กำลังซื้อบ้านรีเทิร์นนายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น ศูนย์รับสร้างบ้านพีดี เฮ้าส์และเอคิวโฮม
เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนทั่วทุกภาคของประเทศให้ได้อย่างน้อย 30 แห่ง
จากปัจจุบันที่ยังไม่มีสาขาในบริเวณจังหวัดชายแดนเลย นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านด้วย"ธุรกิจรับสร้างบ้านบริเวณตะเข็บชายแดนนั้นเชื่อว่ามีโอกาสเติบโตสูงยิ่ง หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนใน
ปลายปี 2558 จะยิ่งทำให้การค้าชายแดนคึกคักมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยนั้นมีมากขึ้นตามไปด้วย" นายสิทธิพร กล่าว
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ 2,450 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรก มีรายได้รวมทั้งสิ้น 925 ล้านบาท
ถือว่าต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย แต่หลังจากการเมืองคลี่คลายทำให้ความต้องการสร้างบ้านฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว
ด้าน นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แนวโน้มและทิศทางตลาด
รวมรับสร้างบ้านในไตรมาส 3 คาดว่าจะฟื้นตัว หลังจากที่กำลังซื้ออั้นมานานหลายเดือนพิจารณาได้จากลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ
ใช้บริการในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.มียอดขายเติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับ4 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผน
จะเพิ่มสาขาอีก 9 แห่ง จากปัจจุบันมี 39 สาขา
นอกจากนี้ นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่
อาศัยหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถือว่าดีขึ้นมาก ทำให้การซื้อที่อยู่อาศัยกลับมาคึกคักอีกครั้ง สะท้อนได้จาก
ยอดขายไตรมาส 2 ขยับขึ้นมาเป็น800 ล้านบาท ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ จากความมั่นใจที่มากขึ้นบริษัทจึงพร้อมจะเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส3 พร้อมกัน 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า
2,300 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ปิ่นเกล้าสาย 5 มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท และโครงการบ้านฟ้าปิย
รมย์นีวา ลำลูกกามีมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายทั้งปีให้ถึงเป้าหมาย3,200 ล้านบาท