antalya escort bayan escort antalya antalya bayan escort
free hd porn
freier porno porno gratis
mengen escort bartin escort erzincan escort erzincan escort esenler masaj salonu erzincan masaj salonu goksun masaj salonu esenler masaj salonu biga masaj salonu erzincan masaj salonu ezine masaj salonu can escort
แสดงกระทู้ - ka12345
-->

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ka12345

หน้า: [1]
1
ปัญหาผู้รับเหมาฯ-แรงงานขาดแคลนเข้าขั้นวิกฤต อสังหาฯเผยไม่มีผู้รับเหมาฯเสนอประมูลงาน ตัดโอกาสผู้ประกอบการระดับกลาง-รายย่อย


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมอาคารชุดไทย จัดเสวนาพิเศษเรื่อง "วิกฤติแรงงานขาดแคลน ผลกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์" (ในธุรกิจก่อสร้าง) ระบุว่า ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในธุรกิจก่อสร้าง กำลังเป็นปัญหาใหญ่เข้าขั้นวิกฤติ โดยมีภาวะขาดแคลนแรงงานในทุกกลุ่ม ทั้งแรงงานระดับหัวหน้าคุมงาน แรงงานระดับช่างฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และแม้กระทั่งแรงงานไร้ฝีมือ ก็อยู่ในภาวะขาดแคลน ถึงขั้นต้องแย่งตัวแรงงานต่างด้าวที่ประจำในแต่ละไซต์งาน อีกทั้งมีปัญหาต้องเสียค่าใช้จ่ายปลีกย่อยหลายด้าน หากมีแรงงานต่างด้าวในครอบครอง ซึ่งเสี่ยงต่อการจ้างงานผิดกฎหมาย แต่หลายบริษัทก็ต้องรับสภาพ เนื่องจากมีภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารขุดไทย กล่าวว่า สถานการณ์ที่ขาดแคลนแรงงานในภาคก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว จึงทำให้ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวกลายเป็นแรงงานหลักในไซต์งานก่อสร้าต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งพบว่าผู้รับเหมาฯแทบทุกรายล้วนใช้แรงงานต่างด้าว เกินกว่าครึ่งของแรงงานที่มี และยังพบว่าสถานการณ์จ้างงานก่อสร้างเปลี่ยนไป คือแต่เดิมเวลาจะเปิดประมูลงาน ต้องมีผู้รับเหมาฯมาเสนองาน 5 รายเป็นอย่างต่ำ แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่ต้องประมูล เพราะอาจเรียกผู้รับเหมาฯมาเสนองานได้เพียง 1-2 รายเท่านั้น

ผู้รับเหมาฯเล่นตัวเมินประมูลงาน
"ผู้รับเหมาฯเล่นตัวมากขึ้น ถึงขนาดบอกว่าถ้าไม่ใช่ลูกค้าเก่ากันมาก่อน คงไม่มารับงานให้ที่มาเสนองานครั้งนี้เพราะเกรงใจ" นายอธิป ย้ำและว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับ บริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ ยิ่งหากเป็นรายกลาง-รายย่อย การหาผู้รับเหมาฯในขณะนี้เป็นเรื่องยากมาก หรือหากได้งานก็ต้องเสนอราคาจ้างงานที่สูงมาก เกินภาวะปกติไป 10-20% กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ ไม่เพียงผู้รับเหมาฯ งานปลีกย่อยเช่น ตอกเสาเข็มก็เข่นกัน ต้องรอคิวถึง 45 วัน เพื่อจองตัวคนงานขับรถตอกเข็มซึ่งขาดแคลนหนัก เช่นเดียวกับช่างมุงหลังคาที่หาได้ยากงานล้นมือ หลายโครงการต้องกองกระเบื้องรอช่างนานนับเดือน


นอกจากนี้ แม้หลายโครงการมีผู้รัเหมาฯแล้วก็ใช่ว่าจะหมดปัญหา เพราะยังมีภาวะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นซ้ำซ้อนอย่างไม่ควรเป็น กรณีที่ผู้รับเหมาฯใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งแน่นอนย่อมมีทั้ง ที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง และเข้ามาแบบไม่ถูกกฎหมาย จึงมักมีปัญหาต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว

"ขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 14 หน่วยงาน ที่เวียนเข้ามาตรวจไซต์งานก่อสร้าง ขอให้คนงานต่อแถวตรวจเอกสาร บางครั้งต้องยกขบวนกันไปโรงพัก เสียเวลาทำงานเป็นวันๆ ส่งผลกระทบต่อการทำงานล่าช้าเสียหาย ผู้รับเหมาฯบางรายจึงยอมจ่ายเงินพิเศษ เพื่อตัดปัญหาแต่ก็พบกรณีเรียกตรวจทำนองนี้ค่อนข้างถี่ หลายรายยอมเสียค่าใช้จ่ายให้เจ้าหน้าที่แบบรายเดือนเพื่อตัดปัญหา แต่ก็กลายเป็นปัญหาต้นทุนซ้ำซ้อนบานปลาย" นายอธิป เผยและว่า ที่ผ่านมาเอกชนพยามปรับตัวด้วยการ นำระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปมาใช้ แต่ก็มีปัญหาเรื่องการยอมรับของตลาด เนื่องจากคุณภาพงานมีปัญหา จากรอยต่อชิ้นส่วนต่างๆ ที่มีกรณีน้ำรั่วซึมได้ เนื่องจากไทยเป็นเมืองร้อนชื้นฝนตกมากกว่าแถบยุโรปเจ้าของเทคโนโลยีต้นแบบ

นอกจากนี้ยังมีปัญหา แย่งตัวคนงานก่อสร้างกันแบบเฉพาะหน้า โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนพบว่ามีปัญหาถูกชิงตัว ถึงไซต์งานหากไม่มีหัวหน้างานคุมอยู่ ด้วยการเสนอค่าจ้างสูงกว่าเกือบเท่าตัว ดึงตัวคนงานจากไซต์หนึ่งไปอีกไซต์หนึ่งแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งกรณีการเสนอค่าจ้างแรงงานสูงกว่า เป็นอีกประเด็นปัญหาที่ทำให้คนงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งไม่ต้องการขึ้นทะเบียน เพราะเมื่อขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวแล้ว จะทำให้การเคลื่อนย้ายที่ทำงานทำได้ยาก แม้กระทั่งการย้ายไซต์งานก่อสร้างก็ไม่สามารถทำได้ หากแจ้งขึ้นทะเบียนทำงานกับนายจ้างเดียวไว้ไซต์งานเดียวไว้ตั้งแต่แรก

เสนอผ่อนเกณฑ์ย้ายแรงงานต่างด้าว
ปัญหาเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงานต่างด้าวทำได้ลำบาก เป็นอีกประเด็นที่กระทบต่อการดำเนินงาน เพราะแม้กระทั่งนายจ้างเดิมที่ขึ้้นทะเบียนแรงงานไว้ถูกต้อง ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายกรณีที่จย้ายแรงงานต่างด้าว ไปทำงานนอกพื้นที่ที่แจ้งไว้รายละ 1,000 บาท/ต่อการแจ้งย้าย 1 ครั้ง ดังนั้นเอกชนจึงต้องการจอผ่อนผันเรื่องการย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ด้วย

ด้านน.พ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ยอมรับว่าสถานการณ์แรงงานขณะนี้ขาดแคลนจริง โดยเฉพาะแรงงานไทยไม่นิยมทำงานในภาคก่อสร้างและภาคแรงงานพื้นฐานมากนัก ซึ่งความรุนแรงของปัญหามาจากหลายสาเหตุ ปัญหาใหญ่คือ โครงสร้างประชากรเปลี่ยน ทั้งเรื่องของอายุประชากร อาชีพที่เลือกได้ไมากขึ้น ปัจจุบันคนไทยเลือกอาชีพอิสระมากขึ้น เพราะทำง่ายรายได้ดี เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หาบแร่แผงลอย อาชีพรับจ้างอิสระ และค้าขายอื่นๆ ทำให้แรงงานหายไปหลายแสนคน

ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยว่าข้อมูลล่าสุดมีผู้ประกอบการแจ้งโควต้าความต้องการแรงานเพิ่มอีก 2.1 ล้านคน แต่สถานการณ์ขณะนี้ เรามีแรงานในมือเพียง 5 แสนกว่าคน สรุปเรายังมีความต้องการแรงงานต่างด้าวอยู่ 1.6 ล้านคน ที่ถือได้ว่ายังขาดแคลน โดยจำนวนนี้ไม่รวมแรงงานผิกกฎหมาย
หากดูจากสถาณการณ์ล่าสุด แรงงานต่างด้าวในไทยมีอยู่ 1.3 ล้านคน และยังอยู่ในมือผู้ประกอบการอีก 5 แสนคน ที่กำลังจะขึ้นทะเบียนรวมเป็น 1.8 ล้านคน ยังมีแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาทำงานแบบไม่เปิดเผยอีกราว 7 แสนคน รวมเป็นแรงงานต่างด้าวนในไทยทั้งสิ้นกว่า 2.5 ล้านคนเป็นอย่างน้อยแต่ก็ยังไม่เพียงพอ

จำนวนที่ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการถึง 1.6 ล้านคนนั้น ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้แก้ปัญหา โดยได้ทำเอ็มโอยูลงนามความร่วมมือกับ 3 ประเทศ คือ พม่า ลาว และกัมพูชา ในการนำเข้าแรงงานมาทำงานในไทย ซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่งแต่นยังไม่เพียงพอ เพราะในทางปฏิบัติจริงแรงงานตามเอ็มโอยู มีโอกาสจะได้มาเพียงจากพม่าเท่านั้น ขณะที่เวียดนาม และกัมพูชา มีโอกาสส่งแรงงานมาไทยน้อยมาก ที่เข้ามาส่วนใหญ่ล้วนเป็นการลักลอบแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

อีกทั้ง ล่าสุดสมาคมประมง ได้เรียกร้องมาว่าต้องการแรงงานเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันแรงงานพม่า และกัมพูชา ไม่ยอมลงเรือ ทำให้มีปัญหาหลอกคนไปทำงาน ปัญหาค้ามนุษย์ตามมา ล่าสุดก.แรงงานจึงประสาน ด้วยการจะทำเอ็มโอยูกับประเทศบังคลาเทศ เพื่อส่งแรงงานเข้ามาในภาคประมงไทย และอาจเพิ่มให้กับสมาคมด้านก่อสร้างที่แสดงความจำนงมาด้วยเช่นกัน

ส่วนประเด็นการย้ายไซต์งานของแรงงานก่อสร้าง น.พ.สมเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้่จะรับไว้พิจารณาดำเนินการผ่อนผัน ให้สามารถทำได้ โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โดยกระทรวงฯจะรับไปดำเนินการต่อ และให้ระบุตั้งแต่ขั้นตอนการออกใบอนุญาตทำงาน โดยให้ระบบจำนวนไซต์งานของแรงงานนั้นๆ ได้มากว่า 1 แห่ง อาจได้ถึง 10 แห่งไว้ตั้งแต่ต้น

เกาะติดโครงการ2ล้านล้านหวั่นปัญหาซ้ำ
นอกจากนี้ นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ทางกระทรวงยังมีความกังวล กับปัญหาที่อาจเกิดต่อเนื่องจากโครงการ 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลที่จะสร้างระบบสาฤธาณูปโภคพื้นฐานอาจใช้แรงงานจำนวนมาก จะกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาแรงงานในภาคก่อสร้าง ที่ขาดแคลนหนักในปัจจุบัน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปขอดูรายละเอียดโครงการดังกล่าว เพื่อประเมินว่าจะมีโอกาสใช้แรงงานเพิ่มอีกเพียงใด เพื่อนำมาวิเคราะห์วางแผนจัดเตรียมแรงงาน สำหรับป้อนภาคก่อสร้างให้เพียงพอ

ซึ่งในเรื่องนี้ ภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ก็แสดงความกังวลเช่นกันว่า โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในกลุ่มเมกะโปรเจคต่างๆ หากเปิดดำเนินการจริง อาจส่งผลกระทบการดึงผู้รับเหมาฯ และการดึงแรงงานซึ่งวิกฤติอยู่แล้ว ให้เลวร้ายซ้ำเติมขึ้นไปอีก สถานการณ์ขณะนี้ ผู้ประกอบการจึงพยายามทุกวิถีทางในการปรับตัวเพื่อรับมือปัญหา บางบริษัทมีการปรับระบบการบริหารงานก่อสร้าง เปิดแผนกควบคุมงานก่อสร้างขึ้นมาเป็นการเฉพาะ

อย่างกรณีล่าสุด บริษัท เอเชี่ยน พร็อเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เปิดแผนกบริหารโลจิสติกส์ สำหรับงานก่อสร้างขึ้นมาเป็นกรณีเฉพาะกิจ โดยให้เหตุผลว่าต้องการบริหารงานก่อสร้างไม่ให้ติดขัด ซึ่งเนื้อหาใหญ่ก็คือกาแก้ปัญหาการก่อสร้างไม่ให้สะดุด จากปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาฯ และขาดแคลนแรงงานก่อสร้างในทุกระดับชั้นนั่นเอง

ขณะที่่เอกชนบางราย ยอมรับว่าภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นขณะนี้ บางบริษัท ถึงกับต้องปรับตัว โยกย้ายเจ้าหน้าที่ในไซต์งานก่อสร้าง ดึงส่วนงานที่ไม่ขาดแคลนมากมาเสริม งานที่ขาดแคลนหนัก โดยเฉพาะงานโฟร์แมนผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งใช้คนระดับอาชีวะ เป็นผู้ควบคุมแต่เนื่องจาก แรงงานในกลุ่มนี้ขาดแคลนมาก เพราะผู้จบอาชีวะมักจะกลับไปเรียนต่อเมื่อจบปริญญาตรีแล้ว ก็ไม่ยอมทำงานระดับโฟร์แมน ขยับไปสู่งานวิศวกรแทน หลายบริษัทจึงต้องปรับตำแหน่งวิศวกร ในแง่การทำงานลงมาเป็นงานระดับโฟร์แมน แต่เรียกตำแหน่งวิศวกรเช่นเดิม และจ่ายค่าจ้างระดับวิศวกร แต่ใช้งานในระดับต่ำลงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ซึ่งก็เป็นอีกค่าใช้จ่ายที่ทำให้ต้นทุนสูงเกินจริง


ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

2
ตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ปี 56 แถบฝั่งตะวันออกสุดคึกคัก หอฯเชียงใหม่ คาดเส้น อ.สันกำแพง บูมรับท่าอากาศยานแห่งใหม่-แนวสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง

นายเจนกิจ สวัสดิโอ กรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่และแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี2556 จัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ว่าทิศทางการเติบโตของเชียงใหม่หลังจากนี้ไปจะอยู่ด้านอ.สันกำแพง หรือเชียงใหม่ฝั่งตะวันตก เนื่องจากมีโครงการใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตทั้งสนามบินแห่งใหม่ แนวสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง และสถานีรถไฟที่ต้องย้ายจากที่อยู่เดิม โดยผังเมืองรวมเชียงใหม่ที่ประกาศใช้แล้วกระทบต่อสัดส่วนการใช้พื้นที่มาก เพราะให้พื้นที่สีเขียวจำนวนมากบริเวณดังกล่าวห้ามทำการจัดสรรพื้นที่เด็ดขาด

เผยลูกค้าเชียงใหม่ซื้อเพื่อการลงทุน
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเชียงใหม่ เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจมีศักยภาพสูง มีความพร้อมมากกว่าหลายจังหวัด รวมถึงกทม.ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งยอดขายของบริษัทที่มาลงทุนเชียงใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมากับโครงการบ้านจัดสรร 3 โครงการและคอนโด 1 โครงการ พบว่าลูกค้ามีการซื้อเพื่อการลงทุน และซื้อด้วยเงินสดมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ที่บริษัทได้ไปลงทุน เช่น ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี ขณะที่การขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์พบว่าได้รับการปฏิเสธในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับภูเก็ต

ขณะเดียวกันเชียงใหม่ มีสิ่งซัพพอร์ทการเกิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความชัดเจนกำหนดความสูงของอาคารชัดเจน ซัพพลายเออร์ท้องถิ่นด้านวัสดุก่อสร้างมีความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและการบริหารจัดการ

นอกจากนี้ พบว่าโมเดิร์นเทรดด้านวัสดุก่อสร้างก็มาลงทุนเชียงใหม่หลายโครงการทั้งโฮมโปร , โกลบอลเฮ้าส์ , โฮมเวิร์ค, ดูโฮม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชียงใหม่ที่สูงมากจึงมีการลงทุนสูง นอกจากนี้ ยังมีระบบสาธารณูปโภคที่พร้อม ปัจจุบันมีวงแหวน 3 รอบ ในอนาคตเชื่อว่าจะเกิดรอบที่ 4 และ 5 ขึ้นแน่นอน เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะการขยายสนามบินแห่งใหม่

ที่ดินชี้ฝั่งตะวันออกขยายตัวสูง
ขณะที่นายไพรัต เศียรสมาน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าแนวโน้มการเติบโตของเชียงใหม่ หลังจากนี้จะเป็นทางฝั่งตะวันออก คือ อ.สันกำแพง อ.สันทราย อ.ดอยสะเก็ด อ. แม่ริม และอ.หางดง ยอมรับว่าปีที่ผ่านมาจากข้อมูลตัวเลขการจัดเก็บรายได้จากการซื้อขายที่ดินและจำนองที่ดินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดเดือนธ.ค.2555 ที่จัดเก็บได้ 31 ล้านบาท จากเดือนพ.ย.อยู่ที่ 40 ล้านบาท

ส่วนที่อ.สันทราย เดือนธ.ค.2555 จัดเก็บได้ 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่จัดเก็บได้ 15 ล้านบาท อ.สันกำแพงนั้น เดือนธ.ค.2555 จัดเก็บได้ 12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่จัดเก็บได้ 8 ล้านบาท อ.ดอยสะเก็ด พบว่าช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค.จัดเก็บได้เท่ากันที่ 5-6 ล้านบาท ในส่วนของการจดทะเบียนอาคารจุดนั้น เขต อ. เมือง มีการยื่นจดทะเบียนทุกเดือน

ยันอสังหาฯเชียงใหม่ไม่น่าห่วงฟองสบู่
ด้านนางสุภาวดี ปุณศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวว่า ภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีมาก ปี 2555 โตกว่า 6.4%คาดว่าปีนี้จะโต 4.9% แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ส่วนสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือเมื่อสิ้นปี 2555 มีมูลค่าเกือบ 4.77 แสนล้านบาท โตขึ้น 18% จากปี 2554 เมื่อเทียบกับเงินฝากแล้วไม่โตเกินไป โดยเงินฝากปี 2555 มีมูลค่า 5.4 แสนล้านบาท ขยายตัว 23% ส่วนสินเชื่อเพื่ออสังหาริมทรัพย์ เชียงใหม่ปี 2555 มีมูลค่า 6.8 หมื่นล้านบาท โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554 โตขึ้น 17-20%


ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

3
วันนี้แวดวงอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวงเสวนา-สัมมนาที่ไหน ส่วนใหญ่จะต้องยกให้เรื่องผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ ฉบับล่าสุดที่จะประกาศใช้ในเร็ว ๆ นี้ เป็นหนึ่งในหลาย ๆ หัวข้อสนทนาด้วยเสมอ เพราะผังเมืองนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการขยายตัวของเมือง และเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านจัดสรร โครงการอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) แต่ผมคิดว่า ไม่น่าเป็นห่วงคนกลุ่มนี้เท่าไหร่หรอก เพราะกลุ่มนี้เขารู้ตัวและเตรียมหาทางออกไว้ล่วงหน้าแล้ว อาจด้วยวิธีการใช้ช่องว่างเวลาระหว่างการจัดทำ ช่องว่างทางกฎหมาย บางรายอาจถึงขั้นใช้ช่องทางพิเศษชะลอการประกาศใช้ไปเลย
 
แต่หัวเรื่องนี้ขอเปิดประเด็นให้พวกเราได้ฉุกคิดกัน คือ แล้วประชาชนพลเมืองทั่วไปอย่างพวกเรา ๆ ล่ะ หลายท่านไม่เคยสนใจเรื่องผังเมืองรวมเชียงใหม่นี้เลย และหลายคนทราบแต่ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับเรา ผมขอฟันธงเลยว่า เกี่ยวข้องและทุกคนได้รับผลด้วยแน่นอน ไม่มากก็น้อย ไม่โดยตรงก็ทางอ้อม ขอยกตัวอย่างเป็นกรณี ๆ อาทิ

ผู้ที่มีที่ดินแปลงใหญ่ คิดจะขายในเร็ว ๆ นี้ : ที่ดินของคุณอาจแทบจะไม่มีความต้องการในระยะเวลาอันสั้นนี้จากนักธุรกิจพัฒนาที่ดินแน่ ๆ รวมถึงอาจถูกบีบให้ขายในราคาถูก ๆ (เพราะรีบขายต้องการได้เงินเร็ว) ด้วยเหตุที่ว่า หากที่ดินของคุณตกอยู่ในเขตโซนสีที่กฏหมายระบุให้ใช้ประโยชน์เฉพาะการทำการเกษตรเท่านั้น เช่น สีเขียว และในทางตรงกันข้าม หากที่ดินที่คุณถือครองไว้นั้น ตกอยู่ในโซนสีที่สามารถขออนุญาตทำโครงการที่อยู่อาศัยได้นั้น จะมีมูลค่าขึ้นมาทันที เพราะบอกตรง ๆ ว่า ที่ดินสำหรับพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรร หรือโครงการคอนโดมิเนียมนั้นหากค่อนข้างยากขึ้นจากกฎหมายผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ฉบับที่จะประกาศใช้เร็ว ๆ นี้
 
ผู้ที่จะซื้อบ้าน อาจซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยแพงขึ้น : ด้วยเพราะนักพัฒนาโครงการฯ ทราบดีว่า ที่ดินมีอยู่จำกัด หากเขาประเมินว่า ความต้องการของผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยมีสูงกว่าจำนวนยูนิตที่มีอยู่โดยรวมแล้ว โอกาสที่จะขึ้นราคาขายก็มีสูงขึ้นแน่นอน อนึ่งอาจเป็นผลมาจากต้นทุนที่ดินก่อนนำมาพัฒนานั้นราคาสูงด้วย
 
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แค่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะชวนให้พวกเราได้ฉุกเท่านั้นเองว่า เราในฐานะผู้อาศัยเราจะต้องรู้ถึงข้อดีข้อเสีย ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามประกาศของผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่
 
ปิดท้ายหัวเรื่่องนี้ ว่า "ก่อนที่จะตกลงซื้อ-ขาย คุณตรวจสอบแล้วหรือยังว่าที่ดินและที่อยู่อาศัยนั้นอยู่ในเขตโซนสีใดในผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ เพราะนั้นหมายถึงอนาคตของเราว่า ละแวกบ้านเราจะมีอะไรเป็นภูมิทัศน์ หน้าบ้านเราอาจจะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น ? หรือเรามีที่ดินแม้แต่จะปลูกบ้านยังอาศัยอยู่ไม่ได้เลย...เพราะข้างบ้านอาจเป็นโรงบรรจุแก๊ส"
 
หมายเหตุ
- หากสนใจเรื่องกฎหมายผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ สามารถขอรายละเอียดได้ที่ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดเชียงใหม่
- หากต้องการไฟล์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผังเมือง คลิ๊ก like โพสต์ไว้ที่หน้าเพจ http://www.facebook.com/homeguideline
 
 
//บทความนี้เป็นความตั้งใจที่จะใช้ภาษา คำพูดที่เข้าใจง่าย เพื่อผู้อ่านทั่วไป ดังนั้นอาจให้ความสำคัญภาษาทางวิชาการน้อยลงไป ต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่มีภูมิรู้สูง และบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเขียนเท่าที่รู้ ดังนั้นผู้อ่านไม่จำเป็นต้องมีความเห็นที่สอดคล้องกับผู้เขียน


ขอบคุณ : HomeGuideline.com

4
โครงการบ้านจัดสรรในจังหวัดเชียงใหม่ต่างแข่งขันกันออกแบบและตกแต่งบ้านเพื่อเอาใจลูกค้า โดยแต่ละโครงการนั้นก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบต่างกัน บางโครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย บางโครงการเน้นการออกแบบต้นทุนต่ำ บางโครงการออกแบบเพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง บางโครงการออกแบบเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมของเชียงใหม่ แต่บางโครงการเลือกที่จะสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนโดยเน้นการออกแบบและตกแต่งที่มีเอกลักษณ์สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร มุ่งเลือกกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมเช่นเดียวกับรสนิยมของผู้ออกแบบโครงการ สไตล์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างอย่างที่ชัดเจนที่พบในเชียงใหม่ คือ สไตล์วินเทจ รวมถึงสไตล์ของอิงลิชคันทรี
 



สำหรับผู้ที่สนใจอยากมีบ้านที่เชียงใหม่สักหลังและเน้นเลยว่าต้องการบ้านสไตล์วินเทจ หรือสไตล์อิงลิชคันทรีเท่านั้น คงมีไม่กี่โครงการเท่านั้น ที่เห็นชัดเจนจริง ๆ ก็จะมีโครงการบ้านนนนิภา (เชียงใหม่-แม่โจ้) และ โครงการบ้านปวริศา (เชียงใหม่-สันทราย)


โครงการบ้านนนนิภา เป็นโครงการหมู่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ที่นำเสนอแบบบ้านสไตล์ของอิงลิชคันทรี ซึ่งเป็นลักษณะสไตล์วินเทจอีกรูปแบบหนึ่ง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทางโครงการนนนิภาอธิบายบ้านสไตล์อิงลิชคันทรีไว้อย่างน่าสนใจว่า
 
ท่ามกลางรสนิยมและความเชื่อที่แตกต่าง สไตล์ของอิงลิชคันทรีนี้เริ่มปรากฏชัดเจนในช่วงศตวรรษที่ 19 ในประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะในยุคสมัยของพระราชินีวิคตอเรีย ที่ทุกอย่างบ่งบอกถึงความอ่อนหวานงดงาม ผ้าลูกไม้ กระโปรงบานฟูฟ่อง และในสมัยนั้นได้มีการพัฒนาสถาปัตยกรรมที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตนเอง โดยการดัดแปลงผสมผสานจากลวดลาย และวัสดุชั้นดีจากหลายๆ ถิ่นมารวบรวม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่ดีมีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 
บ้านสไตล์อิงลิชคันทรี / บ้านนนนิภา ที่มาของบ้านสไตล์อิงลิชคันทรี เกิดจากชนชั้นสูงของประเทศในศตวรรษที่ 19 ที่เบื่อหน่ายกับความวุ่นวายในสังคมเมืองการดำเนินชีวิตที่รีบเร่ง จึงต้องการสถานที่ ที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย การพักผ่อน ใกล้ชิดธรรมชาติและที่สำคัญต้องปลอดภัย โดยรูปแบบบ้านนั้นจะต้องเน้นให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเองและอบอุ่นของผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นที่ ที่ทุกคนๆในครอบครัวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
 
สิ่งเหล่านี้เองได้สะท้อนออกมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรม สไตล์อิงลิชคันทรี เช่น การออกแบบบ้านให้เน้น พื้นที่ใช้สอยแบบ Open Space เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกัน การเชื่อมโยงการเน้นความโปร่ง โดยใช้หน้าต่างและกระจกเพื่อให้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในตัวบ้านเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติรอบๆบ้าน การใช้สีภายนอกและภายในเน้นการใช้สีทีอ่อนหวานและอบอุ่น
 
หากใครสนใจบ้านสไตล์นี้ก็ติดต่อโครงการเยี่ยมชมได้เลย ที่โครงการบ้านนนนิภา (เชียงใหม่) ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท โทร 053-044 900 หรือ 081-783 0376
 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โครงการบ้านปวริศา เป็นอีกโครงการหนึ่งที่นำเสนอแบบบ้านสไตล์วินเทจ ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-สันทราย (สายเก่า) ซอยข้างไปรษณีย์สันทราย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ราคาเริ่มต้นที่ 1.6 ล้านบาท หากสนใจโครงการติดต่อได้ที่ โทร.053-396988

 


หมายเหตุ โฮมไกด์ไลน์มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับโครงการบ้านที่กล่าวในบทความนี้ หากสนใจกรุณาติดต่อโดยตรงกับโครงการ

ขอบคุณ : HomeGuideline.com

5

ทายาทยักษ์ใหญ่สิ่งทองัดที่ดินผืนงาม 12 ไร่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนพระราม 3 พัฒนาคอนโดฯ โรงแรม ค้าปลีก มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ดีเดย์เปิดโฉมหน้าคอนโดฯ ในงาน “CBRE Elite Living 2013” ลั่นมีความพร้อม ไม่ใช่โครงการใหญ่อย่างเดียว ชี้ฐานลูกค้าหลักคนไทยโซนพระราม 3 ที่เหลือชาวต่างชาติ ด้าน “อลิวัสสา” ชี้คอนโดฯ ไฮเอนด์แนวโน้มเติบโต ราคาเพิ่ม เหตุซัปพลายจำกัด ราคาที่ดินพุ่ง แย้มรูปแบบการพัฒนาจะเปลี่ยนไปสู่ประเภทโรงแรม ห้างสรรพสินค้า เพื่อเก็บที่ดินไว้
       นายภีร์ ไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คณาพญา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงการเข้าสู่วงการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ตนมีความสนใจที่จะเพิ่มศักยภาพของที่ดินเปล่าของครอบครัว ที่เดิมเตรียมที่ดินไว้ประมาณ 12 ไร่ ติดริมแม่น้ำบนถนนพระราม 3 (ฝั่งกรุงเทพฯ โดยจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ อยู่ตรงข้าม) ไว้สำหรับสร้างโกดังเก็บสินค้า และขยายโรงงานสิ่งทอซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ครอบครัวดำเนินการอยู่ แต่ด้วยทำเล และการเติบโตของเมืองที่ขยายออกมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ดินผืนใหญ่ที่ติดริมแม่น้ำค่อนข้างมีจำกัด ราคาค่อนข้างแพง ทำให้ตนซึ่งเป็นทายาทของครอบครัวมองเห็นศักยภาพ จึงได้ตัดสินใจที่จะพัฒนาโครงการในรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกของประเทศไทยขึ้น โครงการมีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีจำนวน 223 ห้อง ราคาขายที่ยังไม่สรุปอาจมากกว่า 1.3 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 45 ตร.ม.ถึง 420 ตร.ม. มีความสูง 57 ชั้น คาดว่าเปิดตัวแนะนำโครงการเดือน มิ.ย.56
       
       อีกโครงการจะอยู่ในที่ดินผืนเดียวกัน (มีคลองกันแยกกับโครงการคอนโดฯ) จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบคอมเมอร์เชียล มอลล์ มีพื้นที่ให้เช่า 20,000 ตร.ม. และส่วนของโรงแรม จำนวน 300 ห้อง โดยจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท
       
       “ที่ดินผืนนี้ คุณพ่อซื้อสะสมมามากว่า 10 ปี ราคาที่ดินไม่แพงมาก อีกทั้งตรงนี้จะเป็นบริเวณคุ้งแม่น้ำท้องมังกร ส่วนที่แม่น้ำมีความกว้างที่สุดตามความเชื่อของศาสตร์ฮวงจุ้ย โดยมีความกว้างของแม่น้ำมากถึง 900 เมตร บางแห่งกว่าแค่ 300 เมตร และการที่ตนเข้ามาเริ่มธุรกิจอสังหาฯ ที่มีขนาดใหญ่นั้น ตนคิดว่าความใหญ่อาจไม่ใช่ประเด็น แต่หลักอยู่ที่ความพร้อมมากกว่า ซึ่งเรามีมืออาชีพ และพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาร่วมทีมในการพัฒนา รวมถึงการมีที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ มืออาชีพที่มีเครือข่ายไปทั่วโลกอย่างบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด ช่วยในเรื่องของฐานลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้มร่วมงาน CBRE Elite Living 2013 ระหว่างวันที่ 26 เมษายน-6 พฤษภาคม ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นการรวมคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์กว่า 15 โครงการเข้าร่วม โดยขณะนี้มีลูกค้าจองชื่อมาแล้วเฉพาะวันแรกที่เปิดงานประมาณ 10 ยูนิต”
       
       สำหรับฐานลูกค้าหลักของโครงการจะเป็นเจ้าของธุรกิจ (เถ้าแก่) ในย่านพระราม 3 ที่ต้องการซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย และให้ลูกหลานได้อยู่ ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายรองมุ่งไปที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ( Expat) และกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน เนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปีพ.ศ.2558 จะส่งผลให้กรุงเทพมหานคร สามารถก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนได้เต็มรูปแบบ
       
       คอนโดฯ ไฮเอนด์ราคาเพิ่มซัปพลายน้อย
       
       น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ตลาดคอนโดฯ ไฮเอนด์ย่านใจกลางเมืองมีสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น เป็นตลาดที่ได้รับความสนใจ และยังมีดีมานด์จากผู้ซื้อทั้งไทย และชาวต่างชาติต่างชาติที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน แต่ที่ผ่านมาซัปพลายที่มีการเปิดตัวค่อนข้างจำกัด ผลจากวิกฤตการเงินในในยุโรปที่กระทบผู้ซื้อหลักในยุโรป ผู้ประกอบการจึงชะลอการเปิดโครงการใหม่ โดย 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวเพียง 2,000-3,000 ยูนิต ปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 1,500 ยูนิต จากนี้ไปคาดว่าจะมีเปิดตัวต่อปีประมาณ 1,000 ยูนิต
       
       “ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดคอนโดฯ ไฮเอนด์ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยโดยรวมของการปล่อยเช่าคอนโดฯ ใจกลางเมือง ในปี 2555 อยู่ที่ระดับ 4-6% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่อยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 2% และตลาดหุ้น ทองคำมีความผันผวน นอกจากนี้ หากถือไว้ในระยะยาวยังได้กำไรจากการขายต่อ เนื่องจากซัปพลายย่านใจกลางเมืองมีไม่มาก เช่น คอนโดฯ ย่านถนนวิทยุ ที่ราคาขายขึ้นมากว่า 60% ในช่วง 4-5 ปี ขณะที่ในอนาคตนักลงทุนจะไม่พัฒนาโครงการเพื่อขาย แต่จะทำประเภทโรงแรม ห้างสรรพสินค้า เพื่อเก็บที่ดินไว้แทน”น.ส.อิวัสสากล่าว
       
       น.ส.อลิวัสสากล่าวว่า สำหรับโครงการคอนโดฯ ไฮเอนด์ใจกลางเมืองมีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้นจากช่วง 2-3 ปีที่ 10% เพิ่มขึ้น 25% ผู้ซื้อหลักๆ คือ ชาวเอเชีย โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี และญี่ปุ่น เนื่องจากได้ทำเลดี และราคาถูกกว่า 4-5 เท่า
       
       น.ส.อลิวัสสากล่าวว่า ที่ดินที่มีจำกัดและต้นทุนราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้พัฒนาโครงการได้ยาก โดยเฉพาะใจกลางเมือง จาก 6-7 ปีที่แล้วราคาเพียง 900,000 ต่อ ตร.ว. ปัจจุบันราคา ตร.ว.ละ 1.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทำเลใจกลางเมืองที่ยังมีที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการได้ คือ ย่านพระราม 4 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 3 พญาไท ซึ่งที่ดินที่ติดริมถนนราคาประมาณ 300,000 บาทต่อ ตร.ว. และทำเลที่ยังมีดีมานด์เฉพาะอยู่คือ ย่านแม่น้ำ ทำให้ราคาที่ดินจากเดิมที่ราคาที่ดินคงที่อยู่ประมาณ 160,000-170,000 แสนบาทต่อ ตร.ว. เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาท ในช่วงระยะเวลา 1 ปี


ขอบคุณ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

6

   เรียลแอสเสทฯ ชูพื้นที่ย่านบางนา-ศรีนครินทร์ ทำเลดีเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ เขตเมืองชั้นใน เผยราคาที่ดินปรับขึ้น 30-52% ชี้การเติบโตของทำเลส่งผลดีโครงการในพื้นที่ แจงความคืบหน้าโครงการเพล็กซ์ บางนา ยอดขาย 65% หรือมียอดขายกว่า 350 ล้านบาท พร้อมอัดแคมเปญพิเศษร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 28 ซื้อครบ 2 ล้าน ลุ้นรถสปอร์ตซีดานฮอนด้า ซีวิค
       
       นายปริทัศน์ เพชรอำไพ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัวบ้านอย่างโครงการเพล็กซ์ บางนา ทาวน์โฮม พรีเมียม ที่เจาะลูกค้าระดับ B อายุระหว่าง 28-40 ปี รายได้ต่อครัวเรือน 75,000 บาท สำหรับ “เพล็กซ์ บางนา” ตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด (กม.5) ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี มีพื้นที่โครงการ 24 ไร่ จำนวนยูนิตทั้งสิ้น 238 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,344 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์น หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยประมาณ 190 ตร.ม. 3 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 4 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 5.09 ล้านบาท
       
       ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าด้านงานก่อสร้างแล้วกว่า 20% และมียอดขาย 65% คิดเป็นมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทประสบความสำเร็จโดยสามารถปิดการขายโครงการเอ็นเตอร์ไพรซ์ ปาร์ค ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี และโครงการที่ 2 คือ โครงการเพล็กซ์ บางนา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
       
       สำหรับแผนการตลาดในระยะเวลาสิ้นนี้ “เรียลแอสเสทฯ มีแผนจะนำโครงการในมือร่วมออกบูทในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 28 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9-12 พฤษภาคมนี้ ซึ่งทางบริษัทได้นำ 3 โครงการ ไปร่วมในงาน ได้แก่ ทาวน์โฮม 2 โครงการ คือ เพล็กซ์ บางนา, สตอรี่ส์ วงแหวน-อ่อนนุช และคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ คือ โครงการแอสเซนท์ เอกมัย-ทองหล่อ โดยโปรโมชันที่พร้อมนำเสนอในงาน ได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อโครงการของเรียลแอสเสทฯ ครบทุก 2 ล้านบาท จะได้ลุ้นรับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค
       
       ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่ย่านบางนา-ศรีนครินทร์ พบว่า บริเวณถนนบางนา กม. 3-4 และย่านถนนศรีนครินทร์ เดิมพื้นที่บริเวณนี้มีการพัฒนาเป็นชุมชนพาณิชยกรรมย่อยอยู่แล้ว มีทั้งอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงพยาบาล ที่พร้อม เช่น เซ็นทรัลบางนา บิ๊กซี บางนา ซีคอนสแควร์ เป็นต้น ประเด็นสำคัญ คือ ทำเลนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญของสนามบินสุวรรณภูมิ กับเขตเมืองชั้นใน ประกอบกับร่างผังเมืองใหม่ที่กำหนดให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นศูนย์พาณิชยกรรมสำคัญของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ผังทำเลที่ 8 บางนา ศรีนครินทร์ ทำให้ทำเลย่านนี้ดูมีอนาคตสำหรับการพัฒนาเป็นพื้นที่ทางการพาณิชย์
       
       นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีโครงการรถไฟฟ้าอีก 2 สายคือ โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนขยายจากอ่อนนุชมายังบางนา ต่อเนื่องไปยังสำโรง เมืองสมุทรปราการ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ทั้งนี้ การขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ ส่งผลให้ราคาที่ดินบริเวณที่ผังเมืองอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ทางพาณิชยกรรม (พ.3) ซึ่งราคาเพิ่มในปีนี้ประมาณ 5-8% และถ้านับจากปี 41 ถึงปัจจุบัน เพิ่มสูงถึง 30-52% เนื่องจากได้รับผลประโยชน์จากการมีสนามบินสุวรรณภูมิเป็นปัจจัยหลัก


ขอบคุณ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

7
ซีบี ริชาร์ดฯ ชี้ดีมานด์ตลาดคอนโดไฮเอ็นด์พุ่ง รับนักลงทุน หนี "หุ้นขาลง- ทองผันผวน -ดอกเบี้ยต่ำ"


นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมีเนียมไฮเอ็นด์ย่านใจกลางเมืองว่า มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยได้รับความสนใจจากผู้ซื้อกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นด์ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะต่างชาติ มีสัดส่วนการซื้อเพิ่มขึ้นขึ้นจาก 10% ในช่วง 2-3 ปีผ่านมา เป็น 20-25% โดยลูกค้าหลักมาจากเอเซีย เป็นทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อการลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ คาดว่ามีปัจจัยมาจากภาวะตลาดหุ้นชะลอตัว ราคาทองคำผันผวน และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนด้านที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดไฮเอ็นด์ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนค่อนข้างสูง เฉลี่ยโดยรวมของการปล่อยเช่าคอนโดใจกลางเมือง ในปี 2555 อยู่ที่ระดับ 4-6% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 2% นอกจากนี้ ยังได้กำไรที่ดีเมื่อนำไปขายต่อ เนื่องจากซัพพลายย่านใจกลางเมืองมีไม่มาก นัก ตัวอย่าง คอนโดในย่านถนนวิทยุ ที่ราคาขายต่อสูงขึ้นถึง 60% ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

“ต้นทุนราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จากข้อจำกัดของที่ดินใจกลางเมืองที่แทบจะหาไม่ได้ ตอนนี้จะเหลืออยู่ไม่กี่แปลงใน ย่านพระราม 4 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 3 และย่านพญาไท หากเป็นที่ดินที่ติดริมถนน ราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาทต่อตารางวา ส่วนย่านริมแม่น้ำ จากเดิมราคาอยู่ที่ 1.6-1.7 แสนบาทต่อตารางวา ขยับมาอยู่ที่ 3 แสนบาทต่อตารางวา เมื่อปีที่ผ่านมา ” นางอลิวัสสากล่าวและว่า

นักลงทุนต่างชาติที่นิยมลงทุนในคอนโดไฮเอนด์ ได้แก่ นักลงทุนเกือบทุกประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ที่เข้ามาซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐีชาวจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นตลาดใหม่ที่เข้ามาทดแทนลูกค้ายุโรป ที่ชะลอตัวไปหลังจากเกิดวิกฤตยูโรโซน โดยสาเหตุที่อสังหาฯในไทย ได้รับความนิยมจากต่างชาติ เพราะมีราคาต่ำกว่าสิงคโปร์ และฮ่องกง 5-6 เท่า ดังนั้น แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่กำลังซื้อก็ยังไม่ตก

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

8
ฟันด์เมเนเจอร์มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนพ.ค. "ขาขึ้น" ลุ้นทะยานเหนือ 1,600 จุด ทองคำหมดเสน่ห์ จับตา กนง.หั่นดอกเบี้ย อุ้มส่งออก


ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในเดือนเม.ย.ยังคงผันผวนในช่วงขาขึ้น ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง จากเดิมที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย กลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่ไม่น่าลงทุนมากนัก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์บ้านเรา ราคาทองดำดิ่งลง 260 ดอลลาร์ โดยเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ราคาทองอยู่ที่ 1,580 ดอลลาร์ หลังเปิดตลาดวันที่ 17 เม.ย.ราคาทองร่วงลงมาแตะ 1,320 ดอลลาร์ จากความกังวลธนาคารกลางไซปรัสเทขายทอง เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว กองทุนอีทีเอฟทยอยขายทองออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แรงซื้อกลับในช่วงปลายเดือนเม.ย. จากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงใช้นโยบายการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ ช่วยหนุนให้ราคาทองยืนเหนือระดับ 1,400 ดอลลาร์ได้สำเร็จ
ขณะที่ค่าเงินบาทในเดือนเม.ย.ปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง จากเงินทุนไหลเข้า ที่เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น ทำให้ค่าเงินบาทแข็งประมาณ 6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2555 โดยค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าสุดที่ 28.55 บาท/ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 16 ปี

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ในเดือนพ.ค. นักลงทุนต้องจับตา หากเป็นปัจจัยต่างประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกาและจีน ว่าจะออกมาแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน เพราะจะเป็นตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจโลก รวมทั้งความไม่สงบบนคาบสมุทรเกาหลี หากมีการปะทะเกิดขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้น จะมีแรงเทขายและเงินจะกลับไปสู่ตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ หนุนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทันที

ส่วนปัจจัยในประเทศจะอยู่ที่การกดดันธปท.ว่ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ในการประชุมวันที่ 29 พ.ค. หากลดจริง ตลาดหุ้นไทยจะได้ผลดีมากขึ้น

"ตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ค.น่าจะขึ้นไปทะลุ 1,600 จุด แต่หลังจากดัชนีขึ้นไปใกล้ 1620 จุด นักลงทุนควรที่จะระมัดระวังการลงทุนเพราะ P/E ขยับสูง 14 เท่า เกิดความเสี่ยงว่าตลาดหุ้นแพงเกินไป"

สำหรับการลงทุนทางเลือกทองคำยังไม่น่าสนใจคาดราคาปรับฐานลงไปถึง 1,280-1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะยังมีความเสี่ยงจากธนาคารกลางในกลุ่มประเทศยุโรปจะเทขายทองคำออกมาอีกจึงไม่แนะนำลงทุน

ส่วนตราสารหนี้สามารถลงทุนได้ เพราะดอกเบี้ยขาลงบวกกับการเตรียมตัวลงทุนภาคเอกชนตาม ภาครัฐทำให้ต้องมีการหนุนสภาพคล่องไว้ซึ่งหุ้นกู้เอกชนจะมีผลตอบแทนดี 5-8% เช่นเดียวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

นายวิญญู ศรีวิริยานนท์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ. วรรณ กล่าวว่า ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นมากที่สุด เพราะมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการจะทยอยออกมา ซึ่งกลุ่มสื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยไตรมาส 1 ปี 2556 ยังต่อต่อเนื่อง เงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายธปท. มีโอกาสที่ดัชนีขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุด แนะนำให้ลงทุนเลือกหุ้นพื้นฐานดีรับผลประกอบการ

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องมาตรการเงินบาทของทั้งทางธปท. และกระทรวงการคลัง ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะออกมารูปแบบไหนและใช้ยาแรงด้วยหรือไม่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น กลายเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน

ขณะที่การลงทุนในทองคำถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่น่าสนใจที่สุดในสินทรัพย์ทางเลือกช่วงนี้ เพราะราคาทองคำมีโอกาสหลุด 1,400 ดอลลาร์ และใช้เวลาอีกนานจะกลับมายืนเหนือ 1,600 ดอลลาร์ จากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจกลุ่มยุโรปด้วยการขายทองคำออกมาของอิตาลีหรือกรีซ หลังไซปรัสทำไปแล้ว จึงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวแทนรับกับดอกเบี้ยขาลง รวมทั้งกองทุน อสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ[/size]

9

ปธ.ชมรมคนออมเงิน แนะกลยุทธ์ลงทุนช่วงตลาดผันผวน ควรกระจายความเสี่ยงออกไป อย่านำเงินไปลงกับสินทรัพย์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง พร้อมจัดสัดส่วนพอร์ตลงทุนให้เหมาะสม ทั้งทองคำ หุ้น อสังหาฯ และฝากแบงก์ ส่วนตลาดบอนด์ และหุ้นกู้ยังไม่น่าลงทุนช่วงนี้

ขอบคุณ : iBiz
       
       นายสุวรรณ วลัยเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประธานชมรมคนออมเงิน กล่าวว่า การนำเอาเงินเก็บไปลงทุนกับสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนมากมีความเสี่ยงสูง ในระยะ 1-2 ปีนี้ ควรกระจายการลงทุน
       
       สำหรับคนทั่วไป นายสุวรรณ แนะให้จัดสรรเงินออมไปลงทุนได้ดังนี้ ทองคำไม่เกินร้อยละ 10-15 หุ้นประมาณร้อยละ 30-40 หุ้นกู้อย่างน้อยร้อยละ 20 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 15-20 ที่เหลือคือ ฝากธนาคารร้อยละ 10-15 แต่สำหรับคนที่ชอบเสี่ยงอาจจะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นเพิ่มขึ้น ส่วนคนที่ไม่ชอบเสี่ยง รับไม่ได้กับการที่เงินต้นหดหาย แนะนำเพิ่มสัดส่วนหุ้นกู้ หรือเงินสด
       
       ขณะที่ราคาทองคำ มองว่าช่วงนี้ผ่านแนวราคาทางจิตวิทยาที่ 20,000 บาทไปได้ จึงแนะนำให้วางแผนทยอยซื้อ แต่ต้องจับตาราคาทองที่ยังผันผวน ซึ่งราคาทองมีโอกาสลงมากกว่าขึ้น จึงมีคำแนะนำสังเกตราคาทอง คือ เดิมถ้าราคานิ่งอยู่ที่กรอบ 18,000-19,000 บาท ประมาณ 1 เดือน ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ซึ่งขณะนี้ราคาทองทะลุ 20,000 บาทไปแล้ว นักลงทุนจึงควรทยอยซื้อเก็บ เพราะราคายังมีโอกาสผันผวน ขึ้นกับปัจจัยในต่างประเทศ แต่ถ้าหากราคาทองผันผวนขึ้นๆ ลงๆ โอกาสขาลงค่อนข้างสูง และขาลงเที่ยวนี้อาจจะมีระยะเวลายาวนาน
       
       ส่วนหุ้นกู้ หรือพันธบัตร ประธานชมรมคนออมเงินกล่าวว่า เมื่อดูนโยบายรัฐร่วมกับการคาดการณ์ทิศทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง ทำให้หุ้นกู้-พันธบัตรได้รับผลตอบแทนต่ำ ประกอบกับต้องเสียภาษีดอกเบี้ยที่ร้อยละ 15 จึงไม่น่าลงทุนเมื่อเทียบกับหุ้น
       
       ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ที่มีข่าวเรื่องฟองสบู่นั้น ยอมรับว่าห่วงภาวะฟองสบู่ของอสังหาริมทรัพย์ตามต่างจังหวัดมากกว่า โดยเฉพาะที่สร้างแล้วขายไม่ออก แนะนำคนที่จะลงทุนเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ต้องระวังเรื่องขายออกไปใช้เวลานาน ขณะที่เงินสด และเงินฝาก ถ้ามองแบบนักการเงิน 7-8 ปีที่ผ่านมา ฝากธนาคารขาดทุนเพราะดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ แต่เงินสดก็ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นการลงทุนที่รอจังหวะ และโอกาส

10
ซีบี ริชาร์ดฯ ชี้ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่


นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ว่า ขณะนี้ ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนและเชื่อว่ายังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ เพราะราคาอสังหาฯไม่ได้มีการปรับขึ้นเกินความเป็นจริง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ เรื่องการโอเวอร์ซัพพลาย จากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมจำนวนมาก อาจทำให้มียูนิตที่เหลือขายสะสมอยู่ในตลาดจำนวนมาก เมื่อขายช้าก็นำไปสู่โครงการไม่สามารถก่อสร้างได้ ทำให้ผู้ซื้อขาดความเชื่อมั่นในตลาด และหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบเพิ่มอาจจะนำไปสุ่ภาวะฟองสบู่ได้

กรรมการผู้จัดการ กล่าวถึงการจัดงาน CBER Elite Living 2013 ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-6พ.ค. ที่สยามพารากอน ซึ่งเป็นการรวมคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์กว่า 15 โครงการในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ อาทิ หลังสวน ราชดำริ สีลม ทำเลใกล้รถไฟฟ้าและติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงหัวเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต พัทยา ทั้งโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่และโครงการเปิดตัวใหม่ มาเปิดขายพร้อมข้อเสนอพิเศษทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ย 0% สำหรับการผ่อนดาวน์ที่จองโครงการในงาน คาดว่าภายในช่วง 11 วัน จะมียอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท


ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

11
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องปี2556 มีที่อยู่อาศัยระหว่างการขายมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยมีกลุ่มทุนใหญ่ยึดทำเลทอง


ด้วยเหตุผลที่เชียงใหม่เป็นหัวเมืองหลักด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของภาคเหนือ เช่นเดียวกับเชียงราย ถูกพลิกโฉมเป็นประตูหน้าด่านเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ถือเป็นแรงดึงดูดให้บรรดายักษ์ใหญ่ต่างขยับเข้ามาลงทุนหวังจะครองตลาดที่อยู่อาศัยก่อนการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชียงใหม่เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ มีศักยภาพสูง ลูกค้าที่มีกำลังซื้อ สังเกตจากยอดขายของ บริษัทที่มาลงทุนเชียงใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม พบว่าลูกค้ามีการซื้อเพื่อลงทุน ซื้อด้วยเงินสดมากกว่าจังหวัดอื่น ที่ไปลงทุน เช่น ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี การขอสินเชื่อจากธนาคารได้รับการปฏิเสธในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับภูเก็ต

ขณะเดียวกันเชียงใหม่ยังมีสิ่งสนับสนุนให้เกิดโครงการใหม่ทั้งผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความชัดเจน กำหนดความสูงของอาคาร ยังพบว่าโมเดิร์นเทรดด้านวัสดุก่อสร้างก็มาลงทุนเชียงใหม่หลายโครงการทั้ง โฮมโปร , โกลบอลเฮ้าส์ , โฮมเวิร์ค, ดูโฮม

"ธอส."โชว์ตัวเลขอสังหาฯรอขาย'555หมื่นล.
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่าเชียงใหม่ มีที่อยู่อาศัยระหว่างการขายปี 2555 จำนวน 149 โครงการ กว่า 19,800 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 105 โครงการ จำนวน 13,700 หน่วย มูลค่าโครงการกว่า 4 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยพื้นที่โครงการ 21-50 ไร่ ส่วนใหญ่มีไม่เกิน 150 หน่วยต่อโครงการ โดยอ.สันทราย มีบ้านจัดสรรมากที่สุด รองลงมาเป็นอ.เมือง หางดง ดอยสะเก็ด และสันกำแพง ส่วนอาคารชุดมีทั้งหมด 44 โครงการ จำนวน 6,100 หน่วย ส่วนใหญ่มีไม่เกิน 200 หน่วยต่อโครงการ

ทั้งนี้เป็นโครงการอาคารชุดที่เปิดขายในรอบ 2 ปีคือช่วงปี 2554-2555 มีโครงการที่ใกล้จะขายหมดแล้ว 10 โครงการ และมีโครงการที่เพิ่งเปิดขายใหม่ช่วงต.ค.2555-ก.พ.2556 อีก19 โครงการ หรือกว่า 3,000 หน่วย มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยระดับราคา68% อยู่ในช่วง 1-2 ล้านบาท รองลงมา 17% อยู่ในช่วงราคา 2-3 ล้านบาท และ10 % อยู่ในช่วงราคา 3-5 ล้านบาท

TIS-Cชี้อสังหาฯ56แนวโน้มดีต่อเนื่อง
นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ศูนย์บริการข้อมูลการค้า-การลงทุน เชียงใหม่ (TIS-C) กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯของเชียงใหม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากที่เป็นการลงทุนที่พักอาศัยแนวราบ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการลงทุนแนวสูงที่เป็นห้องชุดหรือคอนโดฯมากขึ้น ขณะนี้มีที่อยู่อาศัยระหว่างการขายทั้งสิ้น 149 โครงการ หรือประมาณ 19,800 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร105 โครงการ ประมาณ 13,700 หน่วย และอาคารชุด 44 โครงการ ประมาณ 6,100 หน่วย

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงสุญญากาศของกฎหมายผังเมืองทำนักลงทุนอสังหาฯเร่งขออนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวนมาก ส่งผลให้ที่ดินมีราคาสูงเท่าตัว การลงทุนด้านอสังหาฯที่เติบโต ทำให้การลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง รวมถึงภาคแรงงาน แต่การลงทุนที่มักกระจุกตัวอยู่บริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ การจราจรที่แออัด ทำให้กลุ่มทุนหลายรายต่างจับจองทำเลลงทุนใหม่บริเวณวงแหวนรอบกลางมากขึ้น คาดปีนี้ตลาดอสังหาฯในเชียงใหม่จะยังคงมีแนวโน้มที่ดี

เชียงรายเนื้อหอมอสังหาฯ-ค้าวัสดุปักหลักลงทุน
นายชวลิต สุธรรมวงศ์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าจากตัวเลขของสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย ปีนี้พบมีการขออนุญาตการใช้พื้นที่กว่า 16 โครงการมีคอนโดอยู่ระหว่างการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ รวมถึงกลุ่ม"สุวรรณรายา" ทุนท้องถิ่นก็เตรียมเปิดบ้านจัดสรรเพิ่ม ขณะที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ทั้งแลนด์แฮนเฮ้าส์ ก็มีการซื้อที่ดินเตรียมเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรร ขณะเดียวกันยังมี"พีดี เฮ้าส์" ศูนย์รับสร้างบ้านรายใหญ่ ได้เปิดสำนักงานรับ สร้างบ้านโดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดที่ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านหายาก รวมทั้ง โกลบอล เฮ้าส์ และไทวัสดุ เตรียมเปิดสาขาให้บริการ

"ยอมรับว่าเชียงรายตอนนี้มีการลงทุนอสังหาฯเพิ่มขึ้น มีปัจจัยเกื้อหนุนหลายอย่างทั้งสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งจะสร้างเสร็จเดือน มิ.ย.นี้ มีด่านการค้าชายแดนถึง 3 ด่านทั้งด่านศุลกากรแม่สาย ด่านศุลกากรเชียงแสน และด่านศุลากรเชียงของ มีเส้นทางอาร์สามเอเชื่อมต่อกลุ่มจีเอ็มเอส การเติบโตของเชียงรายมีการกระจายตัวตั้งแต่อ.แม่จัน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน" นายชวลิต กล่าว

จับตา 3 อำเภอชายแดนอสังหาฯบูม
นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯเชียงรายเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะอ.แม่สาย อ.เชียงของ และอ.เชียงแสน ถือเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ มีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีการขยายตัวด้านการค้าและการลงทุนสูงค่อนข้างสูง

อุปสรรคสำคัญต่อการขยายเมืองของเชียงราย คือผังเมืองรวมทั้ง 3 อำเภอยังไม่มีผังเมือง โซนนิ่ง เข้ามาควบคุมการพัฒนาเมือง ในส่วนของอสังหาฯในพื้นที่เขตเมืองพบมีบ้านจัดสรรและคอนโดฯเพิ่มขึ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30% เทียบกับปีที่ผ่านมา " นายบุญธรรม กล่าว

แลนด์แอน์เฮ้าส์เคลื่อนทัพบุกตลาดบ้านจัดสรรเชียงราย
นายไพศาล ภู่เจริญ รองประธานกรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชียงราย เป็นหัวเมืองที่กำลังเติบโต เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในซีกที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศในกลุ่มเออีซี ถือว่าได้รับประโยชน์หลายประการจากการเข้าสู่เออีซี มีศักยภาพในการเติบโตของเมือง ขณะที่คู่แข่งตอนนี้ยังไม่มีรายใหญ่เข้ามา มีเพียงกลุ่มทุนท้องถิ่นรายเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้น การแข่งขันยังไม่รุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ทั้งนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินเตรียมเปิดหลายโครงการในเชียงราย โดยรูปแบบโครงการวางไว้หลายแบบ คาดว่าจะเปิด ได้ภายในปีนี้
รายงานแจ้งว่าว่า กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ซื้อที่ดินบริเวณต.บ้านดู่ กว่า 90 ไร่ เพื่อเตรียมเปิดโครงการบ้านจัดสรร


ขอบคุณ:กรุงเทพธุรกิจ[/size]

12

นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนลงทุนของบางกอกแลนด์ในปีนี้ว่า บริษัทเตรียมพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ในมือกว่า 1,350 ไร่ ย่านถนนศรีนครินทร์ มาพัฒนาโครงการใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ ในรูปแบบทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 1.35 หมื่นยูนิต ราคาเฉลี่ยที่ยูนิตละ 4 ล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาขายภายใน 7 ปี เริ่มจากเดือนต.ค. ปีนี้

แผนลงทุนดังกล่าวของบางกอกแลนด์ จะเป็นการฟื้นธุรกิจโดยการไม่ก่อหนี้ เนื่องจากเงินลงทุนโครงการใหม่ จะเป็นเงินที่ได้มาจาก การตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้ทำสัญญาให้ ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอง (ประเทศไทย) เป็นผู้ดำเนินการ


ขอบคุณ:กรุงเทพธุรกิจ

13
จังหวัดเชียงใหม่ มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ธุรกิจโรงแรม ร้านค้า บ้านจัดสรร ฯลฯ  ในส่วนของธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า shopping mall ที่มีแพลนจะเกิดขึ้นในช่วง 1-3 ปีข้างหน้านี้ บางโครงการก็ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว นี่เป็นโครงการต่างๆที่เราจะได้เห็นเร็วๆนี้ ในจังหวัดเชียงใหม่

1. Central Festival Chiang Mai
 

โปรเจค ใหญ่ของ CPN เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2010 จะแล้วเสร็จในปี 2013 เดือนธันวาคม ตั้งอยู่ตรงสี่แยกศาลเด็ก ใกล้ๆกับ Big C Extra ถนน super highway .
คอนเซ็ปคล้ายๆกับ Central Festival Pattaya โครงสร้างผสมผสานระหว่าง สไตล์ล้านนา และร่วมสมัย . ภายในห้างจะประกอบไปด้วย ร้านค้ามากมาย เช่น a Depot Office, B2S, Super Sport, fitness centre, SFX Cinema

2. Promenada Resort Mall Chiang Mai


ตอนนี้มีห้างสรรพสินค้าเตรียมเปิดใหม่ที่เชียงใหม่ครับ ตอนนี้กำลังสร้างกันเลย
ชื่อว่า Promenada Resort Mall : พรอมเมนาดา รีสอร์ท มอลล์
อาจจะแปลกใจ ว่าห้างเปิดใหม่ ต้องมาป่าวประกาศด้วยหรือ?? มันมีอะไรพิเศษ?
สิ่งที่พิเศษก็คือ เจ้าห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า Promenada นี้ เป็นห้างที่สวย บูติค สไตล์รีสอร์ท จนพอจะเป็นได้ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งช้อปไปในตัวพร้อมๆกันน่ะสิครับ!!
ลองนึกถึงปาลิโอที่เขาใหญ่สิครับ จริงๆที่นั่นเป็นแหล่งรวมร้านขายของนะครับ แต่เอาเข้าจริงๆกลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะนี่ (จริงๆก็เพราะคนสร้างต้องการแบบนั้นด้วยล่ะครับ)
ที่ พรอมเมนาดา เชียงใหม่นี่ก็เหมือนกัน ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้สร้างสไตล์รีสอร์ท สวยงาม ไปเดินเล่นถ่ายรูป ได้สบายๆ (เท่าที่เห็นรูปจำลองอ่ะนะ ของจริงไม่รู้เหมือนกัน ^ ^)
และที่สำคัญ ร้านค้าที่จะมาเปิดก็ระดับขึ้นห้างนั่นล่ะครับ ร้านอาหาร ของกินเล่น ในบรรยากาศน่านั่ง ทั้งน่ารัก หรืออยากจะไฮโซสวยหรู ก็มีให้เพียบพร้อม
... จากเหตุผลดังกล่าวเหล่านี้ ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองเชียงใหม่ ไปพร้อมๆกับการเป็นแหล่งช้อปไปพร้อมๆกันได้ไม่ยากเลยครับ

ลองดูรูปกันก่อนครับ จากเวบไซต์ของ Promenada Resort Mall โดยตรงเลยครับ ^ ^
กับภาพห้างสรรพสินค้าที่ดูแปลกๆตา ในบรรยากาศแบบเมืองเชียงใหม่

3. Chiang Mai Platinum Fashion Centre


ห้างสรรพสินค้า แพลตตินั่ม เชียงใหม่ แฟชั่น เซ็นเตอร์ | Platinum Chiang Mai Fashion Center ยังตระหนักถึง
ความสำคัญในการสร้างรากฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยที่สมบูรณ์ นั่นคือ การขับเคลื่อนธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลางในส่วนภูมิภาคให้มีความแข็งแกร่งและมั่งคง โครงการห้างสรรพสินค้า แพลตตินั่ม เชียงใหม่ แฟชั่น เซ็นเตอร์ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท โดย คุณ วัชระ ตันตรานนท์ ประธานกรรมการบริหารโครงการฯ ร่วมกับ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดย
คุณอนุชา บุปผเวส ผู้อำนวยการอาวุโสบริหาร ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ 1 ได้ลงนามสนับสนุนการก่อสร้างให้แก่โครงการฯ อีกทั้งยังสนับสนุนผู้ประกอบการในโครงการฯ ทุกราย ในการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบค้ำประกันไขว่ (Cross Guarantee) วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยเตรียมความพร้อม รองรับการเจริญเติบโตภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่สำคัญในการขยายตัวจาก ประเทศไทยสู่ประเทศ จีน พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อีกทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีศักยภาพในการขนส่งและคมนาคมด้วยโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ- เชียงใหม่ และเส้นทางเชียงใหม่ – เชียงราย ซึ่งมีโครงการเชื่อมเส้นทางผ่านประเทศลาว จีนตอนใต้ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในอนาคตอันใกล้
โครงการ นี้ตั้งอยู่ใน Chiang Mai Business Park อยู่ติดกับ Big C Extra . จะส้รางเป็นตึก 6 ชั้นสำหรับสินค้า แฟนชั่น และสินค้า IT . คอนเซ็ปคล้ายกับสาขา กรุงเทพฯ สนับสนุนร้านค้า SMEs ภายในจะมีร้านค้าประมาณ 2000 ร้าน โครงการจะแล้วเสร็จประมาณ ปี 2014

4. Green Plus Mall 2


โครงการนี้ตั้งอยู่ใน Chiang Mai Business Park ตรงข้ามกับ Platinum โครงการแบบอาคารพาณิย์ ร้านค้า ร้านอาหาร 7-11 ฯลฯ

5. Star Avenue


เป็นโครงการคุณภาพที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 4 ไร่ อยู่ติดถนนมหิดล ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ สไตล์โมเดิร์นจำนวน 36 ยูนิต มีที่สำหรับจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์มากกว่า 100 คัน และยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่สำหรับการพักผ่อน โครงการมีการขออนุญาตจัดสรรอย่างถูกต้อง ทำให้พื้นที่โครงการทั้งหมด เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของลูกค้า และมีมาตรฐานการก่อสร้าง ความปลอดภัย พื้นที่ส่วนกลางและสภาพแวดล้อมที่สูงกว่าโครงการอาคารพาณิชย์ทั่วไป

ทำให้การทำธุรกิจในโครงการ สตาร์ เอวีนิว เพิ่มคุณภาพชีวิตของคุณ
ข้อดีของโครงการ
          การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง อยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก มีที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบายรอบโครงการ มีสวนสาธารณะสำหรับการพักผ่อน ถนนภายในโครงการกว้างขวาง มีการขอจัดสรรอย่างถูกต้อง ไม่เอาเปรียบลูกค้า มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ระบบไฟฟ้ารอบโครงการ มี Walking Traffic จำนวนมาก ลูกค้าระดับ Premium ของจังหวัดเชียงใหม่สัญจรผ่านทุกวัน
การจัดสรรรูปแบบโครงการ
         เนื่องจากอาคารพาณิชย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น การซื้อง่าย ขายคล่อง ความสะดวกในการบำรุงรักษา การเสื่อมสภาพช้ากว่าบ้าน และความหลากหลายในการใช้งาน เป็นต้น แต่ด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบายต่าง ๆ อย่างไม่มีทิศทางล่วงหน้า ทำให้อาคารพาณิชย์หลายแห่งเกิดปัญหา เช่น ที่จอดรถไม่เพียงพอ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการจอดรถของภาครัฐ การดูแลพื้นที่นอกเหนือจากในโฉนดของตนเอง ความเสื่อมโทรมของพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการหรือการดำเนินชีวิต การขุดท่อ การทำทางเท้าใหม่ เป็นต้น หรือบางปัญหาอาจมาจากโครงการโดยตรง เช่น การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จำนวนในโครงการน้อยเกินไปทำให้เกิดการสะสมแลกเปลี่ยนลูกค้า การหลีกเลี่ยงการจัดสรรทำให้เจ้าของอาคารไม่มีสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนกลาง และนำไปสู่การใช้พื้นที่ส่วนกลางผิดวัตถุประสงค์ในภายหลัง และอื่น ๆ เป็นต้น
         ด้วยความที่เราเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์หลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ โดยจำนวนหนึ่งอยู่บนถนนมหิดล เราเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านอาคารพาณิชย์มากที่สุดคนหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เราทราบดีถึงปัญหาความต้องการ และสาเหตุการที่อาคารในบางแห่งมีความต้องการมาก และราคาเพิ่มสูงขึ้นตลอดในทางตรงกันข้าม บางแห่งราคากลับไม่ขึ้นเลย เราจึงนำประสบการณ์นั้นมาสร้างเป็น สตาร์ เอวีนิว

6. @Curve


เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องกาจะพัฒนาพื้นที่ย่านถนนช้างคลานถนนเจริญประเทศ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประกอบไปด้สย สถาบันศึกษาที่มีชื่อเสียง สถาบันการเงิน สำนักงานบริษัท โรงแรม โรงพยาบาล และแหล่งชุมชนของจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้เป็นสถานที่รองรับการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางด้านการศึกษา ด้ารสังคมและครอบครัว

7. The Chill park

[/url]

โครงการ จะอยู่ตรงข้าง Big C หางดง คอนเซ็ป คอมมิวนิตี้ มอล์ล เน้นความแตกต่างโดยอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในร้านได้ด้วย มีส่วนที่เป็นสวนและเป้นที่พักผ่อนผ่อนสำหรับคนรักสัตว์ จะเปิดดำเนินการปลายปี 2012 นี้

8. V Community

[/url]

โครงการคุณภาพจากเครือ " วนัสนันท์ " ให้คนที่อยากอยู่ในเชียงใหม่ หรือ อยากมีบ้านหลังที่ 2 ได้อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ยังคงธรรมชาติ มีพื้นที่สีเขียว และ บรรยากาศของเชียงใหม่ไว้อย่างครบถ้วน เราได้ออกแบบไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้คนหนึ่งคน ใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยแนวความคิดง่ายๆ คือ " สร้างทุกอย่างเพื่อให้สะดวก สบาย ปลอดภัย เหมือนเราอยู่เอง "

วีคอมมูนิตี้ประกอบไปด้วย 4 ส่วนดังต่อไปนี้
เป็น " คอนโด " ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความรู้สึกคุ้มค่าทุกตารางเมตร ที่ใส่ใจวัสดุทุกชิ้น บรรจงออกแบบตกแต่งให้ สวยงาม ทันสมัย และเหมาะสมกับชีวิตที่เร่งรีบของคนรุ่นใหม่ในเชียงใหม่วันนี้ ที่มีให้เลือกตั้งแต่ 31-117 ตารางเมตร ในสภาพแวดล้อมที่ดี และมีมูลค่าในอนาคต
เป็น " อาคารพาณิชย์ 3ชั้นครึ่ง " รูปแบบทันสมัย ติดถนน ที่เป็นได้ทั้งร้านค้าและที่อยู่อาศัย มีจำนวน 8 คูหา
เป็น" ศูนย์รวมร้านค้า " ของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบ Easy Market ตลาดง่ายๆใกล้ๆคุณ กับร้านอาหารที่เลือกรับประทานได้ทุกมื้อ ในศูนย์อาหารรูปแบบใหม่ที่ได้บรรยากาศใกล้สวนและทะเลสาบติด ม.พายัพ และร้านอาหารชั้นนำที่เลือกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนในโครงการและใกล้เคียง ได้ใช้บริการได้ทุกวันไม่ต้องเสียเวลาขับรถเข้าไปในตัวเมือง ให้สิ้นเปลืองเวลา
ดื่มด่ำกับ " ธรรมชาติของสวนใกล้บ้าน ริมทะเลสาบ " ที่เป็นเหมือนลมหายใจ บริสุทธิ์ของทุกคนในโครงการ ที่คำนึงถึง ความเป็นอยู่ของคนทุกเพศ ทุกวัย รวมทั้ง ผู้พิการ ที่สามารถเข้ามาพักผ่อนในสวน กับบรรยากาศที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของเมืองเชียงใหม่ไว้อย่างครบถ้วน ให้ทุกคนได้เลือกมาพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือ ผ่อนคลายกับเสียงดนตรีเบาๆได้ทุกวัน
เรามุ่งมั่นด้วยแนวความคิดและจิตใต้สำนึกที่ยิ่งใหญ่ สร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจ และ มุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีให้ลูกค้าทุกท่าน ให้เป็นทางเลือกใหม่ ที่มั่นใจ และ สบายใจ เมื่อเลือกอยู่อาศัยและร่วมสร้างธุรกิจในโครงการ ให้เติบโตก้าวหน้า และ เป็น ชุมชนหนึ่งที่มีคุณภาพและมีศักยภาพของเมืองเชียงใหม่

9.The Harbor


The Habour ห้างแบบโอเพ่นแอร์ ที่ชาวไทยกำลังบ้าเห่อนิยมห้างสายพันธุ์พวกนี้ ด้วยความที่มันสามารถไปช้อปปิ้งและเดินเล่นท่ามกลางวิวสวยๆในห้างได้ ซึ่งต่างจากห้างพวกสไตล์ตึกที่ดูทื่อภายนอก มองยังไงก็ไร้อารมณ์ละความรู้สึกทางทัศนียภาพ 6 โมงเย็นกว่า พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะเป็นปลวกกำลังหนีน้ำ ทั้งคนมาช้อปปิ้ง มาดูงานเปิดตัว มาดูดารา มาดูคอนเสิร์ต มาหาข้าวแดก อีกทั้งยังไม่นับกองทัพสื่อมวลชนหลากหลายแขนง หลายเจ้าแห่มาทำข่าวกันให้ควั่ก


งานเริ่มจากการกล่าวแถลงเปิดตัวโครงการถึงความเป็นมาโดยเจ้าของโครงการ และเจ้าของวุฒิศักดิ์คลินิก หนุ่มหน้าใสนาม ณกรณ์ กรณ์หิรัญ พร้อมเจ้าบ้านเมืองเชียงใหม่คนสำคัญ ดร.เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
 
พูดกันเสร็จพอเป็นพิธี ใจความสำคัญคือต้องการพัฒนาให้เชียงใหม่เจริญขึ้น ซึ่งไอ้คำว่าเจริญ ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่า เจริญของเขาคืออะไร ด้านเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่รึเปล่า ซึ่งคำนวณดูก็น่าจะใช่ เพราะเป็นใครทำธุรกิจ มึงไม่หวังผลกำไร ก็คงไปเปิดองค์กรการกุศลแล้วแหละ ว่ามั้ยครับ
 
จากนั้นก็มีการแสดงโชว์มากมาย ตามด้วยเดินแบบเสื้อผ้าที่นำมาขายในโครงการตามร้านต่างๆ แสงแฟลชก็ฉายวูบวาบ ส่งเสียงรัวใส่ทั้งการแสดงในแขกเหรื่อในงานเพียบ
 
ก่อนตอนจบจะจุดพลุเฉลิมฉลอง เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นอันเสร็จพิธีการ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของนักร้องที่จะบำเรอความสนุกให้แก่คนดูโซนด้านหลังของห้างที่มีเวทีคอนเสิร์ต พร้อมข้างๆเวทีมีของมาวางขายคล้ายถนนคนเดิน


ส่วนบรรยากาศห้าง มันก็เป็นแบบโอเพ่นแอร์แหละครับ มีร้านค้า ร้านอาหาร แบรนด์ชั้นนำมากมายมาฝังตัวรอดูดเงินจากกระเป๋าคนที่นี้ มีลานน้ำพุ รูปปั้นเทพเจ้ากรีกโรมัน การตกแต่งแบบสไตล์กลิ่นอายยุโรป
 
สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้มาเดินห้างแบบนี้ ความรู้สึกอาจจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเจออุกกาบาตตกถล่มใส่หัวหมาก็เป็นได้ แต่ข้อเสียข้อมันคือ ถ้าเป็นหน้าฝนก็แทบจะจบเห่ทันทีเพราะไม่มีลูกค้ามาเดิน ส่วนหน้าร้อนกับหน้าหนาวยังพอไหวอยู่


ต่อจากนี้ไปเชียงใหม่คงจะมีห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นราวดอกเห็ด วิถีชีวิตคนในเมืองก็จะเปลี่ยนไปมากขึ้น ตามความเจริญทางวัตถุและสังคม เหลือไว้เพียงแต่คนแก่ๆ หงำเหงือกหนีไปเคี้ยวหมากนอกเมืองไกลๆ ใช้วิถีชีวิตตามแบบสมัยของคนยุคเก่า

14
เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท เผยผลสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในไทย 10 ปีต่างชาติซื้อสูงถึง 7 เท่า


บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟรส์ จำกัด นำเสนอผลสำรวจการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยของชาวต่างชาติ ระบุว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2547-2556) มีชาวต่างชาติมาซื้อที่อยู่อาศัยประมาณ 7 เท่าของมูลค่าที่มีการซื้อขายในปี พ.ศ.2555 (เพราะในช่วงแรกและบางปี เช่น ช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมือง อาจยังมีต่างชาติซื้อไม่มากนัก) เท่ากับปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยที่ครอบครองโดยต่างชาติประมาณ 469,217 ล้านบาท

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประมาณการณ์ว่าในปี พ.ศ.2555 ที่ผ่านมามีต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปทั้งหมดรวมกันทั่วประเทศ 67,031 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียง 11.6% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ขายอยู่ทั้งหมด 578,588 ล้านบาท โดยซื้อใน กทม-ปริมณฑล18,052 ล้านบาท สัดส่วน 26.9%, ภูเก็ต 14,164 ล้านบาท สัดส่วน 21.1%, พัทยา 13,176 ล้านบาท สัดส่วน 19.7%, ชะอำ-หัวหิน 7,275 ล้านบาท สัดส่วน 10.9%, และเชียงใหม่ 2,241 ล้านบาท สัดส่วน 3.3%

จากฐานข้อมูลสำรวจพบว่า 5 เมืองแรก ที่มีต่างชาติซื้อขายอสังหาฯในไทยมีสัดส่วนถึง 81.9% หรือ 4 ใน 5 ของการซื้อขายโดยชาวต่างชาติทั้งหมด โดยเมืองที่เด่น ๆ ในต่างจังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต (21.1%) พัทยา (19.7%) ชะอำ-หัวหิน (10.9%) เชียงใหม่ (3.3%) หาดใหญ่ (2.5%) สมุย (2.1%) เมืองระยอง (1.8%) ศรีราชา (1.7%) และ ขอนแก่น (1.5%) จะเห็นได้ว่าในกรณีนี้ภูเก็ตแซงหน้าพัทยา เพราะเป็นพื้นที่เป้าหลายหลักของต่างชาติรองจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในกรณีชะอำ-หัวหิน ซึ่งเป็นแหล่งตากอากาศ ก็มีต่างชาติซื้อมากเช่นกัน รวมทั้งเชียงใหม่ หาดใหญ่ และสมุย เป็นต้น

ขอบคุณ:กรุงเทพธุรกิจ

15
AP เปิดตัวแบรนด์ SOUL ตอบโจทย์บ้านเดี่ยวในเมืองระดับราคา 15-25 ล้านบาท เตรียมเปิดขายปีนี้ 4 โครงการ พร้อมปรับแผนลงทุนเพิ่มเป็น 26 โครงการ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท หลังยอดขายคอนโดฯ ขอนแก่นทะลุ 80% เผยไตรมาสแรกยอดขายทะลุเป้า 3,800 ล้านบาท
       
       นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ “Soul” ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนที่ดินขนาด 52-62 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 330-409 ตร.ม. ระดับราคา 15-25 ล้านบาท เน้นทำเลในเมืองเป็นหลัก ซึ่งการพัฒนาแบรนด์ Soul ออกมาสู่ตลาด เพื่อลดช่องว่างการตลาดบ้านเดี่ยวของบริษัท ที่ก่อนหน้านี้มี 3 แบรนด์ ได้แก่ Palazzo ระดับราคา 20-30 ล้านบาท, City บ้านเดี่ยวระดับราคา 9-15 ล้านบาท และ Centro ระดับราคา 6-9 ล้านบาท ล่าสุดบ ริษัทได้เปิดตัว Soul เอกมัย-ลาดพร้าว เป็นโครงการแรก บนเนื้อที่ 26 ไร่ จำนวน 82 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 18-24 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
       
       สำหรับยอดขายในช่วงไตรมาสแรกปี 56 พบว่า มียอดขาย 3,800 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,600 ล้านบาท ซึ่งยอดขายกว่า 56% เป็นโครงการแนวราบ ทำให้เห็นว่าตลาดบ้านแนวราบมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น และจากการสำรวจตลาดยังพบว่า ตลาดบ้านระดับบนเข้าสู่ตลาดน้อย โดยเฉพาะในโซนเอกมัย-รามอินทรา ที่มีโครงการใหม่เพียง 2-3 โครงการเท่านั้น รวมไปถึงทำเล รชดา ลาดพร้าว ทำให้บริษัทเตรียมที่จะพัฒนาสินค้าออกมาเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในย่านนี้ โดยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้มีแผนจะเปิดอีก 2 โครงการ ย่านลาดพร้าว-วังหิน จำนวน 26 ยูนิต มูลค่า 490 ล้านบาท และรัชดา 68 จำนวน 30 ยูนิต มูลค่าโครงการ 920 ล้านบาท
       
       อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำรองลงทุนที่จังหวัดอุดรธานีเป็นครั้งแรก ในแบรนด์ ASPIRE ปัจจุบัน มียอดขายไปแล้ว 80% ทำให้บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ แต่จะขยายไปลงทุนในจังหวัดอื่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาซื้อที่ดิน ทำให้แผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 23 โครงการ เป็น 26 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ปรับเป้าหมายยอดขายปี 56 จาก 22,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 24,000 ล้านบาท
       
       “บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 9,000 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดโครงการใหม่ประมาณ 7 โครงการ และในครึ่งปีหลังอีก 19 โครงการ ทั้งหมดมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังมีการเปิดโครงการมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมองว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ขายดี ลูกค้ามีกำลังซื้อ”
       
       นายวิทการ กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมาการเติบโตของคอนโดมิเนียมมีการตอบรับที่ดีมาก แต่แนวโน้มปีนี้มองว่าการตอบรับจากแนวราบจะเติบโตมากกว่า บริษัทจึงได้มีการเปิดตัวโครงการนในแนวราบมากกว่าโครงการแนวสูง โดยจะมีการเปิดทุก Segment ทั้งระดับล่าง กลาง และบน ซึ่งจะช่วยทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
       
       ส่วนแผนการรีแบรนด์ และเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บมจ.เอพี ไทยแลนด์ บริษัทเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ ก็จะสามารถใช้อย่างเป็นทางการได้ในพฤษภาคมนี้ โดยได้ตั้งงบประมาณในการรีแบรนด์ครั้งนี้ไว้ประมาณ 300 ล้านบาท
       
       “การรีแบรนด์ จะเป็นการสื่อถึงแนวความคิดใหม่ๆ และรูปแบบของโครงการที่มีการเปลี่ยนแปลง ที่เน้นรูปแบบทันสมัยมากขึ้น ในส่วนของนโยบายเพิ่มเงินดาวน์ เป็น 20% บริษัทมองว่า จะไม่ได้รับผลกระทบจากในส่วนนี้มาก เนื่องจากบริษัทมีการเก็บเงินดาวน์ 25% ซึ่งเป็นอัตราไม่ต่างจากนโยบายใหม่ที่คาดว่าจะออกมา แต่อาจจะมีผลกระทบเล็กน้อยให้ยอดขายลดลงบ้าง แต่ไม่กระทบมาก”

ขอบคุณ: ASTVผู้จัดการออนไลน์

หน้า: [1]