Mitchell Johnson and Andrew Golden เด็กนรกบ้าดีเดือด
“การสังหารหมู่เมืองโจนส์ เบอโร่ เป็นอีกครั้งในการตั้งคำถามว่าเรื่องอิทธิพลด้านลบของสื่อ
และภาวะสมองเสื่อมแห่งศตวรรษของอเมริกา” เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1988 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญเกิดขึ้น นั้นคือเกิดคดีสังหารหมู่ในโรงเรียนเวสต์ไซด์ มิดเดิ้ล
ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยม ที่เมืองโจนส์ เบอโร่ รัฐอาร์คันซอ. สหรัฐอเมริกา ที่น่าตกใจก็คือผู้ก่อการสังหารหมู่นี้เป็นเพียงเด็กที่
อายุไม่ถึงวัยรุ่น 2 ส่วนคน ประกอบด้วยแอนดรูว์ โกลเด้น อายุ 11 ปี พร้อมสหายมิทเชล จอห์นสัน อายุ 13 ปี ที่ทั้งคู่
ไม่รู้ว่าบ้าเลือดมาจากไหน เพราะก่อเหตุราวกับเป็นหนังสงคราม ในวันนั้นทั้งคู่แต่งชุดพรางเหมือนทหาร พร้อมปืน แผนการของทั้งคู่ก็ง่ายๆ คือโกลเด้นเดินเข้าไปในโรงเรียน แล้วแอบกด
สัญญาเตือนภัยเพื่อให้ผู้คนแตกตื่น จากนั้นเขาก็วิ่งกลับหาจอห์นสันที่ทำท่านอนเตรียมยิง และขณะที่ผู้คนกำลังชุลมุน
ทั้งสองก็กราดยิงกลุ่มนักเรียนในสนามเด็กเล่น เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 5 คน
เมื่อเด็กทั้งสองถูกจับกุมก็พบเรื่องน่าตกตะลึงเมื่อทั้งเด็กทั้งสองใช้รถตู้เป็นพาหนะบรรทุกทั้งปืนและกระสุนจากญาติมาเต็มอัตราศึก
จนหลายฝ่ายตั้งคำถามขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศอเมริกา 
มิทเชล จอห์นสัน และ แอนดรูว์ โกลเด้น
(จากซ้ายไปขวา)
มิทเชล จอห์นสัน และ แอนดรูว์ โกลเด้น เป็นอดีตนักเรียนมัธยมที่ก่อเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนเวสต์ไซด์ มิดเดิ้ล จำนวนเหยื่อเสียชีวิต
มี 5 รายเป็นนักเรียนหญิง 4 คนและครู 1 คน และนักเรียน 10คน (ผู้หญิง 9 คนและครู 1 คน) ได้รับบาดเจ็บ และนี่คือการก่อเหตุ
สังหารหมู่ที่สะเทือนขวัญที่สุดในโรงเรียนสหรัฐอเมริกากลางในเวลานั้นมิทเชล จอห์นสันมีชื่อเต็มว่า มิทเชล สกอตต์ จอห์นสัน เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 1987 ในแกรนด์ แมมมอท มินนิโซตา เป็น
ลูกพี่ลูกน้องกับแอนดรูว์ โกลเด้น (ชื่อเต็มแอนดรูว์ ดักลาส โกลเด้น) เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1986 ใน เมืองโจนส์ เบอโร่
รัฐอาร์คันซอ พ่อแม่มีอาชีพเป็นคนงานไปรษณีย์ ในสมัยนั้นเมืองโจนส์ เบอโร่มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์รวมความศรัทธา
ของศาสนา ชาวเมืองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและอุตสาหกรรมในบ้าน และสถานที่โกลเด้นอาศัยอยู่ในเป็นพื้นที่
ที่เต็มไปด้วยครอบครัวเคร่งศาสนา
อย่างไรก็ตาม เมืองโจนส์ เบอโร่เป็นเมืองที่ว่ากันว่าเป็นเมืองที่มีการครอบครองอาวุธมากที่สุดในอเมริกา เพราะคนในเมืองชอบการ
ล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เหล่าเด็กส่วนใหญ่ในเมืองล้วนเคยจับอาวุธกันมาแล้วทั้งสิ้น
แอนดรูว์ โกลเด้นก็เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านั้น เขามีคุณปู่ที่เป็นเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าที่เกษียณไปแล้ว แต่ยังคงชื่นชอบการล่าสัตว์
เป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดสร้างศาลากลางหุบเขาที่อยู่ใกล้บ้านของเขา เพื่อให้เขาได้เห็นการยิงกวางจะๆ ตา จึงไม่แปลกที่โกลเด้น
มีความคุ้นเคยกับอาวุธปืนและวิธีใช้มันตั้งแต่อายุยังน้อย แถมคุณปู่ก็รักหลานและภูมิใจหลานมาก เมื่อหลานยิงเป็ดตายครั้งแรก
ถึงขนาดซื้อปืนอัตโนมัติให้เป็นของขวัญแก่โกลเด้นเลยทีเดียว 
ส่วนพ่อของโกลเด้นก็ชอบปืน เช่นกัน เขาซื้ออาวุธปืนมาให้เขาเมื่ออายุถึง 6 ปี แถมยังพาไปยิงปืนด้วยกันทุกเดือน ซ้ำยังสอนวิธีจับรถด้วยซ้ำ
ทางด้านมิทเชล จอห์นสันนั้นค่อนข้างเป็นเด็กมีปัญหา เขาไม่ได้เกิดในเมืองโจนส์ เบอโร่ แม่ของเขาพึ่งหย่าจากสามี (เชื่อว่าเขาเคยถูก
ทารุณกรรมทางเพศในขณะอายุ 6-7 ปี) ก่อนที่จะย้ายมาเมืองแห่งนี้เพื่อแต่งงานใหม่ แต่ดูเหมือนไม่มีปัญหาเพราะจอห์นสัน
มีความสัมพันธ์กันดีกับพ่อเลี้ยงและพี่ชายของเขา พวกผู้ใหญ่เองก็ต่างบอกว่าเขาเป็นคนเงียบๆ และเคารพผู้ใหญ่ เคยเข้าร่วมคณะ
นักร้องประสาทเสียงในโบสถ์ด้วยซ้ำ
ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่าง จอห์นสัน และโกลเด้น แม้ทั้งคู่จะเป็นญาติกัน แต่ทั้งสองไม่ค่อยญาติดีมากนักในตอนแรก หากแต่นานวัน
พวกเขาก็เป็นเพื่อนซี้กันในช่วงขึ้นรถบัสไปโรงเรียนด้วยกันและขี่ม้ากลับจากโรงเรียนด้วยกัน
หากแต่แล้วเมื่อจอห์นสันอายุ 13 ปี เขาเกิดอ้วน เจ้าเนื้อ จนเป็นเหตุทำให้เพื่อนร่วมชั้นเยาะเย้ยเขาว่า “เจ้าหมู” ซึ่งจอห์นสันมักตอบโต้
ด้วยการใช้ความรุนแรงกีบทุกคน อย่างไรตามหลายคนกันดีว่าเป็นจอห์นสันเป็นคนที่ชอบระรานคนอื่น (โดยมีคู่หูคือโกลเด้น) อีกทั้ง
ยังเคยเสพกัญชา ก่อเรื่องสารพัด เวลาเกลียดใครก็ชอบพูดแต่จะฆ่ากันให้ตาย อีกทั้งยังมีความหลงใหลปืน เคยเอาอาวุธปืนขู่คนมาแล้ว
ส่วนโกลเด้นเองก็ชอบทำพฤติกรรรมหยาบคาย ชอบใช้กำปั้นชกต่อย และเคยฆ่าแมวของเพื่อนร่วมชั้นด้วยปืนบีบี เชื่อว่าเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความคิดโกลเด้นนี้เอง โดยจอห์นสันอ้างว่าก่อนเกิดเหตุสังหารหมู่ โกลเด้นมาหาเขา
และบอกว่าอยากสังหารหมู่ในโรงเรียน
บ่ายวันหนึ่งในขณะที่ห้องสองดูภาพยนตร์เรื่อง “แรมโบ้” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กทั้งสองทำปกติในตอนเย็นหลังกินขนม
พวกเขามักดูภาพยนตร์บู๊เหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่มีเบื่อหลังจากดูภาพยนตร์มิทเชลล์ได้เอ่ยปากว่าเขาอยากแก้แค้นผู้หญิงที่ดูถูกเขาเสมอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกเย็นทั้งสอง
ก็ซึมซาบกับพิธีกรรมส่วนตัว กับการดูภาพยนตร์แอ็คชั่น พวกเขาประทับใจพิเศษกับตัวเอกที่สวมชุดดำที่ปรากฏตัว
อย่างเท่ๆ บนหน้าจอ และการเตรียมกลยุทธ์ของสงคราม ว่าพวกเขามีความคิดอยากสังหารหมู่ในโรงเรียนขึ้นมา
พวกเขาวางแผนการแบบง่ายๆ เช่นการกำหนด วันที่ การกำหนดรายชื่อที่ทุกคนต้องการจะฆ่า แผนการเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
นำไปสู่การปฏิบัติจริงขึ้นมา
ในคืนก่อนที่จะเกิดเหตุสังหารหมู่ โกลเด้นได้ช่วยจอห์นสันในการบรรถทุกสิ่งของลงในรถคาราวานแม่ของเขา ประกอบด้วย
อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง (ถุงนอน, เต็นท์, มีด, วิทยุพกพา) ขนมขบเคี้ยวจำพวกมันฝรั่งมอด ช็อกโกแลต และอาวุธเจ็ดอย่าง
(ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัตสองกระบอก ปืนไรเฟิล Bolt Action หนึ่งกระบอก และปืนพกสี่กระบอก) ซึ่งขโมยมาจากปู่ของโกลเด้น
(บางเว็บบอกว่าสิบและรวมปืนส่วนตัว) เช้าวันต่อมาพวกเขาได้แต่งชุดพรางตา ขับรถตู้ไปยังโรงเรียนเวสต์ไซด์ มิดเดิ้ล
ที่เป็นเป้าหมาย เวลาประมาณ 8 โมง ในเวลานั้นมีนักเรียนมากมายอยู่ห้องโถงของโรงเรียน เด็กทั้งสองทำตามแผนที่วางไว้
โกลเด้นได้กดสัญญาเตือนไฟไหม้ ในขณะที่จอห์นสันเอาอาวุธไปดึกซุ่มในขอบป่าด้านนอกของโรงเรียน เมื่อสัญญาเตือนดัง เหล่าอาจารย์และนักเรียนทั้งหลายที่ได้ยินสัญญาก็ต่างเริ่มอพยพไปนอกโรงเยน ในขณะที่โกลเด้นออกตัว
วิ่งเพื่อไปยังที่จอห์นสันอยู่ เพื่อประจำตำแหน่ง เมื่อเด็กและครูออกจากโรงเรียน เด็กชายสองคนก็เปิดฉากยิงกลุ่มนักเรียนเหล่านั้น
ส่งผลทำให้นักเรียนหญิงสี่คนและครูในกลุ่มนั้นตายราวกับล่าสัตว์อย่างไงอย่างงั้น ส่วนอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ
(รวมไปถึงอดีตผู้หญิงที่ปฏิเสธรักของจอห์นสันก็ได้รับบาดเจ็บด้วย) ซึ่งพยานที่รอดชีวิตให้การว่ามันเกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ทันตั้งตัว
อีกทั้งยังสับสนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะคนก่อเหตุใส่ชุดพรางตาทำให้มองเห็นไม่ชัด
สำหรับเหยื่อที่เสียชีวิต คือนักเรียนหญิง นาตาลี บรูคส์ อายุ 11 ปี, เพจ แอน เฮอร์ริ่ง อายุ 12 ปี, สเตฟานี จอห์นสัน อายุ 12 ปี,
บริตนีย์ ไรอัน อายุ 11 ปี และครูแชนนอน ไรท์อายุ 32 ปี 
โรงเรียนเวสต์ไซด์ มิดเดิ้ล ได้กลายเป็นสนามรบขนาดเล็กที่ถูกซุ่มโมตีโดยอาวุธสงครามโดยเด็กสงคนที่หลงไหลวัฒนธรรม
ความรุนแรงที่เห็นเป็นเรื่องปกติเช่นทุกวัน ผู้ที่เห็นเหตุการณ์บางคนกล่าวว่ามันเหมือนหนังสยองขวัญฆาตกรต่อเนื่องที่บ้าบอคอแตก
ที่รุนแรงมากที่สุด มันทำลายล้างชีวิตมนุษย์เพียงแค่เศษเสี้ยวของนาที โดยการกระทำของเด็กสองคนที่คิดว่ามีอำนาจกำหนดชีวิตของคนอื่นได้
เมื่อตำรวจมาถึงสถานที่เกิดเหตุ เด็กทั้งสองก็หยุดยิง โกลเด้นและจอห์นพยายามวิ่งกลับไปยังรถตู้และหลบหนี หากแต่ตำรวจ
ก็ตะครุบไว้ทัน โดยเด็กทั้งสองไม่มีท่าที่จะต่อต้านแต่อย่างใด ตอนแรกตำรวจคิดว่าการก่อเหตุครั้งนี้จะมีจะมีผู้ใหญ่อีกคนร่วมด้วย
เพราะเด็กทั้งสองอายุน้อยกว่าที่จะก่อเหตุครั้งนี้ได้ หากแต่เมื่อตำรวจได้ยินคำรับสารภาพ พวกเขาไม่เชื่อเลยว่าสิ่งเหล่านี้เป็น
การกระทำของเด็ก
เมื่อสองเด็กถูกจับ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ตำรวจต้องทำคือการติดต่อกับครอบครัว ซึ่งปู่ของโกลเด้นเมื่อทราบข่าวถึงกับช็อก เมื่อทราบว่า
หลานชายที่รักของเขาถูกจับ ซ้ำหลานยังตอบปู่ว่า “คุณปู่ผมเอาปืนของปู่ไปใช้ครับ” เด็กชายตอบหลังจากนั้นข่าวสังหารหมู่ในโรงเรียนก็โด่งดังไปทั่วรัฐ และถือว่าการสังหารหมู่ของเด็กสองคนนั้นเป็นการแก้แค้นที่โหดร้ายที่สุด
ในประวัติศาสตร์อเมริกาบางคนกล่าวเหตุการณ์นี้ว่า
“นี่ไม่ใช่ปัญหาแต่ละโรงเรียน แต่เป็นปัญหาทางวัฒนธรรมที่เด็กนับหมื่นซึมซับการฆาตกรรมในภาพยนตร์และโทรทัศน์” ทางด้านประธานาธิบดีบิลคลินตันก็แสดงความโศกเศร้ากับเหตุการณ์ครั้งนี้โดยเขาได้ออกมาพูดต่อสาธารณะชนว่า
“เสียใจอย่างสุดซึ้ง” ในเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนมัธยม
“ก่อนออกจากโรงแรมตอนเช้านี้ผมได้พูดคุยกับผู้ปกครองในอาร์คันซอและผมก็แสดงความเสียใจ
อย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่ากลัวในเมืองโจนส์ เบอโร่”
คลินตันกล่าวในระหว่างวันที่สองที่เขาอยู่ในยูกันดา
“นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามเดือนที่ผ่านมาโดยการกระทำของหนุ่มสาวในโรงเรียน และผมก็จะขอให้อัยการสูงสุด
และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ของประเทศของเราพยายามวิเคราะห์โศกนาฏกรรมอันเลวร้ายครั้งนี้ต่อไป” เลินตันกล่าวในขณะว่าราชการในอาร์คันซอ ในระหว่างการสืบสวน จอห์นแสดงเสียใจและได้อ่านคำขอโทษ
ที่เขาเขียนถึงครอบครัวของเหยื่อในเหตุการณ์สังหารหมู่ เขากล่าวว่าเขาไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ทุกคน
“เราไม่ได้ยิงพวกเขาแบบเจาะจง” เขากล่าว
“ผมคิดว่าหลายคนคงหวาดกลัวเรา ผมขอโทษ ผมหวังว่าคนที่ฟังคำเหล่านี้จะเห็นใจและรับคำขอโทษของผม”ในระหว่างถูกคุมขังเพื่อรอพิจารณาคดี จอห์นสันเขียนจดหมายอีกฉบับเขียนว่า ขอร่วมไว้อาลับกับคนที่ถูกฆ่าตัวตาย
และครอบครัวของทุกคน และตนก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
เนื่องจากอายุของพวกเขายังเป็นเยาวน ทำให้จอห์นต้องย้ายไปเรือนจำเด็กและเยาวชนในประจำรัฐที่มีการรักษาความปลอดภัย
ที่หนาแน่นที่สุด และถูกจัดในกลุ่มคนที่อายุน้อยที่สุดที่ก่อคดีฆาตกรรมสังหารหมู่ในประวัติศาสตร์อเมริกัน มีการตัดสินเริ่มต้นขึ้น
ศาลได้ทั้งสองถูกกักขังจนถึงอายุ 21 ปี ก่อนที่จะดำเนินกฎหมายสูงสุดภายใต้กฎหมายอาร์คันซอ หากแต่หน่วยงานการอยาก
ให้พวกเขาจำคุก 18 ปีมากกว่า แต่ผู้ตัดสินปฏิเสธ ส่งผลทำให้เรื่องดังกล่าวการเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง ซึ่งต่อมาก็มีการเปลี่ยน
สำหรับอาร์คันซอแล้วกฎหมายได้รับอนุญาตให้ผู้เยาว์มีปืนหรือไรเฟิล แต่สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่ายี่สิบเอ็ดปีจำเป็นต้องมีใบอนุญาต
การเป็นเจ้าของซึ่งเป็นเด็กดังกล่าว และนอกจากนี้อาร์คันซอยังผ่อนปนเรื่องเด็กและโทษประหารชีวิตที่สงวนไว้สำหรับผู้ที่มีอายุ
มากกว่าสิบหกปี ซึ่งเด็กสองคนนั้นรอดพ้นโทษดังกล่าว
หลังจากนั้นเรื่องราวของเด็กนรกทั้งสองก็หายไปนาน จนกระทั่งปี 2002 ก็มีข่าวสร้างความตกตะลึงออกครั้ง เมื่อมิทเชท จอห์นสัน
ได้ถูกปล่อยตัวออกจากคุกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ในวันเกิดอายุ 21 ปีของเขา แม้ว่าจะมีการประท้วงจากญาติของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
ก็ตาม ส่วนโกลเด้นเองก็ออกจากคุกในอีกสองปีต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม2004 อย่างไรก็ตามการออกจากคุกของทั้งสองคนนั้น
ถูกปกปิด และเขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่และเปลี่ยนที่อยู่เพื่อหายหน้าจากสังคม
เรื่องราวเหมือนจะจบแค่นั้น อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 มกราคม 2007 จอห์นสันถูกตำรวจจับอีกครั้ง ในข้อหามีอาวุธปืนและกัญชา
ครอบครองและซุกซ่อนในรถของเขา แม้ว่าจอห์นสันจะพยายามอ้อนวอนเพื่อขอให้ลดโทษ หากแต่เมื่อสืบสวนก็พบว่าจอห์นสัน
ไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีพฤติกรรมฉ้อโกงเงินและลักขโมย เขาก็ถูกตัดสินให้จำคุกในที่สุด
อ้างอิง
http://escritoconsangre1.blogspot.com/2010/07/mitchell-johnson-y-andrew-golden-la.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Mitchell_Johnson_and_Andrew_Golden
credit :: cammy@dek-d.com
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก