ผู้เขียน หัวข้อ: 5 เศรษฐี !! ที่จะทำให้หนังไซไฟเป็นจริง (อ่าน 1509 ครั้ง)

มอมอ๑๙๗๓

5 เศรษฐี !! ที่จะทำให้หนังไซไฟเป็นจริง

5. Dmitry Itskov ริเริ่มโครงการ ชีวิตอมตะ ด้วยการปลูกถ่ายสมองไปยังหุ่นยนต์ holographic robot

ชีวิตอมตะ เป็นเรื่องที่มนุษย์หลายๆ คนต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีฐานะระดับมหาเศรษฐีอย่าง Dmitry Itskov ชาวรัสเซียซึ่งมีอายุเพียง 32 ปี Dmitry Itskov ได้ริเริ่ม Project ชื่อ Global Future Congress ซึ่งเริ่มประชุมเป็นครั้งแรกที่ Moscow เมื่อปี 2012 และจะประชุมครั้งต่อไปที่ New York ในเดือนมิถุนายน 2013 จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่อยู่ในรูปแบบ hologram ที่เหมือนมนุษย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเชื่อว่าจะได้หุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปี 2045 holographic robot ที่พัฒนาขึ้นจะมีคุณสมบัติเหมือนมนุษย์มหัศจรรย์ ที่สามารถทนต่ออุณหภูมิ ความกดดัน รังสี และสภาพไร้อากาศ หุ่นยนต์เหล่านี้จะมีชีวิตเมื่อได้รับการปลูกถ่ายจิตสำนึก สติสัมปชัญญะ และการทำงานทั้งหมดของสมองมนุษย์ ซึ่ง Dmitry Itskov เชื่อว่าจะสามารถทำได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า

Dmitry Itskov บอกว่าโครงการนี้จะทำให้มนุษยชาติสามารถก้าวพ้นขีดจำกัดทางกายภาพและกลาย เป็นอมตะ ผู้ที่เข้าโครงการนี้จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะปลูกถ่ายสมองไปยังหุ่น ยนต์หรือไม่ โดย Dmitry Itskov จะเป็นคนแรกที่จะได้รับการปลูกถ่ายสมองไปที่หุ่นยนต์ holographic robot ในปี 2045 และกลายเป็นมนุษย์อมตะคนแรกของโลก
เหมือนนิยายวิทยาศาสตร์เลยนะครับ จะทำได้จริงมั้ยอีกไม่นานก็รู้ครับ

4. Clive Palmer จะสร้างจูราสสิคปาร์คของจริงแบบเดียวกับในหนัง คุณว่าน่าไปเที่ยวป่ะ?

จากรายงานของ Sunshine Coast Daily อ้างว่ามหาเศรษฐีชาวออสเตรเลียที่ชื่อว่า Clive Palmer คนเดียวกับผู้ที่อยากจะสร้างเรือไททานิกขึ้นมาอีกครั้ง กลับมาคราวนี้มีข่าวลืออีกครั้งว่าเค้ากำลังหาวิธีโคลนนิ่งไดโนเสาร์จาก DNA เพื่อที่จะสร้างพื้นที่แบบเดียวกับจูราสสิคปาร์คใน Coolum รีสอร์ตแห่งใหม่ของเค้าในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย โดย Palmer กำลังปรึกษาเรื่องนี้ในเชิงลึกกับทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการโคลนนิ่งแกะดอล ลี่เพื่อทำให้ความคิดของเขาเป็นจริงขึ้นมา

นอกจากนี้ในรีสอร์ตแห่งนี้จะมีจูราสสิคปาร์คแล้ว ยังจะมีชิงช้าสวรรค์ขนาดความสูง 20 ชั้นแบบเดียวกับ London Eye ทาง Palmer วางแผนที่จะดึงลูกค้าจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเป็นเป้าหมายหลัก และอาจจะรับสมัครพนักงานที่นั่นมาด้วย

3. ผู้ก่อตั้ง PayPal จะสร้าง รัฐนาวา ลอยน้ำออกจากฝั่งซาน ฟรานซิสโก

ถ้าคุณเคยชมภาพยนตร์ The Social Network มีอยู่ตอนหนึ่งที่ Sean Parker ชวน Mark Zuckerberg ไปเจอกับนักลงทุนคนหนึ่ง คนๆ นั้นก็คือผู้ก่อตั้ง PayPal และนักลงทุนชื่อดัง Peter Thiel? วันนี้ Peter กำลังจะสร้าง รัฐลอยน้ำ หรือ รัฐนาวา มันคืออะไรนะ?

Peter เป็นเศรษฐีในซิลิค่อนวัลเล่ย์ครับ ล่าสุดเขามีโครงการจะสร้างประเทศลอยน้ำขึ้นมา โดยลงเงินไป 1.25 ล้านเหรียญให้กับสถาบัน? Seasteading องค์กรที่ตั้งใจจะสร้างรัฐลอยน้ำให้ไหลไปตามน่านน้ำต่างๆ ทั่วโลก

รัฐนาวาในฝันของ Peter Thiel จะสร้างบนแพลตฟอร์มคล้ายๆ แท่นเจาะน้ำมัน และเป็นดินแดนที่มีกฏหมายและระบบระเบียบที่แตกต่าง และทางสถาบัน Seasteading ยังได้กล่าวว่าทางสถาบันจะหยิบยื่นเสรีภาพในการเลือก รัฐบาลที่คนต้องการ แทนที่จะต้องอยู่กับ รัฐบาลที่ได้

Peter Theil เรียกสิ่งที่? Seasteading กำลังสร้างนี้ว่า พรมแดนแบบเปิดสำหรับการทดลองความคิดใหม่สำหรับรัฐบาล (open frontier for experimenting with new ideas for government)

Thiel ได้ลงทุนในสถาบันนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2551 และกล่าวว่า? สิบปีจากนี้ไป ถ้ามองย้อนกลับมา พวกเราจะพบว่า Seasteading เป็นก้าวสำคัญของการให้กำลังใจในการพัฒนารัฐบาลที่มีประสิทธิภาพและเป็นจริง ได้ และเรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ธรรมชาติของรัฐบาลมันเกี่ยวกับการเปลี่ยนที่ระดับรากฐานเป็นสำคัญ

เศรษฐีหนุ่มกับเพื่อนร่วมงานของเขากล่าวว่ารัฐนาวานี้จะไม่มีสังคมสงเคราะห์ , ไม่มีหมายเลขบ้าน, ไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ, มีกฏเกี่ยวกับอาวุธนิดหน่อย
ทางสถาบันตั้งใจว่าจะให้มีประชากรถึง 10 ล้่านคนภายในปีพุทธศักราช 2593? และเบื้องต้นตอนนี้ทางสถาบันได้วางแผนด้านสถาปัตยกรรมให้สามารถเคลื่อนย้าย ได้? ขับเคลื่อนด้วยพลังงานดีเซล และมีเขตสำหรับที่พักอาศัย 270 หลังคาเรือน
แผนระยะยาวจะเป็นการสร้างรัฐนาวานับร้อยๆ แห่งและเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน

Patri Friedman อดีตวิศวกรจาก Google ซึ่งกำลังทำงานโครงการนี้อยู่ได้กล่าวว่า เขาตั้งใจที่จะเปิดตัวออฟฟิศลอยน้ำของเขาจากซาน ฟรานซิสโกปีหน้า พร้อมกับบอกว่าไอเดียใหญ่ๆ มักจะเริ่มมาจากไอเดียบ้าๆ และจะย้ายถิ่นฐานเต็มรูปแบบภายใน 7 ปี

2. สองมหาเศรษฐี กำลังทำให้การท่องเที่ยวอวกาศเป็นจริง!!!

คนแรกคือ เศรษฐีอเมริกัน Denis Tito วางแผนส่งมนุษย์อวกาศโคจรรอบดาวอังคารเป็นครั้งแรกซึ่งระยะเวลาเดินทางจะยาว นาน 501 วันหรือประมาณปีครึ่ง ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเตือนถึงความเสี่ยงที่มาจากสภาพการทำงานที่ยากลำบากและ อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการทดสอบในบรรยากาศคล้ายการเดินทางจริง

Denis Tito นักธุรกิจอดีตวิศวกรของ NASA กล่าวว่าต้องการริเริ่มโครงการนี้เพื่อเพิ่มพูนการเรียนรู้ของมนุษย์ และตั้งใจส่งมนุษย์อวกาศคู่สามี ภรรยาในการเดินทางครั้งนี้อีก 5 ปีข้างหน้าซึ่งจะประจวบกับการที่โลกและดาวอังคารโคจรเข้าใกล้กันที่จุดซึ่ง เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในหนึ่งชั่วอายุคนเท่านั้น
ทางด้าน Taber MacCallum ผู้เชี่ยวชาญอีกคคนหนึ่งกล่าวว่า นักบินอวกาศทั้งสองจะอยู่ใกล้กับรังสือันตรายต่างๆที่อยู่ในอวกาศและที่มา จากดวงอาทิตย์ นอกจากนั้นอุปกรณ์ยังชีพที่จะใช้ยังไม้ได้รับการทดสอบในสภาพที่เทียบได้กับ การใช้จริงในอวกาศที่ลึกขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม Taber MacCallum กล่าวว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนอเมริกันที่ต้องออกเสาะแสวงหา พัฒนาความรู้และค้นพบสิ่งใหม่

รายที่สองคือ บริษัท Orbital Technologies ของรัฐเซียเปิดเผยว่าโรงแรมอวกาศในวงโคจรรอบโลกแห่งแรกจะเริ่มเปิดบริการใน ปี ค.ศ 2016 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า โดยแบบแรกจะมีขนาดราว 20 ลูกบาศก์เมตร มีห้องพัก 4 ห้อง และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 7 คน

Orbital Technologies คือหนึ่งในสาขาของบริษัทพลังงาน RKK Energia ของทางการรัสเซีย ซึ่งเคยช่วยส่งนักท่องเที่ยวไปเยือนสถานีอวกาศระหว่างประเทศมาแล้ว คุณ Sergei Kostenko ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ Orbital Technologies ระบุว่าสถานีอวกาศแห่งใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลายจุดประสงค์ หลักๆคือใช้เป็นที่พักของนักท่องเที่ยวอวกาศ

คุณ Kostenko อธิบายว่าโรงแรมอวกาศดังกล่าวมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่าสถานีอวกาศ ระหว่างประเทศที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งห้องสุขาระบบสุญญากาศ ห้องอาบน้ำแบบใช้ฟองน้ำ อาหารที่รับประทานเป็นอาหารแบบที่ใช้ในอวกาศ ผู้บริหารของ Orbital Technologies ยังบอกด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของโรงแรมอวกาศคือ บรรดาเศรษฐีทั่วโลกและพนักงานบริษัทเอกชนผู้ทำงานวิจัยด้านอวกาศ

คุณ Sergei Kostenko เปิดเผยค่าบริการห้องพักของโรงแรมอวกาศนี้โดยระบุว่ามีค่าใช้จ่าย 2 ส่วน หนึ่งคือค่าเดินทางไปกับยานอากาศเพื่อไปยังโรงแรมอวกาศ ซึ่งในช่วงเริ่มแรกจะมีค่าใช้จ่ายราว 50-60 ล้านดอลล่าร์ ส่วนที่สองคือค่าห้องพักซึ่งตกราว 1 ล้านดอลล่าร์ต่อห้าคืน

หลังจากรัฐบาลสหรัฐยกเลิกโครงการยานอวกาศไป-กลับ ปัจจุบันรัสเซียคือประเทศเดียวที่ยังส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศระหว่าง ประเทศ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าแผนของบริษัท Orbital Technologies ที่จะเปิดบริการโรงแรมอวกาศภายในช่วง 5 ปีข้างหน้านั้นคงจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากรัสเซียยังขาดแคลนเงินทุนในส่วนนี้

1. Google ตั้งบริษัทสำรวจและทำเหมืองแร่นอกโลกแล้ว!

ผู้กำกับชื่อดังที่ท่านรู้จักกันดีอย่าง James Cameron ได้จับมือกับทางผู้บริหาร Google โดย Larry Page และ Eric Schmidt ก่อตั้งบริษัทใหม่ Planetary Resources กับภารกิจสุดท้าทายที่เหนือกว่าที่คิดไว้ คือสำรวจทรัพยากรและทำเหมืองแร่นอกโลก!!

บริษัทที่ตั้งขึ้นมานี้ ชื่อว่า Planetary Resources, Inc เป็นบริษัทที่จะทำการสำรวจแร่ต่างๆบนดาวเคราะห์น้อย (Asteroid) ที่โคจรอยู่ใกล้โลกเพื่อค้นหาวัตถุดิบนอกโลก ตั้งแต่น้ำไปจนถึงโลหะมีค่า และมีแผนที่จะสร้างอุตสาหกรรมนอกโลกโดยการทำเหมืองบนดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้น โดย Planetary มองว่า ดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้น อาจมี Platinum มากกว่าที่เราเคยทำการขุดมาตลอดในประวัติศาสตร์ของโลกก็ได้ ดังนั้นภารกิจคือให้ได้มาซึ่งโลหะมีค่าและแร่ต่างๆกลับมายังโลก ซึ่งทรัพยากรจะขาดแคลนลงไปเรื่อยๆ

ซึ่งภารกิจนี้จะต้องประกาศเปิดรับสมัครวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาร่วมงานด้วย ซึ่งตอนนี้มีประมาณ 20 กว่าคนแล้ว โดยทรัพยากรนอกโลกนี้อาจจะสามารถเพิ่ม GDP ให้กับโลกมากเป็นพันเป็นหมื่นล้านดอลล่าห์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว และจะทำให้สินค้า บนโลกมีราคาถูกลงได้ โดยสิ่งที่ผลิตได้จากแร่ต่างๆบนดาวเคราะห์น้อยนี้ก็สามารถนำมาทำพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา และจอแสดงผลสำหรับโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ได้ด้วย

แต่ก็ต้องลุ้นกันต่อไป เพราะอุปสรรคของโครงการนี้คือค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงมาก จาก ที่องค์การนาซา คาดการณ์ไว้ว่า การลงทุนในลักษณะนี้ต้องใช้เงินมากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในงบจริงๆอาจต้องใช้งบประมาณมากกว่าที่คาดนี้

น่าจับตากันว่า หรือสิ่งที่เราได้เห็นในภาพยนต์ Avatar จะเป็นจริงในไม่ช้า? มนุษย์เราจะเริ่มออกไปเสาะแสวงหาแหล่งทรัพยากรนอกโลกเพื่อมาชดเชยกับทรัพยากรในโลกของเราที่เริ่มจะขาดแคลนขึ้นทุกวัน?

Credit : http://www.siamboard.net/2013/09/5_8524.html

อึ้งป่ะหละ