เสียงดนตรีดังอึกทึกไปตามจังหวะ ไฟสลัว ๆ ถูกเปิดอยู่ภายในร้าน
สภาพของร้านคาราโอเกะห้องแถวแห่งนี้ ดูมีสีสัน
มีลูกค้ามาใช้บริการพอประมาณ
ข้าพเจ้านั่งอยู่โต๊ะกลางร้าน ในอารมณ์สบาย ๆ นั่งจิบเบียร์ฟังเพลง
พลันสายตาแลไปพบกับ หญิงสาวนางหนึ่งซึ่งเดินมานั่ง
โต๊ะตรงข้ามกับข้าพเจ้า หน้าตาเกลี้ยงเกลา ผมยาว ผิวขาว
ใส่เสื้อลาย กางเกงรัดรูป คะเนอายุราว ๆ 28-29 ปี
มาคนเดียวรึนี่ ข้าพเจ้าคิดในใจ
เด็กเสริฟยกเบียร์สิงห์พร้อมถังน้ำแข็งมายังโต๊ะของเธอ
ข้าพเจ้ามึนเล็กน้อยจากเบียร์ซึ่งหมดไป 2 ขวด
โดยมิได้มีกับแกล้มใดตกถึงท้อง
แต่ช่วงเวลามึน ๆ เช่นนี้มีสาวงามมาให้นั่งยล
ก็ดูเป็นสถานการณ์ที่มีความสุขยิ่ง
"อ้อ พี่คนนี้มาบ่อย มารอกิ๊กของเขาล่ะ"เด็กในร้านบอกหลังจากข้าพเจ้าเรียกมากระซิบถาม
"กิ๊กเขาเป็นข้าราชการในลำพูนนี่แหละ"
"แต่ช่วงนี้ กิ๊กเขาไม่ค่อยมานะ ไม่รู้ทะเลาะกันรึเปล่า"
"พี่เค้ามานั่งคนเดียว 2-3 คืนแล้ว"
"ฮั่นแน่ สนใจเหรอพี่"ข้อมูลต่าง ๆ พรั่งพรูมาจากปากเด็กเสริฟ
ซึ่งข้าพเจ้าทิปค่าบริการไป 2 ใบเขียว
ถั่วทอดจานหนึ่งถูกยกไปเสริฟยังโต๊ะของหล่อน
ซึ่งข้าพเจ้าเป็นคนสั่งไปให้
เธอทำหน้างง ๆ แต่พอเด็กบอกแล้วชี้มาทางข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ายิ้มให้แล้วทำท่าชนแก้วกับเธอ
เธอยิ้มตอบพร้อมชูแก้วขึ้นมาเช่นกัน
ข้าพเจ้านั่งฟังเพลงไป พร้อมครุ่นคิด
ถึงการสานสัมพันธ์ต่อในราตรีนี้
ทันใดก็มีอาหารจานหนึ่ง
ซึ่งดูแล้วคงเป็น ยำหมูยอ
มาเสริฟที่โต๊ะของเธอ
ข้าพเจ้าจึงได้สังเกตเห็นว่า
มีลูกค้าโต๊ะข้างหลังข้าพเจ้าเป็นคนสั่งให้เธอ
เขาเป็น ชายอายุราว 45-46 ปี ใส่เสื้อโปโล
กางเกงขาสั้น ใส่เข็มขัดอย่างดี ถุงเท้ายาว รองเท้าหุ้มส้น
ท่าทางดูดี นั่งพร้อมเหล้าแบล็คและมิกเซอร์หนึ่งชุด
เขายิ้มให้เธอทำท่าชนแก้วเธอก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน
"พี่ท่าทางจะมีคู่แข่งแล้ว"เด็กคนที่นำหมูยอไปเสริฟเดินมากระเซ้าข้าพเจ้า
"แต่พี่หนุ่มกว่า สู้ ๆ นะ อิอิ"อืมมม..มีคู่แข่งด้วยรึนี่ ทำไงต่อดี
ทันใดไมค์ลอยก็ถูกนำไปยังโต๊ะ ลุงเพลย์บอย (ขอเรียกอย่างนี้ละกัน) คนนั้น
พร้อมเสียงเพลงที่ดังขึ้น
น้องใส่เสื้อลาย ไฉไลจริงแม่โฉมยงค์ จมูกน้องนาง...อืมมม..เสียงดีซะด้วย นี่ข้าพเจ้าต้องเจอคู่แข่งจริง ๆ แล้วสิเนี่ย
พอเพลงจบลง มีเสียงจากไมค์กล่าวว่า
"ขอมอบเพลงนี้ให้สาวสวยเสื้อลายที่ดื่มเบียร์อยู่นะครับ"ข้าพเจ้าสังเกตเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างน่ารัก
ข้าพเจ้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไมค์ถูกส่งมายังโต๊ะข้าพเจ้า
ทำนองเพลง อากาศ ของพี่ป้างดังขึ้น
ขอร้องเธอมองฉันที นี่คือสิ่งที่มี มีจิตใจ...ข้าพเจ้าบรรจงร้องท่อนนี้พร้อมกับ
มองไปสบตาเธออย่างเจตนา
เธอสบตาข้าพเจ้าแล้วยิ้มอย่างมีไมตรี
จบเพลงข้าพเจ้าลุกไปเข้าห้องน้ำ
ออกมาก็เจอลุงเพลย์บอย มาคุยคุยกับเธอที่โต๊ะ
การสนทนาดูครื้นเครงดี ข้าพเจ้ามานั่งที่โต๊ะ
ทั้งสองก็ยิ้มให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายิ้มตอบ
สักพักลุงเพลย์บอยกลับมาโต๊ะแก แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ
ข้าพเจ้าจึงถือแก้วเดินไปที่โต๊ะสาวสวย
"ขอบคุณสำหรับถั่วทอดนะค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ ยินดี ว่าแต่คงอร่อยสู้ยำหมูยอไม่ได้มั่งครับ"
"ของคนละประเภทกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ" เธอตอบพร้อมยิ้ม
บลา บลา บลา การสนทนามีเยอะกว่านี้
แต่ที่ข้าพเจ้าได้ใจความคือประโยคที่เขียนเล่าให้ฟัง
ความรู้สึกบ่งบอก ข้าพเจ้าเป็นรองลุงเพลย์บอยอยู่มาก
ข้าพเจ้ากลับมานั่งโต๊ะ
การเกี้ยวพาราสี เป็นไปอย่างสุภาพ
ระหว่างข้าพเจ้ากับลุงเพลย์บอย
ได้เวลาร้านปิด เราก้าวออกมาจากร้าน
สาวสวยเดินไปกับลุงเพลย์บอย
เธอเลือกแล้ว และเธอมิได้เลือกข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเดินมาที่รถคนเดียว
ที่ลานจอดรถ ก่อนขึ้นรถ
ลุงเพลย์บอยกับสาวสวยโบกมือยิ้มให้กับข้าพเจ้า
รอยยิ้มของลุงเพลย์บอย มิใช่ยิ้มเยาะ
แต่เป็นยิ้มอย่างสุภาพคล้ายจะบอกว่า
" I หนู เอ็งทำดีแล้ว แต่ยังไม่ดีพอสำหรับอัจฉริยะข้ามคืน (เอ๊ย นักรักข้ามคืน)"ข้าพเจ้าขับรถกลับที่พัก รู้สึกถึงความพ่ายแพ้
ช่างแมร่ง กลับไปชักว่าวก็ได้ มือขวายังมีอยู่
อืมมม...วันพระไม่ได้มีหนเดียว
เป็นประสบการณ์หนึ่งครับ แค่นำมาเล่าสู่กันฟัง