antalya escort bayan escort antalya antalya bayan escort
free hd porn
freier porno porno gratis
mengen escort bartin escort erzincan escort erzincan escort esenler masaj salonu erzincan masaj salonu goksun masaj salonu esenler masaj salonu biga masaj salonu erzincan masaj salonu ezine masaj salonu can escort
แสดงกระทู้ - mmppp
-->

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - mmppp

หน้า: [1]
1
ยืนยัน ใน GF ช้างเผือกจริงๆครับ

3
Miss Spa เชียงใหม่ / Re: น้องฝ้าย ..
« เมื่อ: 10 เมษายน 2018, 17:31:22 »
 pongz คะแนนสูงเลยครับ

4
Phoenix Club / Re: "นุชชี่" Beautiful Smile.
« เมื่อ: 03 ธันวาคม 2017, 12:32:12 »
 pongz

6
Miss Spa เชียงใหม่ / Re: น้องน้ำปั่น
« เมื่อ: 02 ตุลาคม 2017, 01:21:50 »
คุ้มค่า การบ้านดีเลยครับ

7
 pongz ภาพประกอบสุดยอดครับ

8
แนว ออน มีที่เดียวลองไปดู ผมว่าดีกว่าเชียงใหม่นะครับ ส่วนตาม รร. เล็กๆมากมายรอบๆเมือง หาไม่ยากครับ ลองถามยาม คนโบกรถดูครับ จริงๆแนวเส้นข้างเด็ดๆเยอะมาก ส่วนแนว นกป ก็มีที่โฆษณาในเวปเราครับ

9
 pongz การบ้านระดับเทพ

10
Miss Spa เชียงใหม่ / Re: น้องคาร่า เด็ดสุดๆๆๆ
« เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2017, 18:04:21 »
ขอบคุณสำหรับการบ้านดีๆครับ

13
การบ้านดีครับ  pongz

14
ขอบคุณสำหรับการบ้านครับ

15
ครั้งหน้าจะไปบอกนะครับ อิอิ

16
นวดแผนโบราณ / Re: Loss in Massage Season 2
« เมื่อ: 25 มิถุนายน 2017, 12:10:26 »
สมควรปักหมุดครับ

17
มีเกือบทุกที่ครับ ถ้าสะดวกก็ไป รพ.เอกชนครับ

แนะนำเวปนี้ครับดูข้อมูล www.controlPE.in.th

18
Clinic สุด Seed / Re: เรื่องยาคุมฉุกเฉิน
« เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2013, 20:27:20 »
ผมปักหมุดให้นะครับ

19
Clinic สุด Seed / Re: ช่วยหน่อยครับ
« เมื่อ: 12 มกราคม 2013, 22:53:05 »
เรื่องมันยาวครับ ให้ข้อมูลมานิดเดียวเอง เร็วนี่เวลาเท่าไร กับใคร สถานการณ์อย่างไรบ้าง

มีหลายกรณีมากๆ วิธีแก้ต่างกันไปครับ

เอาเป็นว่า

ผมแนะนำให้ไปหาอ่านใน Clinicrak.com หรือ http://xn--l3c7ap5a5a1g.blogspot.com/2012/09/11-2555.html

20

ง่ายที่สุดนะครับ

ถ้าถุงแตก ถ้าเป็นไปได้ คุยตรงๆกับน้องเลย ว่าน้องเสี่ยงแค่ไหน ใส่ถุงตลอด? เคยเจาะเลือดไหม? เวลานอนกับแฟนป้องกันไหม? ไม่ใส่ถุงครั้งสุดท้ายเมื่อไร? การใช้ยาเสพติด?

จากนั้นไปเจาะเลือดให้เร็วที่สุด รพ.เจาะได้ 24 ชม. ครับ เจาะทั้งคุณและน้อง ถ้าผมปกติ สบายใจได้ระดับหนึ่ง ไม่ต้องกินยาต้าน แต่ถ้าน้องมีความเสี่ยงมาก คุณก็ควรเจาะซ้ำ

ถ้าถามว่าโอกาสติดจากเพศสัมพันธ์ น้อยครับ ถ้าจากงานวิจัยประมาณ 1%

ในกรณีของคุณ ถ้าไม่ทราบว่าน้องเป็นไหม ตามแนวทางการรักษาในประเทศไทยล่าสุด ถ้าประเมินน้องมีโอกาสเสี่ยงสูง กินยาต้านภายใน 72 ชม ครับ

แต่ถ้าน้องมีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องกิน ยกเว้นแต่ มีแผล มีเลือดออก ถึงความเสี่ยงต่ำก็ต้องกินครับ


อ้างอิงจาก แนวทางการรดูแลรักษาผู้ป่วย HIV ระดับชาติปี 2553

สงสัยไปถามต่อในห้อง Clinic สุด Seed นะครับ

21
Clinic สุด Seed / Re: น้ำหนักลดกลัวติดเอดส์
« เมื่อ: 05 สิงหาคม 2012, 17:25:37 »

จริงๆน้ำหนักลดก็มีได้หลายสาเหตุนะครับ

อย่าเพิ่งไปกังวล จะพลอยให้เครียด แล้วกินไม่ได้นอนไม่หลับไปนะครับ

ไม่สบายใจก็ควรไปพบแพทย์ครับ ถ้าน้ำหนักลดจริงๆ ควรหาสาเหตุที่ชัดเจนครับ

เพื่อความสบายใจไปตรวจเถิดครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

25
สรุปแนวทางนะครับ

 - ถ้าพลาด ถุงแตก รั่ว หลุด ลืมใส่ถุง แล้วคิดว่ามีความเสี่ยงควรรีบไปพบแพทย์

 - การได้รับยาป้องกันยาภายใน 72 ชม. ถึงจะได้ประโยชน์ ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งภายใน 4 ชม. ดีสุด

 - การกินยาลดการติดเชื้อได้ คุ้มค่า โดยเฉพาะในกรณีที่มีความเสี่ยง

 - ความเสี่ยงจาก มากไปน้อย
             
             ทวารหนัก(ฝ่ายรับ)>ช่องคลอด(ฝ่ายรับ)>ทวารหนัก(ฝ่ายสอดใส่)>ช่องคลอด(ฝ่ายสอดใส่)>>ทางปาก(ฝ่ายรับ)>ทางปาก(สอดใส่)

26
เมื่อคุณมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกัน คุณจะทำอย่างไร

   เมื่อท่านมีเพศสัมพันธ์กันคนที่เป็นโรคเอดส์ หรือกับคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเอดส์ หรือท่านไม่ทราบว่าเขา
   เป็นโรคหรือไม่ ให้ท่านทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

เจาะเลือดตรวจ เนื่องจากคนที่เป็นโรคส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ ดังนั้นจะต้องเจาะเลือดว่า
ติดเชื้อหรือไม่ หากท่านไม่ติดก็อาจจะต้องให้ยาป้องกันการติดเชื้อ เมื่อเงื่อนไขครบ
เมื่อไรจึงให้ยา เนื่องจากการให้ยาจะได้ผลเมื่อให้ใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัส และการให้ยาจะมีผลข้างเคียง ดังนั้นจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สงสัยว่าจะได้รับเชื้อนั้นนานๆครั้ง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้แก้เรื่องพฤติกรรมและได้รับเชื้อนั้นเป็นประจำ เช่นผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือผู้ที่มีสามีหรือภรรยาเป็นโรคและไม่ได้มีการป้องกัน กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เหมาะที่จะได้รับยาเพื่อป้องกัน

เจาะเลือดคนที่ให้เชื้อ การสัมผัสกับสารคัดหลั่งเชื่อน้ำเชื้อ เลือดของผู้ที่เป็นโรคเอดส์จะเสี่ยงต่อการเกิดโรค การให้ยาป้องกันภายใน 72 ชั่วโมงสามารถป้องกัน
การติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง ดังนั้นควรจะนำคนที่ท่านสัมผัสมาเจาะเลือดตรวจและซักประวัติ หากเพิ่งจะติดเชื้อโรคเอดส์ในร่างกายเขาจะมีเชื่อจำนวนมากเพราะแนั้นโอกาศที่จะติดเชื้อก็มาก แต่หากไม่สามารถนำมาเจาะเลือด และพิจารณาว่าเขาจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น พวกติดยา พวกรักร่วมเพศ พวกสำส่อนทางเพศ ก็อาจจะให้ยาเพื่อป้องกันไปก่อนและนำผู้ต้องสงสัยมาเจาะเลือด หากไม่เป็นก็หยุดยาได้ทันที

วิธีการได้รับเชื้อ จากตารางข้างล่างจะแสดงอัตราการติดเชื้อ พบว่าการได้รับเลือดจากคนที่เป็น
โรคจะมีอัตราการติดเชื้อสูงสุด รองลงมาได้แก่การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การถูกเข็มตำ การมีเพศ
สัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนที่มีความเสี่ยงต่ำได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก(ฝ่ายกระทำ)
การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก

27
ถาม กาม เทพ / Re: ว่าด้วยเรื่องการทิปน้องๆ
« เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2012, 14:28:03 »
เหมือนทิปงานบริการอื่นๆนะครับ แล้วแต่ความพอใจ

28
สมัยนี้ มองหน้า ไม่รู้ใจ  scary


โดยเฉพาะ ถ้าเป็นคนวงในจะเข้าใจครับ อิ อิ  ljhgf

29
Clinic สุด Seed / Re: อย่างนี้ติดเอดส์ไหม ^^
« เมื่อ: 21 เมษายน 2012, 21:47:41 »
...ถ้าปากเรามีแผลและปากคนมีเชื้อก้อมีแผล แบบนี้ติดไหม สมมติว่ามีเลือดออกตามไรฟันทั้งคู่

โอกาสในการติด เราจะประเมินเป็นความเสี่ยง ว่า มากหรือน้อย เท่านั้น ไม่มีอะไร 100% ครับ  dgd

หลักการคือ เชื้ออยู่ที่ไหน เชื้อมีเท่าไร และ ทางเข้าเชื้อ  scary

เช่น เชื้อจะมีมากในเลือดมากกว่าสารคัดหลั่ง  eta04

เชื้อจะมีมากในคนที่เป็นโรคมากๆ แบบเห็นหน้าก็รู้ว่าเป็น  ghjk

ทางเข้าเชื้อ จากบาดแผล จากเยื่อบุ รวมถึงขนาดแผลด้วย   wq

เอาง่ายๆครับ ปกติร่างกายมีการปกป้องตัวเอง ภายนอกสุดคือผิวหนัง ซื่งป้องกันได้ดีอยู่แล้ว(ถ้าไม่มีแผล)  pongz

แต่ส่วนในช่องปาก และอวัยวะสืบพันธ์จะเป็นเนื้อเยื่ออีกชนิด ที่บอบบางกว่าครับ ป้องกันได้น้อยกว่า  eta06

เพราะฉะนั้น การมีแผลจะทำให้เชื้อโรคเข้าได้ง่ายขึ้น รวมถึงเชื้อโรคออกมามากด้วย เพราะทั้งจากน้ำลาย+เลือด

เป็นการเพิ่มความเสี่ยงขึ้น  eta07

จากงานวิจัยล่าสุด มีรายงานการติดเชื้อจากสเปร์สดครับ ส่วนจูบ ยังไม่แน่นอน เพราะเก็บข้อมูลได้ยาก

เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีทั้งจูบ ทั้งสเปร์ และอื่นๆ ร่วมกัน ส่วนรายงานจากสเปร์ ได้มาจากพวกชายรักชายครับ

ไง ถ้าจะให้ปลอยภัยที่สุด ไม่จำเป็นก็ไม่ควรจูบ และสเปร์สด ... หรืออาจพิจารณาเป็นรายๆไป  jljhl

ตอบคำถามท่านตัวเค สรุป มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นครับ


30
สถานประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้อง มีข้อกำหนดต้องส่งเด็กมาตรวจโรคกับทาง รพ. อยู่แล้วครับ

ไม่งั้นทาง สสจ. ไม่ยอมครับ ยิ่งถ้าเป็นที่ที่มีชื่อเสียง ต้องมีมาตราการที่ชัดเจนครับ ไม่งั้นจะเป็นแหละแพร่เชื้อ

ทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ยิ่งช่วงหลังโรคหนองในเริ่มระบาด

ปกติที่คลินิกกามโรคตาม รพ.  จะมีเด็กๆจากสถานบริการมาตรวจอยู่แล้วครับ

ยกเว้นที่ใหญ่ๆ จะมีหมอส่วนตัว รักเที่ยว...ได้! แต่ถ้าไม่มีสติ คนที่เรารักจะเดือดร้อนครับ

 

32
Clinic สุด Seed / อย่างนี้ติดเอดส์ไหม ^^
« เมื่อ: 18 เมษายน 2012, 13:21:05 »
http://www.clinicrak.com/std/std_aids13.html

มีประโยชน์มากครับ

33
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9990186/L9990186.html

เป็นกระทู้ที่เนื้อหาดีมาก ที่นำความจริงมาบอกคนไทยในยามที่มีแต่สิ่งลวงตา

กรณีจากแม่สู่ลูก แล้วเด็กโตมาโดยไม่รู้ว่าติดเชื้อ เพราะแม่ไม่ยอมบอก และไม่แสดงอาการ ถึงซิงก็มีเชื้อได้ถ้าไม่ตรวจเลือด
คู่ที่แต่งงานไปตรวจเลือดแต่ ปิดบังอีกฝ่าย น่าจะฟ้องอาญาได้ ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ขอคัดบางตอนมาลง จากหลายอาชีพ เพราะบางกรณีน่าหดหู่จริงๆ ความเห็นแก่ตัวของคนบางคน ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเหลือเกิน
 
นักเที่ยวที่ดีย่อมป้องกันตัวเอง ไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น

ขอภาวนาให้การแพทย์ สามารถรักษาโรคนี้และโรคร้ายแรงอื่นๆให้หายขาดได้ แบบไร้ผลข้างเคียง และราคาถูก เพื่ออนาคตของมวลมนุษยชาติ จะได้ผาสุขชั่วกาลนาน ประโยชน์ใดๆที่ทุกท่านได้อ่านเนื้อหานี้ ขอให้มีอานิสงฆ์แคล้วคลาดจากมหัตภัยนี้ มีชีวิตกับครอบครัวและสังคม โดยความสวัสดีสาธุ


เด็กหญิงอายุ 15 ปี
มารดามาแจ้งความ ว่าพ่อเลี้ยงกระทำชำเราลูกสาว

ระหว่างแพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
เด็กบอกว่า ถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ
แต่ในครั้งต่อๆมา ตัวเด็กยินยอมมีพสพ.โดยสมัครใจ

พยาบาลแผนกสังคมสงเคราะห์ซักประวัติมารดา ถึงสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ตัวคนเป็นแม่เล่าไปร้องไห้ไป ดูแล้วมีความคับข้องใจมาก

คุณพยาบาลเข้าใจว่า มารดาคงจะเสียใจ ที่ลูกยอมนอนกับพ่อเลี้ยง
แต่ในที่สุด แม่ของเด็กก็เล่าความจริงออกมาว่า
ตัวเธอตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อมาหลายปีแล้ว
สามีคนเก่าก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อไปหลายปี
จึงได้ย้ายที่อยู่ และในทีุ่สุดก็มาพบกับสามีคนปัจจุบัน
และอยู่กินกัน โดยสามีใหม่ไม่ทราบ เพราะเธอเองกินยาสม่ำเสมอ
สุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด

แต่แล้ว เคราะห์กรรมก็มาตกกับลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง



ผู้ชาย อายุราวๆ 35 ปี
มาตรวจด้วยอาการอ่อนเพลีย มีไข้ ไอเรื้อรัง
จากประวัติในใบส่งตัว ระบุว่าเป็นวัณโรคปอด
และได้เจาะ HIV พบว่าผลเป็นบวก

เราเดินไปตรวจคนไข้ที่เตียง
เลียบๆเคียงๆถามว่า หมอที่รพ.แรกได้แจ้งผลตรวจเลือดหรือไม่
คนไข้บอกว่าไม่ทราบ
จึงถามอีกว่า คนไข้มีโรคประจำตัวหรือไม่ เคยกินยาใดๆประจำหรือไม่
เนื่อง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า ผป.โรคเอดส์บางส่วนจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าตนเองเป็นโรค แต่ไม่อยากบอกหมอตรงๆ ถ้าถามไปแบบอ้อมๆ อาจจะพอบอกบ้าง

ปรากฏว่า คนไข้รายนี้ ตอบคำถามอย่างซื่อๆ ดูแล้วไม่มีความสงสัยเลยว่าตัวเองติดเชื้อ

เราก็เลยหันไปหาภรรยา เพื่อจะถามอาการเพิ่ม
พอมองหน้าฝ่ายหญิง เราก็ต้องตกใจ
เพราะผู้หญิงคนนี้ เป็นผู้ติดเชื้อ ที่เราเคยรักษาในรพ.อำเภอเมื่อหลายปีก่อน
คนไข้มารับยาต้านกินอยู่ประจำ

เราทำเป็นจำเขาไม่ได้ ก็ลองถามเรื่องสุขภาพ ต่างๆนานา
เขาก็บอกว่าแข็งแรงดี

เราได้แต่คิดว่า ทำไมเลือดเย็นแบบนี้
เห็นผู้ชายแล้วเวทนา ฝ้าขาวเต็มปาก ตามขาก็พุพอง
ถ้าเขารู้ตัว่าติดเชื้อ ก็จะได้กินยา
ในขณะที่ฝ่ายหญิง กินยามาตลอด 5 ปี ดูสบายดีทุกอย่าง

ก็ไม่ได้ถามหรอกนะ ว่าสามีใหม่หรือเก่า
หรือจะเป็นสามีที่นำโรคมาติด เลยแก้แค้นซะ??
แต่ถ้าเป็นสามีใหม่ ก็น่าสงสารมากๆ



เคยพบเด็กวัยรุ่น ที่ติดเชื้อจากพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด
เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากญาติๆ
และไปตรวจรับยาตามหมอนัดทุกครั้ง
สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด

จนอายุ 19 เป็นสาวสวย ที่ดูแล้วแข็งแรงสมบูรณ์
แล้วเธอก็ท้องกับเพื่อนชาย
เราถามเด็กว่า แฟนหนูรู้มั้ย ว่าหนูเป็นโรคอะไร
เด็กตอบว่า "เขารู้ แต่เขาไม่กลัว"
เออหนอ ไม่รู้ว่ากล้าหาญเพราะรักจริง หรือว่ามันเด็กจนไม่รู้จักกลัวอะไร

ถ้าคุณเป็นเธอ ที่ติดโรคจากแม่โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
พอโตเป็นสาว อยากมีแฟนเหมือนคนอื่น
คุณจะทำยังไง
วัยรุ่นอายุเท่านี้ จะคิดถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นได้หรือไม่?
ในเมื่อเขาก็มีความต้องการทางร่างกาย จิตใจเหมือนคนอื่นๆ

ล่าสุด เด็กสาวอายุ 15 มาคลอดลูก ตรวจเลือดพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อ
เด็กคนนี้ติดจากเพศสัมพันธ์กับแฟนที่อายุมากกว่า

แล้วในวันข้างหน้า อนาคตอีกหลายสิบปีของเด็กคนนี้
เด็กจะมีความยับยั้งชั่งใจพอหรือเปล่า
ที่จะไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่นต่อไปอีก?

ในเมื่อเราห้ามคนอื่นไม่ได้
ก็จงระวังตัวของท่านเองให้ดีๆก็แล้วกัน


ครั้งหนึ่งตอนที่จบตรีใหม่ๆ ด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องเข้าไปเป็นตัวเสริมในการให้คำปรึกษาเรื่องโรคเอดส์

ได้ เจอคนที่กำลังจะแต่งงานกันคู่หนึ่งมาตรวจเลือด ผลปรากฏว่าฝ่ายชายติดเชื้อ รู้ตัวอยู่แล้ว ระหว่างรอผล แวะมาบอกแพทย์ว่าไม่ต้องการบอกฝ่ายหญิง เอาจรรยาแพทย์มาขู่ว่า หมอบอกผลเลือดของเขาให้แฟนรู้ไม่ได้ ถ้าเขาไม่ยินยอม

รายนี้เล่นเอาจิตตก เพราะนอกจากจะไม่ต้องการบอกแล้ว ยังจะเอาการตรวจเป็นประกันอีกว่าไม่มีโรค

พูดออกมาได้ว่า เดี๋ยวตอนเขาป่วยจะไม่มีใครดูแล

ช่าง ไม่คิดถึงผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่ารัก ผู้หญิงที่แข็งแรงสมบรูณ์ ผู้หญิงที่มีความฝันว่าจะมีลูก จะสร้างครอบครัวกับคนที่เธอรักที่สุด

ใน โรงพยาบาลส่งต่อกันให้วุ่น จนถึงมือจิตแพทย์ ก็ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไรนะ เพราะขอลาออกจากทีมมาก่อน บอกหัวหน้าไปว่า คงยังเด็กไป วุฒิภาวะยังไม่พอจะรับมือกับเคสนี้

ให้คำปรึกษาก่อนตรวจนั้นทำได้
วางแผนเพื่อบอกผลก็ทำได้
นัดให้คำปรึกษาหลังจากที่รู้ผลแล้ว และต้องปรับตัวก็ทำได้

แต่จะให้นั่งมองหน้าฆาตกร นั่งฟังเขาระบายความห่วงใยตัวเองว่าจะไม่มีใครดูแลในอนาคต จนต้องทำลายคนอีกคนหนึ่ง มันทำไม่ได้จริงๆ

ปล ถึงตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับเคสแบบนี้ไหว


สมัยก่อนส่วนใหญ่มักจะพบผู้ติดเชื้อเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน
แต่เดี๋ยวนี้เจอในกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียนเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนหน้าตาดีๆทั้งนั้น
อยากจะฝากไว้ว่าอย่าคิดว่าดูหน้าตา ผิวพรรณดีๆแล้วจะปลอดภัย
ถ้ารักสนุกก็ต้องป้องกัน  แต่อยากให้รักเดียวใจเดียวกันมากกว่า

เวลา เจอคนไข้ที่มารักษาพวกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ พวกหนองใน กามโรค ยังไม่ต้องถึงขั้นตรวจเลือดHIV ในคนไข้ที่เป็นผู้ชายผมชอบชวนคุย ถามว่ามีแฟนกี่คน ไม่เคยมีคนไหนเลยที่มีแฟนคนเดียว ฝากไว้เป็นข้อเตือนใจครับ


ตอนที่บอกผลและให้ใบแจ้งผลจะต้องบอกแยกกันก็จริง  แต่ตอนจบนี่จะกลับมานั่งคู่กันใช่มั้ยคะ  เราก็จะปล่อยพิษตอนนั้นล่ะค่ะ

"หมอบอก ผลกับคุณทั้งคู่แล้วนะคะ  ข้อมูลพวกนี้ตามปกติพอกลับบ้านไปแล้ว  ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายรักกัน  จริงใจต่อกันจริง  เพื่อความสบายใจก็จะให้อีกฝ่ายดูผลของตัวเองเสมอค่ะ  ถ้ามันไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องปิดบังกันน่ะนะ"

แล้วก็ยิ้มค่ะ  คนที่ผลปกติจะยิ้มตามแล้วก็เห็นด้วยมากๆ  ส่วนไอ้พวกชั่วๆน่ะ  เห็นหน้าถอดสีกันทุกคน...เห็นไหม  หมอก็ไม่ได้บอกอะไรสักหน่อย


ผู้ชายอายุ 36 ปี ตายไม่ทราบสาเหตุ  ประวัติจากภรรยาว่าไม่มีโรคประจำตัว  อ่อนเพลีย  ปวดหัวมากมาราวๆ 2 สัปดาห์  ไปตรวจแล้วCTแล้วก็ไม่พบความผิดปกติ  แพทย์นัดตรวจในอีก 1 สัปดาห์แต่ตายไปก่อน

เรานั่งฟังประวัติ  ดูอายุ  ก็สั่งตรวจเลือดหา HIV ทันที  ผลก็คือบวกไม่พลิกโผอะไร
เจาะน้ำไขสันหลังมาส่อง   .....แหม  รายั้วเยี้ยเชียว  ได้เหตุตายเรียบร้อย

แต่ ที่ยากก็คือการบอกกับภรรยาเขานี่สิ  เราบอกไปทั้งๆที่สงสารเขามากๆ  พอภรรยาเขารู้ว่าสามีตัวเองตายจากอะไรนี่...จากที่ร้องไห้กลายเป็นนั่งนิ่ง ตาค้างแล้วก็พึมพำว่า "ไม่จริงๆ"

และที่มันน่าอนาถที่สุดก็คือการที่ ผลออกมาว่าภรรยาของเขามีผลเลือดเป็นบวก  เพิ่งแต่งงานกันมาได้แค่ปีกว่า  และกำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน......

ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ "กรณีนี้เป็นเคสทั่วๆไปที่พบได้แทบจะทุกสัปดาห์"


จริงๆแล้วเรื่อง เอชไอวี ในเคสคู่สมรสหรือคู่นอนเนี่ย เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมากๆค่ะ

เป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยก็จริง แต่การกระทำดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตผู้อื่น

ไม่ตรวจเลือดก็เรื่องหนึ่ง แต่ตรวจแล้ว รู้แล้วยังจะปกปิด โดยเฉพาะคุณผู้หญิง น้อยนักที่จะขอให้สามีใส่ถุงยางได้

ลำบากใจจริงๆค่ะ

ปล.มี เคสนักร้องสาวในเยอรมันที่ติดเชื้อ แล้วมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดนจับและเป็นข่าว ก็มีคนออกมาพูดทั้งในสองด้านน่ะค่ะ ด้านสิทธิ์ผู้ป่วย และในด้านความปลอดภัย


เออฟังดูแล้วชีวิตคู่นี่น่ากลัวจัง ต่อให้ไปตรวจก่อนแต่งแต่ถ้าแต่งไปแล้วเกิดวันไหนสามีเกิดไปเที่ยวหญิงบริการ แล้วเอาเชื้อมาติดก็ไม่รอดอยู่ดี ที่เคยอ่านมาก็เคยมีคนใช้ถุงยางแล้วแต่พลาดก็มีนะ ที่ดีที่สุดคือไม่เที่ยวแต่สมัยนี้ท่าจะยากซะแล้วเพราะส่วนใหญ่มองว่าการ เที่ยวสำหรับผู้ชายมันเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว น่าเศร้าจังเป็นโสดดีกว่า


Nadja Benaissa เป็นนักร้องจากเกิร์ลแบนชื่อดังจากเยอรมันติดเชื้อเอซไอวีมาตั้งแต่อายุ 14 จากการเสพยา พ่อแม่ค้ายา แอบใช้ชีวิตอย่างปกติโดยไม่มีใครรู้ (ไม่แน่ใจว่าตอน 16 มึลูกด้วยหรือเปล่า) สมาชิกวงหรือคนรอบข้างมารู้ก็ตอนดังสุดขีด ก็เลยต้องช่วยๆ กันปกปิดต่อไป มีแฟนมาตลอดก็ไม่บอกแฟน


ปีนี้ ชีอายุ 28 ความมาแตกเมื่อแฟนหนุ่มคนล่าสุดติดเชื้อเข้า เลยถูกฟ้องร้อง ศาลตัดสินจำคุก 10 แต่ก็เมตตาแค่รอลงอาญา ช่วยสังคม ตอนตามข่าวนี้ก็เห็นใจที่ต้องผ่านชีวิตวัยรุ่นมาอย่างยากลำบาก แต่ก็สงสารหนุ่มๆ ที่ชีเคยนอนด้วย -*-



สมัยเรียน Medical Ethic
อ.เล่าให้ฟังว่า
ผู้ป่วย ชายอายุ 35 ปี  มาด้วยอาการปวดท้อง สงสัยไส้ติ่งอักเสบ
ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เลยขอเจาะ HIV ปรากฏว่าผลบวก
ผู้ป่วยบอกว่าเขารู้อยู่แล้ว และไม่ให้บอกแฟนที่กำลังจะแต่งงานด้วยในอีก 2-3 เดือน
อ. ถามว่าถ้าเป็น"สาย C" จะบอกแฟนเขาไหม?
ทุกคนในห้องตอบว่า "บอก" ถึงแม้จะ autonomy แต่ต้อง justice และ beneficent ด้วย 

อาจารย์เล่าต่อว่า 2 อาทิตย์ต่อมานัดมาติดตาม ผู้ป่วยคนนั้นพาแฟนมาด้วยจริงๆ
แต่เขาเข้ามาให้ห้องตรวจคนเดียว
ระหว่างตรวจ อาจารย์เหลือบไปเห็นปืนที่ตักของเขา
แล้วเขาก็พูดว่า "หมอไม่บอกเมียผมน่ะดีแล้ว หมอคิดดูดีๆแล้วกันว่าถ้าหมอบอก หมอขับรถก็ไม่เป็นสุขหรอกนะ
เพราะหมอต้องคอยมองกะจกข้างตลอดเวลา ลูกหมอ เมียหมอด้วย"

แล้วอาจารย์ก็ถามใหม่ว่า ถ้าเป็น"สาย C" จะบอกภรรยาเขาไหม  ??

คำตอบคือ ... เงียบ.....


ความน่ากลัวมันไม่ได้มาจากโรคเลยจริงๆๆ  มันมาจากคนที่เห็นแก่ตัวมากกว่าต่างหาก


เคยเจอเหมือนกัน  เพื่อนเราโกรธมากๆๆๆ  ที่ผู้ติดเชื้อ  หลอกคู่สามีตนเอง 
แถมมีลูกด้วยกันอีกต่างหาก

โกรธๆๆๆ  แต่ก็ได้แต่ปลง

เคยมีเพื่อนบอกไปคู่หนึ่ง
ว่าสามีเป็นเอดส์นะตัวเอง
ภรรยาร้องไห้  แทบจะเอาตัวไปกลิ้งกับพื้น

และเคยเจอภรรยาที่ติดเชื้อจากสามี
ถึงกับมีอาการทางจิต  ร้องไห้สลับกับโกรธรแค้นตลอดเวลา
ตอน คลั่งๆนี่เคยถอดเข็มให้น้ำเกลือออก  ปล่อยให้เลือดไหลรินๆๆ  แล้วสาดเลือดใส่พยาบาล  ปากก็หัวเราะสะใจบอกว่า "พวกเมิงต้องติดเชื้อแบบกรู  5555"

ถ้าเจออีก  ก็ไม่รู้จะบอกยังไง  หรือจะตัดสินใจอย่างไรดี



"ความรัก" มันน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ?

คนเราสามารถ "รักตัวเอง" จนลืมคิดถึงความรู้สึกของ "คนที่ตัวเองบอกว่ารัก" ได้ขนาดนี้เชียว????


เรื่องอย่างนี้มันไม่ได้เกี่ยวที่การเชื่อใจกันแล้ว ครับแต่ว่ามันเกี่ยวที่จิตสำนึกที่จะบอกต่อคนใกล้ชิดที่มีสิทธิเสี่ยงติด เชื้อจากเราแล้วครับ เป็นโรคที่ไม่ได้ตายง่ายๆ ทรมาณก่อนตายชัดๆ จะสร้างเวรสร้างกรรมกับคนอื่นอีกทำไม อยากพาเขาไปลงนรกด้วยหรือไง


เพื่อนอิฉัน เป็นม่าย บังเอิญมีหนุ่ม หล่อมาจากเมืองเหนือมาติดพัน
รักกัน อยู่ด้วยกันผ่านไป 1 ปีมีเรือ่งทะเลาะกัน
ฝ่าย  ญ โมโห จะฆ่าตัวตาย ด้วยการกรีดข้อมือตัวเอง
พอไปถึง โรงบาล หมอช่วยไว้ได้ แต่ คำตอบคือคุณ มีเชื้อ HIV
อาการอยากฆ่าตัวตายหายเป็นปลิดทิ้ง
ไล่ไปทาง แฟน หนุ่ม ถึงได้รู้ว่าเป็น แต่
ไอ้หุน่มคน นั้นพูดว่า   " ที่หมู่บ้าน เค้าเป็นกันเยอะแยะ  ไม่เห็นเป็นไร "
" ที่ไม่ได้บอก ก็เพราะว่า อยากอยู่ด้วย "
ทุกวันนี้ ฝ่ายชาย ตายนำไปแล้ว เพื่อนเรารักษา ตัวต่อไป


ส่วนตัวเคยทำคลินิก ARV ในรพ.เล็กๆแห่งนึง

ครั้งแรกที่รู้คนไข้ส่วนใหญ่ไม่ให้บอก ซึ่งแรกๆเราก็โกรธ บังคับเค้าต่างๆนานา

นานเข้า ก้อเข้าใจ และเห็นใจเค้าว่า มันเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งชีวิตของเค้าเลย

แค่ตัวเค้าติดเชื้อ ก็เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสแล้ว แล้วยังถูกกดดันให้บอกคู่ครอง

ซึ่งอาจจะมีผลต่อชีวิตครอบครัวอีก จึงเป็นการยากที่ใครจะตัดสินใจที่จะบอกตั้งแต่ครั้งแรก

แต่เมื่อเวลาผ่านไปนัดมาF/U ซักพัก เค้าทำใจเรื่องตัวเค้าเองได้มากขึ้น

พวกเราซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวที่รู้เรื่อง และเจอเคสเหล่านี้บ่อยๆ ควรช่วยให้เค้าผ่านstage เหล่านี้ไปให้ได้

denial bargain anger depress accept

เนื่องจากตัวผู้ป่วย เป็นคนไข้ของเรา เราก็ต้องเห็นใจเค้าให้มากที่สุด

เข้าใจ เห็นใจ รับฟัง และช่วยเหลือ

ช่วย ให้เค้าทำใจได้ ยืนเคียงข้างเค้า ช่วงที่เค้าบอกใครไม่ได้ และสุดท้ายเค้าจะไว้ใจเรา เชื่อใจเรา และตัดสินใจทำตามสิ่งที่ถูกได้ในที่สุดค่ะ

ระหว่างนั้นก็งดเพศสัมพันธ์ หรือไม่ก้อใช้ถุงยางไปก่อนละกัน

บางอย่างก็เป็นเวรเป็นกรรม ... ซึ่งเราเป็นคนนอก เป็นผู้รับรู้ ผู้สังเกต ต้องทำใจ


เพื่อนเราที่เป็นเภสัชก็บอกมาอย่างนี้ตั้งหลายปีแล้ว ว่า วันๆหนึ่งเธอจ่ายยาให้คนที่เป็นเอดส์เยอะมาก ส่วนใหญ่ดูไม่ออกว่าเป็นเอดส์ พวกเขสเหล่านั้น หน้าตาธรรมดา ไม่มีแผลเหวอะหวะตรงไหน แถมสวย หล่อ ก็มีเยอะแยะ  ....

คนที่มีคนมารักมาชอบเยอะๆ อย่าเพิ่งเหลิงนึกว่าเสน่ห์แรง ระวังจะเจอปลอมปนมา


ที่ทำงานเก่า   ลูกน้องจะแต่งงาน  ก่อนแต่งเขาก็กลุ้มใจมากปรึกษาว่า แม่เป็นเอดส์ มาหลายปีแล้วไม่รู้ว่าเป็นก่อนตัวเองเกิดหรือเปล่า  กลัวมีเชื้อ  (แม่ติดจากพ่อแท้ ๆ ที่เสียไปแล้ว)  ก็เลยให้ไปตรวจ   ผลปรากฎว่าไม่ได้เป็น  พอจัดงานแต่งแบบผูกแขน  แม่มากับพ่อเลี้ยงในชุดคลุมท้อง  เห็นแล้วรู้สึกว่า  ผู้หญิงคนนี้แย่จังเลย ทำไมไม่ป้องกัน ปล่อยให้ท้องทำไม  ยังไงลูกก็ต้องติดเชื้อ  ผู้ใหญ่ที่สนิทกันก็ซักนางไปแกมต่อว่า  นางก็บอกว่าตรวจแล้วลูกไม่ติด  เราคิดมันจะเป็นไปได้เหรอ  แถมตัวพ่อเลี้ยงก็เพิ่งรู้ว่าเมียเป็นเอดส์เมื่อไม่นานหลังจากอยู่กันแล้ว  ก็ต้องยอมรับสภาพกันไป   สงสารแต่เด็กที่จะเกิดมาก็เท่านั้น


อ่านแล้วรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้บางที่เห็นว่าการเป็น เอดส์เป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว แล้วก็มองว่าการต้องการที่จะแต่งงานกันนี่แหล่ะทำให้คนที่ติดเชื้อแพร่ กระจายขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะว่าไม่อยากบอกอีกฝ่ายให้รู้เพราะความรักจะไม่สมหวัง และเมื่อพอไม่รู้ก็มีลูกกันไปตามปกติประสาคนที่แต่งงานแล้ว คนติดเชื้อก็เลยเพิ่มขึ้นอีก

ทางแก้นอกจากจะให้รณรงค์ใส่ถุงยางเพื่อป้องกันการติดเชื้อแล้ว ต้องทำให้คนติดเชื้อคิดได้ว่าไม่อยากแพร่กระจายโรคสู่คนอื่นอีก



โอยย.. อ่านแต่ละความเห็นที่นำมาแชร์แล้ว

บอกตามตรง ไม่ได้กลัวโรคร้ายหรอกค่ะ (เพราะคนเราต้องตายทุกคนอยู่แล้ว)
แต่กลัว "ใจคนเรา" นี้แหละ มันน่ากลัวและโหดร้ายกว่ายาพิษทุกขนานจริงๆ (T_T)


ทำไมการรักเดียวใจเดียว จริงใจต่อกัน มันจึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้นะ T_T


เคยเจอคนไข้อายุ 16 มาคลอดลูก  ไม่เคยฝากครรภ์ ไม่ยอมบอกพ่อแม่ว่าตัวเองท้องเพราะรักลูก  กลัวว่าจะให้ไปทำแท้ง  ตอนมาคลอดก็ไม่ยอมบอกพยาบาลว่าตัวเองติดเชื้อเอดส์  จนคลอดลูกออกมาเสร็จแล้วจะเย็บแผลผลตรวจเลือดเพิ่งออกมาว่าเป็นเอดส์  ตามประวัติกลับไปถึงรู้ว่าเป็นมาสองปีแล้วแต่ไม่ยอมบอก

น่าสงสารลูก เขามากนะ  แทนทีเขาจะได้กินยาต้านไวรัสตั้ืงแต่ตอนท้องอยู่เพื่อลดโอกาสติดเชื้อไปลูก  ถึงจะบอกว่าเพราะรักลูก  แต่การที่เขาไม่มาฝากครรภ์ทำให้เขาอาจไม่ทราบเรื่องนี้  และก็ตอนทำคลอด เป็นหัตถการที่มีเลือดออกค่อนข้างเยอะ  เขาควรจะมีจิตสำนึกบอกคนทำคลอดสักหน่อยนะ


อาจารย์เล่าให้ฟังว่า มีเคสมาขอปรึกษาสองรายเป็นสามีภรรยากัน คือทั้งคู่เคยแต่งงานมาก่อน  แล้วเพิ่งมาแต่งงานกัน

สามี ผลเลือดเป็นบวก ขอร้องว่าไม่ให้บอกภรรยา

ภรรยา ผลเลือดเป็นบวก บอกไม่ให้บอกสามี...........

เฮ้อ.............



ใครจะมาจีบนะ เอาผลตรวจเลือดมายืนยันก่อนเลย

ทำไมถึงได้มักง่าย คิดอะไรง่ายๆ แบบนี้น้อ

เอดส์ใกล้ตัวมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

อ่านแล้ว..หดหู่ใจ..
ได้แต่หวังงว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดกับคน "ใกล้ตัว"


ถึงจะบอกว่าให้เอาผลเลือดมาโชว์ก่อนแต่งงาน

ผลบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร...

ก็เห็นว่ามันช่างไร้ประโยชน์

หากคู่ของคุณนั้น ไม่รู้จักพอ ไม่รักเดียวใจเดียว - -'''


ยี่สิบปีที่แล้ว ตัวเองอยู่ ม.1

รู้จักกับพี่ชายคนหนึ่งอยู่ม.6 อยู่คนละจังหวัด

ติดพี่เค้ามากมาย พี่เค้าคุยสนุก ก็จดหมายคุยกันเป็นพี่ชายน้องสาว

พอพี่เค้าจบมอ.6 ก็ขาดการติดต่อกันไปนับแต่นั้นเป็นต้นมา

จนเมื่อต้นปีนี้เอง (20ปีผ่านไป) โลกมันกลม ได้เจอพี่เค้าอีกครั้งทางโลกออนไลน์

ดีใจมากๆ ก็โทรคุยกัน เมล์คุยกัน นัดเจอกันทานข้าวบ้าง

ความผูกพันธ์เมื่อครั้งยังเด็กก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้งจนเกิดเป็นความรัก

เมื่อต้นเดือนพ.ย นี้เอง จู่ๆพี่เค้าก็มาบอกว่าเค้าติดเชื้อ HIV มาร่วม 2 ปีแล้วนะ

ความรู้สึกของตัวเองตอนนั้น ช็อคมากๆ

พอทำใจได้ ก็ถามพี่เค้าว่า ทำไมถึงมาบอกล่ะว่าป่วยเป็นโรคนี้

(เพราะดูอาการพี่เค้าไม่ออกเลย พี่เค้าดูปกติเหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง)

พี่เค้าตอบกลับมาว่า ก็พี่รักเรามากไง รักมากก็เลยต้องบอก

แล้วเราจะจากพี่ไปเลยตอนนี้ก็ได้นะ ได้เจอได้คุยกันอีกครั้ง แค่นี้พี่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว

ตอนนี้หนึ่งเดือนผ่านไปแล้วหลังจากที่ตัวเองรู้เรื่องที่พี่เค้าติดเชื้อ

ความรู้สึกดีๆที่มีต่อพี่ชายคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย กลับเพิ่มขึ้นมากด้วยซ้ำ

ทุกวันนี้ตอนเช้า 7.30 น.  กับ  19.30 น.  จะโทรให้พี่เค้าทานยาต้านไวรัสทุกวัน

เมื่อเร็วๆนี้พี่เค้าส่งเพลง อยู่เพื่อรักเธอ ของ โจ๊กเกอร์มาให้ฟัง  ฟังไปน้ำตาร่วงไป T-T

ขอเป็นกำลังใจให้คนที่ติดเชื้อ HIV ทุกๆคนนะคะ อยากให้จริงใจกับคนที่คุณรักให้มากๆ

แ้ล้วคุณจะได้ความจริงใจกลับมาเกินร้อยด้วยเหมือนกัน  ^_^

ป.ล ถ้าพี่ชายมาอ่านอยากจะบอกว่า พี่ชายน่ารักมากๆ

นอกจากไม่เอาเชื้อไปแพร่แล้ว ยังหันหน้าเข้าหาธรรมะด้วย

สัญญาว่าจะไปทำบุญกับพี่ชายในทุกๆที่พี่ชายไป...


ผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ไม่ทำร้ายคนอื่นโดยนำเชื้อไปให้ผู้อื่น ขอชื่นชมค่ะ

แต่คนที่เป็นแล้วรู้ทั้งรู้ ก็ยังเห็นแก่ตัวนำเชื้อไปติดกับคนที่ไม่รู้เรื่องด้วย น่าประนาฌมากๆ


ผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ไม่ทำร้ายคนอื่นโดยนำเชื้อไปให้ผู้อื่น ขอชื่นชมค่ะ

แต่คนที่เป็นแล้วรู้ทั้งรู้ ก็ยังเห็นแก่ตัวนำเชื้อไปติดกับคนที่ไม่รู้เรื่องด้วย น่าประนาฌมากๆ

ไม่คิดเลยว่าคนเป็นเอดส์เยอะขนาดนี้

ที่สำคัญ ..........

ติดกันแบบไม่รู้ตัว !!!!!! 


อยากให้เรื่องพวกนี้ถูกสอนในวิชาเพศศึกษาของบ้านเรา เหลือเกิน ที่คนบ้านเราไม่อัพเดท ไม่รู้จักข้อมูลที่แท้จริง ก็เพราะมัวแต่ปิดๆ บังๆ ความจริงกันอยู่นั่นแหละ เลยออกมาเป็นแบบนี้


อ่านกระทู้นี้แล้วก็รู้สึกว่า ขายไม่ออกนี่ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ


อย่าใช้วิธีหาเชื้อHIV จากการบริจาคเลือด เพราะถ้าเพิ่งได้รับเชื้อมา มันยังตรวจหาไม่เจอค่ะ ต้องรอประมาณ90 วันทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจ

อ่านแล้วต้องพาสามีและตัวเองไปตรวจสุขภาพและผลเลือดทุกปี วัดความซื่อสัตย์ของชีวิตคู่ไปในตัว ทางเราคงไม่มี แต่ทางสามีไม่อาจรู้ได้

ปลอดภัยไว้ก่อน

ขอยกให้เป็นกระทู้ในใจไปเลยคะ    ตรงกับความรู้สึกคนทำงานด้านนี้ตอนนี้มากๆ

เรา ทำงานที่ arv clinic   มีผู้ป่วยหลายคนที่รู้ว่าติดเชื้อ แต่ไม่พยายามทำตัวให้มีศีลธรรมหลายๆคน ไปแพร่เชื้อต่อไปอีก....น่าท้อใจ..มาก ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้..

บางครั้ง....เจอเจ้าตัวแล้ว ไม่อยากให้บริการเลย แต่ด้วยจรรยาบรรณทางวิชาชีพก็ต้องทำต่อไปคะ

ปัจจุบัน สังคมไทย  เมื่อบอกให้อย่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ผล   เราควรมาสอนวิธีป้องกันโรค และโรคทางเพศสัมพันธ์ว่าติดต่อทางไหน ยังไงได้บ้างจะดีกว่า

เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยในสังคมเราให้ลดลง ...ช่วยกันเถอะนะคะ


เมื่อเช้า คุยกับน้องที่เป็นพยาบาล ก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เขาบอกว่า มีเคสแบบนี้เยอะมาก มีเคสหนึ่ง ไปตรวจด้วยกันก่อนแต่ง แล้วเขาก็ถามว่า จะยินดีมาฟังผลพร้อมกันไหม ทั้งสองคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยินดี แต่ที่ไหนได้ มีคนแอบมาฟังคนเดียว แล้วงุบๆ งิบๆ มากันอีกทีสองคน ทีหลัง คนหลอกหรือผีหลอก อะไรจะน่ากลัวกว่ากัน คนที่เป็นเอดส์ แต่อยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา โดยมีเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ เฮ้อ เหนื่อยใจ


วันหลังเวลาไปจีบใครคงต้องบอกว่า ...

"ถึงผมหน้าตาไม่ดี แต่ผมไม่เป็นเอดส์นะครับ"


ที่เคยเจอ และอยากร่วมแชร์ประสบการณ์  2 เคสค่ะ

เคสแรก 

เมื่อ ประมาณ  10 ปีที่แล้ว  หญิงไทย อายุ 32  ปี มาบริจาคเลือดเป็นประจำ  7 ครั้ง  ครั้งที่ 8 เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ และจังหวะปลอดคน  เธอเลยเริ่มถาม และปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับโรคเอดส์ อาการยังไง สังเกตุยังไง ก็เลยถามเธอว่ามีอะไรหรือเปล่า  เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นม่าย  และได้มาอยู่กับสามีคนปัจจุบัน 5 ปีแล้ว  โดยไม่ได้ป้องกัน เพราะเธอทำหมันแล้ว  ส่วนสามีก็เคยมีภรรยามาก่อนและเสียชีวิตแล้ว  เมื่อไม่นานเธอได้ข่าวว่าภรรยาเก่าของสามีเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์  เธอเลยเกิดความไม่แน่ใจ  ก็ได้ให้คำแนะนำไปว่าให้มาตรวจทั้งคู่แหละ  ผลคือ  สามีมีทั้งเชื้อ HIV และ HCV  ส่วนเธอไม่พบเชื้ออะไรเลย  เราก็งง  แต่ก็ถือว่าเธอโชคดีมากๆที่ไม่ติดเชื้อ  เธอเป็นคนจิตใจดีมากๆ  ไม่ได้โกรธอะไรสามีแถมดูแลอย่างดี(เรื่องผล  ฝ่ายชายเป็นคนยอมรับเอง  ว่ารู้มานานแล้ว) จนในที่สุดสามีก็เสียชีวิตไป  ส่วนเธอก็มาตรวจเลือดประจำทุกปี  แต่ผลก็ยังปกติ  เคสนี้ส่งเป็น case study ในการวิจัยของอาจารย์ที่ศิริราช  ปัจุบันผลเลือดก็ยังปกติ  ถือว่าเธอโชคดีมากๆ

เคสที่ 2

เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว  เป็นเรื่องที่ทำให้เราจิตตกมาก  มีชายหญิงคุ่นึงมาบริจาคเลือด  ผู้ชายอายุ 28 ปีรับราชการ  ผู้หญิงอายุ 21 ปีเรียน ม.ของรัฐ ปี 2   เราจำได้ว่าฝ่ายชายเป้นผู้บริจาคโลหิตที่ตรวจพบเชื้อ HIV  และได้มีการแจ้งให้มาตรวจซ้ำแล้ว  แต่ไม่มา  วันนี้กลับพาน้องผู้หญิงใส่ชุดนัศึกษามาบริจาคแทน  แต่เธอก็บริจาคไม่ได้  เราก็เลยถามว่าไหนๆก็มาแล้วตรวจเลือดซ้ำเลยไหม เขาไม่ยอมท่าเดียว  เรางี๊สงสารเด็กผู้หญิงจับใจ ก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกเราไง  โมโหผู้ชายคนนั้นจนลืมสถานะตัวเองว่าควรจะอยู่ตรงไหน  หลุดพูดไปว่า  ตรวจเถอะ ไม่รักตัวเองก็รักคนอื่นบ้าง   เขาก็คงไม่พอใจเราเหมือนกัน  หลังจากกลับไป เรายังคิดต่อว่าจะโทรบอกเด็ผู้หญิงดีไหมนะ  แต่สุดท้ายก็ต้องปลง และปล่อยไปตามกรรม  จิตตกที่ไม่สามารถทำอะไรได้  ไม่รู้ป่านนี้เด็ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นยังไง  ถ้าต้องเลิกกัน แล้วเด็กไปมีคนอื่นอีก โอยยย ไม่อยากคิดต่อเลย  ได้แต่หวังว่าเธอคงโชคดีเหมือนผู้หญิงในเคสแรก


อ่านกระทู้นี้แล้วจิตตกไปชั่วขณะ

เอดส์เป็นโรคที่ไปกับคน  จะติดก็จากคนสู่คน 

ถ้าไม่รู้จักพอ ก็คงต้องเป็นเวรกรรมกันไปไม่สิ้นสุด เฮ้อ

แต่กระทู้นี้ก็ช่วยเตือนตัวเองได้ดีว่าอย่าริอาจไปทำอะไรแบบนั้นเลยเป็นดีที่สุด


ขอแชร์บ้าง
เคสแรก
เพื่อน ร่วมงาน สามีเป็น ตำรวจ ชอบเทียวผู้หญิงทำให้ติดชื้อ เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนภรรยาก็รู้ว่าสามีเสียชีวิตด้วยสาเหตุติดเชื้อ ไปตรวจไม่พบเชื้อ ตรวจทุกปี ก็ไม่เจอเชื้อ ผ่านมาปีที่ 11
มีอาการเลยไปตรวจอีกครั้ง ตรวจแบบละเอียด คราวนี้พบเชื้อ HIV  หล่อนแต่งงานกับสามีคนใหม่ไปแล้ว

เคสที่สอง
สามี ติดเชื้อเสียชีวิตไปก่อนแล้ว เมื่อปี 38 ไปตรวจก็ไม่เจอเชื้อเช่นกันปัจจุบันแต่งงานมีสามีใหม่ไปเรียบร้อย หวังอย่างเดี๋ยวว่าขออย่าให้หล่อนมีเชื้อ


เข้ามาเล่าต่อค่ะ  เพิ่งนึกได้  ว่ามีอีกเคสนึงที่สลดหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

เด็ก"สาย L"มัธยมหญิงอายุ 18 ปี  บริจาคโลหิต ตรวพบเชื้อ HIV  เลยมีจดหมายเชิญมาตรวจเลือดซ้ำ

วัน มาตรวจยืนยันเธอมาพร้อมกับแม่ค่ะ  ดูจากหน้าตา กิริยาท่าทางเธอ  ไม่เหมือนเด็กเที่ยว หรือเด็กดื้อเลย  ส่วนแม่รูปร่างดี หน้าตาดี  แต่งตัวทันสมัย

เด็กหน้าตาบ้านๆ  ออกแนวไม่สวยเลยในสายตาเรา (คือไม่น่าจะดึงดูดเพศตรงข้าม) ผิวคล้ำ แต่งตัวเรียบร้อย เหมือนเด็กเรียน  ใจเราก็คิดคงไม่ใช่มั๊ง  ผลอาจผิดพลาด

แล้ววันฟังผลครวจยืนยันก็มา ถึง เลือดเธอตรวจพบเชื้อจริงๆค่ะ  เธอทำใจยอมรับได้ยาก  เนื่องจากปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ และความเสี่ยงทุกชนิดร้องไห้สะอึกสะอื้น น่าเห็นใจมาก

ในขณะที่แม่ของเธอกลับดูนิ่งๆ คุยกับเราได้เป็นปกติ  คุยไปคุยมาจึงได้ทราบว่า แม่เธอเป็นผู้ติดเชื้อ

และ ส่งต่อเชื้อมายังลูกสาว  โดยที่ไม่เคยบอกลูก และไม่เคยพาลูกมาตรวจหาเชื้อ  ส่วนพ่อตายไปนานแล้ว  จนแม่มีสามีใหม่ แต่ไม่มีลูกใหม่เนื่องจากทำหมัน

เฮ่อ  นี่ถ้าเด็กคนนี้หน้าตาดี และมีแฟนเหมือนเด็นรุ่นเดียวกัน  ก้ไม่รู้ลูกชายใครจะรับเชื้อไปบ้าง  และสามีใหม่แม่ก็คงติดเชื้อเรียบร้อยไปละ

เคสนี้จะจบลงอย่างไรเราไม่ทราบ  เพราะไม่ได้ตามต่อ  แค่นี้ก็เหนื่อยใจมากแล้ว


ดูในลิงค์นี้สิครับ ผู้หญิงที่ออกมาเล่าชีวิตตนเอง รายการตีสิบ ดูแล้วจะรู้ว่ามีผู้ติดเชื้ออยู่ในสังคมไม่น้อยเลย

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10004961/Y10004961.html

ประมาณว่า ๑ ล้านคนกว่า ไม่ทราบนอกระบบอีกประมาณ ๑ ล้านคนกว่า
รวมประมาณ ๓ ล้าน เท่ากับใน ๒๐ คนจะมีคนติดเชื้อหนึ่งคน

ถ้าเฉลี่ย ๕ ล้าน ใน ๑๒ คนจะมีคนติดเชื้อหนึ่งคน

เห็นซาๆไปพักหลัง เห็นตัวเลขแล้ว ภัยมาแบบเงียบๆจริงๆ


เล่าบ้าง จะได้สยองใจกันมากขึ้น เอาที่พอจำได้น่ะ

ยายแก่ อายุ 60up เจอ HIV + . . . ลูกหลานตกใจ

คุณนาย ข้าราชการ ท่าทางไฮโซ ปฏิเสธทุกความเสี่ยง โกหกด้วยว่าตรวจแล้ว negative . . . สุดท้าย HIV + ยังมาตกใจอีก

ครูวิทยาลัย เป็นมาหลายปี ปิดบังตลอด ตอน admit ยังเห็น"สาย C"มานัวเนียด้วยอยู่เลย . . . สยองมาก

หญิง 25ปี ท่าทางเรียบร้อย เป็นวัณโรค ขอตรวจ HIV ผล + . . . ตกใจ

หญิง 30ปี ท้องแรกที่เฝ้ารอ ไอเรื้อรัง ผล TB, HIV + . . . ติดจากใคร คงรู้

มีอีกมากมายที่รักษาจนดีแล้วก็หายไป ไปมีคู่ใหม่ กลัวจะสงสัยเพราะต้องมารับยาประจำเลยขาดการรักษา

ตรวจประกันสังคมเนี่ย เจอรายใหม่ทุกอาทิตย์ เป็นแบบมีอาการแล้วทั้งนั้น มีครอบครัวแล้วทั้งนั้น เจอมาจะครบทุกอาชีพแล้ว

.  .  .  .  .  .

มันมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย เพราะ

เดี๋ยวนี้มันมั่ว sex กันแต่ ม.ต้น(บางที่อาจประถมปลาย)แล้ว ความรู้ไม่มี มีแต่ทำโดยสัญชาตญาณ

คน ส่วนใหญ่ไม่มี awareness โรคนี้ และก็ไม่มีใครหยิบยกมาเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง จำนวนผู้ป่วยที่รายงานก็น้อยกว่าความเป็นจริงมาก

ยาต้านดีขึ้นมาก เลยอยู่แพร่เชื้อกันไปอีกนาน รักษาก็ free อีก เลยไม่ต้องใส่ใจอะไรเลย

พวกที่เสี่ยงก็ไม่ค่อยยอมตรวจ บางคนรู้แล้วก็ไม่รักษา แล้วก็ไปแพร่เชื้อกันต่อ

บางคนเห็นก็รู้ว่าเป็นตั้งแต่เดินผ่านประตูมา แต่ญาติยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรเลย ไม่น่าเชื่อ


ในฐานะที่เป็นคนทำวิจัยเรื่องเอดส์และตอนนี้ก็กำลังทำอยู่

ไม่แปลกใจที่มีผู้ติดเชื้อมากขนาดนี้

แต่ที่แปลกใจคือแม้แต่โรงพยาบาลของรัฐที่มีชื่อเสียง มีเคสทำนองนี้มารับบริการน้อยมาก

และส่วนใหญ่มักจะมารับยากันตอนที่ CD4 ต่ำกว่า 200 ซึ่งสุขภาพจะย่ำแย่มาก

ทานยาต้านก็เสี่ยง

34
Clinic สุด Seed / Re: CMX คลินิก
« เมื่อ: 17 เมษายน 2012, 18:10:53 »
ขอนำเสนอกระทู้แนะนำก่อนเลย คิดว่ามีประโยชน์มากๆ

http://www.clinicrak.com/std/std_aids13.html

http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2011/06/L10629094/L10629094.html

เรียนท่าน mmppp ผมว่าเราน่าจะโพสให้ความรู้โดยใส่ขำขันเพิ่มลงไปน่าจะดีรึเปล่าครับ

เคยลองอ่านจากหนังสือให้ความรู้ทางการแพทย์เรื่องทำไมผู้ชายถึงมีนม คดว่าน่าสนใจครับ

ครับ ผมก็ชอบแนวนี้ครับ อิ อิ อ่านเพลิน ได้ความรู้ด้วยครับ แต่บางเรื่องอาจต้อง serious อิ อิ^^

ส่วน กระทู้สองอันนี้ มีประโยชน์มากครับ สำหรับนักเที่ยวอยากพวกเรา อย่างน้อย เที่ยวอย่างมีสติ ชีวิตปลอดภัย อิ อิ

ท่าน pheebar แนวคิดการตั้งห้องนี้ ผมล้อมา...ลองดูใน bathlover มีห้องประมาณนี้ คิดว่าได้ประโยชน์ครับ


35
Clinic สุด Seed / Re: CMX คลินิก
« เมื่อ: 17 เมษายน 2012, 15:40:46 »
ขอนำเสนอกระทู้แนะนำก่อนเลย คิดว่ามีประโยชน์มากๆ

http://www.clinicrak.com/std/std_aids13.html

http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2011/06/L10629094/L10629094.html


36
Clinic สุด Seed / Re: CMX คลินิก
« เมื่อ: 17 เมษายน 2012, 15:36:11 »
mbvc

เนื้อหาของท่าน pheebar ชัดเจน ครอบคลุมแล้วครับ

สำหรับปัญหาต่างๆ ผมจะพยายามตอบให้หมดนะครับ แต่อาจจะไม่ครอบคลุมหมด เพราะการแพทย์มีหลายสาขามาก อีกทั้งความรู้ทางวิชาการ update ตลอดครับ



 


37
ถาม กาม เทพ / Re: เหตุเกิด ณ สวนหลวง
« เมื่อ: 12 เมษายน 2012, 20:52:39 »
เลี้ยง ผบ.คนเดียวไม่น่าจะมีปัญหาทางเค้ามีตัง แต่กลัวมีไอ้ตัวเล็กน่ะสิ คืนนั้น ปล่อยในด้วยยย

ใจถึงมากเลยนะครับ ไงของแบบนี้ก็ต้องระวังๆหน่อยนะครับ

38
ห้องประชุม CEO / Re: ฐานเงินเดือน ปี 2012
« เมื่อ: 05 มกราคม 2012, 17:26:00 »
 pongz รอลุ้น

40
xseed คลิป / Re: AXE dude 9 : มุขจีบสาวที่ทะเล (06/12/54)
« เมื่อ: 10 ธันวาคม 2011, 17:59:14 »
แต่ล่ะคน ซี๊ดดดดมากมาย  scary

42
สัพเพเหระ / Re: ล้างไพ่ใหม่.....
« เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2011, 20:52:41 »
ทำใจได้แล้ว ... ปกติไว้ใจไม่เคย save ลายแทงทั้งนั้น คิดแล้วเศร้า ไม่มีบอกกล่าวกันก่อนเลย

หน้า: [1]