-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Mary Bell ฆาตกรเด็กโรคจิต  (อ่าน 739 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18235
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Mary Bell ฆาตกรเด็กโรคจิต
« เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2016, 10:24:09 »

Mary Bell ฆาตกรเด็กโรคจิต

เรื่องราวของแมรี่ เบลล์นั้นแสดงอะไรให้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง กล่าวคือเธอเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
(ตอนที่เธอก่อคดีนั้นเธอมีอายุเพียง 10-11 ปีเท่านั้น) แสดงให้เห็นว่าฆาตกรต่อเนื่องมีหลายอายุ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชาย หญิง
คนแก่ หรือแม้กระทั่งเด็กก็เป็นฆาตกรต่อเนื่องได้เหมือนกัน


แมรี่ เบลล์ทำให้คนอื่นเห็นว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมสุดเลวร้าย พ่อแม่ไม่ได้ทำตัวผู้ปกครองที่ดี ผลสุดท้ายเด็ก
ก็กลายเป็นฆาตกร และไม่ต้องรอถึงเติบโตเป็นผู้หญิง เด็กก็สามารถฆ่าคนโดยไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย

 
 
แมรี่ เบลล์


 
แมรี่ เบลล์ เกิดวันที่ 26 พฤษภาคม 1957 ในเมืองนิวคาสเซิ่ลทางตอนเหนือของอังกฤษ เป็นบุตรของนางเบ็ตตี้ เบลล์
เป็นโสเภณีติดยาที่ชอบออกจากบ้านเพื่อไปทำงานในกลาสโกว์อยู่เสมอ (เธอเป็นโสเภณีประเภทซาดิสต์ ชอบเล่นแส้
และเครื่องพันธนาการ) เบตตี้เกิดแมรี่ขณะที่อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น แมรี่เกิดมาโดยไม่มีพ่อ ซึ่งพ่อของแมรี่คือบิลลี่
เป็นคนรักของเบตตี้ 


แต่เนื่องจากเธอรับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคมอยู่จึงสอนลูกให้เรียกบิลลี่ว่าคุณลุงแทน


บิลลี่พ่อของแมรี่ (ซึ่งแมรี่เชื่อว่าเป็นคุณลุงตลอด) เป็นเพียงพวกหัวขโมยเล็กขโมยน้อย เคยจับกุมในข้อหาโจรกรรมมาแล้ว
และแต่งงานกับเบตตี้หลังจากที่แมรี่เกิด อย่างไรก็ตามเบตตี้นั้นเกลียดแมรี่มาก กล่าวกันว่าเบทตี้พูดกับพยาบาลหลังจาก
ที่คลอดแมรี่เสร็จเป็นคำแรกว่า "เอาสิ่งนั้นไปไกล ๆ จากฉันซะ!!" นอกจากนี้ยังมีความจริงที่น่าตกใจคือบตตี้มีความคิดที่จะ
ฆ่าเบ็ตตี้มากกว่าหนึ่งครั้ง โดยพยายามฆ่าให้ตายให้เหมือนอุบัติเหตุในช่วงไม่กี่ปีแรกที่เกิด

หลังจากแมรี่ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมต่อเนื่อง เธอยังอ้างด้วยว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ แม่ของเธอบังคับให้มีเพศสัมพันธ์
กับผู้ชายขณะที่เธออายุยังน้อย (ประมาณ 4 ปี)

ส่วนสภาพในบ้าน ตำรวจที่เคยไปบ้านของแมรี่ถึงกับกล่าวออกมาภายหลังว่า
"ไม่รู้สึกว่ามันเป็นบ้าน มันเหมือนเปลือกหอย สิ่งเดียวที่บอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคือเสียงหมาเห่า"

เบตตี้นั้นไม่เป็นแม่ที่ดีเลยแม้แต่น้อย กล่าวกันว่าหลังแมรี่ถูกจับ เธอก็เอาเรื่องของลูกของเธอไปขายในหนังสือพิมพ์
พยายามทำตัวออกสื่อให้กำลังใจลูกสาว เขียนข้อความบทกวีออกมาเร่ขาย 

ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย แมรี่มีพฤติกรรมแปลกมาตั้งแต่ยังเด็ก มักจะมีเรื่องทำร้ายร่างกายเด็กคนอื่นอยู่บ่อยๆอย่างไม่ค่อยมีเหคุผล
เธอเคยบีบคอซูซานซึ่งเป็นญาติเพียงเพราะเหตุผลว่าซูซานไม่ได้ให้ของขวัญในวันเกิดของเธอ บางคนถูกเธอผลักตกลง
จากกันสาดอย่างไม่มีเหตุผล นอกจากนี้แมรี่ ยังมีนิสัยที่ใครๆ ต่างไม่ชอบเธอ ตรงที่ เธอฉลาด ไม่รู้จักอาย เธอชอบโกหก ชอบโอ้อวด
ไม่รู้สึกสำนึกผิดที่ตนทำกับคนอื่นเอาไว้ แต่กระนั้นเธอก็อยากเป็นจุดสนใจต่อสายตาผู้อื่น
 


 
วันที่ 25 พฤษภาคม 1968 ย่านนิวคาสเซิ่ลทางตอนเหนือของอิงแลนด์  เวลา 23.30 น. เด็ก 3 คน ได้พบศพของเด็กเล็กคนหนึ่ง
ที่ชั้นสองของบ้านร้างหลังเก่า ศพนั้นนอนหงายอยู่บนพื้น  ลักษณะมีเลือดไหลออกจากปาก แก้มและคางมีน้ำลายเลอะเทอะ
อยู่เป็นจำนวนมาก ใกล้ๆกับศพมีขวดแอสไพรินเปล่าตกอยู่

จากการสืบสวนพบว่าเหยื่อเคราะห์ร้ายชื่อมาร์ติน บาราวน์ อายุ 4 ปี สาเหตุการเสียชีวิตไม่แน่ชัด (ตอนหลังถึงรู้ว่าเด็กถูกแมรี่ เบล
รัดคอและถูกทิ้งที่บ้านร้าง)  มีพยานให้การว่าเขาพบมาร์ตินครั้งสุดท้ายเวลา 15.15 น.ของวันนั้น มาร์ตินไปซื้อขนมที่ร้านขนม
และแวะบ้านของป้าเพื่อกินขนมปัง เขาออกจากบ้านของป้าเวลา 15.20 น. ก่อนจะถูกพบเป็นศพเมื่อเวลา 15.30 น.

ตอนแรกตำรวจเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตเด็กเป็นอุบัติเหตุ แต่ชาวย้านไม่พอใจกับการสือสวนดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นการ
ฆาตกรรมมากกว่า จึงรวมตัวประท้วง



วันรุ่งขึ้นหลังการตายของมาร์ติน มีเด็กผู้หญิงสองคนมายังบ้านของมาร์ติน ทั้งสองคือ แมรี่ เบล อายุ 10 ขวบ และนอร์มา เบล
อายุ 13 ขวบ  (แมรี่และนอร์มา มีนามสกุลเดียวกันก็จริงแต่ไม่ได้เป็นญาติกัน และนอร์มาไม่มีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรมมาร์ติน)
ริต้าซึ่งเป็นป้าของมาร์ตินให้การในภายหลังว่าเด็กสองคนมาบ้านของเธอเพื่อก่อกวน แมรี่ถามคำถามที่เสียดแทงใจเธอด้วยใบหน้า
ยิ้มแย้มเกี่ยวกับการตายของมาร์ติน ทำนองว่า

"ป้าคิดถึงมาร์ตินไหม?" "ร้องไห้ให้มาร์ตินหรือเปล่า?" มาร์ตินตายแล้วเหงารึเปล่า" "มาร์ตินตายแล้วร้องไห้รึเปล่า"

และแมรี่นี่เองที่เป็นคนมาแจ้งให้ริต้าทราบว่าหลานของเธอตายอยู่ที่ตึกร้างในวันเกิดเหตุ

จูน บาราวน์ แม่ของมาร์ตินก็โดนเด็กแสบสองคนมาก่อกวน เช่นกัน

"เธอหมุนตัวไปรอบๆ และยิ้มแย้มแบบเด็กน่ารักทั่วไป เธอบอกว่าขอพบมาร์ติน ฉันบอกว่ามาร์ตินตายแล้ว เธอก็ยิ้มตอบ
แล้วตอบมาว่าเธอก็รู้ว่ามาร์ตินตาย ก่อนที่ฉันจะโกรธกับคำตอบนั้น ฉันก็ปิดประตูดังใส่หน้าเธอ"


เช้าวันที่ 27 พฤษภาคม สถานรับดูแลเด็กเดย์ เนอร์เชอร์ ใกล้ที่เกิดถูกเหตุมาร์ตินนอนเสียชีวิต ถูกคนบุกรื้อค้น ข้าวของ
กระจุยกระจายเกลื่อนพื้น แต่ที่รบกวนจิตใจและน้ากลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ ตำรวจพบกระดาษ 4 แผ่น เขียนด้วย
ลายมือหวัดๆ ปะปนอยู่ในกองเครื่องเขียน ข้อความว่า

 
แผ่นที่ 1 "ฉันฆ่าคน แล้วฉันจะกลับมาใหม่"

แผ่นที่ 2 "เราฆ่าคน ระวังแฟนนีและแฟ็คก็อตให้ดี"

แผ่นที่ 3 "เราฆ่ามาร์ติน บราวน์ ไอ้สารเลว”
 
แผ่นที่ 4 " พวกแกพลาด เพราะเราฆ่ามาร์ติน บาราวน์ ตายแล้ว จงระวังแฟนนีและแฟ็คก็อต จะเป็นคนต่อไป”

ในครั้งแรก ตำรวจยังคงเชื่อว่านี่เป็นการเล่นตลกเสียมากกว่าจึงโยนทิ้งกระดาษพวกนั้น และในวันเดียวกันนั้นเอง
แมรี่ก็เขียนในสมุดบันทึกโรงเรียนดังข้างล่างนี้


 
ในบันทึกมีรูปวาดเป็นรูปของเด็กผู้ชายอยู่ท่าทางเดียวกับมาร์ตินตอนพบศพ มีขวดอยู่ใกล้ๆ เขียนคำว่า "ยา" มีชายคนหนึ่ง
เดินมาที่เด็ก และข้อความว่า

" วันเสาร์ฉันอยู่ในบ้าน แม่ให้ฉันไปถามนอร์มาว่าไปซื้อของด้วยกันไหม เราไปด้วยกัน และกลับมาตามถนนมาเกร็ต
เห็นมีคนมุงอยู่ที่บ้านหลังเก่า ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีเด็กคนหนึ่งนอนตาย"

แต่สมุดของแมรี่ไม่สะกิดใจครูเลยแม้แต่น้อย

วันศุกร์ สัปดาห์เดียวกัน แมรี เบลล์ และ นอร์มา เบลล์ ถูกจับกุมได้คาหนังคาเขา ฐานบุกรุกสถานรับดูแลเด็ก ครูที่เดย์ เนอร์เซอรี
แต่ปฏิเสธการบุกรุกคราวก่อน และถูกปล่อยตัวให้อยู่ในการควบคุมของผู้ปกครองไปจนกว่าจะส่งฟ้องศาลเยาวชน

อาทิตย์ถัดมา มีเด็กผู้ชายคนอื่นเห็นแมรี่กระโจนใส่นอร์มา ที่บ่อทรายของเนอร์เซอรี แมรีข่าวและเตะหน้าของนอร์มา พร้อมกับตะโกนว่า
"ฉันเป็นฆาตกร" และเธอยังชี้ไปยังตึกร้างที่พบศพของมาร์ตินพร้อมกับบอกว่า"บ้านหลังโน้นไง ที่นั้นแหละที่ฉันฆ่า....."
หากในตอนนั้นไม่มีใครถือจริงจัง เพราะแมรี่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนขี้โกหก

 
 
ไบรอันโฮวี่
 
วันที่ 31 กรกฏาคม 1968 เวลาประมาณ 23.10 น. ตำรวจได้พบศพไบรอันโฮวี่ อายุ 3 ปี  ศพของเขาถูกพบใต้บล๊อกอิฐใกล้ละแวกบ้าน
ศพของเขาถูกหมกอยู่ใต้หญ้าและวัชพืชดอกไม้สีม่วง ปากมีน้ำลายปนเลือดติดอยู่ ศีรษะถูกทุบด้วยของแข็ง มีรอยข่วนที่จมูก ใกล้กับศพ
มีกรรไกรตกอยู่ คมข้างนึงหัก อีกข้างบิดงอ มีรอยแทงที่บริเวณต้นขาศพ อวัยวะเพศถูกเฉือนหายไปบางส่วน ผมถูกตัดไปกระจุกหนึ่ง
และมีบาดแผลแปลกประหลาด ขนาดตำรวจบอกว่า


"เหมือนทำเล่นๆ เพื่อความสนุก แต่เป็นการเล่นที่สยดสยอง"



บริเวณท้องถูกกรีดเป็นตัวอักษร M ซึ่งรอยแผลนี้กระทำขึ้นหลังจากที่ไบรอันเสียชีวิต (เชื่อว่าตอนแรกคิดจะกรีดเป็นตัว N  แต่ต่อมา
ก็กรีดรอยที่สี่ต่อเป็นรูป M ทีหลัง ด้วยมือของอีกคน)  แพทย์ชันสูตรสรุปว่าสาเหตุการตายเพราะถูกบีบคอโดยเด็ก ตรงนี้เองที่ตำรวจเอะใจ
เชื่อว่ามาร์ติน บราวน์ที่เสียชีวิตก่อนหน้า น่าจะตายด้วยสาเหตุเดียวกัน เพราะแรงบีบของเด็กน้อยกว่าผู้ใหญ่มากจนไม่เหลือรอยช้ำไว้ชัดนัก
และทั้งคู่น่าจะถูกฆาตกรคนเดียวกันฆ่าตาย

ตำรวจได้รวบรวมเด็กๆอายุตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปีกว่า 1200 คนซึ่งอาศัยอยู่ในแถบนั้นและแจกแบบสอบถามให้กับทุกคน ในบรรดาคำตอบ
ซึ่งไม่ตรงประเด็นเท่าใดนักกว่า 1000 ใบ มีอยู่ 2 คนที่น่าสงสัยกว่าคนอื่น ในที่สุดชื่อของแมรี่และนอร์มาก็ผุดขึ้นมาในฐานะผู้ต้องสงสัย
โดยนอร์มาออกอาการตื่นเต้นในการฆาตกรรม ส่วนแมรีคอยหลีกเลี่ยงไม่รู้ไม่เห็นและมีท่าทีแปลกๆ

"เธอยิ้มระรื่นตลอดเวลาราวกับเป็นเรื่องขำเต็มประดา" เจ้าหน้าคนหนึ่งบอก

แมรี่และนอร์มาถูกสอบปากคำหลายครั้ง และพวกเธอก็กลับคำให้การของตัวเองไปเรื่อยๆ ต่อมาแมรี่ให้การว่าเธอเห็นเด็กชายคนหนึ่ง
มีดอกไม้สีม่วงติดตัวและถือกรรไกร หากเมื่อตำรวจสอบปากคำเด็กชายดังกล่าวก็พบว่าเขามีพยานยืนยันที่อยู่อันแน่นอน ข้อสงสัย
จึงตกมายังแมรี่ เนื่องจากลักษณะของกรรไกรซึ่งพบในที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้ถูกประกาศออกสู่สาธารณชน

และในที่สุดนอร์มาก็รับสารภาพออกมา ครั้งแรกเธอบอกว่าแมรี่พาเธอไปดูศพของไบรอัน (มีการพบมีดโกนซึ่งใช้กรีดท้อง
ไบรอันตามคำให้การของนอร์มา) ก่อนจะยอมรับภายหลังว่าแมรี่บีบคอไบรอันต่อหน้าของเธอ




โดยคำให้การนี้ แมรี่จึงถูกปลุกจากเตียงกลางดึก  เพื่อนำตัวไปสืบสวน แน่นอนว่าแมรี่ปฏิเสธคำให้การทุกประการของนอร์มา
ไม่กี่วันต่อมา แมรี่และนอร์มาก็ถูกจับกุมอย่างเป็นทางการ และถูกคุมตัวในสถานีตำรวจนิวคาสเซิล เวสท์เอ็น ในระหว่างนั้น
แมรี่กล่าวหาว่านอร์มาเป็นคนฆ่าไบรอันตลอดเวลา และระหว่างนั้นเองแมรี่ก็ได้รับการตรวจอาการทางจิตจากนักจิตวิทยา

นักจิตวิทยาให้ความเห็นว่า
"ผมเคยพบกับเด็กที่เป็นฆาตกรหลายคนแล้ว แต่รายที่รุนแรงและอันตรายอย่างนี้
เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก เธอทั้งฉลาด รู้จักพลิกแพลง"


วันที่ 5 ธันวาคม 1968 แมรี่ เบลล์ และนอร์มา ถูกนำตัวขึ้นศาล ในขณะที่นอร์มาร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง แมรี่กลับมีทีท่าเฉยชา
ไม่ยินดียินร้ายและตั้งใจฟังการตัดสินคดีอยู่ตลอดเวลา ในเวลานั้นภาพของเด็กสาวหน้าตาดี ฉลาด ผมดำ ตาคมสีฟ้า
ไร้แววสีหน้าอารมณ์ความรู้สึก พร้อมกับตอบคำถามแบบฉะฉาน ล้วนเป็นที่จดจำของบรรดาคนในศาลในวันนั้น


ในศาลครอบครัวของแมรี่ก็มาร่วมฟังด้วย กล่าวกันว่าแม่ของแมรี่สร้างความวุ่นวายในชั้นศาลด้วยการทำเสียงคร่ำครวญ
ร้องไห้สะอึกสะอื้นรวมถึงทำเป็นวิ่งถลาออกไปนอกห้องทั้งๆ ที่กำลังมีการพิจารณาคดีอยู่และอีกประเดี๋ยวก็กลับเข้ามา
ราวกับนักแสดงละครน้ำเน่า ส่วนพ่อของแมรี่ก็นั่งเงียบไม่ใส่ใจท่าทีของคนรักของเขา

ส่วนคำถามสำคัญทำไมแมรี่ถึงฆ่าเด็กสองคน แมรี่ตอบเพียงว่ามันสนุก เธอได้วิธีฆ่าคนแบบนี้เพราะจำจากโทรทัศน์
ส่วนคำถามทำไมถึงต้องวาดภาพมาร์ติน บราวน์และทำลายข้าวของเนอร์เซอรี แมรี่ตอบว่าเพราะมันสนุกเช่นกัน
มันเหมือนกับการเล่นตลกครั้งใหญ่

แน่นอนคดีนี้มีผู้คนนักข่าวมาเข้าร่วมฟังมากที่สุดในประวัติการณ์

ในที่สุด วันที่ 17 ธันวาคม การตัดสินก็ออกมาตามความคาดหมายของคนส่วนใหญ่ นอร์มาถูกตัดสินให้ไม่มีความผิด
จึงถูกปล่อยตัวออกมา ส่วนแมรี่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าคนสองรายโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน โทษคือ
"ควบคุมตลอดชีวิต"

หากเนื่องจากเธออายุยังน้อย โทษจึงเป็นเพียงรับการรักษาทางจิตให้หายดีและปล่อยตัวในภายหลัง ทว่าไม่มีโรงพยาบาล
โรคจิตที่จะรับรองแมรี่ไว้ได้ เธอจึงถูกส่งตัวไปยังสถานกักกันเยาวชนเรดแบงค์ ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 1969 ถึง พฤศจิกายน 1973
ปี 1977 แมรี่อายุ 20 ปีถูกย้ายไปยังเรือนจำสไตอัลซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีนัก เธอและเพื่อนแหกคุกไปก่อนจะ
ถูกจับได้ในอีก 3 วันให้หลัง ระหว่างการแหกคุกครั้งนี้เธอได้ทิ้งพรหมจารีและตั้งท้องไปเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้ แมรี่ให้การว่า

"ฉันแค่อยากจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองปกติดี และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้เท่านั้นเอง"

 
 



แมรี่ เบลล์ ตอนโตเป็นสาว
 
14 พฤษภาคม 1980 แมรี่ถูกปล่อยตัวเมื่ออายุได้ 23 ปี โดยไม่ได้รับการเยียวยาให้หายจากอาการทางจิตเลย
เธอเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ รวมไปถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่

แมรี่กลับไปอยู่กับแม่ของเธอ สี่ปีต่อมาเธอก็คลอดบุตรสาวออกมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1984 โดยไม่มีการ
เปิดเผยชื่อลูกสาว จนกว่าลูกสาวของเบลล์ จะอายุ 18 ปี  (อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2003
แมรี่ก็ได้เงินชดเชยจากศาลจากการฟ้องร้องเมื่อมีคนเปิดเผยชื่อลูกสาวของเธอ)

แมรี่ได้เข้ามหาลัยและจบออกมาก็เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก เป็นพนักงานบริการ จนคลอด
บุตรหญิงในปี 1984 ที่จริงแล้วแมรี่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรือนจำจนถึงปี 1992 หากเธอก็ได้รับอนุญาตให้เลี้ยงลูกคนนี้ได้

ปี 1998 แมรี่รอจนลูกสาวโตแล้วกลับมาใช้ชื่อเดิมพร้อมกับออกหนังสือชีวประวัติของตัวเอง (Cries Unheard)
ไม่รู้ว่าเนื้อหามีความจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะคนส่วนใหญ่จนทุกวันนี้ก็ยังมองว่าแมรี่เป็นคนขี้โกหกอยู่ดี

ปี 2003 แมรี่หายตัวจากสังคม อย่างไรก็ตามในปี 2009 ก็มีข่าวเกี่ยวกับแมรี่เบลล์ว่าตอนนี้เธอกลายเป็นคุณยายแล้ว
และชีวิตของเธอมีความสุขดี....

 
อ้างอิง หนังสือผู้หญิงอำมหิต โดยเชิง ไกรวลี
เว็บ http://en.wikipedia.org/wiki/Mary_Bell

credit :: cammy@dek-d.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 พฤศจิกายน 2016, 16:29:20 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่