-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานผีญี่ปุ่น Part5  (อ่าน 1295 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18237
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
ตำนานผีญี่ปุ่น Part5
« เมื่อ: 11 เมษายน 2014, 16:16:07 »

1 กัปปะ ปีศาจพรายน้ำ



คราวนี้มาพูดถึุงปีศาจที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ใครๆก็รู้สึก มันคือ กัปปะ เป็นปีศาจที่น่ากลัว เพราะมันอาจจับเรากินได
เขาว่ามันจะจับสิ่งต่างๆไม่ว่าคนหรือสัตว์จับลงไปในน้ำลึกพอขาดอากาศหายใจก็จะดูดเลือดกินเป็นอาหาร น่าสยดสยองจริงๆ
แต่เรามักจะไม่ภาพลักษณ์ของมันเป็นอย่างนี้เท่าไรนัก เพราะการ์ตูนมักสร้างมันเป็นแบบน่ารักๆ น่าเอ็นดู


ภาพยนตร์การ์ตูนของญี่ปุ่นมักจะมีบางที่จะกล่าวถึงปีศาจตนนี้ ไม่ทราบเหมือนว่าทำไมแต่คงเป็นรูปลักษณ์ของมันที่ประหลาด
หน้าตาเหมือนลิง มีกระดองเต่าอยู่ข้างหลังและมีผิวสีเขียวเหลืองออก เหมือนเต่าผสมกับลิงอย่างไรอย่างนั่น แต่มันก็มีของที่
มันโปรดปรานมากคือ แตงกวา คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า หากจะให้พ้นจากการเป็นเหยื่อของกัปปะ โดยการนำแตงกวา มา
และแกะชื่อของตนพร้อมกับอายุ หรือจะแกะชื่อทั้งครอบครัวก็ได้และโยนลงไปในแหล่งน้ำที่กัปปะอยู่ พอกัปปะเจอแตงกวานั้น
ก็จะอ่านและจำไว้และจะไม่ไปทำร้ายเด็ดขาด


กัปปะถึงจะเป็นปีศาจที่ทราบกันดีว่ามันอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ แต่มันกลับสามารถอยู่บนบกมากระโดดโลนเต้นอย่างสนุกสนานได้
เพราะบนศีรษะของกัปปะจะมีสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นจานคว่ำและมีน้ำใสหล่อเลี้ยงอยู่ข้างใน เคยมีวิธีการหนึ่งกล่าวว่าหากเจอกับ
กัปปะและกลัวว่ามันจะจับไปกินนั้นก็จงทำท่าโค้งคารวะให้มัน ด้วยเขาเชื่อว่ากัปปะเป็นปีศาจที่มีสัมมาคารวะ มันจะโค้งคารวะกลับ
และน้ำที่หล่อเลี้ยงบนศีรษะจะหกลงมาจนหมด และมันจะหมดซึ่งเรี่ยวแรงทันทีคราวนี้เละหนีไปอย่างสบายใจ.... 

แต่ก็เคยมีเรื่องเล่ากันถึงกัปปะว่าเป็นปีศาจที่มีความรู้อย่างน่าประหลาด เรื่องมีอยู่ว่า กัปปะนั้นด้วยความมีนิสัยชอบเล่นกีฬาอย่างซูโม่
และ ชักเย่อ กัปปะตนหนึ่งเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่โตท่าทางเป็นคนมีพละกำลังขี่ม้าผ่านมา ตนก็กระโดดไล่จับชายคนนั้น หวังจะให้เป็น
คู่ประลองชักเย่อ พอชายคนนั้นมีพละกำลังมากจึงคิดแก้เผ็ดกัปปะปีศาจจอมก่อกวน จึงจับมือกัปปะไว้และควบม้าได้อย่างรวดเร็ว
ตัวกัปปะก็ปริ้วๆมา น้ำที่หล่อเลี้ยงบนศีรษะก็หกลงมาหมด กัปปะวิงวอนให้ชายผู้นี้หยุด ด้วยความเห็นใจชายหนุ่มก็นำน้ำมาเติม
บนศีรษะของกัปปะ กัปปะเห็นน้ำใจอารีของชายหนุ่มจึงได้สอนวิธีการต่อกระดูกแก่ชายหนุ่มเป็นการตอบแทน จากนั้นมาชายหนุ่ม
ก็กลายเป็นหมอกระดูกที่มีชื่อเสียงและสอนบอกต่อจากรุ่นลูกสู่รุ่นหลานจนกลายเป็นตระกูลหมอต่อกระดูกในเวลาต่อมา...

ถึงอย่างไรว่ากัปปะจะเป็นปีศาจที่น่ากลัว แต่ก็อาจเป็นกุศโลบายของคนสมัยโบราณ เคยมีเรื่องเล่าว่ามีหมู่บ้านหนึ่ง มีลูกเล็กเด็กแดงมาก
และส่วนใหญ่หมู่บ้านนี้จะมีหมู่บ้านเกษตรกรรม และมีแม่น้ำใหญ่เป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยง พอพ่อแม่ทำไร่ทำนา พวกเด็กๆในหมู่บ้าน
รุ่นราวคราวเดียวกันก็พากันไปเล่นน้ำที่แม่น้ำ ด้วยเด็กไม่รู้อะไรก็มีเด็กจำนวนหนึ่งที่จมน้ำตาย พ่อแม่มาตามหาก็ไม่พบ วันต่อมาทราบว่า
กลายเป็นศพไปเสียแล้ว


พ่อแม่ของพวกเด็กที่จมน้ำตายก็ได้ทำบุญอุทิศและสร้างสุสานของลูกเขาไว้ และได้แต่งสร้างปีศาจในจินตนาการ คือ กัปปะ
ว่าเป็นปีศาจที่เกิดจากวิญญาณของเด็กที่จมน้ำตายกลายเป็นพรายน้ำ ให้เด็กระวังตัวหรือไม่ลงเล่นน้ำเลยดีกว่า เพราะจะถูกปีศาจกัปปะจับกิน
ซึ่งที่มาของกัปปะก็อาจมาจากสาเหตุนี้ก็เป็นได้...




2. กิชิโมะ จิน นางมารกลับใจ



มาเจอกับปีศาจต่างประเทศที่มากลับเป็นปีศาจที่คนญี่ปุ่นเคารพนับถือกันดีกว่า ปีศาจตนนี้คือ "กิชิโมะ จิน"

กิชิโมะ จิน เป็นปีศาจมาจากประเทศอินเดีย ความจริงเขาเป็นนางยักษ์เคยปรากฏขึ้นในสมัยพุทธกาลของพระสมณโคดมพุทธเจ้า
(พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) นามว่า "ฮาริตี"นางด้วยวิสัยของยักษ์ย่อมชอบจับสัตว์จับคนกินเป็นของธรรมดา แต่การกระทำของนาง
กลับสร้างความเศร้าแก่ผู้เป็นพ่อแม่ คือ นางจับลูกของชาวบ้านกินเป็นอาหารและเป็นอาหารที่เธอโปรดปรานเป็นอันมาก
เธอจะแอบไปตามบ้าน แปลงกายเป็นพ่อแม่ของเธอและลักพาลูกของชาวบ้านมากิน ถึงแม้ชาวบ้านจะป้องกันด้วยวิธีใดก็ตาม


3. สุนัขหน้าคน



ครั้งที่แล้วเคยแสดงถึงปีศาจแมว "โคคิเอะ" และปีศาจหนู "คิวโซะ"ไปแล้วคราวนี้จึงเสนอปีศาจตนนี้ หากไม่เสนอแล้วคงแปลกๆ
ดูไม่สมบูรณ์อย่างไงไม่รู้ ปีศาจตนนี้คือ "สุนัขหน้าคน"


ด้วยว่าแต่อดีตมาสุนัขเป็นทั้งเพื่อนและสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์เรามานาน ด้วยนิสัยที่รักผู้เป็นนายและความกตัญญูรู้คุณที่ผิดจาก
วิสัยของสัตว์ และเป็นสัตว์ที่แต่เดิมเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายเมื่อมาอยู่ร่วมกับคนจึงมีความเชื่องผิดวิสัยของบรรพบุรุษของมัน

ปีศาจตนนี้มีรูปลักษณ์เหมือนสุนัขทั่วไป แต่กลับมีใบหน้าเป็นคน จึงเรียกกันว่า สุนัขหน้าคน มันยังเป็นปีศาจที่เป็นที่นิยมในความน่ากลัว
ไม่ต่างจาก สาวปากฉีก เพราะเป็นปีศาจที่เกิดในช่วงญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน เป็นที่หวาดกลัวของเด็กๆเช่นเดียวกับสาวปากฉีก แต่ความจริง
ปีศาจประเภทแบบนี้กลับเคยมีมาก่อนแต่อดีต เช่น อามาปิเอะ ปีศาจภูตซึ่งนำพาความสุข ก็มีลักษณะศีรษะเป็นคน และคุดันอีกที่เป็นปีศาจ
เกิดมาเพื่อทำนายนั้น ก็มีลักษณะหน้าเป็นคน เช่นกัน ซึ่งไม่แปลกหากจะมีปีศาจตัวใหม่ คือ สุนัขหน้าคน


เคยมีเหตุการณ์ของการปรากฏตัวของสุนัขหน้าคน หญิงสาวเด็กนักเรียนประถมคนหนึ่งนั่งทานไอศกรีมที่สวนสาธารณะและนั่งบนม้านั่ง
อย่างสบายใจ แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา "กินมั้ง...กินมั่ง..." เธอหันไปก็พบกับสุนัขที่แลบลิ้นกระดิกหางและเธอตั้งตกใจสุดขีดที่ใบหน้า
เป็นชายวัยกลางคนน่ากลัว

อีกเหตุการณ์หนึ่ง ครอบครัวหนึ่งกำลังเดินทางไปเที่ยวในช่วงหน้าร้อน เมื่อเขาขับขึ้นทางด่วนก็พบกับสุนัขตัวหนึ่งที่วิ่งตัดหน้ารถอย่างรวดเร็วมาก
แต่พบมองมันไปด้วยความโมโห "เดี๋ยวโดนชนตายเจ้าหมาบ้า" แต่ต้องชะังัดเมื่อมันหยุดมองมาจากฝั่งข้ามทางด้วยสายตาอาฆาต
"อย่ามายุ่งได้ไหมเจ้าบ้า...." ทุกคนพากันหน้าเสียเมื่อเจ้าสุนัขตัวนั้นตอบกลับมาแล้วใบหน้าของมันเหมือนใบหน้าคน

แต่มีตำนานหนึ่งที่กล่าวถึุง สุนัขหน้าคน มีผู้น้อง 3 คน ร่วมมือกันฆ่าพ่อแม่ของตนเอง และสวรรค์ก็ลงทัณฑ์สาปแช่งไอ้ลูกอกตัญญูทรพีทั้ง3
ให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉา แต่ปรากฏว่า พี่คนโตเกิดเป็นวัว พี่คนรองเกิดเป็นสุนัข น้องคนเล็กเกิดเป็นม้า แต่ใบหน้าของพวกเขากลับไม่ใช่หน้า
ของสัตว์ทั่วไป แต่มีใบหน้าเป็นคน นี้เลยอิงสุนัขหน้าคนเลยมีความเชื่อว่า สุนัขหน้าคน คือปีศาจที่มาจากดวงวิญญาณของคนที่อกัตญญู
ทรพีผู้มีพระคุณนั่นเอง..



4. ฮานาโกะ เด็กหญิงในห้องน้ำ




ปีศาจที่เป็นที่รู้จักอีกตน ใครคงไม่รู้จักปีศาจตนนี้ เคยปรากฏในภาพยนตร์การ์ตูนของญี่ปุ่นหลายเรื่อง และเป็นที่หวาดกลัวสยองขวัญมากๆ
เมื่อเข้าห้องน้ำถูกห้องก็ดีีไป ขับถ่ายอย่างสบายใจ แต่เมื่อห้องผิดล่ะก็จะต้องเจอเธอแน่ "ฮานาโกะ"


เมื่อพูดถึง ฮานาโกะ กับเด็กอนุบาลและเด็กประถมของญี่ปุ่น ต้องขนหัวลุกแน่ เพราะเป็นปีศาจที่อยู่ในห้องน้ำของโรงเรียน มีเรื่องเล่าจุดเหตุ
ของตำนานฮานาโกะมีอยู่ว่า โรงเรียนหนึ่งของญี่ปุ่้นที่จังหวัดนางาโงะ มีตำนานอันเป็นความเชื่อว่ามีห้องน้ำที่มีพวกวิญญาณร้ายสิงสถิตอยู่
ไม่มีใครกล้าเข้าใช้ จนอยู่มาวันหนึ่งเกิดห้องน้ำนั้นคนใช้ขึ้นและความผิดสังเกตว่าห้องน้ำห้องนี้เมื่อมีคนใช้ประตูก็ไม่ได้เปิดอีกเลย จนเด็กคิดว่า
ประตูเสียจึงช่วยกันดึงประตูเอง แต่ดูท่าจะเหลว จึงไปให้ลุงภารโรงมาช่วย พอภารโรงใช้ชะแรงแล้วประตูเปิดออก กลับพบกับ ร่างของ
เด็กผู้หญิงชุดสีแดงตายอยู่ในห้องน้ำ

จึงเป็นข่าวเล่าลือกันไปทั่ว มีเด็กผู้หญิงที่จะเจอกับวิญญาณของเด็กหญิงชุดแดง ที่มักจะชวนไปอยู่เป็นเพื่อนเขาว่าเด็กผู็หญิงคนนี้ว่า
คุณฮานาโกะ และเธอไปเดินทางไปเยี่ยมเยือนในห้องน้ำทุกโรงเรียน ระวังนะตอนนี้เธออาจจะไปอยู่ที่ห้องน้ำโรงเรียนคุณก็เป็นได้...



5. โยไก ภูตผีปีศาจอสูรกาย



ในครั้งกล่าวเริ่มเรื่องของ ตำนานภูตผีปีศาจญี่ปุุ่่น เคยกล่าวถึง โอบะเกะ ซึ่งเป็นภูตผีปีศาจประเภทนี้ ซึ่งมักจะปรากฏจากสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่น
เชื่อว่ามีชีวิตและการดำรงชีวิตที่พิศวง กับสิ่งของที่ถูกทอดทิ้งหรือเก็บลืมจนนานเข้าจึงกลายเป็นปีศาจ แต่ในครั้งนี้ได้นำเสนอภูตผีปีศาจ
ประเภทที่น่ากลัวน่าสยดสยองยิ่งขึ้นเพราะภูตผีพวกนี่มักให้โทษมากกว่าให้คุณ...


โยไก เป็นภูตผีปีศาจในประเภทที่มีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดน่ากลัว เช่น โระคุโระคุบิ (ผีคอยาว) มุจินะ (ปีศาจไร้หน้า)
โอนิ (ยักษ์ :เคยกล่ีาวไว้ในตำนานปวงเทพแดนอาทิตย์อุทัย) เป็นต้น ซึ่งพอดูๆแล้วมักเป็นปีศาจที่เกิดมาจากมนุษย์หรือไม่ก็เป็นอสูรกาย
ที่เกิดมาพร้อมกับการกำเนิดของเกาะญี่ปุ่นในสมัยเทพอิซานากิกับอิซานามิสร้างเกาะญี่ปุ่น... เช่น เท็งกุ (มนุษย์นก) เป็นต้น



6. โรคุโรคุบิ ผีคอยาว



วันนี้จะมาเสนอเรื่องราวเป็นแนวทั้งอธิบาย และจะมีเรื่องเล่าอันเป็นตำนานเรื่องผีที่ชาวญี่ปุ่นมักจะเล่าสืบต่อกันมา คงจะแนวเดียวกับ
ของบ้านเราที่มักจะเรื่องแม่นาคเพราะเป็นเรื่องผีที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล แต่ผีตนนี้ไม่ได้เป็นผีประเภทเดียวกัีบแม่นาคนะ
แค่ยกตัวอย่างใ้ห้เข้าใจเท่านั้น


โระคุโระคุบิ ว่าไปถ้าเทียบกับผีบ้านเราคงมีความคล้ายกับผีกระสือ แต่ของเขาไม่ได้ถอดหัวถอดและส่องแสงเวลาไปหากิน แต่ของเขา
เป็นแบบอย่างที่เห็น คือ จะปล่อยให้คอยาวไปเรื่อยๆเหมือนงูที่เลื้อนและลอยไปจนแหล่งที่เป็นแหล่งอาหารของมัน เขามันกินคนเป็นอาหารได้
และต้องเป็นชายหนุ่มของอาหารชั้นเยี่ยมและเป็นของที่โปรดปรานเพราะมันจะได้รับพลังชีวิตของวัยหนุ่มมาเติมกำัลังของตนเองได้
(ผู้หญิงมันก็กินนะ กินไม่เลือก...) ผิดกับกระสือที่จะกินแต่ของเสียเน่าบูด

แต่ผีประเภทนี้มักจะเป็นผู้หญิง ซึ่งก็เหมือนบ้านเราที่กระสือมักเป็นผู้หญิง (มันคล้ายกันอยู่น่า...) คงเคยได้ยินเพลงว่า
"กระสือกลางวันมันเป็นหญิงมีทุกสิ่งธรรมด๊า..ธรรมดา" ซึ่งเจ้าโระคุโระคุบิก็เช่นกัน ตอนกลางวันจะเป็นเหมือนคนปกติสามัญทั่วไป
แต่พอตกค่ำพระจันทร์ขึ้นกลางฟ้าเมื่อใด มันจะยืนคอออกหาอาหารทันที และเขาว่ากันมาว่าผีพวกนี้ยังกลายพันธุ์มาอีกแบบหนึ่ง
ซึ่งดูเหมือนกระสือบ้านเรามาก ซึ่งมันจะถอดหัวลอยไปมาหาอาหารกิน แต่ไม่ได้ถอดไส้มาด้วยอย่างกระสือบ้านเรา แต่เขาว่า
มันเป็นโระคุโระคุบิเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นได้ทั้งชายและหญิง (ฟังดูแล้วดูยุติธรรมเป็นกลางๆดีจัง)



เรื่องที่เล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของโระคุโระคุบิ ที่กลายเป็นเรื่องผีที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเล่าขานต่อๆกันมา โดยเรื่องนี้เล่าถึงผีโระคุโระคุบิ
ที่ไม่ได้เลื้อยคอไปมา แต่เป็นโระคุโระคุบิที่สามารถถอดคอเหาะไปมาได้เหมือนกระสือบ้านเราแต่ไม่ได้มีตับไตไส้พุงติดไปด้วยเท่านั้น

เรื่องนี้ถูกเล่ากันมานานกว่า 500 ปี โดยมีซามูไรคนหนึ่งนามว่า "อิไซะโก เฮดะเซมอน ทะเกซึระ" (ชื่อยากมาก...)
เขาเป็นซามูไรที่เก่งสงครามมากและมีัชื่อเสียงในสมัยเอเกียว ต่อมาราชสำนักคิกุยิล่มสลาย เขาจึงเป็นซามูไรไร้นาม(ไม่มีเจ้านาย)
ถึงเขาจะมีฝีมือที่เก่งกาจมีใครๆก็อยากได้เขามาเป็นลูกน้อง แต่เขายังคงจงรักภักดีกับราชสำนักคิกุยิอยู่จึงหันหลังให้ทางโลก
และมุ่งสู่ทางธรรม เขาบวชเป็นภิกษุฉายาว่า"ไกวเรียว"


พระไกวเรียวถึงจะเป็นพระภิกษุที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นลักษณะชายชาตินักรบจึงยังเป็นที่แกร่งของผู้คน
พระไกวเรียวจึงเลือกจะออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ (โดยเฉพาะในที่ๆทุรกันดาร)ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีพระภิกษุรูปใดที่จะเลือกออกธุดงค์เลย
ด้วยกลัวเหตุอันตรายทั้งสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย โจรผู้ร้ายต่างๆนานา แต่พระไกวเรียวกลับไม่กลัวและมุ่งหน้าเดินทางธุดงค์แสวงหา
ที่สงบเพื่อทำจิตภาวนาสมาธิ

พระไกวเรียวท่านธุดงค์มาถึงจังหวัดไค อันเป็นจังหวัดที่ทุรกันดารมากๆอยู่ในป่าเขา ตอนนั้นก็มืดมากท่านจึงแวะพักค้างแรมในป่า
(ไม่เข้าใจว่าพระญี่ปุ่นกับพระบ้านเราคงไม่เหมือนกันและอีกอย่างการธุดงค์ของเขานั้น ไม่ทราบเป็นแบบที่ปัดกลดเหมือนกันหรือเปล่า....)
ในขณะีที่พระไกวเรียวกำลังจะล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนที่เหนื่อยจากการเดินทางมาไกล ชายตัดฟืนเดินทางพามาและนิมนต์พระไกวเรียว
ไปพักค้างแรมที่บ้านของตน


พระไกวเรียวไปที่บ้านของชายตัดฟืนตามที่ชายตัดฟืนนิมนต์ พอพระไกวเรียวเข้าไปภายในบ้านก็พบกับครอบครัวของชายตัดฟืน
พวกเขาที่ความเคารพก้มศีรษะอย่างอ่อนน้อมและมีมารยาท ท่าทีเหมือนเป็นผู้ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี พอไปๆมาๆชายตัดฟืน
ได้พูดถึงประวัติความหลังของตนเองและครอบครัวขึ้นว่า

"เดิมทีตนเองรับงานราชการมีสมบัติและบริวาร แต่ด้วยพอสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นจงกิเลศความโลภเข้าตาจึงโกงแผ่นดิน
และตนเองได้ฆ่าผู้คนที่บริสุทธิ์ตายไปมากมาย พอมาสำนึกได้ก็รู้ว่าตนทำบาปอย่างมหันต์จึงทิ้งทุกอย่างมาอยู่กัน
ในที่ห่างไกลและปลอดผู้คน จึงมีความเป็นอยู่อย่างสงบยึดอาชีพตัดฟืนหาเงินเลี้ยงชีพ บางทีสวดมนต์ทำบุญยึดพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง
มีโอกาศจะช่วยใครได้ก็ช่วยเผื่อสามารถจะลบล้างบาปที่ตนได้ก่อไว้..."


พระไกวเรียวก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบกับคนที่เรียกว่า โจรกลับใจ ท่านได้ค้างคืนที่บ้านหลังนี้โดยชายตัดฟืนและภรรยา
จัดห้องและที่นอนให้แก่พระไกวเรียว ทุกคนในบ้านหลับกันหมดเว้นแต่พระไกวเรียวที่ยังคงบริกรรมสวดมนต์อยู่ พอท่านสวดมนต์เสร็จ
ก็หวังจะออกไปสูบอากาศที่นอกบ้าน ระหว่างออกจากห้องท่านก็เดินผ่านห้องนอนของเจ้าของบ้านคือชายตัดฝืนและครอบครัว
อยู่ๆท่านต้องตกใจกับภาพที่เหตุ...คือร่างทั้ง5ของครอบครัวชายตัดฝืนไม่มีหัว...!!!

ท่านคิดว่า
"น่าสงสารจริงๆ สงสารมีคนใจร้ายใจดำมาสังหารครอบครัวนี้ เอะทำไมเราไม่ได้ยินเสียงของความเจ็บปวดหรือเสียของ
ผู้บุกรุกทั้งๆที่เราก็สวดมนต์อยู่น่าจะได้ยินนี่ และอีกอย่างนี้จะเป็นฆาตกรรมจริงเหรอ ก็ไม่มีรอยคราบเลือดอะไรเลย
และร่างนั้นก็ดูนิ่งเหมือนนอนหลับอยู่เฉยๆ... หรือว่าเราจะ....เจอเข้ากับโระคุโระคุบิเสียแล้ว....!!!!"




พระไกวเรียวทราบดังนั้นก็คิดขึ้นได้ว่า หากพบร่างของโระคุโระคุบิเช่นนี้ ให้จับร่างหันไปยังอีกข้างหนึ่ง ท่านทราบว่าเมื่อเจ้าหัวกลับมา
เข้าร่างและ้เห็นว่าร่่างของมันถูกกลับข้างล่ะก็มันจะเข้าร่างมันไม่ได้และจะร่วงลงมาดิ้นไปมาและตายไปในที่สุด พอท่านออกไปนอกบ้าน
และได้ยินเสียงเหมือนคนพูดกัน ท่านแอบเข้าไปหลังพุ่มไม้ก็พบว่าเป็นผีโระคุโระคุบิที่เป็นหัวลอยไปมาและมันกำลังสนทนากัน
สรุปว่ามันจะกินพระไกวเรียว ซึ่งหัวของภรรยาชายตัดฟืนลอยเข้าไปในนอนและออกมาอย่างหน้าตาตื่น

"ท่านพี่พระนั้นไม่อยู่แล้วและร่างของพวกเราถูกจับหันข้างกันหมดเลย"

เจ้าหัวผีของนายตัดฟืนตกตะลึงกลัว "หากเป็นเช่นนี้เราก็ตายกันหมดซิแย่แล้ว...เราต้องหาพระนั้นไม่พบและกินมันเป็นการแก้แค้น"



เจ้าหัวผีทั้ง 5 หัวก็ลอยไปมาเสียงเหมือนแมลงบินไปมา และมันก็พบเข้ากับพระไกวเรียวที่ซ่อมอยู่หลังพุ่มไม้ พระไกวเรียว
ใช้ท่อนไม้ที่พบในแถวนั้นไล่ตีเจ้าหัวผี หัวผีคนตัดฟืนเข้ากัดแขนของพระไกวเรียวท่านตีทุบหัวของมันจนมันตาย พระไกวเรียว
ก็พยายามจะเเกะไม่ออกฟันยังคงฝังในแขนเสื้อพอแสงอาทิตย์เริ่มส่องบนท้องฟ้า หัวผีอีก 4 หัวพากันกรีดร้องและลอยหนีเข้าไปในบ้าน



พระไกวเรียวเห็นของชายตัดฟืนที่กัดติดกับแขนเสื้อกลายเป็นหัวที่มีเลือดไหลออกมา
"มันตายแล้ว...ดีจริงการธุดงค์ทั้งนี้ได้ของที่ระลึกเป็นหัวปีศาจ...ฮา...ฮา...ฮา.."

พอท่านเข้าไปในบ้านเพื่อจะเก็บของเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ภรรยาและบุตรของชายตัดฟืนที่คืนสภาพเป็นคนธรรมดา ทั้งตาย
มีแต่รอยเลือดทั้งหูตาและหน้า พอได้เห็นพระไกวเรียวเท่านั้นก็กรีดร้องด้วยความกลัวและร้องไห้พากันวิ่งหนีท่านออกไปจากบ้าน
ท่านเก็บของสัมภาระเสร็จก็ออกเดินทางโดยมีเจ้าหัวปีศาจคงเกาะแขนเสื้อของท่านอยู่ และท่านก็ออกธุดงค์ต่อไป




ท่านเดินทางผ่านมาถึงตำบลซุวะ เมืองชินะโนะ คนที่พบเห็นท่านกับหัวคนที่กัดติดแขนเสื้อที่เวลาท่านเดินไปมาหัวมันก็จะเกว่งไปมา
เป็นภาพที่สร้างความกลัวสยดสยองต่อผู้ที่พบเห็น จนกระทั่งตำรวจท้องที่เข้ามาจับตายไปข้อหาเป็นผู้ร้ายใจโหด..
(เพราะเขายังไม่ทราบว่าเจ้าหัวที่ห้อยอยู่มันเป็นหัวโระคุโระคุบิ) ท่านถูกจำึคุกและสืบสวนเป็นเวลานาน จนสามารถลงข้อสรุปได้ว่า
เจ้าหัวนั้นเป็นหัวของผีโระคุโระคุบิ เพราะเป็นหัวที่ไม่มีลักษณะของการถูกตัดขาดด้วยอาวุธของมีคม แต่คล้ายกับผลไม้ที่ถูกเด็ดออกจากต้น
คือ ออกมาจากตัวอย่างนั้น ท่านจึงพ้นข้อกล่าวหา เหล่าเจ้าหน้าที่จึงกล่าวว่า




"ท่านช่างเป็นพระที่น่าเกรงขามว่าได้ไม่น่าจะเป็นพระทรงศีลเลยน่าจะเป็นนักรบเสียมากกว่า"
พระไกวเรียวจึงบอกว่า "จริงๆแล้วเราในอดีตเคยเป็นซามูไรรับใช้ราขสำนักคิกุยิ "



จากนั้นข่าวนี้เป็นที่ทราบ เหล่าซามูไรที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก็เข้ามาเยี่ยมเยือนนำของมาถวายมากมาย พยายามจะให้ท่านกลับเข้า
วงการซามูไรอีกครั้ง แต่ท่านปฎิเสธและท่านยังคงเดินทางธุดงค์ต่อไป เรื่องของท่านที่เผชิญกับผีโระคุโระึุคุบิกลายเป็นเรื่องที่โด่งดัง
เป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปากเป็นข่าวคราวของ"พระผู้กล้าที่เผชิญกับผีโระคุโระคุบิที่จังหวัดไค"
และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องผีที่นิยมในญี่ปุ่นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน


แต่เรื่องนี้ยังไม่จบลงเท่านี้ พระไกวเรียวได้เดินทางผ่านไปยังที่เป็นทางโจร ท่านจึงถูกโจรปล้น และท่านได้มอบหัวปีศาจตนนี้
แก่โจรพร้อมเงินที่เพื่อนซามูไรถวายมาให้ด้วย เ้จ้าโจรก็ไม่เชื่อว่าหัวที่ติดแขนเสื้อมานั้น เป็นหัวผีโระคุโระคุบิ ท่านก็เตือนโจร
แล้วว่าหากเก็บหัวนั้นไว้กับคนธรรมดาวิญญาณร้ายของมันจะตามมาแก้แค้น แต่โจรมันยังไม่เชื่อ ยังหาว่าท่านปั้นน้ำเป็นตัว
แต่งเรื่องมาหลอก แต่ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรจึงปล่อยเลยตามเลย



เจ้าโจรก็หวังใช้หัวคนนี้เป็นเครื่องมือใช้ขู่ในคนกลัวเพื่อง่ายต่อการปล้น แต่มันได้รู้ความจริงว่าหัวที่มันได้มาเป็นของผีโระคุโระคุบิจริงๆ
ก็เมื่อเพื่อนโจรด้วยกันที่เมืองชินะโนะมาเยี่ยมและบอกว่าหัวนั้นเป็นหัวผีจริงๆ เจ้าโจรถึงกลับหน้าถอดสี มันแย่แน่ถ้ายังเอาหัวนั้นไว้
มันจึงไปยังบ้านของชายตัดฟืนแล้วจะเอาร่างของมันไปฝังไว้กับหัวของมันเพราะเป็นความเชื่อว่า ศพที่อวัยวะไม่ครบจะไม่ได้ไปสู่สุคติ
มันก็พยายามหาร่างแต่ไม่พบ มันจึงเอาเพียงหัวนั้นไปฝังไว้ในบริเวณใกล้ๆกระท่อมและเอาก้อนหันวางทับไว้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า
เป็นหลุมฝังหัวของผีโระคุโระคุบิ และหลุมนั้นยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน...

เรื่องผีเรื่องถ้าจะเป็นจริงเพราะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์และช่วงเวลาที่แน่นอนรวมถึงหลักฐานและสถานที่
ที่มีอยู่จริงจนกระทั่งถึงปัจจุบัน...



7. ฟุทาคุชิอนนะ สาวสองปาก



ผีตนนี้เป็นคนธรรมดาแต่กลับมีปากอีกอันซ่อนอยู่หลังศีรษะภายใต้การปิดบังจากเส้นผมของเธอเอง ผีตนนี้มีความคล้ายกับโระคุโระคุบิที่เป็นผี
ทั้งๆที่เป็นคนธรรมดาและเจ้าตัวมักจะไม่ทราบได้เลยว่าตนเองเป็นผีสองปาก เพราะมันจะเผยออกมาในเวลาที่เธอไม่รู้ตัว บางทีจะเป็นตัวที่
นอนอย่างสนิทแล้ว และมันจะโผล่ออกมาจากผมและผมนั้นเปลี่ยนสภาพเสมือนเป็นมือแทนและจะยาวขึ้นเลื่อนๆจนกลายจะเจอกับอาหารอย่าง
เช่นอาหารที่ถูกเก็บไว้ในตู้หรือวางไว้ในห้องครัว สาวสองปาก มีความเชื่อว่า คนที่จะเป็นผีตนนี้ต้องเป็นคนที่เคยทำบาปอย่างมหันต์
เลยมีเรื่องเล่าถึงผีตนนี้ว่า...


มีหญิงคนหนึ่งแต่งเข้าบ้านที่สามีตนเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่ภรรยาคนก่อนเสียชีวิต และสามีกลับมีลูกติดมาอายุได้ 2-3 ขวบ
กำลังน่ารักน่าชัง แต่หญิงสาวกลับมีนิสัยไม่เหมาะกับน่าตา ด้ยใบหน้าที่สวยงามและนิสัยกลับใจจืดใจดำอำมหิต ด้วยสามีเป็นพ่อค้า
มักต้องเดินทางไปค้าขายนานๆทีจะได้กลับมาบ้าน เธอก็อยู่เพียงกับคนใช้และลูกของสามี พอเธออยู่โดยปราศจากสามี เธอก็ทำอะไรได้ตามใจ
เธอเกลียดลูกของภรรยาเก่า เธอจึงทำการห้ามคนใช้ไม่ให้อาหารลูกของภรรยาเก่า แม้แต่เด็กกำลังจะเรียกร้องเพียงแค่น้ำนมบรรเทาความหิวโหย
เธอก็ไม่สนใจ เพราะใช้คติว่า


"ไม่ใช่ลูกฉันสักหน่วยจะสนมันทำไม"

เด็กน้อยที่น่าสงสารอดข้าวอดน้ำอดนมที่เป็นอาหารที่สำคัญจนทนต่อไปในโลกใบนี้ไม่ไหว วิญญาณที่หิวกระหายจึงเข้าสิงร่างของหญิงสาว
ผู้เป็นแม่เลี้ยง เธอก็ตกใจเมื่อเธอน้ำหนักมากขึ้นทุกทีทุกที เธอก็ประหลาดที่อาหารที่เธอชอบและคิดจะเก็บไว้กินในตอนอื่นกลับหายไป
โดยไว้ร่องรอย และเธอจากสาวสวยกลายเป็นหญิงที่เริ่มอ้วน เธอประหลาดที่เธออายุยังไม่มากแต่กลับน้ำหนักมากขึ้นโดยไม่น่าเชื่อ
เธอจึงพยายามหาสาเหตุ




จนอยู่มาวันหนึ่ง เธอเริ่มเห็นความผิดปกติ จึงให้คนใช้มานอนเป็นเพื่อนเธอ แต่แล้วคนใช้ก็ได้ยินเสียงของการเคี้ยวอย่างตะกละ
และกลิ่นของอาหารที่อยู่ไม่ห่างจากเธอ เธอตื่นขึ้นมาปากที่กำลังเคี้ยวภายใต้เส้นผมที่มักอาหารไว้กำลังถูกส่งเข้าปากนั้น
เธอตกใจกรี๊ดกับภาพที่เห็น หญิงผู้เป็นนายตื่นก็รู้ว่าตนเองเป็นผีสองปากไปแล้ว เธอรับไม่ได้เธอกลับตัวอยู่แต่ในห้องของเธอ และเธอต้องทน
กับการที่ปากที่สองของเธออยู่ข้างหลังศีรษะของเธอ และเสียงเคี้ยวอย่างตระกะทุกคืน สามีของเธอจึงไล่เธอที่เป็นผีออกจากบ้าน
และเธอก็ถูกชาวบ้านขับไล่จนออกจากเมือง เธอไม่มีที่ไปและอดอยากไม่มีอาหารกิน เธอรู้ถึงความรู้สึกของการที่อดอยากหิวกระหาย
ที่เธอเคยทำไว้กับลูกของสามีกับภรรยาเก่า... และเธอก็ตายทั้งๆที่ร่างเป็นสาวสองปาก

จากเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องที่มักจะเล่ากันในบรรดาของคนญี่ปุ่น และสรุปได้ว่าผีตนนี้เป็นเพราะกรรมที่ตนได้ทำไว้และอีกอย่างคือการถูกผี
อดอยากเข้าสิง... โดยเฉพาะผีเด็กที่อดอยากแม้แต่น้ำนม...


เรื่องเล่าอีกอย่างที่แตกต่างกันเล่าว่า คำสาปนี้จะเกิดกับผู้หญิงที่เปลี่ยนวิธีการกินของตนเองอย่างเฉียบพลัน
โดยลดปริมาณอาหารลงอย่างมาก เพราะอยากลดน้ำหนักพยายามอดสิ่งที่ตนเองชอบ แต่ว่าร่างกายกลับ
ต้องการมากจนกลายเป็นว่าตนเองต้องคำสาปมี ปากที่สอง ที่ควบคุมไม่ได้มาแทน


ดังเช่นตำนานเรื่องนี้ในสมัยเอโดะมีหมู่บ้านอยู่แห่งหนึ่ง ที่หมู่บ้านนั้นมีชายหนุ่มยากจนคนหนึ่งวันๆได้อาศัยตัดไม้แบกฟืนเลี้ยงชีพไปวันๆ
ตกเย็นวันหนึ่งชายหนุ่มได้ขึ้นเขาไปตัดฟืนกับเพื่อนสามคน พวกเขาได้คุยกันอย่างสนุกสนานและไปๆมาๆก็เข้าเรื่องผู้หญิง เพื่อนเขาทุกคน
ล้วนแต่มีภรรยาด้วยกันทั้งนั้นยกเว้นแต่ชายหนุ่มคนเดียวที่ไม่มีภรรยา

เขาถอนหายใจเฮือกแล้วครุ่นคิดว่าเรามันไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยที่จะทำให้หญิงมาหลงอีกทั้งถานะที่ยากจนต้องหาเช้ากินค่ำไปวันๆ
คงไม่มีปัญญาจะไปเลี้ยงเมียหรอก ด้วยความท้อแท้เขาจึงตะโกนดังลั่นออกมาว่า


"ถ้ามีผู้หญิงที่ไม่กินข้าวเลยก็ดีสิ ข้าจะได้รับนางเป็นภรรยา..."

เสียงตะโกนของเขานั้นดังก้องไปทั่วเชิงเขา กลุ่มเพื่อนๆพากันหัวเราะอย่างสนุกสนานและโอบไหล่ปลอบใจเขา
ทั้งสี่คนพากันลงจากเขากลับบ้านไป วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มตื่นแต่เช้า แต่เมื่อเขาเปิดประตูบ้านออกมาเขาก็ต้องแปลกใจ...
เมื่อพบหญิงสาวคนหนึ่งหอบผ้าหอบผ่อนมายืนรออยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มถามหญิงสาวว่าเขาพอจะช่วยอะไรได้ไหม หญิงสาวยิ้มแล้วตอบว่า

" เมื่อเย็นวายท่านป่าวประกาศออกไปว่าถเมีหญิงสาวที่ไม่กินข้าวเลยท่านจะรับไว้เป็นภรรยาใช่หรือไม่...
ตั้งแต่นี้ไปข้าจะมาเป็นภรรยาของท่าน"


ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นถึงกับดีใจมากเขารีบรับหญิงสาวคนนั้นเป็นภรรยาโดยด่วน ทั้งคู่พากันเข้าบ้านและถามทุกข์สุขพูดคุยกันตามประสา
ช่วงสายชายหนุ่มพาภรรยาของเขาไปยกหน้าชูตาให้เพื่อนๆยลโฉม เพื่อนๆต่างก็ดีใจทีชายหนุ่มมีภรรยาเป็นของตนเองแล้ว
ตกเย็นหญิงคนนั้นเตรียมจัดโกบข้าวรอชายหนุ่ม ชายหนุ่มเข้ามานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยและชมว่าฝีมือปลายจวักนางดีมาก
ชายหนุ่มเกิดสงสารหญิงสาวที่นั่งเรียบร้อยมองเขากินข้าวอยู่เขาจึงเอ่ยถามว่า

" ที่ข้าพูดไปน่ะข้าไม่ถืออะไรนักหรอก เจ้าหิวเจ้าก็เข้ามากินกับข้าสิข้าไม่ว่าหรอก"

หญิงสาวยืนกรานเสียงแข็งว่ายังไงนางก็ไม่กินข้าวเด็ดขาดคำไหนเป็นคำนั้น ตกดึกขณะที่ชายหนุ่มกำลังหลับอยู่ฉับพลันเขาก็ต้องตื่น
เพราะได้ยินเสียงดังกุกกักมาจากทางด้านห้องครัว เขาแปลกใจจึงลุกขึ้นไปดูต้นเสียงเพราะหวั่นว่าจะเป็นขโมยขึ้นบ้านเขาค่อยๆย่องไป
จนถึงหน้าต่างห้องครัวและเห็นไฟเปิดทิ้งไว้ เมื่อชายหนุ่มมองลอดช่องหน้าต่างเข้าไปเขาก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นภรรยานั่งพับเพียบเรียบร้อย
อยู่ทางด้านหน้ามีกับข้าวมากมายไม่ว่าจะเป็นซุปเต้าเจี้ยวและข้าวปั้น ชายหนุ่มมองดูพฤติกรรมาน่าสงสัยของภรรยา



ฉับพลันนางผู้นั้นก็ค่อยๆแกะผมที่รวบไว้ด้าหลังออก ผมที่ยาวสยายของนางเริ่มพลิ้วไหวและสะบัดไปมาเหมือนมีชีวิต เผยให้เห็น
ปากใหญ่โตอัปลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ ชายหนุ่มมองถึงกับตาค้าง และแล้วผมที่ยาวสบัดไปมาของนางก็ตรงเข้ารัดอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
เอาเข้าไปใส่ปากอัปลักษณ์ทีละคำจนหมด...เสร็จแล้วนางก็รวบผมไว้เช่นเดิม ชายหนุ่มแทบช็อคเม่อรู้ว่าเมยตนเองเป็นปิศาจ
เขารีบเข้าห้องนอนและห่มผ้าคลุมโปรงตั่วสั่นทันใด...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 เมษายน 2014, 15:35:23 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

wanchalearm147

  • แอบจิต
  • **
  • กระทู้: 18
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตำนานผีญี่ปุ่น Part5
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2014, 16:00:25 »