-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 เรื่องตำนานเมืองขนหัวลุกของญี่ปุ่น  (อ่าน 1175 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18237
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

10 เรื่องตำนานเมืองขนหัวลุกของญี่ปุ่น

10. Nure-Onna



นูเระ อนนะ (หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ผู้หญิงเปียก”) เป็นสัตว์สะเทือนน้ำสะเทินบก(ปีศาจ?) ที่ ตำนานของญี่ปุ่น
ที่มีหัวเป็นหญิงสาวลำตัว (ร่างกาย) เป็นงู รายละเอียดของรูปร่างหน้าตาของเธอจะแตกต่างเล็กน้อยไปตามเรื่องเล่า
โดยตัวเธอยาว 300 เมคร มีผมสวย (บางตำนานก็มีลำตัวเป็นผู้หญิงมีแขนและหน้าอก) มักอาศัยตามชายฝั่งทะเล
ตำนานที่มาของเธอนั้นไม่มีใครทราบ แต่สิ่งที่หลายคนรู้แน่นอนคือมันเป็นสิ่งอันตรายสำหรับมนุษย์ ที่เธอสามารถ
รัดมนุษย์ด้วยพลังมหาศาลที่สามารถบดขยี้ต้นไม้ได้อย่างง่ายดาย


บางตำนานกล่าวว่าเธอมักพาลูกน้อยมาด้วยเพื่อล่อเหยื่อเข้ามาหา จากนั้นก็ใช้ลิ้นงูพันตัวเหยื่อและดูดเลือดออก
จากร่างกาย อย่างไรก็ตามเธอเป็นปีศาจที่สันโดษ และจะทำร้ายมนุษย์หากรบกวนเธอเท่านั้น นูเระ อนนะใน
ตำนานเมืองปัจจุบัน มีความเชื่อว่าเกิดจากวิญญาณแค้นของผู้หญิงตามน้ำ และมักอยู่สระว่ายน้ำหรือชายหาด
ที่เงียบสงบ หากใครที่ลงไปในน้ำจะถูกปีศาจงูลากเหยื่อให้จมน้ำตาย ซึ่งผู้ปกครองมักเตือนบุตรหลานไม่ให้
ไปว่ายน้ำคนเดียว



9. Hitobashira



ฮิโตบาชิระ หมายถึง เสามนุษย์หรือเสาหลักเมืองในตำนานญี่ปุ่นซึ่งเป็นสังเวยหรือบวงสรวงมนุษย์ที่ใช้มนุษย์ทั้งเป็น
ฝังไว้ใต้หรือใกล้อาคารใหญ่ จำพวกเขื่อน, สะพาน และปราสาท ซึ่งเพื่อเป็นคำอธิษฐานต่อเทพเจ้าเพื่อก่อสร้างเสร็จ
ลุล่วงและไม่ให้อาคารโดนทำลายจากธรรมชาติหรือการโจมตีของศัตรู


เชื่อว่าเสามนุษย์เริ่มขึ้นในสมัยระหว่างก่อสร้างสุสานโบราณของชนชั้นสูงและได้กลายเป็นประเพณีที่อยู่ในท้องถิ่นและเมืองหลายแห่ง
ในญี่ปุ่นอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีตำนานเสาหลักเมืองพบเห็นในสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น แต่เหตุการณ์เหล่านี้ไม่มีหลักฐานยืนยัน



8. Gozu (Cow Head)



โกซูเป็นที่รู้จักในฐานะหัวหน้าวัวซึ่งเป็นตำนานเมืองของญี่ปุ่น โดยตำนานเล่าว่ามีกลุ่มเด็กและอาจารย์แห่งหนึ่งกำลังเบื่อ
ในระหว่างเดินทาง ทำให้คุณครูรู้สึกกังวัลใจกับนักเรียนของเขา จึงตัดสินใจเล่าเรื่องผี ซึ่งสำหรับเด็กแล้วชอบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
และแล้วคุณรู้ก็ถามนักเรียนพวกเขาว่าในที่นี้มีใครเคยได้ยิน “หัววัวบ้าง” นักเรียนได้ฟังก็ตอบว่าไม่เพราะไม่เคยคุ้นเคย
กับเรื่องดังกล่าวเลย จากนั้นครูก็เราเรื่องซึ่งเรื่องน่าสนใจมากจนนักเรียนเหมือนต้องมนต์สะกด


เรื่องของครูก็เริ่มน่ากลัวขึ้น น่ากลัวขึ้น จนเด็กนักเรียนหลายคนบอกว่าให้ครูหยุด แต่ปรากฏว่าครูไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้
จนกระทั้งต่อมาจู่ๆ รถก็หยุดกลางถนน เด็กเอนลงเบาะและก็พบว่าเด็กและคนขับรถตั้งกล่าวไม่สามารถเคลื่อนไหว
หรือพูดอะไรได้เลย เนื่องจากเขาได้ยินเรื่องสยองขวัญของครูและเกิดอาการหวาดกลัวมากนั้นเอง จนกระทั้งต่อมาเมื่อ
ทั้งหมดเคลื่อนไหวได้ ก็พบเรื่องแปลกคือพวกเขาจำเรื่องสยองขวัญน่ากลัวนั้นไม่ได้ อีกทั้งคุณครูก็ไม่สามารถจำได้
เรื่องเล่า “หัววัว” ที่เขาเล่าได้เด็กได้เลย ซึ่งเรื่องสยองขวัญน่ากลัวดังกล่าวเขาได้ลืมไปหมดสิ้น

ตำนานเรื่องสยองขวัญของหัววัวนั้นมีรูปแบบแตกต่างไปตามแต่ละท้องที่ บางท้องที่ถึงขั้นเป็นคำสาปว่าหากใคร
ฟังเรื่องสยองขวัญดังกล่าวพวกเขาจะตายไม่นานหลังจากนั้น ทำให้ไม่มีใครที่รู้เนื้อหาว่าเรื่องมันน่ากลัวขนาดไหน



7. Jinmenken (Human Faced Dog)



หรือสุนัขหน้าคน เป็นเรื่องเล่าที่ฮิตมาในญี่ปุ่นช่วงหนึ่ง ในปลายศตวรรษที่ 1980 และ 1990 (แต่ตำนานเก่าแก่ที่สุด
พบว่ามันมีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ 1603-1868) โดยเป็นรายงานการพบสุนัขที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ มักปรากฏตัวในกลางคืน
บนถนนทางหลวงเขตเมืองของญี่ปุ่น หรือไม่ก็ตามเมืองตอนกลางคืนในขณะคุ้ยถังขยะ ซึ่งมันวิ่งเร็วมาก
ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


นอกจากนี้มันยังสามารถพูดคุยเป็นภาษามนุษย์ได้อีกด้วย แต่ส่วนมากมักพูดเป็นประโยคไม่กี่คำส่วนมากเป็นคำหยาบ
ซึ่งส่วนมากพูดว่า “อย่ามายุ่งกับฉัน” หรือไม่ก็ขอของกิน มีเรื่องเล่าว่ามีเด็กสาวประถมคนหนึ่งนั่งทางไอศกรีม
ที่สวนสาธารณะบนมานั่ง และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “กินมั้ง กินมั้ง” เมื่อเธอหัสกลับไปก็พบสุนัขหน้าชาย
วัยกลางคนน่ากลัวกำลังแลบลิ้นกระดิกหาง ส่งผลทำให้เธอตกใจสุดขีด ส่วนที่มาของสุนัขหน้าคนนั้นมีความแตกต่างกันตาม

บ้างก็ว่าเป็นวิญญาณของเหล่าคนบาปที่ทำกรรมเอาไว้อดีตชาติ หรือเป็นวิญญาณของคนที่ตายบนท้องถนน
บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ที่หนีจากการทดลองวิทยาศาสตร์ลับๆ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือที่สุดคือมันน่าจะเป็น
ลิงญี่ปุ่นที่เคลื่อนไหวแบบสี่เท้าของสุนัขทำให้เหมือนสุนัขหน้าคนอีกทั้งเสียงร้องของมันก็เหมือนคำพูดของมนุษย์นั่นเอง



6. Kokkuri-San

<a href="http://www.youtube.com/v/y3eoN6d6xV8" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/y3eoN6d6xV8</a>

แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศขึ้นชื่อว่ากลัวผีมากที่สุด แต่กระนั้นญี่ปุ่นกับชื่นชอบเล่นคกคุริซัง(คล้ายกับผีถ้วยแก้วบ้านเรา)
อยู่ไม่น้อย โดยเป็นเกมญี่ปุ่นในช่วงยุคเมจิซึ่งคล้ายๆ กับการทำนาย โดยวิธีเล่นจะใช้กระดานที่เรียกว่า Ouija
(หรือจะเป็นกระดาษ ซึ่งเขียนรูปประตูตรงกลางหัวกระดาษและพยัญชนะญี่ปุ่น) และใช้เหรียญสิบเยนเรียกวิญญาณเลื่อนไปมา
สร้างคำเพื่อตอบคำถาม โดยผุ้เล่นต้องมีสองคนขึ้นไป และให้ทุกคนวางนิ้วบนเหรียญสิบเยนแล้วท่องว่า


“คกคุริซัง คกคุริซังที่นี้คือโลกดาวเคราะห์ดวงที่สามแห่งระบบสุริยะ (ที่อยู่) กรุณามาที่นี่ด้วย ถ้าหากมาแล้วละก็
ช่วยกรุณาเคลื่อนไปยังคำว่า ใช่ ที่เถิด”


หากเหรียญเคลื่อนไปคำว่าใช่ก็สามารถตอบคำถามได้ตามชอบใจ ซึ่งเชื่อว่าวิญญาณดังกล่าวคือสุนัขจิ้งจอก
อย่างไรก็ตามถ้าใครถอดนิ้วออกกลางคันจะถูกเข้าสิงและฆ่าคนนั้นตาย ซึ่งตำนานเมืองได้กล่าวว่ามีผู้คิดจะเลิกคกคุริซัง
กลางคันและถูกวิญาณเข้าสิงจำนวนมาก ซึ่งส่วนมากมักมีอาการโรคจิต



5. Hanako-San of the Toilet

<a href="http://www.youtube.com/v/z5QPrcRo1BI" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/z5QPrcRo1BI</a>

คุณฮานาโกะแห่งห้องน้ำ ฮานาโกะซัง เป็นชื่อวิญญาณที่เป็นความเชื่อของนักเรียนในประเทศญี่ปุ่นที่ฮิตญี่ปุ่นในปี 1980
ในหมู่เด็กประถมทั่วประเทศ โดยเล่าว่ามีวิญญาณเด็กนักเรียนหญิงที่เสียชีวิตในห้องน้ำ ซึ่งนักเรียนลือกันให้ทั่วว่าฮานาโกะซัง
จะอยู่ในห้องน้ำห้องสุดท้ายทางขวามือ ถ้าอยากเจอเธอ จะต้องเคาะประตูห้องนั้นสามครั้งแล้วเรียกชื่อเธอตอนกลางคืน


ตำนานของฮานาโกะมีอยู่หลากหลาย บ้างก็ว่ามีมีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก มีเด็กหญิงคนหนึ่งพลัดหลงจากมือแม่ยาม
ที่เครื่องบินมาทิ้งระเบิด ผู้คนต่างหนีตายกันแบบมั่วไปหมด เธอผู้นั้นกลัวมากเลยเข้าไปหลบในห้องน้ำสาธารณะ
แต่แล้วห้องน้ำถูกไฟไหม้ เธอเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่ประตูเกิดเสียเลยเปิดไม่ออก เธอร้องไห้ทรมานอยู่ในนั้น
แล้วลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอ เธอร้องหาแม่คำสุดท้ายจนไฟก็ลามมาถึง เธอเลยถูกไฟคลอกตายในนั้น

ตั้งแต่นั้นมาหลายสมัย วิญญาณของเธอไม่ได้อยู่กับที่ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะเลือกสิงห้องน้ำใดห้องน้ำหนึ่ง
เธอล่องลอยไปทั่งญี่ปุ่นแล้วเข้าไปในห้องน้ำต่างๆ พอเข้าไปแล้วก็เปิดประตูไม่ออก ร้องให้คนช่วยเป็นอย่างงี้มาเรื่อยๆ
ถ้าบังเอิญใครไปเข้าห้องน้ำสาธารณะยามวิกาลคนเดียว ก็จะมีเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้อยู่ห้องข้างๆ เสียงนั้นทรมาน
ร้องว่า เปิดไม่ออก เปิดไม่ออก

<a href="http://www.youtube.com/v/B87txEFwSUs" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/B87txEFwSUs</a>

อย่างไรก็ตามตำนานที่ฮิตที่สุดของฮานาโกะก็คือ ตำนานน้ำหมึกสีแดง เป็นความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมาว่ามีกลุ่มเด็กผู้หญิง
กลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกท้าทาย ได้เข้าไปพิสูจน์ความกล้าในโรงเรียนยามวิกาล ที่ห้องน้ำซึ่งเชื่อกันว่ามีฮานาโกะสิงสถิตอยู่
หนึ่งในกลุ่มเด็กหญิงเห็นหมึกสีแดงวางอยู่ในห้องน้ำจึงคิดพิเรนท์เอาหมึกสีแดงมาทาตัวราวกับตัวโชกเลือด
และเข้าไปหลอกทุกคน เพื่อนๆตกใจจนสั่งให้เธอคนนี้ลบหมึกสีแดงบนตัวออก วันต่อมา เด็กหญิงที่แกล้งเอาหมึก
สีแดงมาทาตัว ได้ถูกรถบรรทุกชนเสียชีวิต ในสภาพมีเลือดโชกตัวเหมือนที่เธอแกล้งเพื่อนในคืนนั้นเอง



4. Gashadokuro



กาซาโดคุโระเป็นชื่อของปีศาจโครงกระดูกยักษ์ใหญ่กว่ามนุษย์หลายเท่า มีนิสัยชั่วร้ายอำมหิตโหดร้าย ชอบปรากฏตัว
กลางป่าเปลี่ยวหลังเที่ยงคืน วิธีที่ทำให้รู้ว่ามันจะปรากฏตัวคือจะได้ยินเสียงแปลกๆ ในรูหูของเรา เมื่อเจอมนุษย์
จะคว้ามนุษย์คนนั้นและพยายามกัดหัวจนตาย ที่มาของโครงกระดูกยักษ์นั้นมีหลากหลาย


บ้างก็ว่าเกิดจากการรวบรวมกระดูกของคนตายเพราะความอดอยาก ที่ไม่ได้ถูกเผา และวิญญาณของศพจึงรวมกัน
เป็นกระดูกยักษ์ นอกจากนี้ยังมีตำนานกล่าวว่าสมัยก่อนปีศาจโครงกระดูกยักษ์เคยเป็นแม่ทัพนำกองทหารบุกฆ่า
และผ่านศึกสงครามมามากมาย จนในที่สุดได้จิตใจที่เหี้ยมโหดผิดมนุษย์ เขาได้ฆ่าจักรพรรดิโชกุนของตนเองตาย
และขึ้นเป็นประมุขแทน ด้วยบาปกรรมนี้เองเมื่อเขาตายไปจึงถูกสาปให้ไปเกิดเป็นคาชาโดคุโระ เฝ้าสุสานอยู่จนกว่า
จะหมดกรรม...

กาชาโคโระมีพลังพิเศษสามารถเข้าครอบงำจิตใจมนุษย์ได้แต่จิตใจนั้นต้องเป็นจิตที่ชั่วช้า และจิตใจด้านมืดของมนุษย์
เมื่อมนุษย์หลงทางผิด มักมุ่นอยู่ในโมหะและกิเลศตัณหา เมื่อถึงเวลานั้นมันก็จะเข้าครอบงำจิตใจและสิงร่างอาศัย
ไปก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย



3. Aka Manto (Red Cape)



เสื้อคลุมแดงเป็นตำนานเมืองของญี่ปุ่นว่าหากคุณกำลังนั่งชักโครกในห้องน้ำสาธารณะหรือโรงเรียน หากมีเสียงลึกลับ
ถามคุณว่าต้องการกระดาษสีแดงหรือกระดาษสีฟ้า ถ้าคุณตอบว่ากระดาษสีแดงคุณจะถูกหั่นออกจากกันจนเสื้อผ้า
ของคุณถูกย้อมเป็นสีแดง ถ้าคุณเลือกกระดาษสีฟ้าคุณจะถูกรัดคอจนผิวหนังของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน


ดังนั้นหากคุณที่คิดจะรอดล่ะก็ควรตอบไม่เอาทั้งสองอย่าง แต่ส่วนมากหลายคนมักตอบกระดาษสีใดสีหนึ่ง
เนื่องจากเป็นคำถามกระทันหันทำให้หลายคนตอบอย่างไม่รู้ตัว ตัวที่มาของเสียงนั้นกล่าวกันว่าเป็นมนุษย์
ที่อยู่ในเสื้อคลุมสีแดง ซึ่งไม่ทราบเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะสวมหน้ากากมิดชิด

แต่ตำนานที่เชื่อกันคือเป็นผู้หญิงสาวสวยที่กลายเป็นวิญญาณหลอกหลอน เสื้อคลุมสีแดงก็เป็นอีกตำนานหนึ่ง
ที่มีหลายเวอร์ชั่นบางเรื่องก็เปลี่ยนจากกระดาษสีแดงเป็นเสื้อกั๊กสีแดง โดยเล่ากันว่ามีตำรวจหญิงคนหนึ่งถูกเรียกตัว
ไปที่โรงเรียนหลังจากได้รับรายงานว่าได้ยินเสียงผู้ชายในห้องน้ำหญิง เมื่อตำรวจหญิงเข้าไป
(โดยให้คู่หูที่มีตำรวจชายอยู่ข้างนอก) และจู่ๆ ก็มีเสียงถามกะทันหันวา “เธอจะใส่เสือสีแดงได้หรือไม่”

เมื่อเธอได้ยินก็เผลอตอบว่าใช่ และแล้วเสียงกรีดร้องของตำรวจหญิงก็ดังขึ้น เมื่อตำรวจชายด้านนอกได้ยินจึงรีบ
เข้าไปข้างในและเปิดประตูห้องน้ำก็พบศพตำรวจหญิงไร้หัว เลือดของเธอได้เลอะเสื้อของเธอจนเสื้อเปลี่ยนเป็นสีแดง



Teke-Teke

<a href="http://www.youtube.com/v/tFjmeBM41Bg" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/tFjmeBM41Bg</a>

เทเค-เทเค เป็นตำนานเมืองญี่ปุ่นซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาวหรือนักเรียนหญิงที่เกิดอุบัติเหตุหล่นลงไปทางรถไฟ
และร่างกายของเธอก็ถูกตัดครึ่งโดยรถไฟที่แล่นมาทับ และเธอก็กลายเป็นวิญญาณพยาบาล ถือเคียวหรือเลื่อย
และเดินทางโดยใช้ข้อศอกเคลื่อนตัวไปคลานไปมาโดยขณะที่เธอลากตัวเธอจะเกิดเสียง ทัคเค-ทัคเค
อันเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว


แม้ว่าจะคลานแต่มีความเร็วมาก หากใครพบเห็นเธอและหนีเธอไม่พ้นจะถูกเชือด และตัดครึ่งตัวของเหยื่อเพื่อเป็นเทเคตัวใหม่ต่อไป
อย่างไรก็ตามตำนานดังกล่าวมีหลายเวอร์ชั่น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือตำนานเกี่ยวกับผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายจากการโดดรางรถไฟ
จนร่างกายขาดเป็นสองท่อน แต่เธอไม่ตายทันที โดยเธอใช้ข้อศอกคลานพร้อมร้องเรียกว่าโดยเสียงโหยหวนว่า


“ขาของฉันอยู่ไหน”


1. Kuchisake-onna

<a href="http://www.youtube.com/v/NotjQjc8iL0" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/NotjQjc8iL0</a>

ผีสาวปากฉีกเป็นตำนานที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น ซึ่งมีลักษณะปากฉีกถึงใบหู โดยผีปากฉีกเป็นตำนานผีพยาบาลที่อยู่ในสมัยเฮฮัน
หากแต่ปัจจุบันผีสาวปากฉีดได้กลายเป็นตำนานเมืองที่มีพฤติกรรมน่ากลัว ที่เล่าลือในกลุ่มเด็กที่เล่าว่า มันมักจะยืนอยู่ตรง
ริมถนนในช่วงเย็นๆถึงค่ำ ในวันที่หมอกลง และจะสวมผ้าปิดปากไว้ พอใครเดินผ่านมาจะเข้าไปทัก


แล้วถามว่า ฉันสวยไหม?

ถ้าตอบกลับไปว่าสวย แล้วสาวปากฉีกจะถอดผ้าปิดปากออก แล้วถามอีกครั้งว่า แล้วแบบนี้ละ?
เหยื่อที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสาวปากฉีก ถ้าตกใจแล้วพยายามวิ่งหนี สาวปากฉีกจะวิ่งไล่ และหนียังไง
ก็หนีไม่พ้น สาวปากฉีกจะเล่นงานเหยื่อโดยจะตัดให้ปากฉีกเหมือนเธอ เชื่อกันว่าหากถูกสาวปากฉีกวิ่งไล่
ให้โยนขนมหวานชื่อดัง จะดึงความสนใจสาวปากฉีกไปที่อื่นได้

และยังมีเรื่องเล่าต่อเนื่องในการตอบคำถามของเธอครั้งที่สอง หากตอบว่าไม่สวยเธอก็จะวิ่งไล่และเล่นงาน
แต่หากตอบว่า ก็ดูปกติดีนี่ ก็สวยดีนี่ สาวปากฉีกจะพอใจและไม่ทำร้ายเหยื่อ แล้วจากไปแต่โดยดี
ผีสาวปากฉีกเป็นตำนานที่ได้รับความนิยมและตื่นตระหนกในประเทศญี่ปุ่นในระหว่างปี 1980
ซึ่งในเวลานั้นทางการถึงขั้นประกาศให้โรงเรียนระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย



เครดิต : cammy แปล และ เรียบเรียง
แหล่งที่มา : Dek-D.com
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

unless

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 101
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 เรื่องตำนานเมืองขนหัวลุกของญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2013, 15:04:56 »

ขอบคุณที่แบ่งปัน ครับ

oomaim

  • แอบจิต
  • **
  • กระทู้: 22
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 เรื่องตำนานเมืองขนหัวลุกของญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2013, 11:07:55 »

 eta06 ghjk ghjk   ขอบคุณค่ะ
Post by Speed Boom Origin SBO