-->

ผู้เขียน หัวข้อ: กิเลน (Kirin)  (อ่าน 4879 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
กิเลน (Kirin)
« เมื่อ: 22 เมษายน 2016, 12:03:01 »

กิเลน (Kirin)



กิเลน (Qilin, Kylin หรือ Kirin) เป็นคำที่มาจากภาษาจีน เป็นชื่อของสัตว์ในเทพนิยายจีน

กิเลนจีน

กิเลน (Qilin, Kylin หรือ Kirin)  เป็นชื่อภาษาจีนที่ใช้เรียกสัตว์ในเทพนิยายของจีน โดยหากแยกคำตามความหมายแล้ว “กี”
จะใช้ในการเรียกตัวผู้ ส่วน “เลน” จะใช้ในการเรียกตัวเมีย เมื่อผสมคำเป็น “กิเลน” จึงมีความหมายตามตำนานจีนว่า สัตว์ที่มี
รูปร่างเหมือนกวางแต่มีเพียงแค่เขาเดียว หางคล้ายวัว หัวเหมือนมังกร ตีนเป็นกีบเหมือนม้า (บางตำรากล่าวว่า มีลำตัวเป็นสุนัข
หรือบ้างก็ว่าเป็นเนื้อสมัน)
สัตว์ชนิดนี้เกิดจากธาตุทั้งห้ามาผสมกันได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ


กิเลนเชื่อกันว่ามีอายุยืนได้ถึงพันปี และเป็นสัตว์แห่งยอดสัตว์ทั้งหลาย อีกทั้ง กิเลนยังเป็นสัตว์ที่มีความหมายแห่งความดีงาม
เมื่อใดที่กิเลนปรากฏกายขึ้นมา จะแสดงให้เห็นว่า ในขณะนั้นกำลังจะมีผู้มีบุญมาเกิดเพื่อขึ้นปกครองบ้านเมืองให้มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข
กิเลนจึงถือเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ประกอบไปด้วย หงส์ เต่า มังกร และกิเลน (บ้างว่าเป็น เสือ)



กิเลน ถูกเอ่ยถึงครั้งแรกในจารึกกระดองเต่า เจี๋ยกู่ 甲骨 ในคัมภีร์ชุนชิว 春秋经 ชุนชิวจิง
(สมัยชุนชิวอยู่ในช่วง ก่อน ค.ศ.722 ถึง ก่อน ค.ศ. 481) กิเลนเป็น สัตว์มงคลของจีน
คำว่ากิเลนในภาษาไทย เข้าใจว่าเพี้ยนเสียงมาจาก ภาษาจีนพื้นถิ่น แต้จิ๋ว-ฮกเกี้ยน
โดย  麒麟  ออกเสียงว่า "คี้ลิ้ง"  ส่วน จีนกลาง ออกเสียงว่า ฉีหลิน เรียก สั้นๆว่า ลิ้ง 麟(หลิน)
กิเลนเป็นสัตว์ในตำนานหรือเรื่องเล่าปรัมปรา ที่ปรากฎตัวในยามที่ผู้มีบุญมาเกิดเพื่อนำพาบ้าน
เมืองสงบสุขดังคำกล่าวที่ว่า


天地诞生之初,  飞禽以凤凰为首,走兽以麒麟为王。
TiāndìDànshēng zhī chū,  FēiqínYǐ fènghuángWéishǒu, ZǒuShòuYǐQílínWèiWáng.

ฟ้าดินให้กำเนิด  สัตว์มงคล "เหิน" คือ หงส์คู่ (ตัวผู้ 凤 เฟิ่ง และตัวเมีย 凰 หวง)
แล  กิเลน .. สัตว์มงคลเดินดิน แด่ ฮ่องเต้




พจนานุกรม จีน อธิบายกิเลนต่างออกไป ว่า กิเลนมีหัวเหมือนสุนัข แต่มีกายเป็นกวาง หางเป็นวัว กีบเหมือนม้า มีขนแผงคอหลากสี
ขนใต้ท้องมีสีเหลือง มีสีกาย 5 สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ขาว และ ดำ ตัวผู้มีเขา 1 เขา ส่วนตัวเมียไร้เขา กิเลนสามารถเดินบนผิวน้ำได้


มีเรื่องเล่าว่า สมัยราชวงศ์เมง ชาวจีนได้เห็นยีราฟเป็นครั้งแรก-ราวปี พ.ศ. 1957 จิตรกรจีนได้วาดภาพยีราฟไว้และเขียนกำกับชื่อภาพว่า
กิเลน อาจเป็นเพราะยีราฟมีรูปร่างแปลก แถมยังมี เขาอ่อนเหมือนกวางบางชนิด


เชื่อว่ามีอายุอยู่ได้ถึงพันปี และถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี ปรากฏให้เห็นเมื่อใด ก็จะเกิดผู้มีบุญ
มาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขเมื่อนั้น กิเลนเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย หงส์ เต่า มังกร และกิเลน (บ้างว่าเป็น เสือ)



ความเชื่อเรื่องการกำเนิดโลกของจีนในยุคของฟูซี (伏羲) นั้น กล่าวไว้ว่า ฟูซี เป็นผู้ปกครองคนแรกของชนเผ่ามนุษย์ ท่านได้สังเกต
ถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ จนสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองได้ แต่แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดมีกิเลนตัวหนึ่ง ปรากฎกายขึ้นมาจากแม่น้ำหวงโฮ
ที่บนหลังสัตว์ตัวนี้มีสัญลักษณ์แผนที่เหอประทับอยู่ด้วย ในต่อมาภายหลัง สัญลักษณ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นตัวอักษรต่อมา ภายหลังจากนั้น
องค์ความรู้ของมนุษย์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นและเจริญสืบทอดต่อมา





กิเลนไทย




ส่วนตำนานของคนไทย ก็รู้จักกิเลนของจีนมาเนิ่นนานแล้ว
จากข้อมูลในสมุดภาพที่บ่งบอกข้อมูลสัตว์ป่าหิมพานต์ที่นายช่างโบราณ

ได้เคยร่างแบบเอาไว้สำหรับผูกหุ่น ส่วนพิธีแห่พระบรมศพของรัชกาลที่ 3 ก็มีกระบวนที่มีรูปของกิเลนจีนหนวดยาว ๆ ส่วนรูปกิเลน
แบบไทยจะมีกนกและเครื่องประดับทรงเครื่องแบบไทยๆจัดลายประกอบไว้ด้วย ซึ่งลักษณะอาจผิดแปลกไปจากในสมุดภาพสัตว์
โบราณจากป่าหิมพานต์ไปบ้าง แต่ลักษณะที่ผิดแปลกไปอย่างหนึ่ง ก็คือ กิเลนของไทยจะมีเขาสองเขา แต่ของจีนจะมีเพียงเขาเดียว
ส่วนในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีก็มีการกล่าวถึงสัตว์ประหลาดที่ลักษณะคล้ายกิเลนเช่นกัน รู้ที่คนไทยรู้จักกันในนามของ ม้ามังกร
หรือ ม้านิลมังกร นั่นเอง


แม้แต่ปัจจุบัน ก็มีการใช้กิเลนมาเป็นฉายาของทีมสโมสรฟุตบอลไทย โดยทีมฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ด มีฉายาว่า “กิเลนผยอง”
และยังใช้สัญลักษณ์ของกิเลนเป็นส่วนหนึ่งของทีมด้วย



   





กิเลนญี่ปุ่น





คิรินคือม้าเขาเดี่ยวของญี่ปุ่น เป็นสัตว์เทวะที่ปราบปรามความชั่ว คอยปกป้องคนดี และมอบความโชคดี ให้คนเหล่านั้น
การได้เห็นคิริน นับว่าเป็นโชคอย่างมหาศาล



คิริน มีลักษณะ คล้ายกวางขนาดใหญ่มาก มีเขา ส่วนศรีษะดูคล้ายมังกร ญี่ปุ่นเองก็มีตำนาน เรื่องเล่าเกี่ยวกับกิเลน
หรือ คิริน ในภาษาญี่ปุ่น หากใครได้ชมภาพยนต์เรื่อง 47 โรนินจะมีฉากล่ากิเลน ซึ่ง ลักษณะที่ถ่ายทอดมาก็คือ
กวางโบราณที่ มีเขาและศรีษะทำนองมังกร

<a href="https://www.youtube.com/v/dCQM0tk3fu8" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/dCQM0tk3fu8</a>
 





กิเลนไฟในเรื่องฟงอวิ๋น





กิเลนไฟ ตัวละครในนิยายกำลังภายในเรื่อง ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า เป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกิเลนแต่มีลำตัวลุกเป็นไฟ
อาศัยอยู่ในถ้ำดั้นเมฆ หุบเขาลักซัว ติดริมแม่น้ำ ที่ซึ่งมีพระพุทธรูปหน้าผาแกะสลักอยู่ ด้านล่างภูเขามีอักษรจารึกว่า
" น้ำท่วมเขาเทวะ ไฟไหม้ถ้ำดั้นเมฆ " หมายถึง เมื่อใดที่น้ำในแม่น้ำท่วมถึงเขาองค์พระ กิเลนไฟจะออกอาละวาด


กิเลนไฟเป็นสัตว์ประหลาดนิสัยดุร้าย กินผู้คนเป็นอาหาร ไม่มีที่มาที่ไปและไม่ทราบอายุ มีอิทธิฤทธิ์มาก ไม่มีใครสามารถปราบได้
ในฟงอวิ๋นฉบับภาพยนตร์ ขณะที่เนี่ยเหยินหวังและสงป้าประลองกันอยู่ เนี่ยเหยินหวังพลาดท่าตกลงไปหน้าถ้ำดั้นเมฆ กิเลนไฟ
ก็ออกมาคาบเนี่ยเหยินหวังพร้อมดาบดื่มหิมะเข้าไป ท้ายที่สุดเนี่ยฟงเมื่อเติบใหญ่ขึ้น ได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้อีกครั้งนึง
และได้เผชิญหย้ากับกิเลนไฟและใช้ความเย็นเยียบพิชิตกิเลนไฟแก้แค้นให้แก่บิดาได้ ในฉบับหนังสือการ์ตูน บรรบุรุษของปู้จิ้งอวิ๋น
และต้วนล่างต่างได้เคยประลองกับกิเลนไฟมาแล้ว โดยเฉพาะบรรพบุรุษของตระกูลต้วนสามารถทำให้กิเลนไฟบาดเจ็บด้วยการ
ถอนเกล็ดมาได้ชิ้นนึง และนำมาติดไว้ที่กระบี่ ทำให้กระบี่ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง เกิดพลานุภาพมากมาย จึงถูกเรียกว่า
"กระบี่กิเลนไฟ"


เนี่ยฟงได้เผชิญหน้ากับกิเลนไฟ และสามารถสยบมันได้ ที่สุดมันก็สงบและเชื่องต่อเนี่ยฟง
 
 

กิเลน...มีกี่เขา ??




เดิมกิเลน น่าจะมีความเชื่อที่พ้องกันทั่วโลก ว่าเป็นสัตว์ในไพรลึก หายาก เช่นแดนหิมพานต์
ของไทย หรือ ยูนิคอร์น ที่อยู่ป่าทางยุโรบเหนือ น่าแปลกที่กิเลนในยุคแรกๆ จะมีลักษณะเขาเดียว
เหมือนยูนิคอร์น และมีรูปร่างคล้ายๆกวาง มาก กว่า มังกรหรือสิงห์โต





 

กิเลน กับ ปี่เซียะ ต่างกันยังไง..?





ปี่เซียะ (สำเนียงแต้จิ๋ว) หรือ ผีซิว (สำเนียงกลาง) หรือ เผยเหย้า (สำเนียงกวางตุ้ง) เป็นสัตว์ประหลาดตามความเชื่อ
ของจีนมาแต่โบราณ เชื่อว่า ปี่เซียะ มีรูปร่างและเขาคล้ายกวาง แต่มีปีกคล้ายนก และมีส่วนหางคล้ายแมว เป็นสัตว์สี่ขา
และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ได้


ตามตำนานความเชื่เชื่อว่าถูกแบ่งเป็นตัวผู้ชื่อ ปี่ และ ตัวเมียชื่อ เซียะ นอกจากนี้แล้วยังมีชื่อเรียกอื่นอีก เช่น เทียนลู่
หรือ เทียนลก ตามแต่ละพื้นที่อีกด้วย ซึ่งความหมายของชื่อเหล่านี้ แปลได้ว่า กวางสวรรค์ หรือ ขจัดปัดเป่า

 

ปี่เซียะ




ส่วนบางความเชื่อกล่าวไว้ว่า ปี่เซียะ เป็นลูกตัวที่ 9 ของมังกร เป็นสัตว์ที่กินเก่งและไม่มีรูทวาร จึงไม่มีการขับถ่าย
ในปลายยุคราชวงศ์โจว ตรงกับยุคชุนชิว มีการนำปี่เซียะมาใช้เป็นสัญลักษณ์โดยประดับเป็นรูปบนธงสำหรับการออกรบ
โดยรวมในอดีตสันนิษฐานว่า ปีเซียะให้ความหมายในทางความกล้าหาญ การปกป้องคุ้มภัย และการต่อสู้เพื่อ
จะให้ได้มาซึ่งชัยชนะ


นอกจากนี้แล้ว ปี่เซียะยังเป็นสัญลักษณ์ของการพิทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบัติอีกด้วย อันเนื่องจากการที่เป็นสัตว์ที่
กินอย่างเดียวไม่มีการขับถ่าย จึงมีการปั้นเป็นรูปปั้นเฝ้าหน้าท้องพระโรง ภายในพระราชวัง เช่น ฮ่องเต้ปูยี จักรพรรดิองค์สุดท้าย
ของราชวงศ์ชิงและประเทศจีน

ดังนั้นคนที่บูชา ปี่เซียะ จึงมักจะใช้ถือเคล็ดในเรื่องการเก็บทรัพย์เรียกทรัพย์ ให้มีเงินทองใช้ไปตลอดไม่รั่วไหล
เป็นของมงคลเรียกทรัพย์นั่นเอง

ปัจจุบัน มีการบูชาปี่เซียะ โดยมักทำเป็นรูปเคารพของสัตว์ที่มีลักษณะดังกล่าวในลักษณะหมอบ และมักทำเป็นคู่กัน
โดยจะตั้งวางให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยด้วย อีกทั้งยังเป็นที่บูชาของนักพนัน ผู้ที่นิยมเสี่ยงโชคในลักษณะวัตถุมงคล
จากการที่เป็นสัตว์ที่กินอย่างเดียวไม่มีถ่าย จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บทรัพย์ ซึ่งกาสิโนบางแห่งในประเทศจีน,
มาเก๊า และฮ่องกง จะมีรูปปั้นปี่เซียะนี้อยู่ด้านหน้าด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 เมษายน 2016, 10:13:55 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่