-->

ผู้เขียน หัวข้อ: รองเท้าประหลาดจากทั่วโลก ( Bizarre Shoes in History)  (อ่าน 116 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

รองเท้าประหลาดจากทั่วโลก
cr. Cammy-เต่านรก

รองเท้านั้นถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่คู่กับมนุษย์ที่ขาดไม่ได้เป็นเวลาหลายพันปี (ประมาณ 8000 ปีก่อนคริสต์กาล)
ซึ่งลักษณะของร้องเท้ารูปแบบการใช้งานนั้นก็มีรูปแบบหลากหลาย และนี้คือ 10 รองเท้ารูปร่างประหลาดที่เรา
ไม่เคยรู้มาก่อน
 
11. Okobo
   


โอโคโบะ (ญี่ปุ่นศตวรรษที่ 18-ปัจจุบัน) เป็นรองเท้ารูปร่างเหมือนเกี้ยะใช้สำหรับมาอิโกะ(เกอิซา) ฝึกหัด
ในช่วงระหว่างฝึกงาน ส่วนมากทำมาจากบล็อกไม้และมีเสียงเป็นเอกลักษณ์ระหว่างเดิน
(ซึ่งเสียงดังกล่าวเป็นที่มาของชื่อรองเท้า)


โดยสาเหตุที่รองเท้าดังกล่าวมีความสูง(โดยทั่วไปสูงประมาณ 14 เซนติเมตร) ไม่ใช้เป็นเพราะแฟชั่นหากเป็นตัวช่วยป้องกัน
กิโมโนของผู้สวมสัมผัสกับพื้นดิน ซึ่งกิโมโนนั้นมีราคาแพงและเป็นการไม่ดีแน่หากกิโมโนเปื้อนโคลนระหว่างออกไปข้างนอก
อีกทั้งยังช่วยฝึกเดิน โดยสีของร้องเท้ายังเป็นตัวบ่บอกสถานะของผู้สวมใส่ด้วย

กล่าวคือ หากเป็นช่วงฤดูร้อนมาอิโกะจะสวมโอโคโบะเคลือบสีดำ หรือหากสายรองเท้าโอโคโบะสีแดงหมายถึงมาอิโกะหน้าใหม่
หากเป็นสายสีเหลืองหมายถึงมาอิโกะที่ใกล้จะเสร็จสิ้นการฝึกงาน ปัจจุบันร้องเท้าชนิดนี้นิยมใช้สำหรับผู้แต่งตัวแนวโลลิต้าด้วย


 
10. Men's high heels
   


รองเท้าส้นสูงของผู้ชายนั้นได้รับความนิยมในยุโรปสมัย ปี 1700 ซึ่งรองเท้าและถุงน่องเป็นสิ่งสำคัญมากที่ขาดไม่ได้
ในผู้ชายสมัยนั้น โดยมีที่มาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้สร้างพระราชวังแวร์ซายส์ นับเป็นผู้นำแฟชั่นในยุโรป


ยุคนั้น ถึงแม้จะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเป็น อธิราชผู้ลือพระนาม แต่พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ทรงมีพระวรกายเตี้ยมากครับ คือ สูงแค่ 5 ฟุต 4 นิ้ว
หรือ 163 ซม. เท่านั้น จำเป็นต้องเสริมให้พระวรกายสูงขึ้น ดังนั้น ฉลองพระบาทของหลุยส์ที่ 14 จึงเป็นแบบส้นสูง(มากๆ) ประดับประดา
ด้วยเพชร, พลอย, ริบบิ้น, โบ ลูกไม้ และรูปเขียน พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โปรดริบบิ้นมาก ฉลองพระบาทคู่โปรดมีริบบิ้นใหญ่ถึง 16 นิ้ว

เท่านั้นยังไม่สมพระทัย พระองค์โปรดให้จิตรกรวาดภาพลงบนส้นฉลองพระบาทคู่โปรด โดยเขียนเป็นรูปเหตุการณ์ในสงครามที่พระองค์
ได้พิชิตมา และนั้นเองทำให้ในยุคนั้น ข้าราชสำนักไม่ว่าเตี้ย หรือสูงก็พากันสวมรองเท้าส้นสูงตามพระราชนิยมไปตามๆกัน
(อีกส่วนก็ประจบด้วยแหละ)
 



9. kabkabs


 
“กับกับ” เป็นรองเท้าส้นสูงสำหรับผู้หญิง(ของผู้ชายจะเป็นอีกแบบหนึ่ง)ในตะวันออกกลาง ในเลบานอน ศตวรรษที่ 14-17
มีวัตถุประสงค์คือ ป้องกันตัวเองจากสิ่งสกปรกและความไม่สะอาดบนถนนเปียกๆ ที่เต็มไปด้วยโคลน


รองเท้าชนิดนี้มีราคาแพงเนื่องจากปักด้วยผ้าไหมสายหนังหรือกำมะหยี่ ส่วนนบนของรองเท้าปักด้วยเงิน ทอง หรือลวดดีบุกผสมตะกั่ว
มีความสูงหลายนิ้ว นิยมใช้สำหรับโอกาสพิเศษ เช่นงานแต่งงาน ที่ฝ่ายเจ้าสาวจะใส่รองเท้าชนิดนี้โดยตกแต่งด้วยเงินอย่างประณีต
และมีเครื่องประดิบเงินขนาดเล็กติดอยู่ และเวลาเดินบนพื้นหินอ่อนจะมีเสียงกับๆ (อันเป็นที่มาของชื่อของรองเท้าดังกล่าว)
 


8. Plaited birch bark shoe


   
ในช่วงตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ผู้หญิงจะสวมรองเท้าเปลือกไม้ประจำวันแทรกกับผ้าห่อรองเท้าข้างใน ซึ่งเพวกเขาใช้เป็นรองเท้า
หุ้มรองเท้า เพื่อป้องกันรองเท้าหนังเกิดความเสียหานจากฝนโคลนและหิมะ


รองเท้าเหล่านี้ทำมาจากเปลือกไม้บิช นอกจากนี้ยังทำจากต้นลินเด้นหรือเปลือกของต้นมะนาว โดยนิยมในฟินแลนด์ อีกทั้งในนอร์เวย์
สวีเดนและแม้กระทั้งรัสเซียก็มีรองเท้าในแบบของตนเอง อายุการใช้งานของรองเท้าเปลือกไม้นั้นจำกัด โดยอายุเฉลี่ยประมาณหนึ่งสัปดาห์



7. Chopines


   
“ชอฟีนส์” เป็นร้องเท้าสตรีของประเทศอิตาลีประเภทแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 15,16 และ 17(1580-1620)
มีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันชุดของผู้สวมใส่เลอะโคลนหรือดินบนถนน


โดยทั่วไปทำจากไม้ก๊อก และคลุมด้วยหนังสัตว์ อาจมีกำมะหยี่หรืออัญมณีตกแต่งตรงส่วนที่สวมเท้า ซึ่งพิลึกพิสดารของรองเท้านี้ก็คือ
พื้นรองเท้านี้สูงมาก บางคู่สูงถึง 2 ฟุต บางคู่ก็สูงประมาณ 18 ซม.(5นิ้ว) และเป็นของฟุ่มเฟือยและแพงมากอีกทั้งน้อยมากที่จะเห็น
รองเท้านี้บนตัวผู้สวม เนื่องจากกระโปรงผู้หญิงจะปกคลุมรองเท้าของพวกเขาทำให้เรามองไม่เห็น  และเมื่อหญิงใส่รองเท้าชนิดนี้พวกเขา
จะมีคนรับใช้หรือผู้ดูแลช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้เธอล้มลงกับพื้น


 
6.Heelless shoes
 


Heelless เป็นรองเท้าส้นสูงอีกแบบแตกต่างคือที่สันรองเท้าถูกยกตัวสูงขึ้น เปิดตัวครั้งแรกในงานเดินแบบ Antonio Berardi's
runway
ในปี 2007 และต่อมาก็มีชื่อเสียงในปี 2008 โดยวิกตอเรีย แบงแฮมดาราผู้นำแฟชั่นได้สวมรองเท้าดังกล่าว 


แม้มันจะดูผิดธรรมชาติ หรือดูแล้วไม่น่าสวมใส่สบาย แต่กระนั้นรองเท้าดังกล่าวก็ไม่ได้ก่อความเจ็บปวดใดๆ แก่ผู้สวมใส่ โดยนักออกแบ
บรองเท้านี้กล่าวว่ารองเท้านี้ออกแบบสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบเฉดเช่นเดียวกับการสวมรองเท้าปกติ แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
ออกมากังวลว่ารองเท้าดังกล่าวอาจทำให้เท้า หัวเข่า และกระดูกสันหลังของผู้สวมเสื่อมสภาพในระยะยาว หากสวมใส่ประจำ


 
5.Paduka


   
ปาดูก้าเป็นรองเท้าจากประเทศอินเดียที่เก่าแก่ – จนถึงปัจจุบัน โดยชื่อปาดูก้านั้นหมายถึงการพิมพ์แท้ของพระเจ้าในศาสนาฮินดู
เช่น พระวิษณุ พระศิวะ ที่เป็นเคารพสักการะในบ้าน โดยรูปร่างคล้ายรองเท้าแตะ โดยมันมีรูปแบบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปปลา
และวัสดุที่ใช้ทำการหลายหลาย เช่น ไม้สัก ไม้มะเกลือ งาช้างหรือเงิน


จุดเด่นคือมีลูกบิดที่ตั้งระหว่างนิ้วเท้าเหมือนรองเท้าแตะ มีทั้งตกแต่งแบบเรียบง่ายไปจนถึงประณีต หากรูปแบบซับซ้อนก็ใช้สำหรับเป็นของ
ตกแต่งในชุดเจ้าสาว หรือใช้สวมใส่ในพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากนี้รองเท้าชนิดนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือสำหรับเร้าอารมณ์ของพวกมาโซ
(Masochism) ในรูปแบบคล้ายๆ กับ aichmophilia(การเอาของแหลมทิ่มร่างกาย) โดยเกิดอาการปวด และเมื่อผ่านไป 20-40 นาที
ร่างกายจะเริ่มผลิตสารยาเสพติดเพื่อลดความเจ็บปวดและสารเหล่านี้จะมีฤทธิ์เหมือนยาชา ทำให้ร่าเริงและซาบซ่า
 


4.Wooden Bridal Shoes


         
รองเท้าไม้เจ้าสาว ศตวรรษที่ 19 ทางตอนใต้ของ Saint Girons ในจังหวัดอารีแยฌ ประเทศฝรั่งเศส ตัวมีที่มาจากการป้องกันแขกมัวร์
ที่มาลักพาตัวผู้หญิงในหมู่บ้าน โดยรองเท้านี้เป็นหนึ่งในชิ้นส่วยของลำต้นของไม้วอลนัท โดยเอามาจากรากที่มีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยผู้ชาย
จะเก็บรองเท้านี้ให้แก่เจ้าสาวของเขา โดยเชื่อกันว่าหากปลายรองเท้าสูงชี้มากเท่าใดก็แสดงว่าพวกเขามีความรัก ให้เธอมากขึ้นเท่านั้น




3.The Ballet Boot


   
รองเท้าบู๊ตบัลเล่ต์ เป็นรองเท้าที่ใช้สำหรับเต้นบัตเล่ห์ของผู้หญิงโดยมีลักษณะคล้ายส้นสูงแต่ส้นเท้าเรียวยาว ความของรองเท้า
สูงประมาณ 7 นิ้ว (18 เซนติเมตร) และตรงหัวเท้าตั้งแนวดิ่งกว่า


รองเท้านี้ได้รับความนิยมตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980-ปัจจุบัน ซึ่งมีจำหน่ายทั่วโลกและสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ โดยผู้สวมไม่จำเป็นต้องใช้
เต้นบัลเล่ห์ (มีการปรับเปลี่ยนให้ผสมผสานเหมือนสำหรับใช้งานอย่างอื่น)  หากแต่สามารถสวมเพื่ออกไปข้างนอกหรือนัดเดทในงานสังคม
เนื่องจากรองเท้าชนิดนี้ทำหน้าที่เหมือนเครื่องเร้าอารมณ์ทางเพศแก่ฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งพวกผู้หญิงยังใช้เป็นเครื่องมือซาดิสต์ ตัวอย่างเช่น
ฝ่ายชายเป็นทาสกามอามรณ์ และฝ่ายหญิงจะแต่งชุดซาดิสต์ สวมรองเท้าบู๊ตบัลเล่ห์จากนั้นก็ใช้รองเท้านี้เหยียบหลังผู้ชาย ซึ่งแทนที่ผู้ชาย
จะเจ็บแต่กลับตรงข้าม เพราะฝ่ายชายชอบมาก (เอาเป็นว่าใครที่คิดภาพไม่ออกลองไปอ่านการ์ตูนโป๊ซาดิสต์ดู)
 


2. Lotus Shoes
   


รองเท้าดอกบัว (ประเทศจีนตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ถึง 2009) เป็นรองเท้าที่สวมใส่ในประเทศจีนที่มีรูปร่างกรวยหรือฝัก ทำจากผ้าฝ้าย
หรือผ้าไหม ที่ปักอย่างวิจิตรงดงาม ในรูปแบบต่างๆ สวนมากปักเป็นรูปดอกไม้หรือสัตว์ต่างๆ  และมีรองเท้านี้มีขนาดเล็ก


ซึ่งผู้สวม (ซึ่งเป็นผู้หญิง) จะต้องมีกรรมวิธีอะไรบางอย่างกับเท้าของตน จึงจะสวมใส่รองเท้านี้ได้ ในคือกรรมวิธี “มัดเท้า” กระบวนการ
มัดเท้านั้นจะเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 5-6 ขวบ โดยคนเป็นแม่จะใช้วิธี หักนิ้วน้อย ๆ สี่นิ้ว แล้วงอย้อนกลับไปทางด้านหลัง แล้วก็เอา
ผ้ามาพันมัดเอาไว้ โดยจะพันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เท้าที่เล็กตามต้องการสำหรับใส่รองเท้าได้ (บางตำราก็เขียนว่าให้เอาเท้าแช่ปัสสาวะ
และกระเพาะแพะ สมุนไพร เพื่อให้เท้าอ่อนนุ่ม)

นอกจากนี้ผู้ที่ทำการพันเท้า กล้ามเนื้อตั้งแต่บริเวณสะโพกลงไปจะต้องเกร็งมากในการเดินแต่ละครั้ง เมื่อเยื้องย่างด้วยท่าอ้อนแอ้น
แลดูสวยงาม แต่สำหรับผู้เดินแล้วความรู้สึกเดินแต่ละครั้งจะเจ็บปวดแสนสาหัส ราวเข็มพันเล่มกระหน่ำแทงพวกเธอราวกับขุนนรกโลกันต์
เท้าที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา กลิ่นจะเหม็นมากๆ จนเป็นแผลเน่า ติดเชื้อง่าย และเลวร้ายที่สุดคือเธอไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก
และทรมานมากเวลากระโดดลุกขึ้นยืนนิ่ง ทำให้จำเป็นมากที่ต้องมีคนใช้ข้างตัว สำหรับผู้สวมใส่รองเท้าดังกล่าว ซึ่งผู้สวมร้องเท้าดังกล่าวนี้
จะต้องมีฐานะสูงพอสมควร ซึ่งจีนสมัยก่อนมีค่านิยมว่าผู้หญิงยิ่งมีเท้าเล็กยิ่งเซ็กซี่น่ารัก
 


1. Armadillo Shoes
 



อเล็กซานเดอร์ แมคควีน ดีไซเนอร์หัวคิดสร้างสรรค์จากอังกฤษ ได้เปิดตัวรองเท้าที่ลักษณะเหมือนตัวนิ่มในปี 2010
และรองเท้านี้ได้รับความนิยมในหมู่ดาราไฮโซอย่างเลดี้กาก้า และรองเท้านี้ไม่มีคุณสมบัติอะไรพิเศษทั้งสิ้น นอกเหนือ
จากความใหญ่และรูปร่างแปลกของมัน

 
 
เนื้อหามาจากบทความ
http://listverse.com/2010/08/14/top-10-most-bizarre-shoes-in-history/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 เมษายน 2019, 16:24:05 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่