-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ Part1  (อ่าน 711 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18220
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ


1. Freddy Krueger



เฟรดดี้ ครูเกอร์ เป็นสัตว์ประหลาดสมมุติที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์สยองขวัญครั้งแรกในชื่อ นิ้วเขมือบ
A Nightmare on Elm Street (1984) โดยรูปร่างของมันเป็นปีศาจ ที่ร่ายกายที่เห็นเนื้อหนังไหม้ไฟ
ใส่ชุดสีแดงลายทางสีดำ ใส่หมวกเหมือนขอทาน มาพร้อมกับกรงเล็บเหล็กยาวแหลมเหมือนใบมีดโกนที่นิ้ว
มีนิสัยอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา และเกลียดที่จะเห็นคนอื่นมีความสุข

โดยมันมีความสามารถพิเศษคือมันสามารถเข้าไปในความฝันของคนอื่นได้ และมันจะหลอกหลอนหรือฆ่า
เจ้าของฝันจนตาย หากเจ้าของความฝันหนีมันไม่พ้นจะไม่มีโอกาสตื่นในโลกแห่งความจริงอีกเลย โดยวิธี
ป้องกันมีทางเดียวเท่านั้นคือการถ่างตาไม่ให้นอนหลับ

เฟรดดี้มีประวัติไม่แน่นอนเพราะเปลี่ยนไปเรื่อย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเขาตายเพราะถูกเผาทั้งเป็น และเฟรดดี้
ได้กลายเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ตลอดกาลในจิตใจของคนอเมริกันและคน ทั่วโลกติดอันดับต้นๆ และภาพยนตร์
ที่มีเฟรดดี้ปรากฏก็มีมากมายหลายภาค จนมันได้กลายเป็น "แฟรนไชส์" ที่ฮิตติดอันดับเรื่อยมา




เฟรดดี้เป็นผลงานของ เวส คราเวน(Wes Craven) โดยแรงบันดาลใจของเขานั้นคือเขาไปเจอบทความหนึ่ง
เกี่ยวกับโรคชนิดหนึ่งที่ เกิดขึ้นในแถบบ้านเรานั่นก็คือ "โรคไหลตาย" ซึ่ง มันเป็นโรคลึกลับชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้น
ที่คนถึงแก่ความตายอย่างปัจจุบันทันด่วน คือก่อนเข้านอนปกติ พอเช้ากลับพบว่าเสียชีวิตโดยไม่ลืมตาตื่นดูโลกอีกเลย
โรคนี้เป็นที่ฮือฮามาก ในอเมริการู้จักโรคนี้เมื่อทศวรรษที่ 1970 ในกลุ่มอพยพชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยมายังประเทศสหรัฐ
เป็นจำนวนมาก และหนังสือพิมพ์ยุคนั้นได้ตีข่าวว่ากลุ่มชาวอพยพกัมพูชาปฏิเสธในการนอนหลับ เพราะไม่อยากเจอ
ฝันร้ายที่เกิดจากประสบการณ์เขมรแดงเรืองอำนาจหลอกหลอน ไม่เพียงเท่านั้นหลายคนที่นอนหลับได้เสียชีวิต
ระหว่างนิทรา ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่การแพทย์ไม่เคยเจออาการชนิดนี้มาก่อน

โดยสาเหตุของอาการนิดนี้ไม่แน่ชัดว่าเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่ ทั้งๆ คนที่เกิดอาการยังเป็นคนหนุ่ม
(อายุระหว่าง 19-57 ปี) ร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ มาก่อน




2. Vampires



แวม ไพร์ เป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์เพื่อความเป็นอมตะ
จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้และกลัวกระเทียม


เรื่อง ราวของแวมไพร์ มีมากมาย ที่เป็นนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรม และมีนอกจากนี้ยังมีกรณีที่เกิดขึ้นจริงอีกด้วย
โดยกรณีที่โด่งดังคือกรณีของชายที่ชื่อ อาร์โนลด์ โพส(Arnold Paole) หนุ่มร่างกำยำล่ำสันซึ่งเป็นทหารที่เข้าประจำ
หมู่บ้านที่หลายคนเชื่อว่าเขา เป็นแวมไพร์ โดยเรื่องราวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเมดูเอ็นยาหมู่บ้านแถบกอสโซวา (เตอร์กิชเซอร์เบีย)
โดยตำนานเล่าว่า เขาถูกทำร้ายโดยผีดูดเลือดระหว่างทาง เมื่ออาร์โนลด์ถูกผีดูดเลือดกัดคอหอยจนบาดเจ็บ เขารู้สึกเจ็บแค้น
ผีดูดเลือดตัวนั้น จึงหาวิธีกำจัด โดยเดินทางยังสุสานที่ฝังศพผีดูดเลือดและทำพิธีแก้อาถรรพณ์ โดยขุดศพผีดูดเลือดขึ้นมา
เจาะเลือดของมันชโลมกาย และกินดินหลุมศพของมันเข้าไปแต่ผลสุดท้ายนายอาร์โนลด์ก็ไม่พ้นความตายได้ เมื่อวันหนึ่งเขา
ได้ขับเกวียนเข้าไปในไร่ แล้วเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากเกวียน ศีรษะพาดพื้นอย่างแรงตายคา เขาตายเมื่อปี 1726



หลังจากอาร์โนลด์ตายแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์สยองขวัญเกิดขึ้นในหมู่บ้าน เมื่อมีผู้พบเห็นนายอาร์โนลด์ออกมาตะเวนไปตามที่ต่างๆ
ด้วยร่างกายแข็งทื่อ เขียวคล้ำทั้งตัว ชาวบ้านต่างหวาดผวา อาร์โนลด์ผีดูดเลือดที่ออกจากหลุม ตระเวรหาเหยื่อไปเรื่อย
ผลคือทำให้ชาวบ้านเคราะห์ร้ายต้องเอาชีวิตสังเวยอย่างน้อย 16 คนในหมู่บ้าน จนชาวบ้านทนไม่ไหวจึงรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่
แล้วยกโขยงไปในสุสานประจำหมู่บ้านจัดแจงขุดศพอาร์โนลด์เพื่อขึ้นมาพิสูจน์ ความจริงครั้นแล้วทุกคนต้องผงะ และตกใจกลัว
กับภาพทีอยู่ตรงหน้าเมื่อซากศพอาร์โนลด์ยังเปล่งปลั่งด้วยเลือด ฝาด ที่มุมปากมีเขี้ยวยาวแหลมคมงอกออกมาด้วย และมีเลือด
ที่ปากไหลเป็นทางยาวและเมื่อแสงแดดจัดจ้าส่องเข้ามาในโลงศพ

อาร์โนลด์เบิกตากว้างรีบพลิกตัวหลบแดดทันที ชาวบ้านก็ไม่รอช้า ต่างเฮโลขุดศพผู้ตกเป็นเหยื่อผีดูดเลือดอีกสี่ศพมาด้วย
แล้วช่วยกันเอาไม้ เสี้ยนปักอก ใช้ค้อนตอกจนมิด เลือดสดๆ ทะลึกออกมากลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่ว ผีดิบทั้งห้าบิดกาย
อย่างเจ็บปวด ส่งเสียงอืออาในลำคอก่อนที่สงบนิ่งไปเมื่อผีดูดเลือดสงบ ชาวบ้านก็ตัดหัวเอากระเทียมยัดปาก และเผาศพ
จนมอดไหม้เป็นขี้เถ้าแต่เรื่องนี้ยังไม่จบ

อีกหกปีต่อมาหมู่บ้านเมดูเอ็นยาก็ประสบกับเหตุการณ์สยดสยองอีกครั้ง เมื่อมีชาวบ้าน 13 คนตายในระหว่าง 6 สัปดาห์
โดยปราศจากสาเหตุ เมื่อทางการทราบข่าวจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจข้อเท็จจริงเหล่านี้ร่วมกับชาว บ้านผลสรุปว่า
ผีดูดเลือดอาร์โนลด์นอกเหนือจากล่าคนแล้วยังจับสัตว์มาดูดเลือดอีกด้วย และทิ้งซากเอาไว้ และเมื่อชาวบ้านพบซากสัตว์
ดังกล่าวจึงนำไปทำอาหาร และได้รับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว จนกลายเป็นผีดูดเลือด แพร่เชื้อออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบนั่นเอง




3. Werewolf



ผู้คนส่วนมากมักกลัวมนุษย์หมาป่า พอๆ กับแวมไพร์ เพราะพวกมันมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือ ดื่มกินเลือดและเนื้อของมนุษย์เป็นอาหาร
โดยที่เชื่อว่า บุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างเป็นหมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง พร้อมเขี้ยวยาวน่ากลัว และสามารถกลับเป็น
มนุษย์อีกครั้งเมื่อพระจันทร์ลาลับ เรื่องราวของมนุษย์หมาป่าถูกเล่ามาช้านานแล้ว? ในสมัยโบราณมีหลายรายถูกประหารชีวิตเพราะ
เชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่า

หนึ่งในนั้นคือกรณีของปีเตอร์ สตัมป์(Peter Stumpp) ฆาตกรต่อเนื่อง 18 ศพจากโคโลญ ประเทศเยอรมันเมื่อปี 1589
เขาเล่าให้ศาลฟังว่าเขามีเข็มขัดวิเศษทำให้เขาสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ได้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครเคยเห็นเข็มขัด
ของเขา ส่วนปีเตอร์ถูกทรมานและถูกประหายโดยการใช้ล้อทับตายในที่สุด




แต่กรณีที่โด่งดังและโหดที่สุดเป็นของการ์นิเย่(Garnier Gilles) เด็กหนุ่มแห่งหมู่บ้าน St. Bonnot ฝรั่งเศส ซึ่งเป็น
ฆาตกรต่อเนื่องกินเนื้อคน ที่เขามีปัญหาเรื่องอาหารการกิน และในเวลานั้น จู่ๆ ก็มีเด็กหลายรายหายไป หรือบางรายก็รอดมาได้
และให้การว่า ถูกโจมตีโดยมนุษย์หมาป่า จนกระทั้งเย็นวันหนึ่งกลุ่มคนงานที่กลับจากเดินทางจากเมืองใกล้เคียงได้พบ
กับการ์นิเย่กำลังสวาปามร่างเด็กที่ตายแล้ว ส่งผลทำให้เขาถูกจับกุมตัวในที่สุด ในเขาได้สารภาพในชั้นศาลว่า ตัวเองนี่แหละ
ที่เป็นมนุษย์หมาป่า ตัวจริง เสียงจริง เขาสามารถแปรงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้เพื่อง่ายต่อการล่า

สาเหตุที่ฆ่าเด็กนั้นก็เพื่อนำมาเป็นอาหารแก่เขาและภรรยาเพราะเด็ก มนุษย์ล่าง่ายกว่าสัตว์ทั่วๆ ไป โดยเหยื่อของเขาฆ่า
อย่างน้อยสี่ราย อายุระหว่าง 9-12 ปี ในเดือนตุลาคม 1572 โดยเหยื่อรายแรกคือเด็กสาวอายุ 10 ปี ที่เขาลากเธอในขณะ
อยู่ไร่องุ่น เขาฉีกเสื้อผ้าของเธอออกแล้วกินเนื้อจากต้นขาและแขนของเธอ ส่วนเนื้อบางส่วนเอามันกลับบ้านไปให้ภรรยา
สุดท้ายการ์นิเย่ก็ถูกประหารด้วยการเผาทั้งเป็นเมื่อ 18 มกราคม 1573





4. Zombie



ซอมบี้ เป็นคำเรียกของคนที่ตายไปแล้วแต่กลับมาเดินเหินได้ราวกับมีชีวิตอีกครั้งตาม ความเชื่อของลัทธิวูดู เรื่องราวในลัทธิวูดู
นั้นกล่าวถึงซอมบี้ว่าถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ให้ทำงาน ใช้แรงงานให้พ่อมด แต่ภาพลักษณ์ของซอมบี้ในวัฒนธรรมสมัยใหม่
ซึ่งปรากฏผ่านสื่อต่างๆนั้นต่างจาก ในลัทธิวูดูมาก โดยสาเหตุสำคัญนั้นมาจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง
Night of the Living Dead

การ ทดลองที่สามารถคืนชีพได้นั้นปัจจุบันสามารถทำได้จนสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือการทดลองของนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การวิจัย
กู้ชีพซาฟาร์ แห่งมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (Pittsburgh’s Safar Centre for Resuscitation Research) สหรัฐฯ
ได้พัฒนาเทคนิคการถ่ายเลือดและเติมสารละลายน้ำเกลือที่เป็นน้ำแข็งและเย็นยะ เยือกลงไปในเส้นเลือดดำ เพื่อรักษาสภาพ
และฟื้นชีวิตที่ตายไปแล้วให้กลับฟื้นคืนมาใหม่ได้เป็นผล สำเร็จ...!!!



โดยการชุบชีวิตครั้งแรกได้ทดสอบกับ "สุนัขจำนวนหนึ่ง" ซึ่งตายแล้วตามนิยามทางการแพทย์ คือหยุดหายใจและหัวใจ
ไม่เต้นหรือไม่มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นในสมอง และสภาพศพอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา อุณหภูมิร่างกายเหลือเพียง
7 องศาเซลเซียส แม้ว่าสุนัขน้อยเหล่านี้จะตายแล้วในทางการแพทย์แต่เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ยังอยู่ในสภาพดี เส้นเลือดต่างๆ
และเนื้อเยื่อที่เสียหายสามารถซ่อมแซมได้ด้วยการศัลยกรรม โดยกระบวนการคืนชีพทางวิทยาศาสตร์นี้สามารถทำได้โดย
การช็อตด้วยไฟฟ้าระหว่าง กระบวนการแทนที่เลือดด้วยน้ำเกลือ


แต่ว่าอีก 3 ชั่วโมงต่อมาเลือดของสุนัขที่สิ้นใจก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำเกลือและได้ออกซิเจน เต็มที่ 100% บรรดาสุนัขๆ ก็ฟื้นคืนชีพ
มาเป็น "สุนัขซอมบี้" การทดลองนี้นับว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

โดยนักวิทยาศาสตร์พยายามทำให้ผู้ป่วยกลับฟื้นชีวิตได้ อย่างน้อยเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็มากพอสำหรับการรักษาชีวิต
ผู้บาดเจ็บจากสงคราม หรือเหยื่อที่ถูกแทง ถูกยิง เพราะพวกเขาจะเจ็บปวดและขาดใจจากการเสียเลือดมากผลที่ได้ทำให้ทางศูนย์
มีแผน จะนำเทคนิคนี้ไปทดสอบใช้ในมนุษย์ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อีกทั้งเชื่อว่าภายใน 10 ปีจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้
ขัดขวาง "การตาย" ของมนุษย์ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิรบ





5. Frankenstein



แฟรง เกนสไตน์ เป็นนวนิยายยอดนิยมเรื่องหนึ่ง เขียนโดย แมรี เชลลีย์ จัดพิมพ์ครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ค.ศ. 1818
โดยเนื้อเรื่องของแฟรงเกนสไตน์มีอยู่ว่า มีชายคนหนึ่งชื่อ วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ ได้ไปศึกษาที่เยอรมนี เขาสนใจในเรื่องการใช้ไฟฟ้า
กับร่างกายของมนุษย์ จึงนำชิ้นส่วนจากศพหลายๆ ศพ มาเย็บเข้าด้วยกันและช็อตด้วยไฟฟ้า ทำให้ซากศพนั้นมีชีวิตขึ้นมา เป็นอสุรกาย
ที่มีร่างกายใหญ่โต แต่เมื่ออสุรกายนั้นมีชีวิต วิคเตอร์ก็เกิดกลัวอสุรกายนั้นขึ้นมา จึงได้หนีไปและทิ้งให้อสุรกายตนนั้นมีชีวิตอย่างเดียวดาย
โดยไม่ยอมรับมัน อสุรกายจึงขอร้องให้วิคเตอร์สร้างอสุรกายแบบมันขึ้นมาอีก 1 ตน แต่วิคเตอร์ก็ไม่ยอม มันจึงเริ่มฆ่าคนที่มีความสัมพันธ์
ใกล้ชิดกับวิคเตอร์เพื่อให้วิคเตอร์รับ รู้ความรู้สึกของความโดดเดี่ยวบ้าง จนวิคเตอร์เสียชีวิต อสุรกายก็เสียใจมาก เพราะมันได้สูญเสีย
เพื่อนคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของมันไป



ความจริงแล้ว เรื่องราวการทำศพมาต่อกันเป็นรูปร่างคนนั้นมีมากมาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกนาซีก็เคยมีการทดลองที่ว่านี้เหมือนกัน
แต่กรณีที่โด่งดังที่สุดคือกรณีของ Vladimir Demikhov(1916 - 1998) เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยกายภาพมีชื่อเสียของโซเวียต
เคยเป็นหมอทหารรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ มีความเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดสมอง และการปลูกถ่ายอวัยวะ เขาเป็นที่รู้จักกันดี


ในโครงการปลูกถ่ายหัวสุนัขเมื่อ 1950 เขาได้แสดงผลงานวิจัยของเขา มันคือสุนัขสองหัว โดยหัวของลูกสุนัขได้ถูกใส่เข้าไปในส่วนคอ
ของสุนัขเชพเพิร์ดขนาดใหญ่ โดยหัวที่สองจำเป็นต้องดื่มนม(แม้ว่าทุกๆ หยดจะเข้าปากและรั่วตรงรอยต่อก็ตาม) แต่ไม่จำเป็นต้องใช้
เครื่องในเดียวกับ สุนัขตัวใหญ่ อย่างไรก็ตามสุนัขสองหัวนี้ก็ตายเพราะร่างกายรับไม่ไหวและเนื้อเยื่อเข้ากัน ไม่ได้

แต่อย่างไรก็ตามผลงานของเขาได้กลายเป็นรายบันดาลใจในการปลูกถ่ายอวัยวะใน เวลาต่อมา




6. The Hills Have Eyes



The Hills Have Eyes (1977) เป็นภาพยนตร์คลาสสิกของผู้กำกับเวส คราเว่น ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์กินคน
ในถ้ำกลางทะเลทรายที่ดักล่าคน ที่ขับรถไปตามท้องถนน ด้วยเนื้อหาดิบ และเหี้ยมโหดระทึกขวัญ และการเอาตัวรอด ส่งผล
ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังในเวลาต่อมา จนถูกนำมาสร้างใหม่ในปี 2006 เพียงแต่เป็นเนื้อหาแตกต่างจากต้นฉบับเล็กน้อย

โดยแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากเรื่องราวของ ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean) ฆาตกร กินคนในสก็อตแลนด์
ที่เขาและสมาชิกในครอบครัวร่วมมือก่ออาชญากรรมฆ่าคณะคนเดินและกินเนื้อคน โดยเหยื่อที่ถูกครอบครัวนี้ฆ่าว่ากันว่ามีถึง
1000 คน




เรื่อง ราวของซอว์นี่ บีนปรากฏอยู่ในบันทึกนิวเกตส์ ตำนานของสกอตแลนด์...เขียนไว้ว่า ซอว์นี่ บีน มีชื่อเต็มว่า อเล็กซานเดอร์ ซอวี่นี
เกิดในช่วงต้นศตวรรษที่ 15-16 ที่เมืองอีสต์ โลเธี่ยน ประเทศสก็อตแลนด์ บิดาเป็นช่างสารพัดและคนขุดคลอง โดยซอว์นี่ บีน
เป็นคนขี้เกียจอย่างบรม สมองทึบ นิสัยป่าเถื่อนโมโหร้าย เขาออกจากบ้านและแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีนิสัยชั่วร้ายเหมือนกับเขา
ทั้งคู่ออกเดินทางเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ จนกระทั้งมาหยุดลงที่ถ้ำลึกที่ชื่อบันนาน่าถ้ำชายฝั่งในกัลป์โลเวอร์ (ปัจจุบันคือไอร์ไชร์ใต้)
และอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นที่พักถวาร พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วนยการปล้นฆ่านักเดินทางที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณแถวนั้น

ตอนกลางคืนพวกเขาสืบลูกสืบหลานแบบร่วมประเพณีระหว่างพี่น้อง (ซอว์นี่ บีนมีลูกชาย 8 คน ลูกสาว 6 คน) ทำให้เกิดเด็ก
ลูกหลานที่มีสติไม่สมประกอบพิกลพิการถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวน มาก สภาพบ้านเริ่มแออัด พร้อมกับความต้องการอาหารที่มีมากขึ้น
แต่อาหารที่ได้จากการฆ่านักเดินทางนั้นมีน้อยไม่พอในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ของครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้
โดยการกินเนื้อคนที่ได้จากการฆ่าเพื่อ เป็นอาหาร พวกเขาทำแบบ ต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนานถึง 25 ปี เขามีลูกชาย 8 คน
ลูกสาว 6 คน หลานชาย 18 คน และหลานสาว 14 คน

ผลสุดท้าย ซอว์นี่ บีนและครอบครัวถูกพิพากษาประหารชีวิต โดยให้พวกผู้ชายต้องถูกหั่นร่าง ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กให้ถูกเผาทั้งเป็น
เรื่อง ราวของซอว์นี่ บีน ยังเป็นที่สนใจของนักประวัติศาสตร์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในปี 2005 มีบทความของนักประวัติศาสตร์
ท่านหนึ่งเขียนว่าเรื่องราวของตระกูลบีนอาจไม่ใช่เรื่องจริง อาจเป็นเรื่องสมมุติแต่งขึ้นให้คนสมัยนั้นหวาดกลัว ที่สมัยนั้นประชาชน
ไม่ค่อยเคารพกฎหมาย





7. The Exorcism



พิธีไล่ผี เด็กสาวที่ถูกปีศาจสิงแล้วทำตาและพฤติกรรมน่ากลัวใช้ภาษาหยาบคาย การอาเจียนรดพวกพระ
และอุปกรณ์และเครื่องมือ
ต่างๆในการไล่ผี, แนวความคิดถูกนำไปสร้างภาพยนตร์และนิยายมากมาย และที่ดังที่สุดคือ The Exorcism of Emily Rose และ
Requiem ซึ่งหนังนี้มาจากเรื่องจริงเสียด้วยสิ!!

เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นที่ในปี 1968 หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในแคว้นบาวาเรีย ทางตอนใต้ของเยอรมนี นางสาวอันเนลีส มิเชล
(Anneliese Michel)
อายุ 16 ปี จู่ๆ ก็เกิดอาการประหลาดน่ากลัวเกิดขึ้น เธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ทำร้ายตัวเอง (เธอวิ่งชนกำแพง
ฟาดหน้าจน ฟัน คาง กราม และจมูกหัก เบ้าตาอักเสบ) เอาแต่นับเลขพึมพำไม่เป็นภาษา พูดจารุนแรงและหยาบคาย แสดงอาการ
ลุกลี้ลุกลนทำร้ายกัดคนในครอบครัว ทำลายข้าวของ ฉีกเสื้อผ้าและฉี่ลงบนที่นอนและลงไปนอนทับ


เธอไม่กินอาหาร แต่หันไปกินแมลงวัน แมงมุม ถ่านไม้ ดื่มปัสสาวะตัวเองแทนน้ำสะอาด(เธอปัสสาวะลงบนพื้น) แทะทึ้งซากนก
จนหัวมันหลุดจากร่าง ฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเองเป็นว่าเล่น เธอ เคยคลานอยู่ใต้โต๊ะแล้วเห่าหอนอยู่สองวันเต็ม กรีดร้องไม่รู้จักเหนื่อย
นานนับชั่วโมง ร้องไห้ กลายเป็นเรื่องปกติร่างกายเธอทรุดโทรมลงมาก หัวเข่าเธอแตกอันเนื่องมาจากการคุกเข่าถึง 600 ครั้ง
เธอได้พบภาพหลอนเกี่ยวกับภูตผีปิศาจซ้ำแล้วซ้ำเล่า27




พ่อแม่พาตัวเธอไปรักษา แต่ก็รักษาไม่หาย จนทั้งสองคิดว่าเธอถูกปีศาจสิง เลยไปขอร้องบาทหลวงเอิร์นส์ต อัลต์ (Ernst Alt)
กับหลวงพ่อโจเซฟ เรนซ์ (Arnold Renz) มาทำพิธีไล่ผี ว่ากันว่าขณะที่ทำพิธีไล่ผี อันเนลีสดิ้นรนขัดขืนสุดแรงเกิด เรี่ยวแรงของเธอ
จู่ๆก็มหาศาลถึงขนาดต้องใช้ผู้ชายแข็งแรงกำยำ 3 คน ช่วยกันจับจึงจะเอาอยู่ และบางครั้งถึงต้องเอาโซ่ล่ามเธอไว้ เพราะเธอกระโดดสูง
จากพื้นได้เป็นเมตร พิธีไล่ผีเริ่มเข้มข้น แต่ร่างกายของอันเนลีสก็อ่อนแอลงเพราะขาดน้ำและอาหาร พ่อและแม่ของเธอถึงกับต้อง
เข้ามาช่วยพยุง เพราะเธอไม่ไม่มีแรงจะเดิน และเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1976

เล่ากันว่า ประโยคสุดท้ายที่อันเนลีสพูดกับแม่ของเธอในคืนก่อนหน้านั้น ก็คือ "แม่…หนูกลัว (Mother I’m very scared)"
เรื่องประหลาดหลังจากเธอตาย ก็ตามมาอีกเป็นระยะไล่ตั้งแต่โลงศพอันเนลีสมีรูปมือปิศาจเกาะอยู่ และท้องฟ้าในขณะทำพิธีฝังศพ
ก็ปรากฏหน้าของปีศาจที่แสนน่ากลัว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2017, 12:07:50 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่