-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Javed Iqbal นักฆ่าเด็ก 100 ศพ  (อ่าน 562 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Javed Iqbal นักฆ่าเด็ก 100 ศพ
« เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2017, 11:01:19 »

Javed Iqbal นักฆ่าเด็ก 100 ศพ
credit :: cammy@dek-d.com



เมื่อปี 2000 ผู้พิพากษาของปากีสถานได้ตัดสินประหารชายคนหนึ่งชื่อ จาเว็ด อิคบอล อายุประมาณ 38 ปี ผู้ต้องหา
คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ที่แปลกคือการประหารชีวิตของเขานั้นไม่ใช่การยิงเป้า, แขวนคอ, ฉีดยาพิษเหมือนประเทศอื่นๆ
เขาทำกันในปัจจุบัน หากแต่ด้วยการรัดคอด้วยโซ่ หั่นร่างเขาเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำกรดที่มีส่วนผสมของ
กรดไฮโดรคลอริกและซัลฟูริก จนร่าง สลายหายไปหมดสิ้น ต่อหน้าญาติของเหยื่อพวกเขา


เหตุใดถึงตัดสินประหารแบบนั้น ก็เพราะประเทศปากีสถานใช้กฎหมายอิสลาม ที่ระบุว่าหากฆาตกรฆ่าคนด้วยวิธีใด
เมื่อมีการประหารชีวิต ฆาตกรจะต้องประหารโดยวิธีเดียวกันกับที่เขาฆ่าเหยื่อของเขา

ที่ผ่านมาจาเว็ด อิคบอลฆ่าเหยื่อด้วยวิธีการดังกล่าว และไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่เป็น 100 คน!! ที่ผ่านมาจาเว็ด อัคบอล
ฆ่าเหยื่อจำนวนมากมาย ในช่วงปี 1999 ที่เมืองละฮอร์ ที่อยู่ในแคว้นปัญจาบของปากีสถาน   และเกือบทุกคนเป็นเด็ก
ดังนั้นศาลเลยเพิ่มเติมว่าให้รัดคอ 100 ครั้ง ร่างของเขาต้องตัดออกเป็น 100 ชิ้น และแช่กรดเหมือนกับเขาทำกับเหยื่อ

แต่สิ่งที่น่าตำหนิที่สุดคือตำรวจ ตำรวจไม่รู้เลยว่าเหยื่อที่เป็นเด็กส่วนใหญ่ที่หากินอยู่เป็นกองทัพตามท้องถนนนั้นได้หายตัวไป
ชีวิตของเด็กในสังคมปากีสถานนั้นมันช่างไร่ค่าราวกับขยะไม่ปาน สถานที่เด็กๆ 100 คน ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ถูกทรมานและสังหารอย่างเลือดเย็นนั้นไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 
 
จาเว็ด อิคบอล


 
จากประวัติชีวิตคราวๆ พบว่าจาเว็ด อิคบอลเป็นชาวเมืองละฮอร์  แคว้นปัญจาบของปากีสถาน เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 1955 
พ่อเป็นนักธุรกิจ ส่วนเขาเป็นลูกคนที่หกของครอบครัว เข้าเรียนในวิทยาลัย จบออกมาเป็นนักธุรกิจ มีบ้านหลังใหญ่ที่พ่อของเขา
เป็นคนซื้อ 


อย่างไรก็ตาม หาเจาะชีวิตในวัยเด็กของจาเว็ด ก็พบว่าเขาเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคน “อัจฉริยะที่ชั่วร้าย” เป็นคนรู้เรื่องกฎหมาย
และการลงโทษ ทำให้ญาติๆ ของเขาไม่อยากจะติดต่อเขามากนัก ที่น่ากลัวก่อนหน้าที่จาเว็ดเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เขามีคดีเกี่ยวกับ
ทำอนาจารเด็กมากกว่าหนึ่งคดี ตั้งแต่ปลายปี 1990 มีพ่อเด็กชายมาฟ้องตำรวจ หากแต่ไม่มีหลักฐานที่จะจับกุมตัวเขา
และนอกจากนี้ยังมีคดีเกี่ยวกับละเมิดสมาชิกในครอบครัวด้วยซ้ำ

ต่อมาในปี 1983 จาเว็ดแต่งงานกับพี่น้องในครอบครัว ซึ่งสร้างความตกตะลึงแก่ครอบครัวเขามาก เพราะก่อนหน้านั้นครอบครัว
พยายามที่จะให้เขาแต่งงาน แต่จาเว็ดหักหน้าครอบครัวด้วยการเลือกเจ้าสาวด้วยตนเอง แถมเป็นญาติพี่น้องเขาอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ชีวิตการแต่งงานของเขาไม่ราบรื่นมากนัก สองถึงสามเดือนก็เลิกกัน

หลังจากพ่อของเขาตาย จาเว็ดก็ได้มรดก และมีบ้านหลังใหญ่มีสระน้ำหลังบ้าน หากแต่กลับมีพฤติกรรมที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
เขาจะทำตัวเป็นมิตรเข้าไปตีสนิทกับกลุ่มเด็กชาย   นอกเหนือจากธุรกิจครอบครัว เขายังเปิดร้านวีดีโอเกม ร้านค้าที่ตั้งตู้ปลาหน้าร้าน
สินค้าในร้านถูกนำมาขายต่ำกว่ามูลค่าตลาด หรือไม่ก็โรงยิม ทั้งหมดเพื่อล่อเด็กผู้ชาย

 
 
 
ต่อมาจาเว็ดยังเปิดโรงเรียนปรับอากาศ แต่ก็ปิดกิจการไม่นานเพราะไม่มีใครเต็มใจที่จะส่งลูกของตนเองเข้าโรงเรียน เพราะรู้ดีว่า
จาเว็ดเป็นยังไง แม้ว่าจาเว็ดจะเลวร้ายในสายตาชาวบ้าน แต่จาเว็ดพยายามสร้างตนเองให้ดูดีในสายตาคนภายนอก ถึงขั้นลงทุน
ทำนิตยสารรายเดือนแนวป้องกันและปรามปรามทุจริตและอาชญากรรม ตีพิมพ์ความกล้าหาฯของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แถมสัมภาษณ์
ตำรวจด้วยตนเอง

ในเดือนกันยายน 1998 เจเว็ดก่อเรื่องอีก เมื่อเขาโดนพนักงานตีที่ศีรษะถึงขั้นสลบ (ไม่ทราบว่าชายหรือหญิง แต่คงเป็นผู้ชาย)
หามส่งโรงพยาบาล ภายหลังคดีพลิกเพราะเป็นฝ่ายเจเว็ดเองที่เป็นคนลวนลาม เขาถูกตั้งข้อหาละเมิดทางเพศ และถูกจับกุม
ในวันออกจากโรงพยาบาล หากแต่ก็ออกมาเพราะประกันตัว ในช่วงรักษาอาการบาดเจ็บ ทางครอบครัวไม่เต็มใจที่จะออกเงินรักษา
เขามากนัก จึงขายรถและร้ายที่เป็นทรัพย์สินจาเว็ดไปเพื่อเป็นค่ารักษา เมื่อจาเว็ดกลับบ้านก็ตกใจเมื่อทรัพย์สินถูกขายจนหมด

และนี่คือจุดเริ่มต้นของฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของปากีสถาน
   


ในปี 1999จาเว็ดได้ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเป็นเด็กข้างถนน ที่แคว้นปัญจาบ มีเด็กเป็นจำนวนมากเป็นเด็กเร่รอน
ไปตามท้องถนน พวกเขายังชีพด้วยการขอทานบ้าง ลักเล็กขโมยน้อยบ้าง เสนอขายดอกไม้ที่มีอย่างเหลือเฟือในทุกมุมเมืองบ้าง
บางคนก็หาบเร่ขายน้ำหรือไม่ก็เครื่องประดับเล็กๆ น้อย ตลอดจนเสนอนวดเพื่อคลายความปวดเมื่อยให้กับคนแปลกหน้า
เพื่อแลกเงินไม่กี่รูปี


เด็กเร่ร่อนเกือบทุกคนบนถนนสายนั้นคือเด็กกำพร้า ขณะเด็กที่เหลือนั้นแม้จะไม่ใช่ก็เหมือนใช่ เพราะในประเทศปากีสถานเป็นประเทศ
ที่ประกอบไปด้วยประชากรถึง 144 ล้านคน 1 ใน 3 ของประชาชนอยู่ในสาวะขัดสน เด็กๆ ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพด้วยตนเองเท่าที่
พวกเขาจะทำได้ ทั้งนี้เพราะครอบครัวของเขายากจนข้นแค้นแทบไม่มีอะไรจะกิน

ตามรายงานที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนปากีสถาน เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรเด็กนั้นต่างไม่ได้รับอาหารที่ไม่เพียงพอ
เฉพาะในแคว้นปัญจาบเพียงแห่งเดียวนั้นมีเด็กขาดสารอาหารเป็นจำนวนถึง 1 ล้าน 6 แสนคน และพวกเขามีความบกพร่องทาง
ร่างกายและจิตใจ อันเป็นผลการขาดธาตุอาหารหลักคือธาตุเหล็ก

นอกจากนี้ เด็กกว่า 3 ล้าน 3 แสนคน ถูกบีบบังคับให้ทำงานอย่างทารุณและใช้งานที่เสี่ยงอันตราย แม้จะมีกฎหมายที่จำกัดการทำงาน
ของเด็กอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีเด็กกว่า 4,000 คนที่ต้องใช้ชีวิตที่สิ้นหวังในเรือนจำที่ล้นแล้วล้นอีก ที่สำคัญในเรือนจำนั้นไม่มี
การแบ่งอายุผู้ต้องขังแต่อย่างไรเด็กเหล่านั้นต้องเผชิญกับฆาตกร นักค้าของเถื่อน ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ

จึงไม่น่าแปลกอย่างใดที่พวกผู้ใหญ่จะยินดีอย่างยิ่งที่เด็กพวกนี้หายไปจากสังคมปากีสถานพวกเขาไม่สนใจแม้แต้น้อยว่าเด็กหายไปไหน

   

   
อิจาส เด็กชายเร่ร่อนหน้าตาสะสวย สวนเสื้อเชิ้ตขาวรุ่งริ่งโดยมี คารา ที่เป็นเครื่องประดับห่วงวงแหวนสวนไว้ที่ข้อเท้าติดมาด้วย
ไม่มีใครในท้องถนนรู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเขาน่าจะอยู่ช่วงวัยรุ่น อิจาสชอบตะเวนไปไหนมาไหนพร้อมกับ
ริแอสน้องชายของเขา ทั้งวันพี่น้องคู่นี้จะหอบหิ้วกล่องเล็กๆ ที่บรรจุน้ำหอมพร้อมกับนวดให้แก่ผู้ชายตามสี่แยกท้องถนน มองดูเหมือน
จะเป็นชีวิตไร้ค่าสำหรับสายตาคนอื่น แต่ถ้าวันไหนที่เขาหาเงินได้ถึง20รูปี ซึ่งมีค่าเท่ากับเงินเพียง40เซนต์ของดอลลาร์อเมริกาเท่านั้น
แต่สำหรับอิจาสแล้ว เงินเพียงนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้เขาโชคดีไปทั้งสัปดาห์ที่เดียว

แต่ชีวิตเร่รอนของอิจาสก็ถึงคราวจบสิ้นเมื่อพบกับจาเว็ต อิคบอล

เดือนพฤศจิกายน1999จาเว็ดกับเพื่อนๆ อีก2คน ได้เสนอเงินให้เขากว่า50รูปี เพื่อเป็นค่าตอบแทนค่านวดเพื่อบรรเทาอัมพาตอัมพฤกษ์
ของเขา อิจาดและน้องชายตาลุกวาวกับเงินจำนวนนั้น รีบกระโดดเข้าใส่ทันที โดยไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้า

เด็กสองคนเดินตามจาเว็ต และเพื่อนไปตามถนนแคบๆ ลัดเลาะไปตามแม่น้ำราวี จนกระทั้งถึงบ้านเดี่ยวมืดๆ ทึมๆ หลังเล็กๆ
มีลานหน้าบ้านอยู่ตรงหน้า ภายในบ้านนั้นแบ่งออกเป็นห้องนอนเล็กๆ3ห้อง แต่ละห้องสูง12ฟุต ซึ่งภายในห้องร้อนอบอ้าวอย่างยิ่ง
แต่ก็ยังดีที่ด้านหน้าของบ้าน มีหน้าต่าง ปล่อยลมเข้ามาได้เย็นสบายบ้าง

ด้วยความทึบทึม จึงทำให้บ้านหลังนี้ดูไม่เหมือนบ้านทั่วไป ที่เป็นบ้านรวมที่มีผู้คนอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่อิจาสมีความรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
จึงบอกให้น้องชายให้กับบ้านก่อน โดยบอกว่าเขาจะกลับบ้านที่หลัง ซึ่งน้องชายก็ทำตามที่พี่ชายสั่ง ในขณะที่เขากำลังออกจากบ้านหลังนั้น
เขาเห็นอิจาสอยู่ในห้องด้านหน้า สวนเสื้อเชิ้ตขาวรุ่งริ่งตัวนั้น

"ผมทิ้งอิจาสไว้ในบ้านหลังนั้นแล้วกลับบ้าน" ริแอสน้องชายอิจาสให้การกับตำรวจภายหลัง

"อิจาสไม่ได้กลับบ้านในคืนนั้น และเมื่อผมไปตามเขาที่บ้านหลังนั้นบนถนนราวีในเช้ารุ่งขึ้น
เขาบอกว่าอิจาสออกจากบ้านหลังจากผมออกไปเล็กน้อย"

แต่ความจริงก็คือ อิจาดไม่ได้กลับมาบ้านเลย เขายังอยู่ที่นั้น เพียงแต่ไม่ใช้ฐานะมนุษย์ แต่เป็นศพ
   
ช่วงเวลาหกเดือน ผู้ประกอบการค้าวัย 37ปีได้ล่อเด็กข้างถนนมาที่อพาร์ตเมนต์ของเขาโดยสัญญาว่าจะให้อาหารและสถานที่หลับนอนให้
มันคล้ายกับแม่มดบ้านขนมในเฮนเซล กับ เกรเทลภายนอกเหมือนคนดี และเด็กไม่สงสัยอะไรในตัวชายคนนี้เลยหากแต่เมื่อเด็กเข้าไป
ในอพาร์ตเมนต์ จาเว็ดทำให้เหยื่ออ่อนแรงไร้แรงต่อต้านด้วยยาพิษ จากนั้นก็ลงมือขมขื่นเมื่อเหยื่อร้องครวญครางอย่างไร้สติบนพื้น
จาเว็ดก็นำโซ่เหล็กมาพันรอบคอเหยื่อและค่อยๆ รัดคอเขาอย่างช้าๆ จากนั้นก็สับร่างกายของเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ อย่างชำนาญและค่อยๆ
โยนชิ้นส่วนศพที่ละชิ้นที่ละชิ้น ลงในหม้อที่มีกรดโดรคลอริกราคาถูกราคาแค่ 120 รูปีเท่านั้นก่อนนำไปทิ้งที่ท่อระบายน้ำ

ในเดือนธันวาคม 1999 หลังจากก่อคดีฆ่าเด็ก 100 กว่าศพอย่างลอยนวล โดยที่ชาวเมืองไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่าเด็กหายไป ตำรวจเอง
ก็ไม่สนใจกับเรื่องผิดปกติแบบนี้ หากแต่อย่างไรก็ตาม จาเว็ดได้ทำตะลึงที่ฆาตกรต่อเนื่องส่วนใหญ่ไม่คิดจะทำนั้นคือเขาเขียนจดหมาย
นิรนามสารภาพส่งไปยังตำรวจและหัวหน้าบรรณาธิการหนังสือพิมพ์

เนื้อหาจดหมายเขาสารภาพว่าได้ฆ่าเด็กชาย 100 ศพ อายุระหว่าง 6-16 จดหมายได้อ้างอีกว่าเขารัดคอและหั่นศพเหยื่อส่วนมาก
เป็นเด็กกำพร้า เด็กจรจัดที่อาศัยอยู่ในถนนละฮอร์ ค่อยๆ รัดคอเขาอย่างช้าๆ จากนั้นก็สับรางกายของเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ อย่างชำนาญ
และค่อยๆ โยนชิ้นส่วนศพที่ละชิ้นที่ละชิ้น ลงในหม้อที่มีกรดโดรคลอริกราคาถูก ราคาแค่ 120 รูปีเท่านั้น

ในตอนแรกเขาทิ้งของเหลวนี้ที่ท่อระบายน้ำ แต่เพื่อนบ้านบ่นหนาหูว่ามันส่งกลิ่นเหม็น เขาจึงต้องนำของเหลวนี้ไปทิ้งลงในแม่น้ำราวี
ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจสารภาพและยอมมอบตัวกับตำรวจ นักวิเคราะห์สันนิษฐานว่า เขาอาจบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้กับตัวเองว่า
ต้องฆ่าให้ได้100ศพ และเมื่อครบจำนวนนั้นจาเว็ดจึงเขียนจดหมายถึงหนังสือพิมพ์และตำรวจ
 




จาเว็ดในชั้นศาล




"ผมได้ข่มขื่นเด็กจำนวน100คน ก่อนฆ่าพวกเขา"นี่คือคำสารภาพแรก"รายละเอียดทั้งหมดของการฆาตกรรมอยู่ในไดอารี่และสมุดบันทึก
อีก32หน้า ซึ่งวางไว้ในห้องที่บ้าน และถูกส่งไปให้ทางการแล้ว นี้คือคำสารภาพของผม"
แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนแรกตำรวจไม่สนใจจดหมาย
ของจาเว็ดเลย ต่อมาจาเว็ดได้เดินเข้าไปสำนักงานสื่อหนังสือพิมพ์รายวันและสารภาพทั้งหมด

“ผมคือจาเว็ด อัคบาล นักฆ่าเด็ก 100 ศพ”
เขาบอกกับพนักงาน และนั้นทำให้สื่อสนใจเรื่องนี้มากพร้อมกับตำหนิการทำงานของตำรวจที่เชื่อมช้าว่า

"การฟ้องร้องถือเป็นเรื่องรำคาญต่อราชการ เพราะที่นี้มีระบบป้องกันความปลอดภัยสาธารณะอันแสนที่เก่าแก่
แม้ภายหลังการแยกตัวออกจากเป็นประเทศราชของอังกฤษเกือบศตวรรษแล้ว จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในระบบอยู่บ้าง
แต่มันก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จดหมายของจาเว็ดถูกทิ้งไปราวกับไม่มีวันจะเปิดอ่านงั้นแหละ"


และเมื่อผู้สื่อข่าวและตำรวจได้มาที่บ้านของจาเว็ด พวกเขาต้องตกตะลึงกับภาพที่ที่อยู่ตรงหน้ามีหยดเลือดสาดกระเซ็นอยู่บนพื้นและบนฝาผนัง
บางรอยเป็นรอยนิ้วมือเปื้อนเลือด รวมไปถึงรอยโซ่ และอัลปั้มรูป ที่เปรียบเสมือนแกลเลอรี่ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เด็กบางคนอายุเพียง9ขวบ
ในมุมหนึ่งของห้อง มีถุงพลาสติก5ถุง ที่บรรจุรองเท้าถึง85คู่ขนาดต่างๆ เสื้อผ้าเด็กๆ ตลอดจนเสื้อเชิ้ตสีขาว รายการเหล่านี้มารติดฉลากอย่าง
เรียบร้อยกับแผ่นพับเขียนด้วยลายมือทำนอง ราวกับเป็นของสะสมอย่างไงอย่างงั้น

ที่น่าขนลุกก็คือที่กลางบ้านมีถังกรดสองถังที่ข้างในมีซากศพที่ยังไม่ได้ละลาย และภายในมีซากศพของเด็ก ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นของอิจาสและเด็กชาย
ไม่ทราบช่อคนหนึ่ง มีกระดาษแข็งเขียนด้วยลายมือของจาเว็ดว่า ว่า

"ชิ้นส่วนที่อยู่บ้านนี้ มีเจตนาที่จะไม่ทำลายเพื่อที่ทางการจะได้ค้นพบ"


ที่น่าขนลุกก็คือจาเว็ดได้จดบันทึกการก่อคดีของเขาไว้ในสมุดบันทึก เขาได้เขียนรายละเอียดการฆาตกรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเหยื่อของเขา
ทุกเพศทุกวัย และวันที่เสียชีวิต นอกจากนี้ยังบันทึกค่าใช้จ่ายในการจัดการศพเด็กแต่ละราย เฉลยแล้วประมาณ 120 รูปี (ประมาณ 2.40 ดอลลาร์)
ในการจ่ายค่าน้ำกรดเพื่อทำลายศพเด็ก

นอกจากนี้ในกลุ่มเสื้อเหยื่อที่เคราะห์ร้ายเหล่านั้น ยังมีเสื้อผ้าของหญิงสาว เชื่อว่าจาเว็ดได้สังหารคนอื่นที่ไม่ใช่เด็กอีกด้วย
ส่วนสาเหตุที่จาเว็ดก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฆ่าเด็ก 100 ศพนั้น เขาได้พูดว่าเพื่อแก้แค้นเด็กที่ทำให้เขาถูกจับกุมจากคดีครั้งก่อน

“ผมเกลียดโลกใบนี้ ผมไม่ละอายใจต่อการกระทำอันนี้ ผมพร้อมที่จาย!ไม่มีคำวาเสียใจ ผมฆ่าเด็ก 100 คน”

เรื่องราวของจาเว็ดได้กลายเป็นข่าวสะเทือนขวัญของสังคมปากีสถานในฐานะฆาตกรต่อเนื่องที่น่ากลัวที่สุดในประเทศปากีสถานสิ่งที่ตามมาคือ
ประชาชนปากีสถานต่างออกมาด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ใส่ใจเรื่องคดีเด็กหายมากนัก ในแฟ้มตำรวจนั้น มีเด็กเพียง25คนเท่านั้นที่แจ้งหายไป
ทั้งนี้เพราะพวกผู้ปกครองเด็กที่หายไปส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่า การไปแจ้งความกับตำรวจจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้

"การไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจนั้น สำหรับฉันไม่มีวันไปแจ้งความเด็ดขาดเพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหาลูกฉันพบ"

นี่คือคำสัมภาษณ์หนึ่งในแม่ของเหยื่อคนหนึ่งที่ไม่แจ้งความกับตำรวจ ซึ่งสื่อได้กล่าวสะท้อนกับสังคมที่ล้าหลังของประเทศปากีสถาน
อย่างเจ็บแสบไว้ว่า

"ถ้าจาเว็ด อิคบอล ตัดสินใจฆ่าเด็ก500คน ผมก็เชื่อโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะยังสามารถทำงาน
อันแสนโปรดปรานของเขาได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ถูกกีดกัน ขัดขวางจากกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น"


อย่างไรก็ตาม แม้ตอนแรกจาเว็ดจะสารภาพ และมีหลักฐานมากมายเต็มบ้าน แต่จาเว็ดได้ทำสิ่งที่หลายคนต้องตะลึง เมื่อเขากลับคำให้การ
ว่าไม่ได้เป็นฆาตกรต่อเนื่อง 100 ศพโดยอ้างว่าเขาเป็นแพะรับบาปในคดีเด็กหายของตำรวจที่สร้างขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนประเด็นคดีเด็กหาย
หากเขาปฏิเสธตำรวจจะฆ่าเขา

จาเว็ดยังย้ำอีกด้วยว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีหลักฐานทางนิติเวชที่เชื่อมโยงเขา แต่นั้นไม่ได้ทำให้จาเว็ดรอดพ้นความผิดแต่อย่างใด
เขาถูกศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการรัดคอและถูกหั่น 100 ชิ้นเหมือนเหยื่อที่เขาฆ่า ส่วนผู้ช่วยของเขาโทษหนักเบาลดหล่อนลงไป
แต่สุดท้ายจาเว็ดก็ไม่ได้เสียชีวิตจากการเสียชีวิตนั้น

ในเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2001 จาเว็ดอายุ 40 ปี กับผู้สมร่วมคิดซายิด อาหมัด อายุ 20 ปี ก็ได้ฆ่าตัวตายในขณะขังอยู่ในคุกกลาง
ด้วยการใช้ผ่ปูเตียงแขวนคอกับลูกรมเหล็ก พวกเขาปฏิเสธเป็นฆาตกรต่อเนื่อง 100 ศพ จนวาระสุดท้ายของชีวิต



อ้างอิง
http://murderpedia.org/male.I/i/iqbal-javed.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Javed_Iqbal_(serial_killer)
http://www.theguardian.com/world/2000/mar/17/rorymccarthy
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กรกฎาคม 2017, 16:17:19 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

น้ำขิง

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 462
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: Javed Iqbal นักฆ่าเด็ก 100 ศพ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2017, 22:21:14 »

เฮ้ย น่าสงสารเด็ก