-->

ผู้เขียน หัวข้อ: สกู๊ปก่อนจาก :: คำสารภาพของคนกลางคืน ในแง่มุมที่ใครๆอาจไม่เคยรู้  (อ่าน 8097 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป


น้องๆที่มาทำงานเกะหรือออน. ทุกคนต่างมีปัญหากันทั้งนั้น หนักบ้าง กำลังอยู่ในระหว่างการเก็บเงินบ้าง หรือบางคนกำลังเดินสู่ชีวิตกลางวัน

สาเหตุส่วนใหญ่อันดับแรกคือเรื่องครอบครัว เรื่องเงิน...ที่ทำให้น้องเข้ามาทำงานตรงจุดนี้

หลากหลายเรื่องราว พรั่งพรูออกจากปากน้องๆคนแล้วคนเล่า แต่นั่นก็เป็นเพียงแง่มุมที่เรารู้เห็น รับฟังได้โดยทั่วไป

เป็นเหมือนการตั้งหัวข้อสนทนายามเช้าที่สภากาแฟปากซอย เหมือนที่เราเดินเข้าห้องไปทักทายน้องๆ

ว่า"ชื่ออะไร อายุเท่าไร ทำมานานหรือยัง บ้านอยู่ที่ไหน"

ทำนองเดียวกัน น้องจะถามว่า "มาบ่อยมั้ยคะ ไปที่ไหนมาก่อนหน้านี้ พี่ทำงานอะไร"

ผมขอข้ามไปนะครับ กับเรื่องราวอันเป็นโศกนาฏกรรมชีวิตเหล่านั้น ซึ่งโดยมากแล้ว ผมไม่เคยคิดอยากถามอะไรที่เป็นส่วนตัวมากๆ นอกเสีย

จากว่าคนๆนั้น ผมรู้สึกสนิทสนมและรู้สึกดีเป็นพิเศษด้วยจริงๆเท่านั้น

 "คนเหงาย่อมเข้าใจในคนเหงา เมื่อสายตาเศร้าๆส่งมาทักทายกัน"

เป็นเพียงบทเพลงที่อาจลงตัวกับชีวิตรักใหม่ของใครสักคนเท่านั้น กับคนโสดที่กำลังมองหาที่พักพิงใจต่อใครสักคนที่ทำงานยามค่ำคืนแบบนี้

เมื่อโสดเสียใจอยู่บ้านมันเหงา หันไปหาเหล้าดีกว่า เสียงเพลงทำให้อารมณ์ของชายโสดมันถลำเข้าสู่ห้วงลึกของการดื่มด่ำ เสพเข้าไป

เพื่อให้ลืมใครคนนั้น หรือบางทีดื่มเพื่อให้ความเมามายพาตัวเองเข้าสู่การหลับนอน ที่ไม่ต้องคิดอะไร ให้เปลืองเซลล์สมอง

หากเมื่อคุณพบใครสักคนที่เดินบนถนนสายนี้ มันไม่ผิดหรอกครับ ที่จะตกหลุมรักเอาง่ายๆ

ถ้าถามน้องๆว่า "มีแฟนมั้ย" คำตอบที่มักได้รับคือ "ยังไม่มีค่ะ ถ้ามีแฟนๆคงไม่ยอมให้มาทำงานแบบนี้"

หรือไม่ก็ "ไม่มีแฟนที่ไหนยอมรับได้หรอกค่ะ" "เลิกกันไปแล้วค่ะ" นานาคำตอบที่สรรหามาบอกกัน

คงน้อยคนนักที่กล้าบอกออกมาตรงๆ ว่ามีแฟนแล้ว มันเหมือนทุบหม้อข้าวตัวเอง และดับความหวังของนักเที่ยวคนนั้นอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง

เพราะคนที่เลือกเค้าย่อมหมายถึง ที่มาของรายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งของทางบ้านและของส่วนตัวเค้าเอง

บางทีอาจครอบคลุมไปถึงคนที่อยู่ข้างๆเค้า นอนรอเค้าอยู่ในห้องพัก

"ดูช้างดูที่หาง ดูนางดูที่แม่ ดูให้แดงแจ๋ต้องดูที่อพาร์ทเมนท์" หรือไม่ก้อตอนเค้าจะกลับบ้านก้อได้ครับว่าใครเป็นคนมารับ

ถ้าไม่กลับเองหรือกลับกับเพื่อนผู้หญิง คนที่มารับนี่ไม่ใช่น้าหรือพี่ชายแน่นอน ไหนๆก้อไหนๆ จะจีบนี่ต้องรู้เค้ารู้เราครับ

ไม่อย่างนั้น เสียเวลา เสียเงิน และเสียใจกันเลย และพกพาเอาความรู้สึกแย่ๆกะคนที่ทำงานกลางคืนแบบนี้ไปเลย


ค่ำคืนที่ผ่านมา..หลังจากดื่มมาเป็นเวลาแรมเดือน ชนิดแบบว่าไปเกะทุกคืน ผมสนิทกับน้องๆหลายๆคน เค้าก้อจริงใจกับผมกันแทบทุกคน

(ยกเว้นปิ่นโต ที่มีส่วนได้เสีย) อิอิ..เค้าบอกว่าไงรู้ไหมครับ น้องๆที่ทำงานน่ะต้องทำงานหารายได้เลี้ยงปากท้อง ของตัวเอง

การที่จะบอกลูกค้าไปว่าไม่มีแฟนน่ะ เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อที่มาของรายได้ แต่ละคนอยู่ได้ด้วยลูกค้าประจำ ในเศรษฐกิจแบบนี้

ไม่ค่อยมีลูกค้าขาจรเท่าไร ถึงมีก็ต้องแข่งกับเพื่อนๆทั้งทำงานที่เดียวกัน หรือที่อื่นๆ ในเมื่อการโกหกมันกลายเป็นสิ่งที่จำเป็น

มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ทุกคนจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด ทั้งๆที่ลูกค้าไม่ว่าจะประเภทไหนมาถามก็ต้องตอบไปแบบนั้น

รวมถึงคนที่คิดจะจริงจังด้วย อันนี้น้องเค้าบอกต่อมาว่า คนที่ทำงานแบบนี้ส่วนมาก ถึงมากที่สุดมีแฟนอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหวังว่าความ

สัมพันธ์มันจะยืดยาวขนาดไหน เมื่อรุกเข้าจริงๆ ความจริงทุกอย่างจะถูกคลี่คลายออกมา ทุกอย่างจะจบลงเมื่อถึงจุดนั้น

ในสายตาและความเห็นของน้องๆ เค้าจะมองเราเป็นลูกค้า และคนที่มาติดพันเท่านั้น จะให้ใจ จะจ่ายจะซื้ออะไรให้

เค้าไม่มองลึกไปกว่านั้นหรอกครับ ถึงถ้าคุณจะโชคดีคบกันเป็นแฟนได้

แต่มีแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ครับ ที่ปลายทางสมหวังอยู่กันตลอดรอดฝั่งจนเป็นครอบครัวได้ ใครอยู่ในเคสนี้ขอให้รักกันยืนยาวครับผม  :)

ที่พักนี่เค้าคงไม่ให้ใครมานอนด้วยง่ายๆ


nong

  • บุคคลทั่วไป

อ้างถึง
แต่มีแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ครับ ที่ปลายทางสมหวังอยู่กันตลอดรอดฝั่งจนเป็นครอบครัวได้ ใครอยู่ในเคสนี้ขอให้รักกันยืนยาวครับผม 

มันก็ไม่แน่เสมอ เพราะว่าในชีวิตไม่ได้มีสองคน จะมีอีพวกปากหอย ปากปูมา

มันก็จะต่อด้วยว่า เมีย มึง เคย เสร็จ กู มา แล้ว

จะเจอแบบนี้ก็เสียรมณ์เลยนะคับ

หรือไม่ก็ มัน เอา มึง เพราะ โง่ หลอก ง่าย งัย

ถ้าไม่มีคนจำพวกนี้คงไปถึงจุดนั้นได้ แต่ถ้ามีคนพวกนี้ อาจทำให้ครอบครัว แตกได้คับ

don

  • บุคคลทั่วไป

สวัสดีท่าน joneo ผมติดตามผลงานของท่านรู้สึกว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจเป็นอย่างมากบทความดีๆทั้งนั้น ;D ;D ผมว่าคงมีใครหลายๆคนที่ไม่มีโอกาสได้อ่านมันน่าเสียดายมากๆๆๆๆๆๆๆ :'(  ก่อนจะไปท่านทำอะไรเป็นที่ระลึกกันใหม อิอิ  >:D >:D

Nobody

  • บุคคลทั่วไป

ขอบพระคุณพี่ JuNeO มาก ๆ สำหรับบทความดี ๆ อีกบทหนึ่งครับพี่ ^-^
(ผมก็ติดตามผลงานดีของพี่เขาเหมียนกัลลลครับพี่ don อิอิ)  O0

Wunsen

  • บุคคลทั่วไป

ผมจะจำบทความที่พี่ Juneo อุตส่าห์ทำให้พวกเราได้อ่านไว้ครับ เสียดายได้รู้จักพี่ชายคนนี้ได้นิดเดียวเอง พี่ก็จะไปแล้ว ก่อนไปพี่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนา รักษาสุขภาพด้วย

untraviolet

  • บุคคลทั่วไป

 :) รักพี่ชาย คนนี้ มากๆครับขอบคุณพี่ชายสำหรับประสบการณืต่างๆที่ผ่านมาร่วมกันถึงแม้เวลาจะแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นแต่ผมก็....สุดใจครับ ซึ้ง :'(

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป


ไม่รู้ว่าจะขอย้ายกระทู้นี้ไปเก็บเอาไว้ที่ไหนดี... :-\

เพราะสักวันมันคงต้องตกไปอยู่ที่หน้าท้ายๆ ซึ่งคงไม่มีใครกลับไปย้อนดูกระทู้เก่าๆกันเท่าไรนัก

ผมเป็นโสดตั้งแต่วันที่ 7 มีค.50ก่อนวันเกิดแค่ 3 วัน เมื่อใครสักคนก้าวเดินออกจากชีวิตไป หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึง 8 ปี

ซึ่งประเด็นของกระทู้นี้ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องราวชีวิตที่เป็นเพียงแค่ความทรงจำสี จาง จาง ของผมกับอดีตภรรยา ที่เลิกรากันไป

แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องราวแบบ reality life show ของผมกับน้องๆคาราโอเกะที่ผมได้รู้จักมาในช่วงเวลาสองเดือนกว่าๆ

เพียงแค่เอาตัวเองวิ่งตามหาความรู้สึกดี ดีและใครสักคน เพื่อจะมาทดแทน-เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป

                         -------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ คิดจะเอาใครเข้ามาในชีวิตที่มันเพิ่งจะล้มเหลวไป  แต่ด้วยเหล้าและวิถีแห่งความเหงานำพาให้เราต่างได้รู้จักกัน

ผมก้าวเข้าสู่โลกของคนกลางคืนอย่างเต็มตัว เมื่อพบว่าคาราโอเกะ เป็นสถานที่ที่ผมก้าวเข้าออกแทบทุกวันเสมือนว่าเป็นบ้านของตัวเอง

เส้นแบ่งเขตระหว่างโลกของคนกลางวันและกลางคืนที่ผมได้ก้าวข้ามผ่านมานั้น ทำให้จิตใจของผมค่อยดีขึ้นมาบ้าง ความเหงาถูกทดแทนด้วย

เสียงเจื้อยแจ้วของน้องๆยามที่เราอยู่ด้วยกันในร้านคาราโอเกะ ตามต่อมาด้วยการแลกเบอร์มือถือ การโทรหากันทุกวันมันทำให้รู้สึกว่าตัวเรายัง

พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง ในการที่จะเริ่มต้นผูกพันกันต่อไป แม้จะรู้ว่าน้องเค้าทำงานอะไรแต่นั่นมันไม่ใช่ใจความสำคัญที่คนโสดอย่างผมจะไป

มองถึงจุดที่มันลึกลงไปกว่านั้น  ในเมื่อความคาดหวังไม่ได้อยู่ที่ตัวหรือร่างกายของเค้าแต่หากเป็นที่ใจมากกว่าที่ผมต้องการจะได้มา......


บ่อยครั้งที่ข้อความใน Message ถูกส่งมา มันทำให้หัวใจของคนโสดพองโต หลายครั้งที่ยิ้มให้กับข้อความเหล่านั้นก่อนที่สติจะดับวูบลงไป

ด้วยความเมามายและหลับไหลจากการดื่มที่ผ่านมา เราเริ่มรู้จักกันมากกว่าการเป็นพนักงานและลูกค้า การพบกันข้างนอกมันช่างเหมือนว่าผม

ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ระดับของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมันได้งอกงามขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตส่วนตัวและชีวิตครอบ

ครัวต่างถูกถ่ายทอดให้อีกฝ่ายได้รับฟัง บางครั้งผมได้เข้าไปมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาบางอย่างให้มันดีขึ้น น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม ริม

ฝีปากน้อยๆที่น่าจุมพิตนั้นสั่นเครือ.. เสียงสะอื้นกับปัญหาที่เราได้รับรู้ว่ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่การโกหกตอแหล มันช่างทำให้ผมรู้สึกสะเทือน

ใจเหมือนว่าเป็นปัญหาของเราด้วย ผมเอาตัวเข้าไปอยู่ในปัญหานั้นไปจนถึงครอบครัวของเค้า รู้จักคนในครอบครัว ครั้งนึงที่ได้บอกความในใจ

ให้แม่ของน้องเค้าได้รับรู้ว่าผมคิดอย่างไร การฝากฝังให้ดูแลน้องทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาอีกขั้นนึง มันทำให้เราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวรู้ว่าการที่

ผู้ใหญ่พูดออกมาแบบนั้น มันเป็นนัยยะบ่งบอกอะไร ได้สักอย่าง ที่ทำให้เราได้มีความหวังในขั้นต่อไป

                             ------------------------------------------------------------------------------------------------

ความสัมพันธ์เราเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนมาวันหนึ่งที่ผมรู้ลิมิตว่าผมจะต้องไป...ไกลมาก ผมได้ให้ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า ซึ่งผมคิดว่าผมคง

ไม่ได้อยู่และมอบมันให้น้องด้วยตัวเอง ผมได้บรรจงสวมใส่สร้อยเส้นนั้นให้น้อง ในขณะที่น้องได้รวบเส้นผมงามนั้นเอาไว้ที่ท้ายทอย...........

ภาพความทรงจำเก่าๆ ได้ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง หากแต่มันต่างกันด้วย สถานที่ เวลา และผุ้คนที่อยุ่รอบข้าง ผมเคยทำแบบนี้มาสองครั้งแล้ว

ครั้งแรกกับผู้หญิงที่ปัจจุบันมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น ใช่..ผมแอบยินดีให้เธอคนนั้นเสมอ ครั้งที่สองกับคนที่เพิ่งเลิกรากันไปซึ่งผมรักมาก รักจน

หมดใจ จนคิดว่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้วตราบที่ยังมีลมหายใจ แต่เมื่อเธอเดินจากไปหาใครคนอื่น มันคงไม่ผิดนักที่ผมจะสวมสร้อยเส้นนี้ให้

กับผู้หญิงที่นั่งหันหลังให้ผมในตอนนี้ ตะขอสร้อยถูกกดให้ชิดสนิทกัน น้องหันกลับมาไหว้ขอบคุณที่ตรงอก ภาพใบหน้าของผู้หญิงสองคนมา

ลอยซ้อนกับใบหน้าของน้อง ให้ตาย..ผมจะต้องทำแบบนี้อีกสักกี่ครั้งกันในชีวิต !!! คืนนั้น ผมดื่มอย่างมีความสุขเราร้องเพลงด้วยกัน หลายต่อ

หลายเพลง บทเพลงสากลที่น้องร้องได้อย่างไพเราะ แอบปลื้มว่าต่อไปผมคงได้พึ่งพาน้องให้ช่วยในธุรกิจที่ผมต้องติดต่อระหว่างประเทศได้

อย่างไม่ยากเย็นนัก น้องใกล้เปิดเทอมแล้ว.. เลือกเรียนเมนภาษาตามที่น้องชอบ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นผมคงได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเล่าเรียนได้

ไม่ให้น้องต้องลำบากกู้ยืมกับกองทุน น้องบอกว่าคงทำงาน Part time โดยไม่อยากรบกวนผมเท่าไร ซึ่งก็คงไม่กระทบกับการเรียนเท่าไรนัก

หากทำงานแค่ ศ.ส.อา. ผมเองก็ค่อนข้างจะเห็นดีด้วย แม้ว่าใจจริงไม่อยากให้น้องทำงานคาราโอเกะ อีกต่อไป แต่นั่นผมต้องรู้จักน้องให้

มากกว่านี้ จึงจะสามารถรับผิดชอบทุกอย่างเกี่ยวกับตัวน้องและทางบ้าน โดยที่น้องไม่ต้องดิ้นรนมาทำงานที่เปลือง...แบบนี้อีก เพราะผมคิดว่า

หากจะมีความสัมพันธ์ไปถึงจุดดังกล่าว ระหว่างเราต้องใช้เวลาศึกษากันอีกสักพัก แต่เวลาของผมนี่สิมันเหลือไม่มาก...

บทเพลงหลายบทเพลงที่เราร้องแล้วหันมาสบตาซึ้งแทนคำพูด มีอยู่บทเพลงนึงทำเอาผมสะดุด น้องร้องเพลงนี้สามครั้งแล้วตั้งแต่เราคบกัน

ใจมันหายอย่างบอกไม่ถูก My heart will go on เพลงประกอปภาพยนต์ดัง Titanic ผมมีอดีตตลกร้ายที่ขำไม่ออกเกี่ยวกับบทเพลงนี้ ครั้งแรก

ผมดูหนังเรื่องนี้กับภรรยาคนแรก เราเลิกกันในอีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมา กับภรรยาคนที่สองเราดูหนังที่รถทัวร์เอามาฉายให้ผู้โดยสารเพลิดเพลิน

แต่ผมพูดเล่นกับแฟนว่าอย่าไปดูเลย เดี๋ยวได้เลิกกัน แฟนยังบอกว่าไม่เกี่ยวกันหนังส่วนหนังมันไม่ซ้ำรอยเก่าหรอก ผมหัวเราะแค่นๆก่อนเบือน

หน้าออกไปดูแสงนีออนที่รถทัวร์ขับผ่านไป ในใจคิดหวั่นๆ แต่มันก็เป็นจริงอีกไม่กี่อาทิตย์ถัดมาเราเลิกกัน อะไรมันจะจองเวรกับผมไปตลอดวะ

ครั้งนี้น้องถึงกับร้องเพลงเองด้วยซ้ำ อุตส่าห์ขอแล้วนะว่าให้ skip ไปเพลงอื่น เหมือนจะแกล้งกัน น้องร้องไปยิ้มให้ผมไป....

                                       ---------------------------------------------------------------------------------------------

คืนนั้นหลังจากร่ำลาน้องเมื่อตอนตีสอง ผมเดินไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อไปร้องเพลงต่อกับ*น้องสาว(ย้ำ)ที่อีกร้านนึง ปาป้าร้านที่น้องทำงานโทรมา

ถามว่าพี่ไปไหน ผมบอกว่าผมมาจัดการกับเหล้าที่ผมฝากไว้เท่านั้น  ผมโทรกลับไปหาน้องในเช้าวันนั้นนั่นเอง เราทะเลาะกันทางโทรศัพท์

ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องบางอย่าง ที่มันทำให้ผมต้องกลับมายืนอยู่ตรงหน้าร้านที่น้องทำงานตอนประมาณสองทุ่มของวันเดียวกัน แต่มากับเพื่อนใน

บอร์ดอีกคนนึง น้องนั่งรอผมอยู่ก่อนแล้วเราคุยกัน เคลียร์กัน โดยผมแทบจะไม่ได้เทคแคร์เพื่อนใหม่ที่มาเที่ยวด้วยกันเลย ผมมองตาของน้อง ที่

ดูเหมือนจะไม่ได้นอนเลย ใต้ตาบวมเหมือนพึ่งร้องให้มาใหม่ๆ แววตาดูเศร้าเหมือนมีอะไรครุ่นคิดอยู่ภายในใจ วันนี้น้องไม่ร่าเริงแบบที่เคย แต่ยัง

คงมีรอยยิ้มให้ผมเสมอ แก้วเหล้าแบบสั้นๆ ถูกร้องขอจากเด็กเสริฟ ผมแปลกใจมาก จากที่คบกันมา มากที่สุดน้องจะดื่มแบบ บางๆผสมน้ำตาม

ที่น้องชอบ วันนี้หลายต่อหลายแก้วที่น้องดื่มเพียวๆ บอกว่าอยากเมาเพื่อเลี้ยงส่งผมที่ต้องจากน้องไปไกลแสนไกล น้องเมามากจนกระทั่งผม

ต้องประคองเข้าห้องน้ำ วันนี้ผมดื่มแบบมีความสุขอีกครั้ง แม้จะระแคะระคายหรือสงสัยอะไรบางอย่าง  แต่ไม่อยากให้น้องเสียความตั้งใจที่จะ

ดื่มเป็นการเลี้ยงส่งผม น้องเมาแบบน่ารักทำให้ทุกคนในห้องพลอยสนุกไปด้วย ท่าทางเปิ่นๆที่น้องทำออกมาเพื่อกลบเกลื่อนและเก็บซ่อนความ

รู้สึกอะไรบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้หลุดรอดจากสายตาและความกังวลของผมเลย หน้าปัดของมือถือบอกเวลาว่ามันล่วงมาถึงเวลาที่น้องต้องกลับ

แล้ว ผมประคองน้องลงมาที่ชั้นล่าง น้องทิ้งตัวลงโซฟาอย่างแรง ทำให้อดห่วงไม่ได้ ว่าจะกลับไหวไหม ถามน้องว่าวันนี้ใครมารับ น้องบอกว่า

แม่มารับผมค่อยโล่งใจหน่อย คงจะค่อยๆกลับกัน และอีกอย่างผมมากับเพื่อนอีกคนที่ต้องไปเที่ยวกันต่อ ผมบอกปาป้าให้ดูแลน้องด้วย ผมดื่ม

ได้ไม่มากนักที่ร้านเกะอีกร้านนึง แม้จะมีน้องสาวที่น่ารักคนนึงเอาอกเอาใจนั่งดื่มเป็นเพื่อน มือที่ถือแก้วเหล้าเริ่มช้าลงตามลำดับ ในขณะที่ในใจ

เต้นแรงคิดเป็นห่วงคนที่เรารัก ผมเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้งด้วยกาแฟเพื่อที่ก่อนนอนผมจะได้โทรหาน้องเค้าก่อน เมื่อผมกลับถึงบ้านวันนี้ผมไม่

ทันได้อาบน้ำผมรีบโทรหาน้อง แต่คนที่รับสายเป็นอีกคนซึ่งไม่ใช่น้อง ซึ่งผมรู้จักคนๆนี้ดี เราเคยคุยกันแล้วครั้งนึง คนที่ทำให้น้องเจ็บปวด คน

ที่ทำให้น้องมีบาดแผลในใจ และแผลที่ปรากฎตามตัว ผมได้เห็นตอนเรานัดเดทกันครั้งแรกตอนกลางวัน เค้ากำลังเลิกกัน เพราะฝ่ายที่ทำให้

น้องเจ็บกำลังมีใหม่ ผมถูกเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างไม่เต็มใจนัก เรานั่งดื่มนั่งทานอาหารกันโดยมีโทรศัพท์เข้ามาทุกๆ ห้านาที

ในที่สุดน้องได้บอกไปว่าน้องมีอะไรกับผมแล้ว.. ผมสะดุ้งเพราะผมยังไม่ได้มีอะไรกับน้องเลย ผมกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองอะไรสักอย่าง

ในตอนนั้น ผมได้รับรู้ในอีกวันสองวันถัดมาว่าเค้าเลิกกันแล้ว น้องเริ่มโทรหาผมถี่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น ให้ผมไปหาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน...

ตัดมาที่ปลายสายของอีกฝ่าย ผมถามไปตรงๆว่ากลับมาคบกันเมื่อไรแล้ว คำตอบที่ได้คือแค่สองสามวันที่ผ่านมานั่นเอง ผมเงียบไปเพราะ

กำลังเรียงลำดับเหตุการณ์ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่มีพิรุธใดๆนอกจากการที่น้องเงียบไป ไม่ค่อยโทรมาหาเหมือนแต่ก่อน ซึ่งผมเองก็เข้าใจว่าน้อง

คงนอนพักผ่อน หรือไม่ก็มีปัญหาทางบ้านแต่เราเจอกันที่ร้าน น้องก็ปกติดี ถามว่าโทรไปแล้วทำไมไม่รับบอกว่าเพลีย ง่วงนอน ไม่สบาย ลืมมือ

ถือไว้ที่บ้าน ออกไปทานข้าวกับแม่เป็นคำตอบที่ผมได้รับ ซึ่งตอนนี้ภาพเหตุการณืมันถูกปะติดปะต่อกันออกมาแบบจิ๊กซอว์ ผมถามปลายสาย

นั้นขอคุยกับน้องอีกครั้ง เสียงอู้อี้ลอดมาตามสาย ผมคิดว่าตอนนี้คงอยู่ด้วยกันที่ไหนสักแห่ง ผมถามไปว่าน้องจะเลือกใคร รักใคร น้องให้คำตอบ

ที่ผมรู้แก่ใจว่าเลือกคนที่ไม่ใช่ผม ผมรู้สึกเฉยๆ เสียใจน่ะแน่นอนธรรมดา แต่เสียความรู้สึกมันมีมากกว่าหลายเท่าตัวนัก ผมกดวางหูลง แล้ว

พยามข่มตานอน ผมลบข้อความที่น้องส่งมาออกจนหมด รวมถึงรูปของน้องที่ผมถ่ายตอนเราไปชอปปิ้งที่เซ็นทรัลด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นผม

ลบออกมาแล้วหลายคน เพื่อรักษาน้ำใจน้องที่คอยเช็ครูปและข้อความส่วนตัวของผมตลอดเวลาที่ผมไปเที่ยว รูปที่เหลือถูกนำมาเป็น Screen

server อีกครั้งเป็นรูปของแฟนคนที่สองที่เลิกกันไป รอยยิ้มที่เห็นเหมือนยิ้มเยาะอยู่ในที ผมยิ้มให้รูปแฟนก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

                       -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

มีเพียง misscalled จากน้องแค่ 1 ครั้งหลังจากวันนั้น ในขณะที่ผมส่ง sms หาน้องเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานภาพของผมกับน้อง ให้เราต่างยังมี

ความความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน  แม้ว่าที่ผ่านมาผมรู้ตัวว่าผมสูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง แต่ผมทำใจได้ ทำไมล่ะ กับแค่สองเดือนมันคงไม่ยาก

หากจะเอามาเทียบกับแปดปีที่ผลสุดท้ายไม่หลงเหลืออะไรอีกต่อไป คำว่า"พี่ชาย"ถูกนำขึ้นมาใช้ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป มันเป็นสิ่งที่

ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้ ก่อนที่ผมจะต้องไป...ผมมอบความเป็นพี่ชายให้กับน้องๆที่ผมรู้จัก อีกหลายคน ที่ผมรู้สึกเป็นห่วงใย แต่ไม่

เคยคิดว่าจะต้องรวมถึงคนที่ผมคิดจริงจังด้วยคนนี้ รูปเพียงหนึ่งใบ กับสเวตเตอร์ที่น้องลืมเอาไว้ในรถแล้วผมถือวิสาสะไม่คืน ซึ่งผมใช้เป็น

เพื่อนกอดนอนในช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาผมคงจะนำติดตัวไปด้วย เพื่อที่จะระลึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะจากบ้านไปไกล......

มันอาจดูด้อยค่าหากเทียบกับสิ่งที่ผมพยามจะหยิบยื่นให้กับน้อง ซึ่งน้องยังเด็กนัก คงไม่อาจที่จะเข้าใจความรู้สึกบางอย่างหรือคุณค่าอะไร

สักอย่างที่ใครหลายคนต่างไขว่คว้าอยากได้มาซึ่งความหมายของคำว่า "รักแท้" ผมเองได้เอ่ยถึงน้องในแง่ที่ดี ให้กับคนทางบ้านรับรู้

และเตรียมพาน้องเข้าบ้านก่อนที่ผมจะไป...หรือตัดสินใจ ทำอะไร แต่มันสายไป

                                     -----------------------------------------------------------------------------------------

           ได้รับรู้มาว่ามีน้องบางคนแอบเฝ้ามองผมแบบเงียบๆ...ก็อย่างว่า คนที่เรารักมักไม่สมหวัง ส่วนคนที่รักเรา เรากลับมองข้ามเค้าไป ถึง

ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ทันสักอย่าง ด้วยเวลาที่จำกัด และด้วยความรู้สึกที่ละอายตัวเอง ที่ผิดหวังจากอีกคนแล้วมาเริ่มกับอีกคน คงต้องให้เวลามัน

เป็นตัวช่วยเยียวยาอีกครั้ง การจากไปไกลมันคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงต่อการรักษาซึ่งสัมพันธภาพ ระหว่างคนสองคนให้คงอยู่ แม้คนที่อยู่

ด้วยกัน นอนด้วยกันนานนับเกือบสิบปี ยังมีวันเลิกรา นับประสาอะไรกับคนที่ต้องเจอะเจอผู้คนมากมายในยามค่ำคืนเค้าจะไม่หวั่นไหว ผมให้ได้

ทุกอย่าง แต่สิ่งที่อยู่ในใจตอนนี้คืออยากเห็นน้องที่ผมรัก และน้องสาวหลายๆคนที่ผมเคยรู้จัก ได้มีวันที่จะพบรักแท้และรู้จักรักตอบยามเมื่อมีคน

มอบความรัก และความจริงใจให้ ซึ่งผมคิดว่ามันคงเกิดขึ้นได้ยาก บนเส้นทางเดินของคนกลางคืน ที่ความต้องการ ความรู้สึกที่ดีๆและงดงาม

เช่นนี้ มันจะมาบรรจบกัน...แม้มันเฉียดใกล้ความเป็นจริงที่อยู่แค่มือเอื้อมถึง มันเป็นเหมือนเส้นขนานที่คอยสวนทางกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง

แค่เก็บเอาความรู้สึกที่ดีและสวยงามนั้นเอาไว้ แม้ว่าอาจเป็นเราหรือเค้าที่ต้องเสียใจ ความทรงจำที่ดีเท่านั้น ที่เราควรเก็บเอาไว้ครับ...

                                      ---------------------------------------------------------------------------------












Wunsen

  • บุคคลทั่วไป

 :'( ผมอ่านแล้วซึ้งพูดไม่ออกเลย

Nobody

  • บุคคลทั่วไป

skim แบบบทความพี่ JuNeO แบบผ่าน ๆ
น่าสนใจมากครับ

เดี๋ยวออกไปกินข้าวแล้ว จะกลับมานั่งอ่านต่อฮับป๋ม ;D

lovely

  • บุคคลทั่วไป

""""" หลายคนคงเคยดูหนังเรื่อง เฉิ่ม มาบ้างละที่นุ่น วรนุชแสดงเป็นสาว ออน.และหม่ำ แสดงเป็นคนขับรถแท๊กซี่น่ะก้อเข้าใจผู้หญิงที่ทำงานแบบนี้ดีว่าเธอเจอเรื่องราวและที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ขอให้กำลังใจเธอและหวังว่ากำลังใจของเราคงจะมีแถมให้บ้าง.....งิงิ..

doogdic

  • บุคคลทั่วไป

Good experience  ;) ;) หวังว่าคงได้ข้อคิดดีๆ อย่างนี้อีก

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป


เรียบเรียง และถ่ายทอดจากเรื่องราวส่วนตัวจริงๆครับ เพียงแค่อยากให้ใครที่ได้แวะเวียนเข้ามาอ่านนั้น

จะได้คอยสังเกตความเป็นไป หรือสิ่งบอกเหตุถึงการเปลี่ยนแปลง ระหว่างความใกล้ชิด-ความสัมพันธ์ระหว่างน้องๆกับเราๆเอาไว้บ้าง

แม้เรื่องราวที่ได้ผ่านสายตา มันอาจจะยังไม่เกิดขึ้นกับตัวคุณเองในวันนี้ก้อตามที  :-\

จะถอยเท้าออกมาสักก้าว คงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หากว่าตอนจบเราจะได้ไม่เจ็บมากยังไงละครับ

ไม่ใช่อยากให้บอร์ดหมดสนุก หรือเรียกเรทติ้งตัวเอง-กระทู้ให้ใครมาสนใจ

มันไม่จำเป็น-ไร้สาระที่ต้องเอาเรื่องส่วนตัวมาให้สาธารณรับรู้ ทั้งที่ใครอาจมองว่าเราโง่เอง (ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก)

The show must go on เที่ยวกันให้สนุกครับ ผมเองก้อคงจะเที่ยว-ดื่มให้คลายเหงาเท่านั้นจากนี้ไป  ;)


zente

  • บุคคลทั่วไป

ขยันพิมจังครับ :)

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป

ขยันพิมจังครับ :)

ไม่มีอะไรทำครับ นั่งเกาไข่จนแดงไปหมดแล้ว 5555  ;D


Nobody

  • บุคคลทั่วไป

ไม่รู้ว่าจะขอย้ายกระทู้นี้ไปเก็บเอาไว้ที่ไหนดี... :-\
เพราะสักวันมันคงต้องตกไปอยู่ที่หน้าท้ายๆ ซึ่งคงไม่มีใครกลับไปย้อนดูกระทู้เก่าๆกันเท่าไรนัก
ผมเป็นโสดตั้งแต่วันที่ 7 มีค.50ก่อนวันเกิดแค่ 3 วัน เมื่อใครสักคนก้าวเดินออกจากชีวิตไป หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึง 8 ปี
ซึ่งประเด็นของกระทู้นี้ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องราวชีวิตที่เป็นเพียงแค่ความทรงจำสี จาง จาง ของผมกับอดีตภรรยา ที่เลิกรากันไป
แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องราวแบบ reality life show ของผมกับน้องๆคาราโอเกะที่ผมได้รู้จักมาในช่วงเวลาสองเดือนกว่าๆ
เพียงแค่เอาตัวเองวิ่งตามหาความรู้สึกดี ดีและใครสักคน เพื่อจะมาทดแทน-เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป

                         -------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ คิดจะเอาใครเข้ามาในชีวิตที่มันเพิ่งจะล้มเหลวไป  แต่ด้วยเหล้าและวิถีแห่งความเหงานำพาให้เราต่างได้รู้จักกัน
ผมก้าวเข้าสู่โลกของคนกลางคืนอย่างเต็มตัว เมื่อพบว่าคาราโอเกะเป็นสถานที่ที่ผมก้าวเข้าออกแทบทุกวันเสมือนว่าเป็นบ้านของตัวเอง
เส้นแบ่งเขตระหว่างโลกของคนกลางวันและกลางคืนที่ผมได้ก้าวข้ามผ่านมานั้น ทำให้จิตใจของผมค่อยดีขึ้นมาบ้าง ความเหงาถูกทดแทนด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของน้องๆยามที่เราอยู่ด้วยกันในร้านคาราโอเกะ ตามต่อมาด้วยการแลกเบอร์มือถือ การโทรหากันทุกวันมันทำให้รู้สึกว่าตัวเรายังพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง ในการที่จะเริ่มต้นผูกพันกันต่อไป แม้จะรู้ว่าน้องเค้าทำงานอะไร แต่นั่นมันไม่ใช่ใจความสำคัญที่คนโสดอย่างผมจะไปมองถึงจุดที่มันลึกลงไปกว่านั้น  ในเมื่อความคาดหวังไม่ได้อยู่ที่ตัวหรือร่างกายของเค้าแต่หากเป็นที่ใจมากกว่าที่ผมต้องการจะได้มา......


บ่อยครั้งที่ข้อความใน Message ถูกส่งมา มันทำให้หัวใจของคนโสดพองโต หลายครั้งที่ยิ้มให้กับข้อความเหล่านั้นก่อนที่สติจะดับวูบลงไป
ด้วยความเมามายและหลับไหลจากการดื่มที่ผ่านมา เราเริ่มรู้จักกันมากกว่าการเป็นพนักงานและลูกค้า การพบกันข้างนอกมันช่างเหมือนว่าผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ระดับของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมันได้งอกงามขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตส่วนตัวและชีวิตครอบ
ครัวต่างถูกถ่ายทอดให้อีกฝ่ายได้รับฟัง บางครั้งผมได้เข้าไปมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาบางอย่างให้มันดีขึ้น น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม ริมฝีปากน้อยๆที่น่าจุมพิตนั้นสั่นเครือ.. เสียงสะอื้นกับปัญหาที่เราได้รับรู้ว่ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่การโกหกตอแหล มันช่างทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจเหมือนว่าเป็นปัญหาของเราด้วย ผมเอาตัวเข้าไปอยู่ในปัญหานั้นไปจนถึงครอบครัวของเค้า รู้จักคนในครอบครัว ครั้งนึงที่ได้บอกความในใจ
ให้แม่ของน้องเค้าได้รับรู้ว่าผมคิดอย่างไร การฝากฝังให้ดูแลน้องทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาอีกขั้นนึง มันทำให้เราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวรู้ว่าการที่ผู้ใหญ่พูดออกมาแบบนั้น มันเป็นนัยยะบ่งบอกอะไร ได้สักอย่าง ที่ทำให้เราได้มีความหวังในขั้นต่อไป

                             ------------------------------------------------------------------------------------------------

ความสัมพันธ์เราเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนมาวันหนึ่งที่ผมรู้ลิมิตว่าผมจะต้องไป...ไกลมาก ผมได้ให้ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า ซึ่งผมคิดว่าผมคงไม่ได้อยู่และมอบมันให้น้องด้วยตัวเอง ผมได้บรรจงสวมใส่สร้อยเส้นนั้นให้น้อง ในขณะที่น้องได้รวบเส้นผมงามนั้นเอาไว้ที่ท้ายทอย...........
ภาพความทรงจำเก่าๆ ได้ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง หากแต่มันต่างกันด้วย สถานที่ เวลา และผุ้คนที่อยุ่รอบข้าง ผมเคยทำแบบนี้มาสองครั้งแล้ว
ครั้งแรกกับผู้หญิงที่ปัจจุบันมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น ใช่..ผมแอบยินดีให้เธอคนนั้นเสมอ ครั้งที่สองกับคนที่เพิ่งเลิกรากันไปซึ่งผมรักมาก รักจนหมดใจ จนคิดว่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้วตราบที่ยังมีลมหายใจ แต่เมื่อเธอเดินจากไปหาใครคนอื่น มันคงไม่ผิดนักที่ผมจะสวมสร้อยเส้นนี้ให้กับผู้หญิงที่นั่งหันหลังให้ผมในตอนนี้ ตะขอสร้อยถูกกดให้ชิดสนิทกัน น้องหันกลับมาไหว้ขอบคุณที่ตรงอก ภาพใบหน้าของผู้หญิงสองคนมา
ลอยซ้อนกับใบหน้าของน้อง ให้ตาย..ผมจะต้องทำแบบนี้อีกสักกี่ครั้งกันในชีวิต !!! คืนนั้น ผมดื่มอย่างมีความสุขเราร้องเพลงด้วยกัน หลายต่อ หลายเพลง บทเพลงสากลที่น้องร้องได้อย่างไพเราะ แอบปลื้มว่าต่อไปผมคงได้พึ่งพาน้องให้ช่วยในธุรกิจที่ผมต้องติดต่อระหว่างประเทศได้อย่างไม่ยากเย็นนัก น้องใกล้เปิดเทอมแล้ว.. เลือกเรียนเมนภาษาตามที่น้องชอบ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นผมคงได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเล่าเรียนได้
ไม่ให้น้องต้องลำบากกู้ยืมกับกองทุน น้องบอกว่าคงทำงาน Part time โดยไม่อยากรบกวนผมเท่าไร ซึ่งก็คงไม่กระทบกับการเรียนเท่าไรนัก
หากทำงานแค่ ศ.ส.อา. ผมเองก็ค่อนข้างจะเห็นดีด้วย แม้ว่าใจจริงไม่อยากให้น้องทำงานคาราโอเกะ อีกต่อไป แต่นั่นผมต้องรู้จักน้องให้มากกว่านี้ จึงจะสามารถรับผิดชอบทุกอย่างเกี่ยวกับตัวน้องและทางบ้าน โดยที่น้องไม่ต้องดิ้นรนมาทำงานที่เปลือง...แบบนี้อีก เพราะผมคิดว่า หากจะมีความสัมพันธ์ไปถึงจุดดังกล่าว ระหว่างเราต้องใช้เวลาศึกษากันอีกสักพัก แต่เวลาของผมนี่สิมันเหลือไม่มาก...
บทเพลงหลายบทเพลงที่เราร้องแล้วหันมาสบตาซึ้งแทนคำพูด มีอยู่บทเพลงนึงทำเอาผมสะดุด น้องร้องเพลงนี้สามครั้งแล้วตั้งแต่เราคบกัน ใจมันหายอย่างบอกไม่ถูก My heart will go on เพลงประกอปภาพยนต์ดัง Titanic ผมมีอดีตตลกร้ายที่ขำไม่ออกเกี่ยวกับบทเพลงนี้ ครั้งแรก ผมดูหนังเรื่องนี้กับภรรยาคนแรก เราเลิกกันในอีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมา กับภรรยาคนที่สองเราดูหนังที่รถทัวร์เอามาฉายให้ผู้โดยสารเพลิดเพลิน แต่ผมพูดเล่นกับแฟนว่าอย่าไปดูเลย เดี๋ยวได้เลิกกัน แฟนยังบอกว่าไม่เกี่ยวกันหนังส่วนหนังมันไม่ซ้ำรอยเก่าหรอก ผมหัวเราะแค่นๆก่อนเบือน
หน้าออกไปดูแสงนีออนที่รถทัวร์ขับผ่านไป ในใจคิดหวั่นๆ แต่มันก็เป็นจริงอีกไม่กี่อาทิตย์ถัดมาเราเลิกกัน อะไรมันจะจองเวรกับผมไปตลอดวะ ครั้งนี้น้องถึงกับร้องเพลงเองด้วยซ้ำ อุตส่าห์ขอแล้วนะว่าให้ skip ไปเพลงอื่น เหมือนจะแกล้งกัน น้องร้องไปยิ้มให้ผมไป....

                                       ---------------------------------------------------------------------------------------------

คืนนั้นหลังจากร่ำลาน้องเมื่อตอนตีสอง ผมเดินไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อไปร้องเพลงต่อกับ*น้องสาว(ย้ำ)ที่อีกร้านนึง ปาป้าร้านที่น้องทำงานโทรมา ถามว่าพี่ไปไหน ผมบอกว่าผมมาจัดการกับเหล้าที่ผมฝากไว้เท่านั้น  ผมโทรกลับไปหาน้องในเช้าวันนั้นนั่นเอง เราทะเลาะกันทางโทรศัพท์ ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องบางอย่าง ที่มันทำให้ผมต้องกลับมายืนอยู่ตรงหน้าร้านที่น้องทำงานตอนประมาณสองทุ่มของวันเดียวกัน แต่มากับเพื่อนใน
บอร์ดอีกคนนึง น้องนั่งรอผมอยู่ก่อนแล้วเราคุยกัน เคลียร์กัน โดยผมแทบจะไม่ได้เทคแคร์เพื่อนใหม่ที่มาเที่ยวด้วยกันเลย ผมมองตาของน้อง ที่ดูเหมือนจะไม่ได้นอนเลย ใต้ตาบวมเหมือนพึ่งร้องให้มาใหม่ๆ แววตาดูเศร้าเหมือนมีอะไรครุ่นคิดอยู่ภายในใจ วันนี้น้องไม่ร่าเริงแบบที่เคย แต่ยังคงมีรอยยิ้มให้ผมเสมอ แก้วเหล้าแบบสั้นๆ ถูกร้องขอจากเด็กเสริฟ ผมแปลกใจมาก จากที่คบกันมา มากที่สุดน้องจะดื่มแบบ บางๆผสมน้ำตามที่น้องชอบ วันนี้หลายต่อหลายแก้วที่น้องดื่มเพียวๆ บอกว่าอยากเมาเพื่อเลี้ยงส่งผมที่ต้องจากน้องไปไกลแสนไกล น้องเมามากจนกระทั่งผม
ต้องประคองเข้าห้องน้ำ วันนี้ผมดื่มแบบมีความสุขอีกครั้ง แม้จะระแคะระคายหรือสงสัยอะไรบางอย่าง  แต่ไม่อยากให้น้องเสียความตั้งใจที่จะดื่มเป็นการเลี้ยงส่งผม น้องเมาแบบน่ารักทำให้ทุกคนในห้องพลอยสนุกไปด้วย ท่าทางเปิ่นๆที่น้องทำออกมาเพื่อกลบเกลื่อนและเก็บซ่อนความรู้สึกอะไรบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้หลุดรอดจากสายตาและความกังวลของผมเลย หน้าปัดของมือถือบอกเวลาว่ามันล่วงมาถึงเวลาที่น้องต้องกลับ
แล้ว ผมประคองน้องลงมาที่ชั้นล่าง น้องทิ้งตัวลงโซฟาอย่างแรง ทำให้อดห่วงไม่ได้ ว่าจะกลับไหวไหม ถามน้องว่าวันนี้ใครมารับ น้องบอกว่า แม่มารับผมค่อยโล่งใจหน่อย คงจะค่อยๆกลับกัน และอีกอย่างผมมากับเพื่อนอีกคนที่ต้องไปเที่ยวกันต่อ ผมบอกปาป้าให้ดูแลน้องด้วย ผมดื่มได้ไม่มากนักที่ร้านเกะอีกร้านนึง แม้จะมีน้องสาวที่น่ารักคนนึงเอาอกเอาใจนั่งดื่มเป็นเพื่อน มือที่ถือแก้วเหล้าเริ่มช้าลงตามลำดับ ในขณะที่ในใจเต้นแรงคิดเป็นห่วงคนที่เรารัก ผมเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้งด้วยกาแฟเพื่อที่ก่อนนอนผมจะได้โทรหาน้องเค้าก่อน เมื่อผมกลับถึงบ้านวันนี้ผมไม่
ทันได้อาบน้ำผมรีบโทรหาน้อง แต่คนที่รับสายเป็นอีกคนซึ่งไม่ใช่น้อง ซึ่งผมรู้จักคนๆนี้ดี เราเคยคุยกันแล้วครั้งนึง คนที่ทำให้น้องเจ็บปวด คนที่ทำให้น้องมีบาดแผลในใจ และแผลที่ปรากฎตามตัว ผมได้เห็นตอนเรานัดเดทกันครั้งแรกตอนกลางวัน เค้ากำลังเลิกกัน เพราะฝ่ายที่ทำให้
น้องเจ็บกำลังมีใหม่ ผมถูกเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างไม่เต็มใจนัก เรานั่งดื่มนั่งทานอาหารกันโดยมีโทรศัพท์เข้ามาทุกๆ ห้านาที
ในที่สุดน้องได้บอกไปว่าน้องมีอะไรกับผมแล้ว.. ผมสะดุ้งเพราะผมยังไม่ได้มีอะไรกับน้องเลย ผมกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองอะไรสักอย่าง ในตอนนั้น ผมได้รับรู้ในอีกวันสองวันถัดมาว่าเค้าเลิกกันแล้ว น้องเริ่มโทรหาผมถี่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น ให้ผมไปหาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน...
ตัดมาที่ปลายสายของอีกฝ่าย ผมถามไปตรงๆว่ากลับมาคบกันเมื่อไรแล้ว คำตอบที่ได้คือแค่สองสามวันที่ผ่านมานั่นเอง ผมเงียบไปเพราะกำลังเรียงลำดับเหตุการณ์ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่มีพิรุธใดๆนอกจากการที่น้องเงียบไป ไม่ค่อยโทรมาหาเหมือนแต่ก่อน ซึ่งผมเองก็เข้าใจว่าน้องคงนอนพักผ่อน หรือไม่ก็มีปัญหาทางบ้านแต่เราเจอกันที่ร้าน น้องก็ปกติดี ถามว่าโทรไปแล้วทำไมไม่รับบอกว่าเพลีย ง่วงนอน ไม่สบาย ลืมมือถือไว้ที่บ้าน ออกไปทานข้าวกับแม่เป็นคำตอบที่ผมได้รับ ซึ่งตอนนี้ภาพเหตุการณืมันถูกปะติดปะต่อกันออกมาแบบจิ๊กซอว์ ผมถามปลายสาย
นั้นขอคุยกับน้องอีกครั้ง เสียงอู้อี้ลอดมาตามสาย ผมคิดว่าตอนนี้คงอยู่ด้วยกันที่ไหนสักแห่ง ผมถามไปว่าน้องจะเลือกใคร รักใคร น้องให้คำตอบที่ผมรู้แก่ใจว่าเลือกคนที่ไม่ใช่ผม ผมรู้สึกเฉยๆ เสียใจน่ะแน่นอนธรรมดา แต่เสียความรู้สึกมันมีมากกว่าหลายเท่าตัวนัก ผมกดวางหูลง แล้วพยามข่มตานอน ผมลบข้อความที่น้องส่งมาออกจนหมด รวมถึงรูปของน้องที่ผมถ่ายตอนเราไปชอปปิ้งที่เซ็นทรัลด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นผมลบออกมาแล้วหลายคน เพื่อรักษาน้ำใจน้องที่คอยเช็ครูปและข้อความส่วนตัวของผมตลอดเวลาที่ผมไปเที่ยว รูปที่เหลือถูกนำมาเป็น Screen
server อีกครั้งเป็นรูปของแฟนคนที่สองที่เลิกกันไป รอยยิ้มที่เห็นเหมือนยิ้มเยาะอยู่ในที ผมยิ้มให้รูปแฟนก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

                       -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

มีเพียง misscalled จากน้องแค่ 1 ครั้งหลังจากวันนั้น ในขณะที่ผมส่ง sms หาน้องเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานภาพของผมกับน้อง ให้เราต่างยังมีความความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน  แม้ว่าที่ผ่านมาผมรู้ตัวว่าผมสูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง แต่ผมทำใจได้ ทำไมล่ะ กับแค่สองเดือนมันคงไม่ยาก หากจะเอามาเทียบกับแปดปีที่ผลสุดท้ายไม่หลงเหลืออะไรอีกต่อไป คำว่า"พี่ชาย"ถูกนำขึ้นมาใช้ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้ ก่อนที่ผมจะต้องไป...ผมมอบความเป็นพี่ชายให้กับน้องๆที่ผมรู้จัก อีกหลายคน ที่ผมรู้สึกเป็นห่วงใย แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องรวมถึงคนที่ผมคิดจริงจังด้วยคนนี้ รูปเพียงหนึ่งใบ กับสเวตเตอร์ที่น้องลืมเอาไว้ในรถแล้วผมถือวิสาสะไม่คืน ซึ่งผมใช้เป็นเพื่อนกอดนอนในช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาผมคงจะนำติดตัวไปด้วย เพื่อที่จะระลึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะจากบ้านไปไกล......
มันอาจดูด้อยค่าหากเทียบกับสิ่งที่ผมพยามจะหยิบยื่นให้กับน้อง ซึ่งน้องยังเด็กนัก ยังไม่อาจที่จะเข้าใจความรู้สึกบางอย่างหรือคุณค่าอะไร
สักอย่างที่ใครหลายคนต่างไขว่คว้าอยากได้มาซึ่งความหมายของคำว่า "รักแท้" ผมเองได้เอ่ยถึงน้องในแง่ที่ดี ให้กับคนทางบ้านรับรู้ และเตรียมพาน้องเข้าบ้านก่อนที่ผมจะไป...หรือตัดสินใจ ทำอะไร แต่มันสายไป

                                     -----------------------------------------------------------------------------------------

           ได้รับรู้มาว่ามีน้องบางคนแอบเฝ้ามองผมแบบเงียบๆ...ก็อย่างว่า คนที่เรารักมักไม่สมหวัง ส่วนคนที่รักเรา เรากลับมองข้ามเค้าไป ถึงตอนนี้ผมทำอะไรไม่ทันสักอย่าง ด้วยเวลาที่จำกัด และด้วยความรู้สึกที่ละอายตัวเอง ที่ผิดหวังจากอีกคนแล้วมาเริ่มกับอีกคน คงต้องให้เวลามันเป็นตัวช่วยเยียวยาอีกครั้ง การจากไปไกลมันคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงต่อการรักษาซึ่งสัมพันธภาพ ระหว่างคนสองคนให้คงอยู่ แม้คนที่อยู่
ด้วยกัน นอนด้วยกันนานนับเกือบสิบปี ยังมีวันเลิกรา นับประสาอะไรกับคนที่ต้องเจอะเจอผู้คนมากมายในยามค่ำคืนเค้าจะไม่หวั่นไหว ผมให้ได้
ทุกอย่าง แต่สิ่งที่อยู่ในใจตอนนี้คืออยากเห็นน้องที่ผมรัก และน้องสาวหลายๆคนที่ผมเคยรู้จัก ได้มีวันที่จะพบรักแท้และรู้จักรักตอบยามเมื่อมีคนมอบความรัก และความจริงใจให้ ซึ่งผมคิดว่ามันคงเกิดขึ้นได้ยาก บนเส้นทางเดินของคนกลางคืน ที่ความต้องการ ความรู้สึกที่ดีๆและงดงามเช่นนี้ มันจะมาบรรจบกัน...แม้มันเฉียดใกล้ความเป็นจริงที่อยู่แค่มือเอื้อมถึง มันเป็นเหมือนเส้นขนานที่คอยสวนทางกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง แค่เก็บเอาความรู้สึกที่ดีและสวยงามนั้นเอาไว้ แม้ว่าอาจเป็นเราหรือเค้าที่ต้องเสียใจ ความทรงจำที่ดีเท่านั้น ที่เราควรเก็บเอาไว้ครับ...

                                      ---------------------------------------------------------------------------------

สุดยอดมากครับท่านพี่ JuNeO
ผมว่าพี่เป็นคนที่มีความรักมากมาย และเต็มใจที่จะมอบให้คนอื่นอยู่เสมอนะครับ
ประสบการณ์ทางโลกของผม คงน้อยกว่าพี่เป็น ๑๐ ปี
เรื่องการปฏิบัติคงสู้พี่ไม่ได้แน่นอนครับ
แต่ขอฝากทฤษฎีที่ผมพยายามจำเอาไว้ เพื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างสักเล็กน้อยครับพี่

คนที่มีความรักในหัวใจมาก ๆ นี่ ย่อมมีความอยากที่จะเห็นคนที่เรารักมีความสุขอยู่แล้วใช่ไหมครับ
และแน่นอน เวลาที่เขาเป็นทุกข์ เราก็อยากจะช่วยเหลือให้เขาพ้นออกจากความทุกข์ตรงนั้นใช่ไหมครับ
แต่ผมเคยอ่านเจอว่า ในคนกลุ่มนี้ จะมีส่วนน้อยลงมา ที่สามารถรู้สึกยินดีเมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุข
แม้ว่าความสุขนั้น จะไม่ได้เกิดจากเรา, ไม่มีเราเป็นส่วนร่วม หรือแม้ว่าความสุขของเขาอาจจะนำมาซึ่งความเสียใจก็ตาม

และก็จะมีคนจำนวนไม่มากนัก ที่สามารถวางกำลังใจได้อีกแบบครับ
คือถ้าเห็นคนอื่นเขามีความทุกข์แล้ว ก็พยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อย่างเต็มที่ อย่างเต็มกำลังความสามารถทั้งหมด
แต่คน ๆ นั้นเขาก็ยังไม่มีความสุขได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอาจจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเรา
หรือเขายังไม่เห็นว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นทุกข์ หรือจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม
คนกลุ่มนี้ก็สามารถยอมรับได้นะครับ ว่าตัวเองได้พยายามเต็มที่แล้ว
แต่หากเขาจะโศกเศร้าเสียใจ หรือจะทุกข์ต่อไป ก็ค่อยต้องปล่อยเขาไปแล้วหละครับ
สักวันหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป พอเขาผ่านโลกมามากขึ้น เขาย่อมจะมองเห็นทุกข์ของเขาตามสภาพความเป็นจริงของมันครับ

ถ้าพี่คิดว่ารักเขาจริง ตอนนี้ที่เขากลับไปหาแฟนเก่าของเขา
เขาคิดว่าตรงนี้เป็นความสุขของเขา ผมว่าเราก็น่าจะยินดีกับเขามากกว่านะครับ
หากวันหนึ่งที่เขาเห็นว่า การกลับไปคบแฟนเก่าของเขา มันไม่ใช่ความสุขที่เขาต้องการ
และระลึกได้ว่า สิ่งที่พี่ทำให้เขาตลอดมา มันมีค่าสำหรับเขาแค่ไหน
หากพี่ยังเปิดใจรับเขาอยู่ ผมว่าก็ยังไม่สายเกินไปหรอกครับ
ความรักที่แท้จริง ผมเข้าใจว่าคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
เมื่อเราให้ไปแล้ว เราถือว่าเราละออกจากตัวเราไปแล้ว
ผู้รับจะเข้าใจในเจตนาของเราอย่างไร ก็ช่างเขา
เพราะเราไม่ได้ให้ เพื่อหวังว่าเขาจะมาทำดีกับเรา แต่เราให้เพราะหวังที่จะให้เขามีความสุขใช่ไหมครับ
ขอเพียงเราเข้าใจในเจตนาของตัวเราเอง ว่าครั้งหนึ่ง เราได้ทำเพื่อคนอื่นไปขนาดนี้โดยไม่หวังอะไรกลับมา
ผมว่านี่คือความรู้สึกดี ๆ ที่พี่เก็บเอาไว้กับตัวเองได้ เป็นสมบัติของพี่เอง โดยที่คนอื่นไม่สามารถมาแย่งจากพี่ไปได้นะครับ

ที่เขียนมานี่ ก็เป็นเพียงทฤษฎีนะครับ
ผมเองก็ยังรักใครไม่ได้ขนาดนี้เหมือนกันครับ
และไม่รู้ว่าในชีวิตนี้ จะรักใครได้มากขนาดนี้หรือเปล่าเลยครับ อิอิ ;D
บททดสอบของคนเราทุกคน คือการเข้าไปมีส่วนร่วมครับ
เหมือนเราดูละครอยู่ เห็นตัวละครเขาเล่นไปตามบท เราเองก็สักแต่ว่าดูเฉย ๆ มันก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่
แต่หากเรื่องเหล่านั้น มันเกิดขึ้นกับตัวเราเอง เรากลายมาเป็นผู้เล่นละครเสียเอง
ตรงนี้หละครับ ที่ผมคิดว่าจะทำตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ยากครับ
ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้นะครับ แต่มันทำได้ยากมาก ๆ ครับ

ผมเองก็พยายามทำตัวให้เหมือนคนดูละครอยู่ครับ เพราะลงไปเล่นเองทีไร มันก็ช้ำกลับมาทุกทีเลยเนี่ยสิครับ อิอิ ;D
คงต้องพยายามกันอีกนาน แต่อย่างน้อยก็ขอลองทำไปเรื่อย ๆ ครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอเอาใจช่วยให้พี่เผยแพร่ความรักของพี่ไปได้อีกเรื่อย ๆ นะครับ
น้ำใจแบบพี่นี้ เก็บไว้ให้คน ๆ เดียว หรือคนเพียงไม่กี่คน ประโยชน์ที่จะเกิดมันมีน้อยครับ
ยังไงก็อย่าลืมคนรอบข้างด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว(ไม่ใช่แฟนเก่า แต่หมายถึงพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ ๆ)
อีกทั้งเพื่อนฝูงทั้งหลาย ทั้งที่เคยเรียนด้วยกัน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมเที่ยว(หุหุ) เพื่อนร่วมโลก ฯลฯ
ที่พี่เขียนมา พี่เองก็คงรู้สึกแล้วว่า ยังมีคนที่รักพี่อยู่อีกเยอะนะครับ
ลองให้เวลากับคนเหล่านั้นบ้าง พี่อาจจะได้พบอะไรใหม่ ๆ ก็ได้ครับ เพราะความรักบนโลกก้อนโตใบนี้ ไม่ได้มีแบบเดียวครับพี่ O0

(ขออภัยที่พล่ามซะยาวนะครับ จริง ๆ ผมเขียนไว้เตือนสติตัวเองด้วยหละครับ อิอิ)  ;D

Wunsen

  • บุคคลทั่วไป

ขอบคุณมากนะ Nobody เห็นติดตามกระทู้อาจารย์ Juneo หลายอันแล้วแล่ะ ตอนนี้พี่ Juneo คงอยู่ที่ไหนสักที่ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆครับ

don

  • บุคคลทั่วไป

เอาใจช่วยครับ รักแท้ผมว่ายังมีนะ แต่ยังคงไม่ถึงเวลาของท่าน จู  ;) เพราะผมเชื่อว่ามีคนหลายคนที่มีความรู้สึกแบบท่าน จู และกำลังอ่านบทความนี้อยู่
ความรักยังสวยงามเสมอแม้ว่าเราต้องรอทั้งชีวิต อิอิ เป็นกำลังใจให้ครับ  ;D ;D

Wunsen

  • บุคคลทั่วไป

ความรักนั้นทนนาน รักคือการกระทำมอบให้ รักไม่หยิ่งผยอง ไม่ร้อนใจ และเชื่อในความดี มีความหวังในใจ ไม่อิจฉาอวดตัวยิ่งใหญ่ รักไม่จดไม่จำ กับสิ่งที่พลั้งไป และเชื่อในส่วนดี....

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป

เอาใจช่วยครับ รักแท้ผมว่ายังมีนะ แต่ยังคงไม่ถึงเวลาของท่าน จู  ;) เพราะผมเชื่อว่ามีคนหลายคนที่มีความรู้สึกแบบท่าน จู และกำลังอ่านบทความนี้อยู่
ความรักยังสวยงามเสมอแม้ว่าเราต้องรอทั้งชีวิต อิอิ เป็นกำลังใจให้ครับ  ;D ;D

อยากอยู่กับใครสักคน จนแก่แบบในรูปมั่งจัง  :'(

ขอบคุณนะคับ ท่าน don

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป


แวะไปหอบเอากำลังใจ จากพี่น้องบอร์ด ILM มาน่ะครับ พี่น้องที่นั่นมากด้วยน้ำใจจริงๆอ่ะครับ  :'(

หลายๆกระทู้ที่ผมเคยโพสไป แต่ในนิคอื่นต่างได้รับกำลังใจที่อบอุ่นตลอดมา ขอบคุณจากใจแทนคำนับพันคับ  :-[

ความคิดเห็นที่ 1 
 
 เอ่อ ยาวจัง อ่ะ เดี๋ยวมาอ่าน ต่อ อ่ะ 
 
From: aVa      Date: May 14, 2007 04:12 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 2 
 
 ซึ้งครับ ...ปล่อยไปตามธรรมชาติ อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด ... เก็บเป็นความทรงจำดีๆ ไว้ละกันครับ 
 
From: badsman      Date: May 14, 2007 04:19 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 3 
 
 
เอ่อ....

ขอโทษนะครับทุกๆท่าน เรื่องสั้นแต่ขนาดยาวจริงๆครับ ก้อเรื่องราวมันเกือบๆสองเดือนเลยน่ะ ย่อจนม่ะรู้จะย่อยังไงแล้ว ปิ่นโตเป็นพิษครับงานนี้ ...เฮ้อ..(T_T)

ว่าแต่เมื่อไรจะกลับบ้านครับพี่ชาย ผมรอพี่อยู่ มีเรื่องอยากปรึกษาด้วยครับ อีกอย่างนึงป่านนี้ท่าน CastlevaniaX คงล้วงกระเป๋า S3 พี่ไปหลายดอกแล้วนะ 
 
From: JuNeO      Date: May 14, 2007 04:24 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 4 
 
 

เหมือนเส้นขนาน ระหว่าง คนกลางวันกับคนกลางคืน

ที่บังเอิญมาพาดผ่านกันในช่วงเวลาสั้น ๆ อ่ะครับ



ประสบการณ์ของคนกลางวันกับคนกลางคืนยังไงก็ต้องเกี่ยวข้องกันอยู่

ในเมื่อคนกลางวันก็ยังเที่ยวกลางคืน

คนกลางคืนก็ยังต้องดูแลคนกลางวัน

แยกไม่ออกหรอกครับ



อ่านเนื้อเรื่องแล้ว

ผมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเราแหล่ะ

หากมองดี ๆ จะมีสิ่งดี ๆ อยู่ในเหตุการณ์ร้าย ๆ เสมอ



เอาใจช่วยครับ

"นานนานที"
 
 
From: นานนานที Return      Date: May 14, 2007 05:40 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 5 
 
 อืม...ซึ้งอีกแล้วครับท่าน

ขอให้รักษาแผลใจได้โดยไวนะครับ
 
From: zoomokung      Date: May 14, 2007 05:49 PM     
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 6 
 
 วันพฤหัส นี้ แหละ อิ อิ อิ แต่อยู่แค่ สาม วัน อ่ะ

ต้องรีบกลับมา วันอาทิตย์ อิ อิอิ

ไว้เจอกัน อ่ะ เจ้า X ด้วยน่ะ อิอิอิ

 
 
From: aVa      Date: May 14, 2007 06:41 PM
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 7 
 
 ขอให้ทำใจได้เร็วๆนะครับ ซักวันมันจะต้องเป็นวันของเรา
 
From: YED HODE      Date: May 14, 2007 06:54 PM 
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 8 
 
 ซาบซึ้งไปกับเรื่องราวของท่านพี่จริงๆ

สอนแง่คิดให้ผู้น้องหลายๆอย่างเลยครับ
 
From: Natuleza      Date: May 14, 2007 07:41 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 9 
 
 ผมเคยเจอ คล้ายๆ เรื่อง นี้ อ่ะ

แต่ไม่ติดใจอะไรแล้ว ยกเว้นเวลาเจอ คน ที่หน้าคล้ายๆ

อ่ะ ภาพเก่า มัน จะ วิ่งเข้ามาใหหัวเลย
สุดท้ายเมาหัวทิ่ม ทุกที เหอะๆๆ
 
 
From: ลุงขี้เมา      Date: May 14, 2007 07:58 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 10 
 
 T_T

เรามันคนอ่อนไหวซะด้วยจิ

เจองี้ทีรัย ซึมทู๊กกกที

เห็นใจมากมายนะคับ

สู้ สู้ ^_^
 
From: vaneakelman      Date: May 14, 2007 08:01 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 11 
 
 สู้ต่อไปแล้วกัน เส้นขนานกันระหว่างคนกลางวันและคนกลางคืนที่อาจไปด้วยกัน แต่ไม่อาจได้บรรจบกัน 
 
From: เด็กโก-ลก      Date: May 14, 2007 09:04 PM     
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 12 
 
 เลือกเก็บไว้แค่ความทรงจำที่ดีก็พอครับ 
 
From: จุ๋มกรู๋      Date: May 14, 2007 09:23 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 13 
 
 คนทำงานกลางคืนก็อย่างนี้แหละจะเอาอะไรมาก

ถ้าท่านจูยังมีใจให้กับน้องเขาก็ลองถามเขาซิครับ

ส่วนตัวผมนั้น50 50 ครับแต่ตอนนี้ต้องเอาคืนคนๆ1ก่อนถึงจะหาย

แค้นนะ

แล้วผมจะมาเล่าให้ฝัง

แล้วท่านพี่avaจะมาวันไหนนะผมลง กทมวันพุธนะอิอิ
 
From: CastlevaniaX      Date: May 14, 2007 10:10 PM     
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 14 
 
 ทั่น aVa จิ๋มพ่นไฟได้ จะมาวันไหนอ่ะครับ

เอ้อ จาไปลุยกับทั่น Juneo รึป่าว บอกในบอร์ด(ไหนก็ได้)ด้วยน้อ

เผื่อออกไปได้ T^T
 
From: zente      Date: May 14, 2007 10:36 PM   
 
 

 
ความคิดเห็นที่ 15 
 
 เหอๆๆๆ ไม่ถนัดอีกแหละ...ผ่านคร๊าบบบบบบบบ
 
From: หนุ่มก่อสร้าง      Date: May 14, 2007 11:20 PM   
 
 
 

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป


ผมอาบน้ำเอาเมื่อตอนสี่ทุ่ม กลับออกมาลองโทรหาน้อง เพราะปาป้าส่ง miss called มาแต่ผมไม่ได้รับ

เอ..มีอะไรหรือป่าว ชักเป็นห่วง โชคดีที่ผมโทรไปแล้วน้องรับสาย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร น้องไม่ได้ไปทำงานสองวันแล้ว

ปวดตา รู้สึกจะเป็นต้ออะไรสักอย่างนี่ล่ะ หมอเอาผ้าก๊อตปิดตาเอาไว้ หากไม่หายต้องดูดเอาหนองออก..รู้สึกเจ็บแทนขึ้นมาเลย

ใครคนนั้นก้ออยู่ที่บ้านน้องนั่นแหละ อิจฉาจัง อดห่วงหากเมื่อถึงตอนเปิดเทอมกับตอนน้องจะต้องรักษาตาเอาไว้ไม่ได้ ดวงตาขี้เล่นคู่นั้น

ที่ผมชอบจ้องอยู่บ่อยๆ อยากให้มันเป็นตาผมเองเสียด้วยซ้ำ ผมจะได้ยังไม่ต้องไปห่างจากน้องและอยู่รอจนถึงน้องเปิดเทอม

เผื่อมีอะไรที่ผมยังพอช่วยได้บ้าง ผมลองถามถึงของขวัญวันเกิดซึ่งหากว่าฉุกเฉินหรือขาดเหลือตอนที่ผมอาจไปแล้ว

มันยังพอที่จะนำไปสำรองเอาไว้ใช้ในเมื่อถึงคราวจำเป็น  มันยังอยู่ น้องบอกว่าอยากเก็บรักษามันเอาไว้เพื่อแทนความรู้สึกบางอย่าง

หัวใจผมพองโตขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าน้องอาจจะจำเป็นต้องใช้มัน แต่นี่คงไม่ใช่ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผมจะมีให้น้อง แม้รู้ว่าน้องอาจมีใครอยู่ข้างๆ

จู่ๆสายถูกวางลงจากปลายสายที่ผมโทรไปหา ใครคนนั้นคงเข้ามาในห้องทำให้การพูดคุยของเราจบลง ผมวางหูลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกดีๆ

รักที่มีแต่ให้ บางครั้งมันเหมือนว่าตัวเราทำอะไรพิลึกๆ แต่มันก้อสุขใจและอิ่มเอม อย่างที่ท่าน Nobody ว่าเอาไว้จริงๆ


ผมไม่รู้ว่าท้ายสุดเรื่องราวมันจะจบ หรือดำเนินต่อไปอย่างไร แต่คืนนี้ผมนอนไม่หลับ พลิกกลับมาดูที่ Screen server อีกครั้ง ใครคนที่ทิ้ง

ผมไปคนนั้น วันนี้รอยยิ้มของเธอดูสดใสเหมือนว่าเรายังคงอยู่ด้วยกัน ผมกลับมามีเพียงเธออีกครั้ง แม้เพียงภาพถ่ายในมือถือ..

คืนนี้ผมก้อคงไม่เหงาเพราะมีเธอคอยอยู่เป็นเพื่อน เหมือนที่น้องมีใครคนนั้นกอดนอนข้างกาย..ไม่เดียวดายอีกต่อไป...




tak2000

  • บุคคลทั่วไป

ซึ้งมากมายเลยครับท่านจู...

ผมก็เล่นที่ ILM  เหมือนกันครับ  ส่วนมากมานั่งอ่านไม่ค่อยได้โพสไรมากครับ

น้องพวกนี้เค้ายังเด็กๆ คงชอบที่จะคบกับรุ่นเดียวกันมากกว่านะครับ

รุ่นใหญ่นี่ไว้แค่คอยเบิกค่าใช้จ่าย...พูดไรผิดไปก็ขออภัยนะครับ

แต่เห็นด้วยครับว่าถามน้องๆทีไรบอกว่าไม่มีแฟนกันสักคน..เหอเหอ.. >:D

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป


หุ หุ หุ อะรั้ยไม่ว่าเสีย self ไปเรยวันสองวันมานี้อ่ะ .....

แหม..สามสิบกว่าขวบนี่มันไม่แก่อ้ะ แรงยังมีเย้ออออ..(รอมานฟื้นแป๊บนะที่รัก) ;D

แต่ช่องว่างระหว่างเรามันแยะคับ คนกลางคืนแบบน้อง-คนกึ่งกลางวันแบบผม

ผมพยามจะพายเรือพาน้องข้ามฟาก แต่น้องดันยิงเรือ+คนพายซะนี่...กำ

Wunsen

  • บุคคลทั่วไป

ไม่เป็นไรพี่ น้องยังเด็กอยู่ วันนึงเค้าอาจเห็นคุณค่า ของความสัมพันธ์นี้ก็ได้ มุ่งสุ่อนาคตดีกว่าพี่ ใครจะไปรู้บางทีสามปีนี้น้องอาจจะรอพี่ลึก ๆ ในใจอยู่ก็ได้ อนาคตไม่แน่ไม่นอน เหมือนผมไง ยังไม่รุ้เลยจะเป็นไง แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด

don

  • บุคคลทั่วไป

บทความดีจริงนะท่าน juneo ผมว่าเอาไปอยู่ห้องสมุดดีกว่าไหมครับ จะได้อยู่รอจนกว่าท่าน Juneo จะกลับมา อิอิ เพื่อที่ท่านจะได้เขียนตอนต่อไป

aVa

  • บุคคลทั่วไป

สติ กับ  สตางค์ อ่ะ   


แต่นี้ แหละ   จบบบบบบบบบบบบบ

aVa

  • บุคคลทั่วไป

มี สติ กับ มี สตางค์ ก้อ   อ่ะ น่ะ ดีเลิศ ประเสริฐศรี  อ่ะ

มี สตื  กับ ไม่มี สตางค์  ก้อ ผ่านไป  แบบ พอ ก่อมแก้ม

ไม่มี สติ แต่มี สตางค์ กัอ บรรลัย   ฉิบหายไปข้างอ่ะ

แต่ ไม่มี สตื และ ไมมีสตางค์ ก้อ .......................   จังลัย เลยอ่ะ แบบนี้



อิ อิ อิ อิ อิ    ฝากไว้ อ่าน อ่ะ     เจอกัน ครับบบบบบบบบบบบบบบบบบ







เที่ยวให้สนุก แต่ มี สติ และมี สตางค๋ อ่ะ   ครับบบบบบบบบบบบบบ  ;D  ;D  ;D





JuNeO

  • บุคคลทั่วไป

มี สติ กับ มี สตางค์ ก้อ   อ่ะ น่ะ ดีเลิศ ประเสริฐศรี  อ่ะ

มี สตื  กับ ไม่มี สตางค์  ก้อ ผ่านไป  แบบ พอ ก่อมแก้ม

ไม่มี สติ แต่มี สตางค์ กัอ บรรลัย   ฉิบหายไปข้างอ่ะ

แต่ ไม่มี สตื และ ไมมีสตางค์ ก้อ .......................   จังลัย เลยอ่ะ แบบนี้



อิ อิ อิ อิ อิ    ฝากไว้ อ่าน อ่ะ     เจอกัน ครับบบบบบบบบบบบบบบบบบ







เที่ยวให้สนุก แต่ มี สติ และมี สตางค๋ อ่ะ   ครับบบบบบบบบบบบบบ  ;D  ;D  ;D






ลีลาการโพสยังเหมียนเดิมกับท่านพี่เรา อิอิ  ;D

ขอบคุงมากครับ ไว้เด๋วผมพาพี่ไปขาดสติม่าง อิอิ..ยินดีต้อนรับกลับบ้านคับป๋ม .. ;D

JuNeO

  • บุคคลทั่วไป

บทความดีจริงนะท่าน juneo ผมว่าเอาไปอยู่ห้องสมุดดีกว่าไหมครับ จะได้อยู่รอจนกว่าท่าน Juneo จะกลับมา อิอิ เพื่อที่ท่านจะได้เขียนตอนต่อไป

ดีเหมือนกันคับ ท่าน Don ขอบคุณนะครับ เอาไว้เตือน สติ กับ สตางค์ ของน้องใหม่ก้อดีอ้ะ  :-\

Wunsen

  • บุคคลทั่วไป

ใช่ๆ เด๋วเป็นแบบผม สติเริ่มหลุด สตางค์เริ่มหรอย

JeT lI

  • บุคคลทั่วไป

 :(  โดนใจเต็มๆ เลย
เหตุการณ์แบบนี้ เหมือนจะเจือจาง อยู่ในความทรงจำเลยแฮะ :P

mammos69

  • บุคคลทั่วไป

อ่านไม่ทัน อ่านไม่ไหว เขียนเก่งจัง น่าจะไปเขียนนิยายขาย

seawjang

  • บุคคลทั่วไป

เป็นหนึ่งในกระทู้ที่เขียนได้กินใจมากครับ อ่าน ไปอ่านมา อึ้งเลย ชักอยากรู้จัก ตัวเป็น ๆ ท่าน juneo ซะแล้วสิ

ผมเองก็เคยเจอแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ถึงขนาดท่าน ซะทีเดียว ก็จ๋อย ไปวันสองวันเหมือนกัน  ก็เข้าใจอยู่ว่าน้องเค้าทำงานแบบนี้

เราไม่ควรจะไปคิดอะไรที่มันเกินเลย กับน้องเค้า ในเมื่อน้องเค้าต้องเจอคนตั้งเยอะในแต่ละคืน ไม่ซ้ำหน้ากันด้วย

การที่ไปหวังอะไรที่มันยั่งยืน คงไม่ได้ แต่อย่างว่านะท่าน ก็ คนมันเหงานี่หน่า  8) เนอะท่าน


เป็นกำลังใจให้ต่อไปครับ คนดี ๆ อย่างท่าน ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็มีเดินเข้ามาในชีวิตท่านเองแหละ

อาจจะเป็นคนที่ตามหามาตลอดชีวิตก็ได้นะ ใครจะไปรู้ล่ะ


ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ อย่างนี้ นะครับ  :(


hello baby

  • บุคคลทั่วไป

เป็นสิ่งที่หลายคนเคยประสบพบเจอมา อย่าคิดมากครับ ถือซะว่าความผิดหวังเป็นเหมือนสิ่งกีดขวางที่เราจะต้องปีนขึ้นไปเพื่อพบกับความสำเร็จ

mammos69

  • บุคคลทั่วไป

สาระที่ไม่ค่อยรู้มาก่อน :o :o :o

macma

  • บุคคลทั่วไป

 ;khhg ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆ แบบนี้ครับ ช่วยเตือนสติไม่ให้เราฟุ้งซ่านเตลิดมาก

alica

  • บุคคลทั่วไป

ยาวมากๆครับ ซึ้งด้วย ขอตั้งสติก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกรอบ

นู๋เติ้ล

  • บุคคลทั่วไป

โหว กระทู้สมัยไหนคะเนี่ย ขุดกันมาได้เนอะ

เหนชื่อ จขกท ตกใจหมด


 lkkjjh lkkjjh

GOWA

  • บุคคลทั่วไป

ตำนานยังไงก็เป็นตำนาน
ว่าแต่ท่านจูนขึ้นเป็นมารราตรีแล้วหรอครับ ดีใจด้วยนะครับท่าน

Tred

  • บุคคลทั่วไป

 uilo ชีวิตชั่งเศร้าคับ อย่างน้อยเราควรอุดหนุนเธอๆ บ้างนะคับเป็นการช่วยๆแต่ไม่ควรถามหรือติดพันธุ์เขาถึงจะดีคับ  ufdj

thipraksa

  • บุคคลทั่วไป

ยาวมากกก แต่ก็ซึ้ง

akiko

  • บุคคลทั่วไป

ขอบคุณคนที่ขุดกระทู้นี่ขึ้นมาให้อ่านอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่จูนจะไปอยู่ไหนแล้ว

อ่านแล้วคิดถึง เคราคันๆ ของตาหนวดจัง

bboy1

  • บุคคลทั่วไป

อ่านจนจบแล้วครับ บอกไม่ถูกเลย มีหลายความรู้สึกเกิดขึ้นมากมาย เหงา เศร้า ว้าเหว่ รัก แต่ยังไงก็เข้มแข็งนะครับ ยังไงต้องเจอคนที่่ใช่สักคน บางทีการที่เราอยู่นิ่งๆ ไม่ไปวิ่งหาอะไร แต่ในที่สุดสิ่งนั้นจะมาหาเราเองครับ สู้ๆครับท่านเป็นกำลังใจให้ครับ .,mn


nonnybanana

  • บุคคลทั่วไป

สันสน หลายความคิดนะ zad

nuttikon

  • บุคคลทั่วไป

 gooddreamขยันเขียนจังเหมือนชีวิตจิงผมเลยเศร้าเกินบรรยาย แต่ว่าท่านน่าจะได้สักยกนะผมว่า ผมเคยหมดไปเกือบๆเเสนอะแต่ได้หละ แต่นึกไปมาก็เสียดายความรู้สึกเท่านั้นเอง ;lkjn

PumpkiN_KinG

  • บุคคลทั่วไป

เป็นกำลังใจให้คับสู้ๆ gsdgdgs