที่แสนดุร้ายมีตัวตนอยู่จริงๆ แต่กระนั้น หากพูดตามหลักวิทยาศาสตร์มีความเป็นไปได้ไหมว่าคนที่อ้างว่า
มนุษย์หมาป่านั้น มีอาการทางจิตที่เรียกว่า
“Clinical lycanthropy”Clinical lycanthropy ชื่อโรคจิตประหลาดนี้ เป็นโรคทางยากทางจิตเวช ที่เป็นกลุ่มอาการเข้าใจผิดที่คนป่วย
จะมีอาการประสาทหลอนเชื่อว่าตนสามารถกลายร่างเปลี่ยนเป็นสัตว์หรือครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้ โดยเฉพาะมนุษย์หมาป่า
(ในช่วงต้นปี 2004 มีรายงานกว่าสิบกรณีที่มีคนเชื่อว่าตนเองเปลี่ยนร่างเป็น หมาป่า, สุนัข, แมว, ม้า, นก หรือแม้กระทั้งกบ)จากการศึกษาอย่างละเอียดพบว่าผู้ป่วยดังกล่าวมีพฤติกรรมในลักษณะคล้ายสัตว์เช่นพยายามเลียนเสียงสัตว์หรือคลาน
และต้องการให้คนรอบข้างว่าตนสามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ได้ ส่วนต้นต่อของอาการทางจิตดังกล่าวนั้นไม่มีใครทราบที่มานัก
แต่ข้อสันนิษฐานชื่อว่าเกิดจากความเจ็บป่วยทางระบบประสาท ที่สมองทำงานผิดปกติก็ได้
อ่านดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ บ้าๆ บอๆ หากแต่เรื่องราวต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องราวบ้าบอแน่นอน แจ๊ค โอเวน สพินแมน ที่ 3 (Jack Owen Spillman III) ในปี 1995 หญิงสาวคนหนึ่งในดักลาสเคานี้ วอชิงตัน เกิดนึกแปลกใจว่าทำไมคุณแม่และน้องสาววัยสิบสี่ปีของเธอ
ถึงไม่ไม่รับโทรศัพท์ เมื่อเธอไปที่บ้านแม่ เธอก็พบว่าประตูหน้าบ้านไม่ได้ล็อก และเมื่อเธอเปิดเข้าไปก็พบทั้งสอง
เป็นศพอยู่ในบ้าน ในสภาพเต็มไปด้วยเลือด และมีร่องรอยทำวิตถารทางเพศ จนคนที่พบเห็นดังกล่าวต่างออกความเห็นว่า
เป็นฝีมือของสัตว์ไม่ใช่มนุษย์เมื่อเธอเห็นภาพดังกล่าว เธอก็วิ่งไปร้องเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย เมื่อตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุพวกเขาทำการตรวจสอบ
สภาพศพก็พบว่าทั้งสองถูกแทงและถูกกระบองดี จากนั้นก็ข่มขืน ย้องสาวของเธอนอนบนเตียงของแม่ของเธอ
โดยมีไม้เบสบอลยัดเข้าไปในช่องคลอด และฆาตกรยังป่าเถื่อนเฉือนอวัยวะเพศบางส่วนวางบนใบหน้าของเธอ
ส่วนแม่ของเธอนอนอบู่บนโซฟาในห้องนอนถูกแทงถึง 31 ครั้งในสภาพหฤโหด ซ้ำยังมีการตัดอวัยวะเพศยัดใส่ปากของเธอ
และจัดศพในสภาพอนาจาร เห็นสภาพรู้เลยว่าเหยื่อทั้งสองอยู่ในสภาพทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสก่อนที่จะตาย
หลังจากสืบสวนก็พบว่าก็พบผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าเป็นฆาตกรที่ก่อเหตุครั้งนี้คือแจ๊ค โอเวน สพินแมน ที่ 3 ซึ่งเขา
ถูกจับไม่กี่ชั่งโมงก่อนหน้า ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ด้วยข้อหาต้องสงสัยว่าลักขโมย หากแต่เขาก็ได้รับการปล่อยตัวต่อมา
เนื่องจากไม่มีหลักฐานเอาผิด อย่างไรก็ตามหลักฐานการค้นหาหลักฐานเขาก็ถูกจับกุมในที่สุด เพราะพบหลักฐาน
บนรถที่มีทั้งเลือดและเส้นผม
แจ๊คสารภาพในเวลาต่อมา เขาสารภาพว่าได้ใช้อาชีพที่ตนเป็นพ่อค้าเนื้อ เอามาใช้ประโยชน์ในการก่อคดี ซ้ำยังบอกว่า
เขาได้ฆ่าเหยื่อผู้หญิงอีกคนก่อนหน้าคนหนึ่ง อายุ 9 ปี ในปี 1994 โดยฝังไว้ป่าใกล้บ้านของเขา และเมื่อขุดออกมา
ก็พบว่าสภาพศพเหมือนเหยื่อสองรายก่อนหน้าไม่ผิด
แจ๊คได้บอกว่าเขาก่อเหตุครั้งนี้เพราะอยากเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังคิดว่า
ตนเองคือมนุษย์หมาป่าที่ไล่ล่าเหยื่อของเขา เขาอยากทรมานเหยื่อต้องการชำแหละเอาหัวใจของเหยื่อมากิน เขายัง
บ่นว่าเหยื่อรายแรกของเขาตายเร็วเกินไปในขณะที่เขากำลังทรมานเธอด้วยมีด
แจ๊คแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบ้า และสุดท้ายเขาก็สารภาพสามข้อหา ผลสุดท้ายเขาก็ติดคุดตลอดชีวิตปี 1996
แจ๊ค โอเวน สพินแมน ที่ 3 อาจเป็นกรณีล่าสุดของใครสักคนที่คิดว่าเป็นสัตว์ป่าที่โหดร้าย อย่างไรก็ตามก่อนหน้า
หลายศตวรรษมีฆาตกรที่มีคิดว่าตนเองเป็นสัตว์ร้ายที่เรียกว่ามนุษย์หมาป่า ที่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมมากมายหลายราย มนุษย์หมาป่า กว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมาได้มีรายงานเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในหลายพื้นที่ในยุโรป รวมไปถึง
ข่าวลือว่ามนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างพวกเขาเป็นสัตว์ป่า ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตาม
นักจิตวิทยาเชื่อว่าต้นตอความเชื่อเหล่านี้คือผู้ป่วยอาการทางจิตที่คิดว่าตนเองคือสัตว์ป่า และการก่ออาชญากรรมของ
พวกเขานั้นมันโหดร้ายเหลือเชื่อเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เรื่องเหนือธรรมชาติมีน้ำหนักมากขึ้น
เพื่ออธิบายการก่ออาชญากรรมน่ากลัวเหล่านี้
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิตของปี ค.ศ.1603 พวกชาวบ้านในแซงท์ เซอเวร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ได้เกิดเรื่อง
หวาดกลัวขึ้น เมื่อมีเด็กเล็กในหลายหมู่บ้านหายไปหลายราย เมื่อชาวบ้านพยายามจับกุมค้นหาก็ไม่พบตัว หนึ่งใน
ตัวอย่างแม้แต่เด็กทารกยังถูกขโมยในขณะที่แม่นอนหลับอยู่ในกระท่อม
และหนึ่งในเหยื่อที่เป็นผู้หญิงอายุ 13 ปีคนหนึ่งจากหมู่บ้านในบริเวณก็ให้การสาบานว่าในวันพระจันทร์เต็มดวง
เธอถูกโจมตีโดยสัตว์ป่าที่ป่าเถื่อนลักษณะคล้ายหมาป่า จนกระทั้งวันหนึ่งฌานน์ผู้หญิงอายุ 18 ปีได้ทำการต้อนวัวกับฌอง เกรเนียร์ในพื้นที่ของเธอ (ทั้งคู่เป็นคนรับใช้ทำงานอยู่ด้วยกัน)
ระหว่างทำงานเขาได้ชมเธอว่าเป็นสาวสวยน่ารักและสาบานว่าเขาจะแต่งงานของเธอ เมื่อเธอถามว่าพ่อของเขาทำอาชีพ
อะไรเขากล่าวว่าเป็นนักบวช จากนั้นเธอก็ได้สังเกตเขาว่าเนื้อตัวของเขาค่อนข้างสกปรก เสื้อผ้าเหมือนผ้าขี้ริ้ว
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากรูปร่างพบว่าดวงตาของเขาดูดุร้าย ผิวสีมะกอกเข้ม ฟันแข็งแรงสีขาวและมีเขี้ยวยืนออกมา นอกจากนี้
ยังมีมือขนาดใหญ่ เล็บสีดำเหมือนกรงเล็กของนก และเมื่อเขาได้ยินประโยคดังกล่าวก็ได้สารภาพว่าตนเองมีความสามารถ
กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้ หลังจากเขาขายวิญญาณให้แก่ปีศาจ โดยเขาสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่า สัปดาห์ละสามครั้ง
โดยเขามักออกล่าเหยื่อในหลายหมู่บ้าน ตอนแรกเขากินสุนัขหลายตัว แต่ไม่อร่อยจนกระทั้งกินสาวน้อยคึนหนึ่งก็พบว่า
เนื้อของเธอหวานและอร่อย ทำให้ส่วนใหญ่เหยื่อเป็นเด็กสาวดังกล่าว
เมื่อเด็กสาวได้ยินเรื่องของฌองเกี่ยวกับรายละเอียดของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการลงมือและการรับประทาน บวกกับความสอดคล้องกับ
รายงานสาวๆ หลายหมู่บ้านหายตัวไปเธอก็เริ่มเชื่อว่าเรื่องราวที่เขาเล่านั้นเป็นความจริง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าว
แจ้งต่อทางการเพื่อตรวจสอบ หลังจากสืบสวนแล้วก็พบว่าพ่อของฌอง เกรเนียร์ไม่ได้เป็นนักบวช หากแต่เป็นกรรมกร ยากจน
จากหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งเขาเป็นคนเกลียดคร้านชอบละเลยหย้าที่ ทำให้ไม่มีใครว่าจ้างเขามากนัก เขาจึงทำอาชีพเป็นขอทานส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามเขาได้สารภาพว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่าออกอาละวาเดในเวลานี้จริง ซ้ำยังบอกว่าพ่อของเขาก็เป็นมนุษย์หมาป่า
นอกจากนี้เขายังเห็นแม่เลี้ยงของเขาอาเจียนออกมาเป็นอุ้งเท้าของสุนัขและนิ้วของเด็กต่อหน้าต่อตามาแล้ว
เนื่องจากเขาบอกเล่าของฌองสอดคล้องกับรายงานเด็กหาย อีกทั้งยังระบุได้ชัดเจนว่าผู้หญิงคนไหนที่เคยเป็นเหยื่อของเขา
แล้วรอดมาได้(พร้อมระบุจุดรอยแผล) พวกเขาก็เห็นพ้องต้องกันว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่า
อย่างไรก็ตามสุดท้ายศาลได้วินิจฉัยว่าฌองเป็นคนบ้า ผลการตัดสินคือเขาถูกจำคุกตลอดชีวิตไป ในศตวรรษที่ 16 ที่หมู่บ้านแซง โบนน็อต เมืองโดล ประเทศฝรั่งเศส ได้เกิดคดีมนุษย์หมาป่าออกอาละวาดที่นอกเมือง
มีเด็กและผู้หญิงหลายรายหายไป หรือบางรายก็รอดมาได้ และให้การว่าถูกโจมตีโดยหมาป่าขนาดใหญ่น่ากลัว
ทำให้เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก จนทางการเสนอรางวัลและตั้งกลุ่มเพื่ออกล่ามนุษย์หมาป่า
โดยเฉพาะจนกระทั้งเย็นวันหนึ่งกลุ่มคนงานที่กลับจากเดินทางจากเมืองใกล้เคียง ก็ได้พบเด็กคนหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสกำลังต่อสู้
กับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง หลังจากล้อมจับสัตว์ประหลาดดังกล่าว ก็พบว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นคือ การ์นิเย่ กิลส์ ในเขา
ได้สารภาพในชั้นศาลว่าเขา ตัวเองนี่แหละที่เป็นมนุษย์หมาป่า ตัวจริง เสียงจริง เขาสามารถแปรงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า
ได้เพื่อง่ายต่อการล่า
สาเหตุที่ฆ่าเด็กนั้นนั้นก็เพื่อนำมาเป็นอาหารแก่เขาและภรรยาเพราะเด็ก มนุษย์ล่าง่ายกว่าสัตว์ทั่วๆ ไป โดยเหยื่อของเขา
ฆ่าอย่างน้อยสี่ราย อายุระหว่าง 9-12 ปี ในเดือนตุลาคม 1572 โดยเหยื่อรายแรกคือเด็กสาวอายุ 10 ปี ที่เขาลากเธอ
ในขณะอยู่ไร่องุ่น เขาฉีกเสื้อผ้าของเธอออกแล้วกินเนื้อจากต้นขาและแขนของเธอ ส่วนเนื้อบางส่วนเอามันกลับบ้านไปให้ภรรยา
สัปดาห์ต่อมาเขาฆ่าเด็กอายุ 10 ปีและกินเนื้อของเขา สัปดาห์ต่อมาเขาก็ทำร้ายผู้หญิงด้วยการกัดหากแต่ถูกขัดจังหวะ
เสียก่อนเลยหนีไป แต่กระนั้นหญิงสาวเคราะห์ร้ายดังกล่าวก็ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ในเดือนพฤศจิกายนเขาก็ฆ่าเด็ก
เพื่อนำเนื้อมากิน และสุดท้ายเขาก็ฆ่ารัดคอเด็กแต่ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง จึงทิ้งศพไว้ก่อนที่จะกินมัน และผลการก่อคดีนี้เอง
ทำให้การ์นิเย่ก็ถูกประหารด้วยการเผาทั้งเป็นเมื่อ 18 มกราคม 1573
สิ่งที่ทำให้หลายคนหวาดกลัวมนุษย์หมาป่าก็คือพวกมันชอบกินคน ที่ฝรั่งเศสก็มีการล่ามนุษย์หมาป่าอย่างกว้างขวาง อันเนื่องจากสมัยก่อนยุโรปกลางยึดมั่นในคริสตจักร ศาสนานอกรีต
ถูกว่าเป็นภัย ส่งผลให้ในช่วง 1521-1600 มีหลายคนถูกจับอันเนื่องจากเชื่อว่าเป็นมนุษย์หมาป่า และหลายคนถูก
ประหารจำนวนมาก
การปรากฏตัวมนุษย์หมาป่าในยุโรปได้ก่อกระแสการล่ามนุษย์หมาป่าเช่นเดียวกับการล่าแม่มด ส่วนใหญ่แล้วการล่ามนุษย์หมาป่านั้น
เกิดขึ้นในทะเลบอลติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเอสโตเนียซึ่งตอนนั้นกระแสความสนใจในสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติกำลังเป็นที่นิยม
และมีความเชื่อว่าแม่มดสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ซึ่งการล่าเริ่มขึ้นในปี 1610-1650 มีผู้หญิงกว่า 29 ราย และผู้ชายกว่า 26 ราย
ถูกลงโทษฐานใช้เวทมนตร์ และถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทรมานเพื่อรับสารภาพ
ตัวอย่างมนุษย์หมาป่าฝรั่งเศสมีมากมาย ตัวอย่างเช่น ในปี 1521 ปิแอร์ เบรเกทและมิเชล แวร์เดิง(Pierre Burgot and Michel Verdum) สองชาวนาในเบอซองซ์ ฝรั่งเศส ที่เชื่อว่าพวกเขาทำสัญญากับปีศาจ ซึ่งเป็นชายสวมเสื้อคลุมลึกลับ ซึ่งเมื่อพวกเขาทำสัญญา
ปรากฏว่าพวกเขาสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่าด้วยการถูครีมวิเศษตารมร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเขา และเขาก็ได้จำแลง
กลายเป็นมนุษย์หมาป่าก่ออาชญากรรมไปทั่ว พวกเขาฉีดเนื้อเด็กอายุเจ็ดขวบเป็นชิ้นๆ และลักพาตัวเด็กสาวอายุสี่ขวบไปฆ่าทิ้ง
หญิงสาวผู้โชคร้ายบางคนถูกกินอย่างทรมาน ผลสุดท้ายพวกเขาก็ถูกจับและถูกแขวนต่อหน้าสาธารณชนเพื่อให้สังคมรับรู้ว่านี้
คือโทษสำหรับคนที่ทำสัญญากับซาตาน
ดูเหมือนว่าคำสารภาพมนุษย์หมาป่าส่วนใหญ่จะเน้นล่าเหยื่อเด็กและหญิงสาว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวทำให้สังคมเป็นที่หวาดกลัว
ต่อสาธารชน และหลายคนเชื่อว่ามีมนุษย์หมาป่าปรากฏตัวอยู่จริง และทางการเองก็ได้นำเรื่องมนุษย์หมาป่าออกเผยแพร่เพื่อให้
ชาวบ้านรู้สึกความชั่วร้าย ก่อให้เกิดอุปทานหมู่ไปทั่วฝรั่งเศส
ในปี 1598 มีชายหนึ่งในเมืองชาลงถูกจับในข้อหากินเนื้อพวกเดียวกันเอง นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเขาทำร้ายเด็กจำนวนมาก
ที่กำลังเดินเล่นในเมือง และลักพาตัวพวกเขาไปที่ป่าใกล้เคียงเพื่อฆ่ากินเนื้อ และที่น่าเหลือเชื่อคือเขาได้นำซากกระดูกบางส่วน
เก็บไว้ในถังบาร์เรลไว้หลังบ้านของเขา ซึ่งต่อมาก็มีการค้นพบซากดังกล่าวโดยบังเอิญจนเขาถูกจับกุมในเวลาต่อมา
และเขาก็ถูกขังคุกพร้อมกับตั้งข้อหาว่ามนุษย์หมาป่า
อย่างไรก็ตาม นี้เป็นเพียงข้อมูลบางส่วนที่ทางการเผยแพร่เท่านั้น ส่วนรายละเอียดและเรื่องหลังจากนั้นก็ไม่ทราบแล้วว่าเป็นอย่างไร
เขาอาจถูกเผาทั้งเป็นเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่า แต่ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะเอกสารของศาลถูกทำลาย
แต่กรณีดังกล่าวทำให้ได้คิดอย่างว่าหากมีการณ์กินเนื้อคนในยุโรปกลางเมื่อใดพวกเขาจะถูกตั้งข้อหาเป็นมนุษย์หมาป่าทันที ไม่เพียงฝรั่งเศสเท่านั้นที่มีมนุษย์หมาป่า ที่ประเทศเยอรมันก็เช่นกัน ราวๆ ศตวรรษที่ 16 ในบริเวณรอบๆ เมือวงเมืองเบดบูร์ก โคโลญ
ได้ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องลึกลับ เมื่อชาวบ้านถูกคุกคามจากฆาตกรที่มองไม่เห็น ตอนแรกมันทำร้ายสัตว์ในปศุกรสัตว์ ก่อนที่จะจะก่อเหตุ
ฆ่าคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ประมาณ 18 ราย นอกจากนี้ยังมีร่องรอยเนื้อของเหยื่อถูกนำมากินเป็นบางส่วน แขนขา
กระจัดกระจายอยู่เต็มไปทั่ว แม้แต่หญิงตั้งครรภ์ยังตกเป็นเหยื่อซ้ำยังมีการผ่าท้องควักลูกออกมาข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยมหลังจากเจ้าหน้าที่ใช้สุนัขดมกลิ่นออกตามล่า จนกระทั้งในปี 1589 พวกเขาก็พบชายที่คิดว่าเป็นตัวต้นเหตุ นาม ปีเตอร์ สตัมป์
เมื่อเขาถูกจับเขาก็สารภาพว่าเป็นมนุษย์หมาป่าต่อหน้าศาล โดยอ้างว่าเขามีเข็มขัดทองวิเศษที่ได้จากการทำสัญญาปีศาจทำให้เขา
สามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่า นอกตากนี้เขายังอธิบายถึงการฆาตกรรมของเขาอย่างละเอียดโหดเหี้ยม พร้อมพูดถึงรสชาติ
ของเนื้อคนว่ามีรสชาติเอร็ดอร่อย นอกจากนี้เขายังข่มขืนเด็กและยังควักหัวใจเด็ก เพื่อนำมารับกินขณะที่หัวใจยังเต้นและร้อน
อยู่อย่างน่าสยดสยอง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครเคยเห็นเข็มขัดทองเขา ส่วนปีเตอร์ได้ถูกทรมานจนต้องรับสารภาพทำให้ไม่มีการพิสูจน์แต่ว่า
เป็นจริงหรือไม่แต่อย่างใด ผลสุดท้ายเขาก็ถูกประหารโดยการใช้ล้อทับจนร่างกายฉีกขาดตายอย่างทรมาน ส่วนลูกเมียของเขาก็ถูกเผาทั้งเป็นเพื่อเซ่นสังเวยเรื่องราวเหล่านี้ไป มานูเอล บรังโก โรมาซานตาเอลซา อย่างไรก็ตาม กรณีที่โด่งดังและโหดที่สุดของฆาตกรมนุษย์หมาป่า น่าจะเป็นกรณีของพ่อค้าเร่คนหนึ่งชื่อ
มานูเอล บรังโก โรมาซานตาเอลซา ฆาตกรต่อเนื่อง 13 ศพ ที่ก่อเหตุในปี 1852 ในกาลิเซีย ประเทศสเปน
ในเอกสารระบุว่าตอนเป็นเด็กของรูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิง ทำงานเป็นช่างตัดเสื้อ อ่านออกเขียนได้ หลังจากนั้น
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขาก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่าคนกลางทาง และนำไขมันมนุษย์เป็นสบู่โดยเวลาดังกล่าว
มีรายงานคนหายไปในป่ามากมายโดยเฉพาะพวกผู้หญิงและเด็ก อีกทั้งบางศพถูกพบในสภาพถูกกัดเหวอะหวะ
เมื่อโรมาซานตาเอลซาถูกจับกุม ก็อ้างว่าตนกำลังทุกข์ทรมานจากคำสาปกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า
และฆ่าคนโดยไม่รู้สึกตัว
“ครั้งแรกที่ผมกลายสลายผมก็พบว่าผมอยู่ภูเขา Couso และผมก็ได้พบหมาป่าสองตัวขนาดใหญ่ที่ดุร้าย
ทันใดนั้นผมก็ก้มลงและผมก็รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมตนเองได้ และหลังจากนั้นก็พบว่าสองหมาป่าดังกล่าว
ก็คือคนที่กลายร่างเป็นหมาป่าเช่นเดียวกับผม คนหนึ่งมาจากวาเลนเซีย อีกคนมาจากแอนโตนิฌโอ
และพวกเราก็จับกลุ่มฆ่าคนเพราะความหิว”ไม่มีบันทึกว่าสุดท้ายโรมาซานตาเอลซาได้รับจุดจบอย่างไร บางแหล่งได้อ้างว่าเขาจำคุกตลอดชีวิต
อีกแหล่งก็อ้างว่าเขาถูกประหารชีวิตตายอย่างทรมาน ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเขาได้กลายร่างเป็นหมาป่า
และหลบหนีเข้าไปในป่าลึกเพื่อซ่อนตัวจากโลกภายนอก แต่กระนั้นในปี 2009 มีหลักฐานที่เชื่อว่า
เขาเสียชีวิตในคุกเมื่อปี 1854
สัตว์ร้ายแห่งเชโวดอง อย่างไรก็ตามเหตุการณ์น่ากลัวของมนุษย์หมาป่าที่ฆ่าคนมากที่สุดกลับไม่ใช่เป็นฝีมือของมนุษย์ แต่เป็นสัตว์ป่า
ซึ่งเรียกขนานว่า “สัตว์ร้ายแห่งเชโวดอง” เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สัตว์ทำร้ายคนที่ลึกลับ โดยเหตุการณ์นี้เริ่มเกิดขึ้น
เมื่อปี ค.ศ.1764 -1767 ที่เมืองเชโวดอง แคว้นโอแวร์ญ ซึ่งเป็นย่านภูเขาอยู่ในทางภาคกลางตอนใต้ของ
ประเทศฝรั่งเศส จู่ๆ มีสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่ ออกอาละวาดไล่ฆ่าผู้คนตายไปหลายราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรีที่อ่อนแอ (เหยื่อรายแรกเป็นเด็กสาว เมื่อมิถุนายน 1764)ส่วน จำนวนของ
“สัตว์ร้าย” ตัวนี้มีจำนวนไม่แน่ชัดแต่คาดว่ามันน่าจะมีตัวเดียว และรูปร่างมันมีลักษณะตามคำ
บอกเล่าของผู้พบเห็น ไม่ตรงกันสักราย แต่ก็พอสรุปว่ามันเหมือนหมาป่าตัวโตๆ เกือบเท่ากับวัว หัวโตมาก
จมูกยาวแหลมและยื่น ขนสีเทาหูสั้นและฟันใหญ่ กรงเล็บขนาดใหญ่แหลมคม (ใหญ่กว่าหมาป่าปกติ)
และหางยาวดูเผินๆ แล้วมันก็ดูเหมือนป่าหมาตัวโตๆ ที่โตมาก แต่พิเศษที่ต่างจากหมาป่าทั่วไปคือ
เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้เดินได้ด้วย 2 ขาหลัง !! เหมือนมนุษย์ ไม่มีผิด
(หลายฝ่ายเชื่อว่ามันน่าจะเป็นไฮยีน่าโบราณ) โดยสถานที่มันปรากฏตัวมากที่สุดคือปศุสัตว์และทุ่งเลี้ยงสัตว์ (และป่าเขาทางเดินสัญจร) จากรายงานมี 210 คน
ถูกทำร้าย 113 ตกเป็นเหยื่อเสียชีวิต และ 98 ถูกกิน ทำให้หลายคนเชิญว่าเป็นเป็นปีศาจที่มาจากนรก
มีนายพรานหลายรายที่พยายามที่จะล่ามันแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวต้องกลับบ้านด้วยมือเปล่า
จนกระทั้งปี 1767 นายพรานท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อจีน ชาลเตลได้จัดการเป่ามันด้วยปืนคาบศิลา
(บางตำนานบอกว่าใช้กระสุนเงินยิงมันและเมื่อจัดการผ่าท้อง มันก็พบศพเหยื่อรายสุดท้ายที่มันกินด้วย)
ก่อนที่นำซาก “สัตว์ร้าย” ไปสตั๊ฟและไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ก่อนที่จะนำซากนั้นไปฝัง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ”เจ้าสัตว์ร้าย” ก็ไม่มาอาละวาดให้ผู้คนในเชโวดองอีกเลย โจเซฟ วาเชอร์ จนถึงปัจจุบันโรค Clinical lycanthropy ยังคงสร้างฆาตกรโรคจิตที่น่าสะพรึงกลัวออกมามาแบบไม่หยุดหย่อน
ซ้ำยังทำก่อคดีน่ากลัวจนเป็นที่ตกตะลึงแก่คนทั่วไป ในปี 1897 คนจรจัดคนหนึ่ง โจเซฟ วาเชอร์อายุ 1824
ฉายา “นักชำแหละแห่งประเทศฝรั่งเศส” จุดเด่นของเขาคือใบหน้ามีแผลเป็นและหมวกขนกระต่ายสีขาว เขาเกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1869 ในครอบครัวเกษตรกรที่ไม่รู้หนังสือ ทำให้เขาถูกส่งไปเรียนโรงเรียน
คาทอลิกที่เข้มงวดที่นั้นเขาถูกสอนสั่งให้เชื่อและหวาดกลัวในพระเจ้า ในปี 1893 ระหว่างถูกเกณฑ์ทหาร
เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งแต่ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธไม่เล่นด้วยทำให้เขาโกรธมากและทำร้ายผู้หญิงคนนั้น
(เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่รอด) จากนั้นเขาก็กลายเป็นคนเกลียดผู้หญิง
จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็มีอาการทางจิตจนพัฒนามาเป็นฆาตกรต่อเนื่องในที่สุด สังหารเหยื่อมากกว่า 11 ราย
ระหว่าง 1894-1897 เหยื่อที่ถูกฆ่าส่วนใหญ่จะถูกแทงซ้ำหลายครั้ง สังวาสผิดธรรมชาติ ข่มขืน ผ่าท้อง
ส่วนใหญ่บริเวณที่เขาออกอาละวาดจะอยู่ทางทิศจะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส โดยเขาจะปลอมตัวเป็นขอทาน
หรือเป็นกรรมกรในฟาร์มเพื่อมองหาเหยื่อ เขาถูกจับในปี 1897 ในขณะทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารับสารภาพว่าสังหารผู้หญิงเพราะเขาเป็นบ้าเพราะโดนสุนัขกัดตอนเป็นเด็ก เชื่อว่าเลือดของเขาเป็นพิษ
วิธีเดียวรักษาได้คือการดื่มเลือดจากคอของพวกเขา สุดท้ายเขาถูกประหารชีวิตด้วยเครื่องกิโยติน
เมื่อ 31 ธันวาคม 1898
กรณีของโจเซฟ วาเชอร์แสดงให้เห็นว่าสาเหตุของอาการทางจิตที่คิดว่าตนเองเป็นมนุษย์หมาป่านั้น
อาจเกิดมาจากโรคพิษสุนัขบ้า โรคเก่าแก่ ที่เมื่อถูกสุนัขบ้ากัดเข้าไป จะมีอการทางจิตชอบอาละวาด
กลัวน้ำ กลัวลม ซึมเศร้า ฯลฯ
ไมเคิล ลูโพ อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าฆาตกรต่อเนื่องที่ได้รับฉายาว่ามนุษย์หมาป่าจะมีพฤติกรรมลักษณะคล้ายหมาป่าเสมอไป
เช่นกรณีของไมเคิล ลูโพ (1953-1912) ซึ่งเป็นพวกรักร่วมเพศและฆาตกรต่อเนื่องจากอิตาบี แต่ก่อคดีที่ลอนดอน
ประเทศอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1986 ซึ่งเหยื่อส่วนเขาจะฆ่าเหยื่อด้วยการรัดคอเหยื่อ และเมื่อเขาจับกุมเขา
เรียกตนเองว่า "มนุษย์หมาป่า" (ลูโฟ เป็นภาษาอิตาลี แปลว่าหมาป่า) สุดท้ายเขาก็ตายด้วยโรคเอดส์ในคุก
(ซึ่งเขาติดเอดส์มาจากเหยื่อที่เขาฆ่าข่มขืน) เรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมดคือบางส่วนของฆาตกรที่เรียกตนเองว่ามนุษย์หมาป่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความไร้ศีลธรรม
ของมนุษย์บางเรื่องก็ได้สร้างสัตว์ประหลาดน่ากลัวจากจิตนาการของพวกเขาจนก่อให้เหิดตำนานเหนือธรรมชาติขึ้นมา
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วสัตว์ประหลาดที่ว่า มันก็คือคนธรรมดาอย่างเรา ที่มีอาการทางจิตรุนแรงที่คิดว่าตนเองเป็นสัตว์ร้าย
ที่ชอบฆ่ามนุษย์เพื่อกินเนื้อ และการก่อคดีของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นบ้ามากกว่าจะมีเรื่องเหนือธรรมชาติ
เข้าเกี่ยวข้อง
ผลสุดท้ายแล้วฆาตกรต่อเนื่องก็เหมือนสัตว์ร้ายในประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ ที่ไม่เพียงแค่ฆ่ามันด้วยกระสุนเงิน
แล้วเรื่องมันจบ เพราะมันคือคำสาปที่อยู่คู่กับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ตราบใดที่ยังคงมีด้านมืดอยู่ในจิตใจของมนุษย์
ตราบนานเท่านานcredit :: cammy@dek-d.com