ไม่รู้ว่าจะขอย้ายกระทู้นี้ไปเก็บเอาไว้ที่ไหนดี... :-\
เพราะสักวันมันคงต้องตกไปอยู่ที่หน้าท้ายๆ ซึ่งคงไม่มีใครกลับไปย้อนดูกระทู้เก่าๆกันเท่าไรนัก
ผมเป็นโสดตั้งแต่วันที่ 7 มีค.50ก่อนวันเกิดแค่ 3 วัน เมื่อใครสักคนก้าวเดินออกจากชีวิตไป หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึง 8 ปี
ซึ่งประเด็นของกระทู้นี้ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องราวชีวิตที่เป็นเพียงแค่ความทรงจำสี จาง จาง ของผมกับอดีตภรรยา ที่เลิกรากันไป
แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องราวแบบ reality life show ของผมกับน้องๆคาราโอเกะที่ผมได้รู้จักมาในช่วงเวลาสองเดือนกว่าๆ
เพียงแค่เอาตัวเองวิ่งตามหาความรู้สึกดี ดีและใครสักคน เพื่อจะมาทดแทน-เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ คิดจะเอาใครเข้ามาในชีวิตที่มันเพิ่งจะล้มเหลวไป แต่ด้วยเหล้าและวิถีแห่งความเหงานำพาให้เราต่างได้รู้จักกัน
ผมก้าวเข้าสู่โลกของคนกลางคืนอย่างเต็มตัว เมื่อพบว่าคาราโอเกะ เป็นสถานที่ที่ผมก้าวเข้าออกแทบทุกวันเสมือนว่าเป็นบ้านของตัวเอง
เส้นแบ่งเขตระหว่างโลกของคนกลางวันและกลางคืนที่ผมได้ก้าวข้ามผ่านมานั้น ทำให้จิตใจของผมค่อยดีขึ้นมาบ้าง ความเหงาถูกทดแทนด้วย
เสียงเจื้อยแจ้วของน้องๆยามที่เราอยู่ด้วยกันในร้านคาราโอเกะ ตามต่อมาด้วยการแลกเบอร์มือถือ การโทรหากันทุกวันมันทำให้รู้สึกว่าตัวเรายัง
พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง ในการที่จะเริ่มต้นผูกพันกันต่อไป แม้จะรู้ว่าน้องเค้าทำงานอะไรแต่นั่นมันไม่ใช่ใจความสำคัญที่คนโสดอย่างผมจะไป
มองถึงจุดที่มันลึกลงไปกว่านั้น ในเมื่อความคาดหวังไม่ได้อยู่ที่ตัวหรือร่างกายของเค้าแต่หากเป็นที่ใจมากกว่าที่ผมต้องการจะได้มา......
บ่อยครั้งที่ข้อความใน Message ถูกส่งมา มันทำให้หัวใจของคนโสดพองโต หลายครั้งที่ยิ้มให้กับข้อความเหล่านั้นก่อนที่สติจะดับวูบลงไป
ด้วยความเมามายและหลับไหลจากการดื่มที่ผ่านมา เราเริ่มรู้จักกันมากกว่าการเป็นพนักงานและลูกค้า การพบกันข้างนอกมันช่างเหมือนว่าผม
ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ระดับของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมันได้งอกงามขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตส่วนตัวและชีวิตครอบ
ครัวต่างถูกถ่ายทอดให้อีกฝ่ายได้รับฟัง บางครั้งผมได้เข้าไปมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาบางอย่างให้มันดีขึ้น น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม ริม
ฝีปากน้อยๆที่น่าจุมพิตนั้นสั่นเครือ.. เสียงสะอื้นกับปัญหาที่เราได้รับรู้ว่ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่การโกหกตอแหล มันช่างทำให้ผมรู้สึกสะเทือน
ใจเหมือนว่าเป็นปัญหาของเราด้วย ผมเอาตัวเข้าไปอยู่ในปัญหานั้นไปจนถึงครอบครัวของเค้า รู้จักคนในครอบครัว ครั้งนึงที่ได้บอกความในใจ
ให้แม่ของน้องเค้าได้รับรู้ว่าผมคิดอย่างไร การฝากฝังให้ดูแลน้องทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาอีกขั้นนึง มันทำให้เราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวรู้ว่าการที่
ผู้ใหญ่พูดออกมาแบบนั้น มันเป็นนัยยะบ่งบอกอะไร ได้สักอย่าง ที่ทำให้เราได้มีความหวังในขั้นต่อไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
ความสัมพันธ์เราเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนมาวันหนึ่งที่ผมรู้ลิมิตว่าผมจะต้องไป...ไกลมาก ผมได้ให้ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า ซึ่งผมคิดว่าผมคง
ไม่ได้อยู่และมอบมันให้น้องด้วยตัวเอง ผมได้บรรจงสวมใส่สร้อยเส้นนั้นให้น้อง ในขณะที่น้องได้รวบเส้นผมงามนั้นเอาไว้ที่ท้ายทอย...........
ภาพความทรงจำเก่าๆ ได้ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง หากแต่มันต่างกันด้วย สถานที่ เวลา และผุ้คนที่อยุ่รอบข้าง ผมเคยทำแบบนี้มาสองครั้งแล้ว
ครั้งแรกกับผู้หญิงที่ปัจจุบันมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น ใช่..ผมแอบยินดีให้เธอคนนั้นเสมอ ครั้งที่สองกับคนที่เพิ่งเลิกรากันไปซึ่งผมรักมาก รักจน
หมดใจ จนคิดว่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้วตราบที่ยังมีลมหายใจ แต่เมื่อเธอเดินจากไปหาใครคนอื่น มันคงไม่ผิดนักที่ผมจะสวมสร้อยเส้นนี้ให้
กับผู้หญิงที่นั่งหันหลังให้ผมในตอนนี้ ตะขอสร้อยถูกกดให้ชิดสนิทกัน น้องหันกลับมาไหว้ขอบคุณที่ตรงอก ภาพใบหน้าของผู้หญิงสองคนมา
ลอยซ้อนกับใบหน้าของน้อง ให้ตาย..ผมจะต้องทำแบบนี้อีกสักกี่ครั้งกันในชีวิต !!! คืนนั้น ผมดื่มอย่างมีความสุขเราร้องเพลงด้วยกัน หลายต่อ
หลายเพลง บทเพลงสากลที่น้องร้องได้อย่างไพเราะ แอบปลื้มว่าต่อไปผมคงได้พึ่งพาน้องให้ช่วยในธุรกิจที่ผมต้องติดต่อระหว่างประเทศได้
อย่างไม่ยากเย็นนัก น้องใกล้เปิดเทอมแล้ว.. เลือกเรียนเมนภาษาตามที่น้องชอบ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นผมคงได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเล่าเรียนได้
ไม่ให้น้องต้องลำบากกู้ยืมกับกองทุน น้องบอกว่าคงทำงาน Part time โดยไม่อยากรบกวนผมเท่าไร ซึ่งก็คงไม่กระทบกับการเรียนเท่าไรนัก
หากทำงานแค่ ศ.ส.อา. ผมเองก็ค่อนข้างจะเห็นดีด้วย แม้ว่าใจจริงไม่อยากให้น้องทำงานคาราโอเกะ อีกต่อไป แต่นั่นผมต้องรู้จักน้องให้
มากกว่านี้ จึงจะสามารถรับผิดชอบทุกอย่างเกี่ยวกับตัวน้องและทางบ้าน โดยที่น้องไม่ต้องดิ้นรนมาทำงานที่เปลือง...แบบนี้อีก เพราะผมคิดว่า
หากจะมีความสัมพันธ์ไปถึงจุดดังกล่าว ระหว่างเราต้องใช้เวลาศึกษากันอีกสักพัก แต่เวลาของผมนี่สิมันเหลือไม่มาก...
บทเพลงหลายบทเพลงที่เราร้องแล้วหันมาสบตาซึ้งแทนคำพูด มีอยู่บทเพลงนึงทำเอาผมสะดุด น้องร้องเพลงนี้สามครั้งแล้วตั้งแต่เราคบกัน
ใจมันหายอย่างบอกไม่ถูก My heart will go on เพลงประกอปภาพยนต์ดัง Titanic ผมมีอดีตตลกร้ายที่ขำไม่ออกเกี่ยวกับบทเพลงนี้ ครั้งแรก
ผมดูหนังเรื่องนี้กับภรรยาคนแรก เราเลิกกันในอีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมา กับภรรยาคนที่สองเราดูหนังที่รถทัวร์เอามาฉายให้ผู้โดยสารเพลิดเพลิน
แต่ผมพูดเล่นกับแฟนว่าอย่าไปดูเลย เดี๋ยวได้เลิกกัน แฟนยังบอกว่าไม่เกี่ยวกันหนังส่วนหนังมันไม่ซ้ำรอยเก่าหรอก ผมหัวเราะแค่นๆก่อนเบือน
หน้าออกไปดูแสงนีออนที่รถทัวร์ขับผ่านไป ในใจคิดหวั่นๆ แต่มันก็เป็นจริงอีกไม่กี่อาทิตย์ถัดมาเราเลิกกัน อะไรมันจะจองเวรกับผมไปตลอดวะ
ครั้งนี้น้องถึงกับร้องเพลงเองด้วยซ้ำ อุตส่าห์ขอแล้วนะว่าให้ skip ไปเพลงอื่น เหมือนจะแกล้งกัน น้องร้องไปยิ้มให้ผมไป....
---------------------------------------------------------------------------------------------
คืนนั้นหลังจากร่ำลาน้องเมื่อตอนตีสอง ผมเดินไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อไปร้องเพลงต่อกับ*น้องสาว(ย้ำ)ที่อีกร้านนึง ปาป้าร้านที่น้องทำงานโทรมา
ถามว่าพี่ไปไหน ผมบอกว่าผมมาจัดการกับเหล้าที่ผมฝากไว้เท่านั้น ผมโทรกลับไปหาน้องในเช้าวันนั้นนั่นเอง เราทะเลาะกันทางโทรศัพท์
ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องบางอย่าง ที่มันทำให้ผมต้องกลับมายืนอยู่ตรงหน้าร้านที่น้องทำงานตอนประมาณสองทุ่มของวันเดียวกัน แต่มากับเพื่อนใน
บอร์ดอีกคนนึง น้องนั่งรอผมอยู่ก่อนแล้วเราคุยกัน เคลียร์กัน โดยผมแทบจะไม่ได้เทคแคร์เพื่อนใหม่ที่มาเที่ยวด้วยกันเลย ผมมองตาของน้อง ที่
ดูเหมือนจะไม่ได้นอนเลย ใต้ตาบวมเหมือนพึ่งร้องให้มาใหม่ๆ แววตาดูเศร้าเหมือนมีอะไรครุ่นคิดอยู่ภายในใจ วันนี้น้องไม่ร่าเริงแบบที่เคย แต่ยัง
คงมีรอยยิ้มให้ผมเสมอ แก้วเหล้าแบบสั้นๆ ถูกร้องขอจากเด็กเสริฟ ผมแปลกใจมาก จากที่คบกันมา มากที่สุดน้องจะดื่มแบบ บางๆผสมน้ำตาม
ที่น้องชอบ วันนี้หลายต่อหลายแก้วที่น้องดื่มเพียวๆ บอกว่าอยากเมาเพื่อเลี้ยงส่งผมที่ต้องจากน้องไปไกลแสนไกล น้องเมามากจนกระทั่งผม
ต้องประคองเข้าห้องน้ำ วันนี้ผมดื่มแบบมีความสุขอีกครั้ง แม้จะระแคะระคายหรือสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ไม่อยากให้น้องเสียความตั้งใจที่จะ
ดื่มเป็นการเลี้ยงส่งผม น้องเมาแบบน่ารักทำให้ทุกคนในห้องพลอยสนุกไปด้วย ท่าทางเปิ่นๆที่น้องทำออกมาเพื่อกลบเกลื่อนและเก็บซ่อนความ
รู้สึกอะไรบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้หลุดรอดจากสายตาและความกังวลของผมเลย หน้าปัดของมือถือบอกเวลาว่ามันล่วงมาถึงเวลาที่น้องต้องกลับ
แล้ว ผมประคองน้องลงมาที่ชั้นล่าง น้องทิ้งตัวลงโซฟาอย่างแรง ทำให้อดห่วงไม่ได้ ว่าจะกลับไหวไหม ถามน้องว่าวันนี้ใครมารับ น้องบอกว่า
แม่มารับผมค่อยโล่งใจหน่อย คงจะค่อยๆกลับกัน และอีกอย่างผมมากับเพื่อนอีกคนที่ต้องไปเที่ยวกันต่อ ผมบอกปาป้าให้ดูแลน้องด้วย ผมดื่ม
ได้ไม่มากนักที่ร้านเกะอีกร้านนึง แม้จะมีน้องสาวที่น่ารักคนนึงเอาอกเอาใจนั่งดื่มเป็นเพื่อน มือที่ถือแก้วเหล้าเริ่มช้าลงตามลำดับ ในขณะที่ในใจ
เต้นแรงคิดเป็นห่วงคนที่เรารัก ผมเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้งด้วยกาแฟเพื่อที่ก่อนนอนผมจะได้โทรหาน้องเค้าก่อน เมื่อผมกลับถึงบ้านวันนี้ผมไม่
ทันได้อาบน้ำผมรีบโทรหาน้อง แต่คนที่รับสายเป็นอีกคนซึ่งไม่ใช่น้อง ซึ่งผมรู้จักคนๆนี้ดี เราเคยคุยกันแล้วครั้งนึง คนที่ทำให้น้องเจ็บปวด คน
ที่ทำให้น้องมีบาดแผลในใจ และแผลที่ปรากฎตามตัว ผมได้เห็นตอนเรานัดเดทกันครั้งแรกตอนกลางวัน เค้ากำลังเลิกกัน เพราะฝ่ายที่ทำให้
น้องเจ็บกำลังมีใหม่ ผมถูกเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างไม่เต็มใจนัก เรานั่งดื่มนั่งทานอาหารกันโดยมีโทรศัพท์เข้ามาทุกๆ ห้านาที
ในที่สุดน้องได้บอกไปว่าน้องมีอะไรกับผมแล้ว.. ผมสะดุ้งเพราะผมยังไม่ได้มีอะไรกับน้องเลย ผมกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองอะไรสักอย่าง
ในตอนนั้น ผมได้รับรู้ในอีกวันสองวันถัดมาว่าเค้าเลิกกันแล้ว น้องเริ่มโทรหาผมถี่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น ให้ผมไปหาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน...
ตัดมาที่ปลายสายของอีกฝ่าย ผมถามไปตรงๆว่ากลับมาคบกันเมื่อไรแล้ว คำตอบที่ได้คือแค่สองสามวันที่ผ่านมานั่นเอง ผมเงียบไปเพราะ
กำลังเรียงลำดับเหตุการณ์ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่มีพิรุธใดๆนอกจากการที่น้องเงียบไป ไม่ค่อยโทรมาหาเหมือนแต่ก่อน ซึ่งผมเองก็เข้าใจว่าน้อง
คงนอนพักผ่อน หรือไม่ก็มีปัญหาทางบ้านแต่เราเจอกันที่ร้าน น้องก็ปกติดี ถามว่าโทรไปแล้วทำไมไม่รับบอกว่าเพลีย ง่วงนอน ไม่สบาย ลืมมือ
ถือไว้ที่บ้าน ออกไปทานข้าวกับแม่เป็นคำตอบที่ผมได้รับ ซึ่งตอนนี้ภาพเหตุการณืมันถูกปะติดปะต่อกันออกมาแบบจิ๊กซอว์ ผมถามปลายสาย
นั้นขอคุยกับน้องอีกครั้ง เสียงอู้อี้ลอดมาตามสาย ผมคิดว่าตอนนี้คงอยู่ด้วยกันที่ไหนสักแห่ง ผมถามไปว่าน้องจะเลือกใคร รักใคร น้องให้คำตอบ
ที่ผมรู้แก่ใจว่าเลือกคนที่ไม่ใช่ผม ผมรู้สึกเฉยๆ เสียใจน่ะแน่นอนธรรมดา แต่เสียความรู้สึกมันมีมากกว่าหลายเท่าตัวนัก ผมกดวางหูลง แล้ว
พยามข่มตานอน ผมลบข้อความที่น้องส่งมาออกจนหมด รวมถึงรูปของน้องที่ผมถ่ายตอนเราไปชอปปิ้งที่เซ็นทรัลด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นผม
ลบออกมาแล้วหลายคน เพื่อรักษาน้ำใจน้องที่คอยเช็ครูปและข้อความส่วนตัวของผมตลอดเวลาที่ผมไปเที่ยว รูปที่เหลือถูกนำมาเป็น Screen
server อีกครั้งเป็นรูปของแฟนคนที่สองที่เลิกกันไป รอยยิ้มที่เห็นเหมือนยิ้มเยาะอยู่ในที ผมยิ้มให้รูปแฟนก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีเพียง misscalled จากน้องแค่ 1 ครั้งหลังจากวันนั้น ในขณะที่ผมส่ง sms หาน้องเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานภาพของผมกับน้อง ให้เราต่างยังมี
ความความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน แม้ว่าที่ผ่านมาผมรู้ตัวว่าผมสูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง แต่ผมทำใจได้ ทำไมล่ะ กับแค่สองเดือนมันคงไม่ยาก
หากจะเอามาเทียบกับแปดปีที่ผลสุดท้ายไม่หลงเหลืออะไรอีกต่อไป คำว่า"พี่ชาย"ถูกนำขึ้นมาใช้ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป มันเป็นสิ่งที่
ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้ ก่อนที่ผมจะต้องไป...ผมมอบความเป็นพี่ชายให้กับน้องๆที่ผมรู้จัก อีกหลายคน ที่ผมรู้สึกเป็นห่วงใย แต่ไม่
เคยคิดว่าจะต้องรวมถึงคนที่ผมคิดจริงจังด้วยคนนี้ รูปเพียงหนึ่งใบ กับสเวตเตอร์ที่น้องลืมเอาไว้ในรถแล้วผมถือวิสาสะไม่คืน ซึ่งผมใช้เป็น
เพื่อนกอดนอนในช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาผมคงจะนำติดตัวไปด้วย เพื่อที่จะระลึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะจากบ้านไปไกล......
มันอาจดูด้อยค่าหากเทียบกับสิ่งที่ผมพยามจะหยิบยื่นให้กับน้อง ซึ่งน้องยังเด็กนัก คงไม่อาจที่จะเข้าใจความรู้สึกบางอย่างหรือคุณค่าอะไร
สักอย่างที่ใครหลายคนต่างไขว่คว้าอยากได้มาซึ่งความหมายของคำว่า "รักแท้" ผมเองได้เอ่ยถึงน้องในแง่ที่ดี ให้กับคนทางบ้านรับรู้
และเตรียมพาน้องเข้าบ้านก่อนที่ผมจะไป...หรือตัดสินใจ ทำอะไร แต่มันสายไป
-----------------------------------------------------------------------------------------
ได้รับรู้มาว่ามีน้องบางคนแอบเฝ้ามองผมแบบเงียบๆ...ก็อย่างว่า คนที่เรารักมักไม่สมหวัง ส่วนคนที่รักเรา เรากลับมองข้ามเค้าไป ถึง
ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ทันสักอย่าง ด้วยเวลาที่จำกัด และด้วยความรู้สึกที่ละอายตัวเอง ที่ผิดหวังจากอีกคนแล้วมาเริ่มกับอีกคน คงต้องให้เวลามัน
เป็นตัวช่วยเยียวยาอีกครั้ง การจากไปไกลมันคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงต่อการรักษาซึ่งสัมพันธภาพ ระหว่างคนสองคนให้คงอยู่ แม้คนที่อยู่
ด้วยกัน นอนด้วยกันนานนับเกือบสิบปี ยังมีวันเลิกรา นับประสาอะไรกับคนที่ต้องเจอะเจอผู้คนมากมายในยามค่ำคืนเค้าจะไม่หวั่นไหว ผมให้ได้
ทุกอย่าง แต่สิ่งที่อยู่ในใจตอนนี้คืออยากเห็นน้องที่ผมรัก และน้องสาวหลายๆคนที่ผมเคยรู้จัก ได้มีวันที่จะพบรักแท้และรู้จักรักตอบยามเมื่อมีคน
มอบความรัก และความจริงใจให้ ซึ่งผมคิดว่ามันคงเกิดขึ้นได้ยาก บนเส้นทางเดินของคนกลางคืน ที่ความต้องการ ความรู้สึกที่ดีๆและงดงาม
เช่นนี้ มันจะมาบรรจบกัน...แม้มันเฉียดใกล้ความเป็นจริงที่อยู่แค่มือเอื้อมถึง มันเป็นเหมือนเส้นขนานที่คอยสวนทางกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
แค่เก็บเอาความรู้สึกที่ดีและสวยงามนั้นเอาไว้ แม้ว่าอาจเป็นเราหรือเค้าที่ต้องเสียใจ ความทรงจำที่ดีเท่านั้น ที่เราควรเก็บเอาไว้ครับ...
---------------------------------------------------------------------------------