-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Thomas Neill Cream นักวางยาพิษโสเภณี  (อ่าน 708 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18220
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Thomas Neill Cream นักวางยาพิษโสเภณี
« เมื่อ: 02 กันยายน 2016, 11:39:41 »

Thomas Neill Cream นักวางยาพิษโสเภณี



โทมัส นีส ครีมเป็นคนรักผู้หญิง หากแต่สาเหตุที่เขารักผู้หญิงนั้นเป็นอะไรมากกว่าการที่อยากโอบกอด
อยากเห็นผิวขาวที่สวยๆ หรืออยากเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงที่น่าทะนุถนอม เขารักผู้หญิง

พวกเธอเปรียบเสมือนหนูตะเภาที่สมบูรณ์แบบ
เหยื่อเคราะห์ร้ายที่สมบูรณ์แบบ การฆ่าที่สมบูรณ์แบบ


ครีมพบว่าเป็นเรื่องง่ายที่ฆ่าพวกเธอ เขาแค่ใช้สตริกนินเข้าไปร่างกายของเธอทางใดทางหนึ่ง และก็รอดูพวกเขาตาย
อย่างทุกข์ทรมาน ราวกับเรื่องง่ายสำหรับเขา ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่เขาเปรียบตัวเองเหมือนแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
ฆาตกรต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของ ค.ศ. 1888 และหลายคนก็เห็นด้วย บางทีพฤติกรรมการฆ่าเหยื่อของเขานั้น

อุบาทว์ ลามก บ้าระห่ำ ยิ่งกว่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ด้วยซ้ำไป
 
 
Thomas Neill Cream



ด็อกเดอร์โทมัส นีล ครีม เป็นที่รู้จักในชื่อนักวางยาพิษแลมเบธ เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวสก็อต ซึ่งอ้างว่าเขาฆ่าเหยื่อนับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อังกฤษและประเทศอื่นๆ โดบเหยื่อส่วนใหญ่จะถูกวางยาพิษ และเขาถูกประหารชีวิตในเวลาต่อมา
มีข่าวลือว่าประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกแขวนคอตะแลงแกงนั้นเขาได้พูดว่า “ฉันคือแจ็ค เดอะ ริปเปอร์”
แสดงให้เห็นว่าเขาอยากเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่โดดเด่นเทียบแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เพียงใด   


ครีมถือกำเนิดในกลาสโกว์ ของสก็อตแลนด์ในปี 1850 เขาเป็นบุตรคนแรกของพี่น้องแปดคนของนายวิลเลียมและแมรี่ ครีม
ซึ่งเมื่อเขาอายุ 4 ปี ครอบครัวของเขาก็ไปลงหลักปักฐานในเมืองควีเบก ประเทศเคนนาดา

ครอบครัวของครีมเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อของเขาก้าวหน้าในงานอย่างรวดเร็ว ด้วยการเป็นผู้จัดการบริษัทต่อเรือชั้นนำของเมือง
หากแต่โทมัสไม่ได้แสดงความสนใจในธุรกิจดังกล่าวมากนัก ทำให้พ่อแม่ของเขาส่งเขาไปเรียนศึกษาในมหาวิทยาลัยแพทย์
แม็คกิลล์ คอลเลจ จนกระทั่งเขาเรียกจบและออกมาประกอบอาชีพแพทย์ในปี 1876

หลังจากได้รับปริญญา หมอครีมได้ออกมาทำอาชีพเป็นหมอทำแท้งเถื่อนเนื่องจากเป็นงานดีและค่าตอบแทนสูงแม้ว่าอาชีพ
ทำแท้งจะผิดกฎหมายในประเทศแคนาดาก็ตาม อาชีพของเขากำลังดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่ง เขาได้ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ
ฟลอรา บรู๊คส์ ท้องกับเขาและเขาพยายามเอาเด็กออก และเมื่อพ่อของเธอทราบจึงเอาปืนจี้หมอครีมให้แต่งงานกับเขาอย่างเป็น
ทางการ

หลังการแต่งงานได้เพียงวันเดียวหมอครีมก็เดินทางไปศึกษาต่อที่โรงพยาบาลแพทย์เซนต์ โทมัสที่ลอนดอน ซึ่งเขาสัญญา
กับฟลอราว่าจะส่งจดหมายติดต่อมา อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านไปหนึ่งปีเขาก็ทราบข่าวว่าภรรยาของตนเสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษ
เมื่อภรรยาเสียชีวิต หมอครีมก็ทำงานเป็นหมอทำแท้งต่อ พร้อมกับแบล็คเมล์ลูกค้าไปด้วย เมื่อชื่อเสียงไม่ดีจึงย้ายไปอยู่ชิคาโก
ประเทศอเมริกาเพื่อประกอบอาชีพทำแท้งต่อ

ราวๆ ปี 1880 หมอครีมถูกตำรวจจับฐานฆาตกรรมจูเลียฟอล์กเนอร์หลังจากทำแท้งกับเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ได้เอาตัวรอด
จากการถูกลงโทษตามกฎหมายและถูกปล่อยตัวออกมา ต่อมาคนไข้ที่รักษาเสียชีวิต คนแรกเป็นสาวที่มาซื้อยาแก้การตั้งครรภ์
ส่วนคนที่สองเป็นพนักงานสถานีรถไฟที่เป็นลมบ้าหมู ชื่อ แดเนียล สต๊อตต์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1881 ซึ่งภรรยา
เป็นคนซื้อยาให้เขา ต่อมาสืบทราบว่าภรรยาพนักงานรถไฟดังกล่าวเป็นชู้กับหมอครีม

ตอนแรกตำรวจไม่ได้สงสัยหมอครีมในสองคดีดังกล่าว จนกระทั่งเขาเขียนจดหมายไปชี้แจงกับพนักงานชันสูตรศพ
ถึงการเสียชีวิตของพนักงานสถานีรถไฟว่าเป็นเพราะผู้ผสมสารหนู (สตริกนิน) ลงไปในเม็ดยามากเกินไป



จากการสืบสวนก็พบว่านักผสมยาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ดังนั้นหมอครีมจึงรับผิดเต็มๆ และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ในคดีฆาตกรรม 2 ศพ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกรกฎาคม 1891 โชคก็เข้าข้างหมออีกครั้ง เมื่อผู้ว่ารัฐอิลลินอยส์ได้รื้อฟื้นคดีของ
หมอครีมขึ้นมาใหม่ ในที่สุดก็ได้แก้คำตัดสินให้ปล่อยตัวหมอให้เป็นอิสระ หลังจากจองจำไม่ถึง 10 ปี

ในเวลานั้นพ่อของหมอครีมเสียชีวิตแล้ว โดยได้ทิ้งมรดกให้แก่หมอครีมเป็นจำนวน 16,000 ดอลลาร์ ซึ่งสามารถตั้งตัว
กับชีวิตได้อย่างง่ายดาย หลังจากได้มรดกของพ่อที่พึ่งเสียชีวิตในปี 1887 ครีมได้เดินทางไปเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ
ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม 1891 เขาก็ตั้งรกร้างที่ห้องพักที่ 103 กลางลอนดอน ซึ่งตอนนั้นลอนดอนเป็นศูนย์กลางของความมั่งคง
ของจักรวรรดิอังกฤษ แต่ในอีกมุมหนึ่งในมหาลอนดอนอย่างย่านแล็มเบธกับเต็มไปด้วยปัญหาความยากจน อาชญากรรม
และการค้าประเวณี

ในช่วงนี้ดูเหมือนหมอครีมจะหลงใหลแสงสีของแล็มเบธไม่น้อย โดยเฉพาะโสเภณีนั้นเขาชอบพวกเธอเป็นพิเศษ
เขามักซื้อบริการพวกเธอเป็นประจำ หลายคนมักเห็นเขาหิ้วโสเภณีชั้นต่ำมาเข้าห้องเป็นประจำ บางครั้งก็หิ้วทีเดียว 2-3 คนก็มี
 


ในช่วงนี้เองหมอครีมก็เริ่มฆ่าโสเภณี ด้วยความเป็นนายแพทย์น่าเชื่อถือ เวลาพูดคุยกับโสเภณีแต่ละคนเขาจะจ่ายยาซึ่งความจริง
มันคือยาสตริกนิน แต่อวดอ้างสรรพคุณต่างๆ นาๆ โดยอ้างว่าเป็นยาเสริมสวยลบรอยฝ้าหรือจุดต่างๆ บนใบหน้า ทำให้หญิงสาว
หลงเชื่อล้วนตายเพราะยาพิษในลักษณะนี้ทั้งสิ้น

จำนวนเหยื่อนั้นไม่มีใครทราบแน่นอน แต่ผู้เคราะห์ร้ายรายแรกๆ ที่รู้จัก เป็นโสเภณีอายุ 19 ปีชื่อเอ็นเล็น ดอนเวิร์ธ ซึ่งก่อนที่ตาย
และอยู่ในช่วงนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้นเธอได้พูดว่ามีชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งสวมแว่นตากรอบทองหนวดดกเป็นพุ่มปกริมฝีปาก
แถมยังสวมหมวกที่ทำจากผ้าไหมอย่างดี ดูแล้วน่าเชื่อถือ ยื่นขวดสีขาวชนิดหนึ่งให้เธอดื่ม

หลังการเสียชีวิต เมื่อมีการชันสูตรศพก็พบว่าเธอสิ้นใจตายเพราะพิษจากสตริกนินที่บริโภคจนเต็มกระทบ



หมอครีมยังไม่ยุติเพียงแค่นี้ เขายังแสดงความบ้าระห่ำ ด้วยการเขียนจดหมายเรียกเงินจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของเอ็ลเล็น ดอนเวิร์ธ
โดยอ้างว่าเขามีข้อมูลเด็ดเกี่ยวกับฆาตกรเพียงแต่ต้องจ่ายเงินค่าข้อมูลเป็นเงินถึง 30,000ปอนด์ซึ่งถือว่ามากในเวลานั้น
แน่นอนว่าใครๆ ต่างรู้ว่าคนที่เขียนจดหมายนี้น่าจะเป็นตัวฆาตกรเองเสียมากกว่า แต่ปัญหาคือเหตุใดหมอครีมถึงทำอย่างนั้น
นักวิเคราะห์เชื่อว่าหมออยากเป็นคนดัง อยากให้การฆาตกรรมของหมอนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่ว หรือไม่ก็ต้องการตามรอย
แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ที่เคยส่งจดหมายมาปั่นป่วนให้ตำรวจมาแล้ว

 
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปีเดียวกัน หมอครีมพบโสเภณีอายุ 27 ปีคนหนึ่งชื่อมาทิลด้า โคลเวอร์ ซึ่งหลังจากทำการรักษาเธอ
ก็ล้มป่วยและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น การตายของเธอถูกเขียนใบมรณะบัตรว่าเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง

ในเดือนมกราคม 1892 หมอครีมกลับบ้านที่แคนาดาหลังจากหมั้นกับผู้หญิงชื่อลอร่า ซับบาตินี่เอาไว้ ระหว่างทางเขายังคุยโว
กับผู้โดยสารเกี่ยวกับชีวิตของเขา ว่าเขาใช้ยาพิษฆ่าผู้หญิง และเขาก็ยังปลอมตัวด้วยหนวดปลอมเพื่อไม่ให้ตำรวจจับได้

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในอเมริการะยะหนึ่ง เขาก็เดินทางกลับไปที่ลิเวอร์พูล อังกฤษอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1892
และกลับไปย่านแลมเบธอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 เมษายน 1892 ซึ่งในระหว่างนั้นเขาได้มีเซ็กต์หมู่กับสองโสเภณี 2 คน
คือเอ็มม่า  อายุ 18 ปี และอลิซ มาร์ชอายุ 21 ปีก่อนที่จะมอบขวดยาที่อ้างว่าเป็นยาช่วยรักษาผิวหนังของเธอให้เปล่งปลั่ง
ซึ่งเมื่อหมอครีมออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ สองโสเภณีก็ทานยาขวดนั้นตามคำแนะนำของหมอครีมก่อนที่จะเสียชีวิต
อย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัส



ในช่วงนั้นเองชาวอังกฤษยังคงไม่หายหวาดผวากับฆาตกรชื่อดังแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ที่ออกอาละวาดฆ่าโสเภณีใกล้ที่เกิดเหตุ
ทำให้มีการสับสนการตายโสเภณีสองคนนั้นเกี่ยวของกับฆาตกรรายนี้หรือไม่ ทำให้การสอบสวนไม่คืบหน้ามากนัก
 
แรงจูงใจสาเหตุที่หมอครีมก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งนี้ไม่เป็นที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นความชอบซาดิสต์
ของหมอครีมที่ชอบความความเจ็บปวดของเหยื่อเวลาดิ้นทุรนทุราย (แม้เขาจะไม่ได้เห็นเหยื่อดิ้นทุกข์ทรมานหลังจากเ
ขาให้ยากับเหยื่อแล้วก็ตาม)

นอกจากนี้หมอครีมก็ยังมีความโลภที่มาแบล็กเมล์คนอื่น และเมื่อเหยื่ออีกมากมายที่เชื่อว่าครีมสังหารเพื่อผลประโยชน์
แต่ไม่มีหลักฐานพอที่เอาผิดเท่านั้น

และความโลภของครีมนั้นก็นำมาซึ่งหายนะต่อตัวของเขา เมื่อเขาส่งจดหมายแบล็กเมล์หมอสองคน ว่ามีส่วนรู้เห็นการ
สังหารอลิซและเอ็มม่า พร้อมกับเรียกร้องเงินค่าปิดปากเป็นเงิน 1500 ปอนด์ อย่างไรก็ตามหมอคนที่แบล็กเมล์ไม่เล่นด้วย
เลยส่งให้ตำรวจ ซึ่งต่อมาก็ตามรอยจนสามารถจับตัวคนเขียนจดหมายนั้นคือหมอครีม อีกทั้งเนื้อหาจดหมายบอกว่าแพทย์
เหล่านั้นฆ่าผู้หญิงหลายคน ซึ่งเมื่อทำการขุดศพพวกผู้หญิงที่ระบุจดหมายมาตรวจาสอบก็พบพิษสตริกนินซึ่งตรงกันข้าม
กับใบมรณะบัตรที่แจ้งเอาไว้


นอกจากนี้ ย้อนกลับไปวันที่ 2 เมษายน 1892 หมอครีมไม่ได้รู้ตัวว่าตนได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อเขาปล่อยให้
เหยื่อของเขามีชีวิตรอดมาได้ และนำไปสู่การจับกุมเขาในที่สุด ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่หมอครีมใช้บริการโสเภณีคนหนึ่ง
ชื่อ ลู ฮาร์วีย์ หลังจากที่ทั้งคู่แยกจากกันหมอครีมก็ได้มอบยาเม็ดให้เธอจำนวนหนึ่งพร้อมบอกว่าเป็นยาช่วยกำจัดสิว
ที่หน้าผากของเธอ แต่อย่างไรก็ตามลู ฮาร์วีย์ไม่ได้กินยาเม็ดดังกล่าว เพราะดูแล้วไม่ไว้ใจจึงทิ้งยาเม็ดลงถังขยะไป

ต่อมาลู ฮาร์วีย์ได้พบหมอครีมอีกครั้ง ซึ่งเขายังแปลกใจว่าเธอยังไม่ตายอย่างที่เขาหวังเอาไว้ เย็นวันนั้นเขาเลยให้ยา
แบบเดิมอีกครั้ง และเช่นเดิมลู ฮาร์วีย์นำยานั้นไปทิ้งแม่น้ำเทมส์ ซึ่งต่อมาเธอก็ให้การในชั้นศาลเพื่อเอาผิดหมอครีม
 
 
การแขวนคอหมอครีม


 
ทางด้านตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดเองก็เริ่มจับตาดูหมอครีมในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบนิสัยที่เขาชอบไปเยือนโสเภณี
พวกเขารีบติดต่อตำรวจอเมริกาเพื่อรวบรวมข้อมูลการฆาตกรรมยาพิษที่เชื่อว่าเขาเป็นตัวต้นเหตุในปี 1881


วันที่ 13 กรกฎาคม 1892 หมอครีมถูกตั้งข้อหาฆ่าเมทิลด้า โคลเวอร์ การพิจารณาคดีกินเวลานาน 17-21 ตุลาคม
ในชั้นศาลหมอครีมแทบหมดทางสู้เมื่อเจอหลักฐานมัดตัว พร้อมพยานสำคัญให้การจนเขาดิ้นไม่หลุด นอกจากนี้ทาง
ตำรวจยังพบขวดสติกนินอีก 7 ขวดในห้องพักของเขา ทางคณะตุลาการใช้เวลาแค่ 12 นาที ก็สามารถสรุปว่าหมอครีม
มีความผิดจริง และคือเขาถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยการแขวนคอบนตะแลงในเรือนจำ
             
หมอครีมถูกประหารเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1892  ในขณะที่เขาอายุ 42  ปีและเมื่อถึงเวลาประหาร เขาตะโกนออกมาว่า
"ฉันคือแจ๊คเดอะริปเปอร์" (ที่จริงตะโกนได้แค่ว่า I'm Jack..... ก็ตายเสียก่อน) ซึ่งจะว่าเขา
ไม่ได้ตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจากการศึกษาจะเขามีอาชีพเป็นหมอซึ่งชำนาญผ่าตัด
เขาชอบโสเภณี และจากคดีที่เขาก่อเหยื่อส่วนมากเป็นโสเภณีซึ่งตรงกับการระบุตัวตนของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ทุกอย่าง


แต่เนื่องจากขณะที่แจ๊คก่อคดีในลอนดอนด้วยการฆ่าโสเภณีตายในช่วง 1888 นั้นเขายังติดคุกที่ชิคาโก้ ทฤษฎีนี้จึงตกไป
เป็นอันจบชีวิตหมอฆาตกรที่บ้าที่สุดไปอีกหนึ่งราย

 

credit :: cammy@dek-d.com
 
อ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Neill_Cream
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 กันยายน 2016, 15:11:02 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

jojogm

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 382
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-1
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: Thomas Neill Cream นักวางยาพิษโสเภณี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 กันยายน 2016, 17:49:48 »

ขอบคุณที่หาเรื่องแปลกมาให้อ่านครับ ผมติดตามตลอดเลย

happy007

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 105
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: Thomas Neill Cream นักวางยาพิษโสเภณี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 08 กันยายน 2016, 22:20:28 »

ขอบคุณครับบบ  eta08