10 คนดังหน้าตาประหลาด10 โสเครตีสมาเริ่มต้นความน่าเกลียดของคนดังกันเลยครับ กับ "โสเครตีส" โสกราตีสเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์
ที่ไม่ได้มีผลงานการเขียนอะไรคงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามตัวตนและความคิดของเขายังคงอยู่
ถึงปัจจุบันผ่านงานเขียนของบุคคลอย่าง อริสโตเติล (Aristotle) เพลโต (Plato)
อริสโตฟานเนส (Aristophanes) หรือ ซีโนฟอน (Xenophon) นอกจากนั้นยังมีทั้งนักเขียน
นักคิด และนักปราชญ์ที่เก็บเรื่องราวของโสกราตีส อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรู้ว่าข้อมูลเรื่องเล่าถึงชีวิตของโสกราตีสนั้นจริงหรือเท็จได้อย่างแน่นอน
ว่ากันว่าโสเครตีสเป็นคนรูปร่างเตี้ยล่ำ หน้าตาค่อนข้างอัปลักษณ์ และชอบสวมเสื้อผ้าเก่ายับย่น
อีกทั้งยังเป็นโรคอ้วน ขี้เมา และหัวล้าน ยิ่งฝ่ายตรงข้ามยิ่งแล้วใหญ่มักกล่าวว่าโสเครติสเป็นคนโง่
โหดร้าย ราคะ และมั่วสุราและยาเสพติด แต่กระนั้นเขาว่ามีลูกศิษย์และผู้ติดตามมากมายที่ศรัทธาในคำสอน
หรือถ้อยคำสนทนาของเขากับนักปรัชญาคนอื่น แต่เนื่องจากเขาเป็นที่ชอบสนทนาและมีหลายครั้งที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องอับอาย สุดท้ายโสเครตีส
ก็ถูกใส่ร้ายด้วยความเกลียดชังและถูกตัดสินให้ดื่มยาพิษเพื่ออุดมการณ์ของตนเอง 9 อัตติลา"อัตติลา"หรือ อัตติลาเดอะฮั่น ทรงเป็นจักรพรรดิแห่งชนฮั่นผู้ครองจักรวรรดิฮั่นระหว่าง ค.ศ. 434
ที่เป็นจักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณครอบคลุมตั้งแต่ เยอรมนีไปจนถึงแม่น้ำอูราล และจากแม่น้ำดานูบ
ไปจนถึงทะเลบอลติก ระหว่างรัชสมัยการปกครองอัตติลาทรงไปประมุขผู้สร้างความหวาดหวั่นมากที่สุดให้แก่ทั้งจักรวรรดิโรมันตะวันออก
และจักรวรรดิโรมันตะวันตก พระองค์ทรงรุกรานคาบสมุทรบอลข่านสองครั้ง และทรงนำทัพเข้าไปยัง
ดินแดนกอล (ฝรั่งเศสปัจจุบัน) ไปจนถึงออร์เลอองส์ก่อนที่จะไปทรงพ่ายแพ้ในยุทธการชาลองส์ (Battle of Chalons)
อัตติลาทรงยับยั้งพระองค์ในการคอนสแตนติโนเปิล และ กรุงโรม การได้มาซึ่งดาบแห่งอัตติลา
โดยปาฏิหาริย์ของพระองค์ได้รับการบรรยายโดยนักประวัติศาสตร์โรมันพริสคัส อัตติลาได้รับการบรรยาย
โดยนักประวัติศาสตร์จอร์ดาเนสว่าทรงมี
"พระวรการที่เตี้ย, พระอุระกว้างและพระเศียรใหญ่; พระเนตรเล็ก, พระมัสสุบางและประปรายด้วยสีเทา;
พระนาสิกแบน และ พระฉวีคล้ำ แสดงถึงที่มาของพระองค์..."อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงมีพระมเหสีถึง 12 พระองค์ และเสด็จสวรรคตหลังจากวันแต่งงาน
กับเฉลิมฉลองการแต่งงานครั้งล่าสุดกับสตรีสาวสวยอิลดิโค 8 ทานนาคิม สกินคีร์" ทานนาคิม สกินคีร์ " เธอเกิดในศตวรรษที่ 17 ในครอบครัวที่มั่งคั่งชาวเยอรมัน ครอบครัวของเธอ
เก็บเธอไว้เป็นความลับอยู่หลายต่อหลายปี จนกระทั่งมีข่าวเกี่ยวกับเธอหลุดออกไป ครอบครัวเธอจึงประกาศว่าหากใคร
ยอมแต่งงานกับเธอจะยกทรัพย์สินเงินทองให้ พร้อมทั้งแก้วแหวนเงินทองอีก
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครแต่งงานกับเธอ จนกระทั่งเธอตายอย่างโดดเดี่ยว 7 เฟรเดอริค นอร์ท"เฟรเดอริค นอร์ท " หรือ ลอร์ด นอร์ท เป็นรัฐมนตรีในยุคความรุ่งโรจน์ของสหราชอาณาจักร
เขาเคยนำอังกฤษผ่านสงครามเพื่ออิสรภาพของชาวอเมริกัน ลอร์ดนอร์ธยกเลิกภาษีทุกประการ
เพื่อเอาใจชาวอเมริกา แต่ยกเว้นภาษีชา เพื่อรักษาพระเดชานุภาพในการเก็บภาษี แต่เกิดเหตุการณ์งานเลี้ยงน้ำชาบอสตัน (Boston Tea Party) ในปี ค.ศ. 1773 โยนชาทิ้งทะเล
ทำให้ลอร์ดนอร์ธออกพระราชบัญญัติลงฑัณฑ์ (Punitive Act) ปิดท่าเรือบอสตันและยกเลิกเสรีภาพ
ของอาณานิคมอ่าวแมซซาชูเซตต์ (Massachusette Bay) ชาวอเมริกาก็ยิ่งลุกฮืออีก
เกิดเป็นการปฏิวัติอเมริกา (American Revolution) สงครามจึงเริ่มในค.ศ. 1775 ในค.ศ. 1776
แต่สุดท้ายฝ่ายตนก็พ่ายแพ้จนเสียอำนาจปีต่อมาอาณานิคมจึงประกาศเอกราชเป็นสหรัฐอเมริกา (United States of America)
ว่ากันว่าเขามีลักษณะขี้ริ้วขี้เหร่ โดยยืนยันจากบุคคลใกล้ชิดว่าเขาเป็นคนตัวโต ริมฝีปากหนา
ดวงตาที่ปูดนูนจากใบหน้า 6 พอล มารัตผู้ที่น่าเกลียดมาที่อันดับนี้ได้ ก็คือ "พอล มารัต" เป็นนักข่าวและนักการเมืองที่มีบทบาทในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส
ที่ตีพิมพ์ข่าวสารต่าง ๆ อย่างเผ็ดร้อนต่อต้านพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เนื่องจากการปกครองไม่เอาไหน
ซึ่งฝูงชนต่างหลงเชื่อนำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสที่ส่งผลทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวเนต์
ก็ถูกประหารด้วยกิโยติน และทายาทตายคาคุกในที่สุด อย่างไรก็ตามพอล มารัตเป็นโรคผิวหนัง เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในอ่างอาบน้ำ เพื่อบรรเทาจากโรคผิวหนัง
จนกระทั้งวันหนึ่งมีหญิงสาวชาวบ้านจากบ้านนอกชื่อชาร์ล็อตต์ คอร์เดย์ได้ติดต่อขอเข้าพบเพื่อส่งรายชื่อ
ผู้ต่อต้านคณะปฏิวัติให้แก่พอล มารัต ในอ่างอาบน้ำ
ในขณะที่เขาอ่านรายชื่อ หญิงคนนั้นก็ดึงมีดออกมาแทง พอล มารัต ตายคาอ่างอาบน้ำโดยที่มือยังถือกระดาษ
คำร้องอยู่ แม้การตายของพอล มารัตแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมความนิยมของคณะปฏิวัติของประชาชน
แต่เหล่าคณะปฏิวัติ กลับนำเรื่องการตายของพอล มารัตมาเรียกร้องความเห็นใจต่อประชาชน