-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก  (อ่าน 828 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18237
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก
« เมื่อ: 01 สิงหาคม 2014, 14:25:44 »

10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก

แต่ละเล่มนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปีทีเดียว หนังสือที่นำมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนี้
บางเล่มเป็นจุดกำเนิดของวิวัฒนาการ พัฒนาการ วิชาการเรียนรู้ต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์โลก
หรือคนที่ค้นพบได้ทำการศึกษามา ที่บอกว่าเป็นหนังสือเปลี่ยนโลก แค่หนังสือเพียงไม่กี่เล่ม
จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ บนโลกของเราได้จริงหรือ?


10. Principia Mathematica : ได้รับการยกย่องเป็นผลงานที่สำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการฟิสิกส์



หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษนาม เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)
จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นในปี 1665 ในช่วงเกิดกาฬโรคระบาดในประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัย ต่างๆ
ต้องปิดการเรียนการสอน นิวตันจึงต้องกลับไปพักอยู่กับมารดา ช่วงเวลา 18 เดือน ที่นั่นเป็นระยะเวลาที่สำคัญมากที่สุด
ระยะหนึ่งของมนุษยชาติ เพราะในช่วงเวลานั้นนิวตันได้พบ สาเหตุที่ทำให้สรรพสิ่งต่างๆ ในจักรวาลเคลื่อนที่ได้

เซอร์ไอแซคนิวตันจึงลงมือเขียนในสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ใน หนังสือชื่อ Philosophie Naturalis Principia Mathematica
หนังสือเล่มนี้เป็นที่รู้จักกันในนามสั้นๆ ว่า Principia และหนังสือเล่มนี้ถูกพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกในปี 1687 มีจำนวนพิมพ์
500 เล่ม คนที่ได้อ่าน Principia ในสมัยนั้นมีเพียงไม่กี่คน ที่เข้าใจ แม้กระทั่ง นักวิทยาศาสตร์บางคนที่อ่านมัน ก็ยังกล่าวถึง
Principia ว่าอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง

แต่ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ยอมรับว่า Principia คือสิ่งมหัศจรรย์ ทางปัญญาได้รับการยกย่องว่า เป็นผลงานที่
สำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการฟิสิกส์ และเป็นผลงานที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงแนวคิดโดยสิ้นเชิง เพราะสมัยก่อนนั้น
ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของเรานั้นยังผิดกับความจริงมาก เพราะหลายคนคิดว่าโลกแบน แต่หนังสือ Principia ได้ให้
คำอธิบายที่ ชัดเจนเกี่ยวกับดวงดาว, แรงดึงดูดโลก, ดวงจันทร์โคจรรอบโลก สามารถอธิบายได้ด้วยกฎๆ เดียวกัน

เขายังแสดงให้เห็นอีกว่าดวงจันทร์ทำให้ เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และดาวหางเป็นเพียงดาวดวงหนึ่ง ของสุริยจักรวาล
รวมไปถึงโลกไปแบน สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้แบบจำลองจักรวาลของอริสโตเติลและปโตเลมี อีกทั้งความเชื่อเรื่องเทหวัตถุ
ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานต้องพบกับจุดจบ และก่อให้เกิดวิชาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ยุคใหม่ขึ้นมาแทน(ก่อให้เกิดวิชา Calculus)
และส่งผลให้ คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ประกาศยอมรับอย่างเป็นทางการว่า แนวคิดเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลของกาลิเลโอ
นั้นถูกต้อง ทำให้กาลิเลโอถูกล้างมลทิฐแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม



9. The Analects  : คำสอนของขงจื๊อ



The Analects หรือ คำสอนของขงจื๊อ หรือ คัมภีร์หลุนอวี่เป็นหนังสือที่บันทึกคำสอน
บทสนทนาและการปฎิบัติตนของขงจื๊อ ปรัชญาเมธีชาวจีน ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วง 551-479 ปี ก่อนคริสตกาล


เนื้อหาเป็นบทประพันธ์ของบทสนทนา คำสอน และวาทะของขงจื๊อ ขณะที่ตอบคำถามของลูกศิษย์(ชั่วชีวิตของขงจื๊อมีลูก
ศิษย์ทั้งสิ้นกว่าสามพันคน ในจำนวนนั้นมีศิษย์เอก 72 คน) ตอนนั้น เหล่าศิษยานุศิษย์ของขงจี๊อต่างมีบันทึกของตน เมื่อ
ขงจื๊อถึงแก่กรรมแล้ว ศิษย์ขงจื๊อเหล่านี้ก็นำบันทึกของตนมารวบรวมกัน ซึ่งก็คือคัมภีร์หลุนอวี่ ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์หลุนอวี่
จึงมิใช่บทประพันธ์ของขงจื๊อเอง แต่เป็นการรวบรวมบันทึกของลูกศิษย์ขงจื๊อหลังจากขงจื๊อถึงแก่กรรม ส่วนตัวขงจื๊อเองนั้น
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านได้สร้างงานเขียนใดไว้หรือไม่

The Analects เป็น คัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนของขงจื่อได้สมบูรณ์ที่สุด เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลในความคิดและวัฒนธรรม
การก่อตัวของความคิดทางการเมืองในสังคมศักดินาของจีน เป็นคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหลังความเจริญของจีนมากกว่า 2,500 ปี
มีตำนานเล่าว่ามีผู้นำยิ่งใหญ่หลายคนปกครองแผ่นดินจีนโดยทั้งชีวิตเขาอ่าน

แต่หนังสือ The Analects เพียงครึ่งเล่มเท่านั้น แนวความคิดของขงจื่อได้ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออก
มาเป็น เวลาถึง 20 ศตวรรษ โดยหลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง
ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ ปัจจุบันจีนได้นำแนวคิดในหนังสือเรื่องนี้
นำมาใช้จนทำให้ประเทศจีนเป็นมหา อำนาจยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน


8. The Interpretation of Dreams : เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลอย่างมากที่ก่อให้เกิดวิชาจิตวิเคราะห์ หรือจิตวิทยายุคใหม่



The Interpretation of Dreams เป็นหนังสือเล่มแรกของผลงานของนักจิตวิทยานาม
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (ไม่นับ Studies in Hysterias ที่ เขียนร่วมกับโจเซฟ บรูเยอร์) เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลอย่างมากที่ก่อ
ให้เกิดวิชาจิตวิเคราะห์ หรือจิตวิทยายุคใหม่ และภายหลังจากมันถูกตีพิมพ์ในปี 1899 มนุษยชาติจะมีความคิดไม่เหมือนเดิ
อีกต่อไป


The Interpretation of Dreams (วิเคราะห์ความฝัน) ซิกมันด์ ฟรอยด์เขียนขึ้น โดยใช้ประสบการณ์ในการรักษาคนไข้
เอาความฝันของคนไข้มาวิเคราะห์ รวมไปถึงความฝันของตัวเองด้วย และคิดเป็นทฤษฎี จนเมื่อปี 1900 ฟรอยด์ได้ตีพิมพ์
หนังสือเล่มนี้ออกจำหน่าย ซึ่งจริงๆแล้วฟรอยด์เขียนหนังสือเล่มนี้เสร็จก่อนหลายปี แต่รอจังหวะขึ้นศตวรรษใหม่จึงได้ตีพิมพ์

โดยเนื้อหาหนังสือเล่มนี้มีกล่าวถึง การวิเคราะห์ความฝัน โดยใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับความฝันของฟรอยด์ ซึ่งอธิบาย วิเคราะห์
ความฝันหลาย ๆ แบบ ตัวอย่างได้แก่ ความฝันเกี่ยวกับความตายของผู้เป็นที่รักหมายความว่าอย่างไร ความฝันที่เกิดจาก
ความวิตกกังวลมีความสำคัญอย่างไร ความฝันเกี่ยวกับการว่ายน้ำ การตกลงมาจากที่สูง ความฝันที่มนุษย์ฝันถึงบ่อยที่สุด
คืออะไรและเหตุใดเราจึงฝันเช่นนั้น

แน่นอน The Interpretation of Dreams มีอธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่าง มาก เพราะปกติเรื่องของความฝันสมัยก่อน
ถือว่าเป็นเรื่องงมงาย ไสยศาสตร์ เวทย์มนตร์ สิ่งลึกลับ ไม่มีการศึกษาอย่างจริงจัง เก็บข้อมูลเป็นระบบ เพราะในสมัยก่อนนั้น
มนุษย์ชาติไม่เข้าใจในเรื่อง ?จิตวิทยา? เสียเลย พวกเขาไม่รู้เรื่องทำงานของสมอง และจิตใจ พวกเขาใช้เรื่องศาสนามาอธิบาย
ในเรื่องต่างๆ เช่นบางเรื่องเป็นฝีมือของภูตผี บางเรื่องเกิดจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติเป็นต้น แต่ฟรอยด์กลับรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เอาไว้
ศึกษามันอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ขึ้นมาส่งผลให้มนุษย์มีแนวคิดใหม่มากขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยต้องมีเหตุและผล


7. Canon Of Medicine : อวิเซนนา บิดาของการแพทย์แผนใหม่



อวิเซนนา (Avicenna) (ค.ศ. 980-1037) เป็นนักปราชญ์ชาวเปอร์เซียที่ได้ชื่อว่า
“บิดาของการแพทย์แผนใหม่” ที่มีบทบาทด้านสาธารณสุข เขายังเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของเจ้าชายต่าง ๆ


ในช่วงบั้นท้ายชีวิตเขาได้เป็นรัฐมนตรีของรัฐ เขายังเขียนหนังสือปทานุกรมคำศัพท์, สารานุกรมศัพท์ ในหัวข้อต่างๆ
เช่นการแพทย์, ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ, ดนตรี, เศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ ยังเป็นกวี ที่มีผลงานได้รับความนิยมในโลกอาหรับ
ผลงานที่สำคัญที่สุดคือ ชุด Canon of Medicine ที่นำรากฐานมาจากฮิปโปเครติส, อริสโตเติล,ไดออสครอไรด์,
กาเลน และบุคคลสำคัญวงการแพทย์อื่น ที่มีแทรกทฤษฏีและการสังเกตของเขา

Canon of Medicine (ราวทศวรรษที่ 1020) มีเนื้อหาทางด้านเภสัชวิทยาต้นไม้สมุนไพร นอกจากนั้นยังมีเนื้อหา
ว่าได้พบการติดต่อกันได้ของวัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการกระจายของโรคผ่านทางน้ำและดิน
เขายังเสนอวิธีการกักกันแยกผู้ป่วยไม่ให้โรคติดต่อแพร่กระจาย และเขายังใช้วิธีการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และเสนอแนวคิด
ของกลุ่มอาการในการวินิจฉัยโรคเฉพะ

Canon of Medicine ถือเป็นตำราพื้นฐานแพทย์ที่สำคัญของโลกมุสลิมและคริสเตียน ในการศึกษาเภสัชวิทยา
และการวินิจฉัยโรคเฉพาะที่ใช้สอนในโรงเรียนแพทย์ยุโรปจนถึงปี 1650 แต่ทฤษฎีของเขาก็ดูด้อยความเชื่อถือลง
เมื่อลีโอนาร์โด ดา วินชี ปฏิเสธตำรากายวิภาคของเขา, พาราเซลลัส เผาสำเนาตำรา Canon of Medicine
ที่ใช้สอนกันในสวิสเซอร์แลนด์ และวิลเลียม ฮาร์วีย์ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ล้มทฤษฎีของเขาในเรื่องการค้นพบ
ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายคน



6. The Histories : หนังสือของบุคคลแรกของยุโรป ที่บันทึกประวัติศาสตร์เป็นร้อยแก้ว



เฮ โรโดตุสจาก (Herodotus) เป็นนักประวัติ ศาสตร์ชาวกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 500 ปีก่อน ศริสต์กาล เขาได้รับสมญาว่า
“บิดาแห่งประวัติศาสตร์”เขาได้เขียนหนังสือ “The Histories ” ออกเป็นเก้าเล่ม โดยมีเนื้อหาสาระเน้นสงครามระหว่าง
กรีกกับเปอร์เซีย ในปีที่ 490 ก่อนคริสต์กาล ที่สมรภูมิมาราธอน นอกจากนี้ยังเขียนเขียนพรรณนาถึงสถานที่และบุคคลต่าง ๆ
ที่เขาพบในขณะเดินทาง(เฮโรโดตุสได้เดินทางท่องเที่ยวศึกษาทั่วดินแดนในเอ เชียไมเนอร์และตะวันออกกลาง)


หนังสือ “The Histories “ของเฮโรโดตุสได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือของบุคคลแรกของยุโรป ที่บันทึกประวัติศาสตร์
เป็นร้อยแก้ว ในขณะที่คนอื่นในยุคนั้น เช่น โฮเมอร์บันทึกเรื่องราวเป็นกาพย์กลอน

งานของเฮโรโดตุสนอกจากเป็นการบันทึกอย่างมีศิลปะชั้นเยี่ยมแล้ว ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกบันทึกประวัติศาสตร์
ไม่เฉพาะแต่ประวัติศาสตร์ของกรีกแต่รวมถึงประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันตกและ อียิปต์ และในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหา ภูมิศาสตร์
และมนุษยวิทยาของประเทศที่เขาเดินทาง รวมทั้งการพรรณาถึงป่าแอฟริกาตอนใต้ที่ได้พบเห็นสัตว์นานาชนิด ทั้งสิงโตและช้าง
ในระหว่างการเดินทางเฮโรโดตุสได้จดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเห็นไว้ อย่างละเอียด จึงนับเป็นรายงานการสำรวจ
ดินแดนชิ้นแรกของโลกได้ด้วย

ในทางกลับกัน มีการถกเถียงกันมากในภายหลังถึงวิธีการวางโครงบันทึกประวัติศาสตร์สงครามของ เฮโรโดตุส ว่าเขา
เป็นนักหลอกลวง เนื่องเพราะเขาพรรณาที่มีการเสริมแต่งเกินจริงและการบันทึกรายละเอียดที่เขา พบเห็นสิ่งแปลกใหม่
บางที่เหลือเชื่อเกินควร เช่น ความเป็นอยู่ที่แปลกประหลาดที่เห็นผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ผู้ชายทำงานบ้านเย็บปักถักร้อย
การอ่านหนังสือที่อ่านจากขวาไปซ้าย วัวเดินถอยหลังขณะก้มกินหญ้าเพื่อไม่ให้เขาของมันปักลงในดิน เป็นต้น
 

5. On Liberty : มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวความคิดทางการเมืองสมัยใหม่และถูกใช้อ้างอิงมากที่สุดเล่มหนึ่ง



จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, 1806-1873) เป็นนักปรัชญาการเมืองชาวสก็อต และเป็นนักเขียนคนหนึ่ง
ที่เป็นเจ้าของผลงานว่าด้วยเสรีภาพ (On Liberty) ตีพิมพ์ออกมาในปี ค.ศ. 1859 เป็นหนังสือที่เชื่อว่า
เป็นหนังสือสำคัญในชีวิตของเขาและของโลก


หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 5 เนื่องจากเนื้อหานั้นเป็นงานวรรณกรรมทางปรัชญาทางกฎหมาย สิทธิเสรีภาพของพลเมือง
ที่สนับสนุนเสรีนิยมของปัจเจกชน หนังสือนี้ได้แพร่หลายอยู่ทั่วไปในประเทศอังกฤษ มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวความคิด
ทางการเมืองสมัยใหม่และถูกใช้อ้างอิงมากที่สุดเล่มหนึ่ง นอกจากนี้เขายังสนับสนุนให้ตลาดทำงานเสรีโดยปราศจาก
การแทรกแซง เรียกร้องให้ทุกคนมองเห็น “ความจำเป็น” ในการมีเสรีภาพส่วนบุคคล คุณธรรมในคริสต์ศาสนาจะปราศจาก
คุณค่าต่อมนุษย์


4. The Republic : หนังสือสำคัญทั้งในด้านปรัชญา รัฐศาสตร์ กฎหมาย การศึกษา และวรรณคดี



เปลโต (Plato) เป็นลูกศิษย์ของโซคราตีส (Socrates) เป็นนักปรัชญากรีกที่มี
แนวคิดโดดเด่นและซับซ้อน ส่งผลต่อปรัชญาตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน เขาได้เขียนหนังสือเรื่องชื่อภาษาไทยว่า
สังคมอุตมรัฐ (The Republic) ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำให้โลกรู้จักเขาจนถึงปัจจุบัน ที่รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือ
สำคัญทั้งในด้านปรัชญา รัฐศาสตร์ กฎหมาย การศึกษา และวรรณคดี แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว
แต่หลักการปรัชญาของเพลโตก็ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของการศึกษา ด้านต่าง ๆ ในปัจจุบัน


โดยเนื้อหา The Republic นั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ การเมืองในความคิดของเพลโต แนวความคิดภายในหนังสือเล่มนี้
เกิดขึ้นจากสภาพการเมือง ในกรุงเอเธนส์ที่วุ่นวายอย่างมากในขณะนั้น หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมือง
ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่ง ทั้งในขณะนั้นและต่อมาจนถึงปัจจุบัน คน ที่เรียนรัฐศาสตร์ทั่วโลก ต้องได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้
เนื่องจากเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการศึกษาปรัชญาทางการเมืองในอดีต?และหนังสือเล่มนี้ได้เป็นหนังสือเรียนใน
วิชารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เป็นต้น



3. Lady Chatterley's Lover :เป็นสุดยอดสุดยอดวรรณกรรมของดีที่ถูกแบน 30 ปี และเป็นจุดกำเนิดการเซ็นเซอร์จนถึงปัจจุบัน



ดี.เอช. ลอว์เรนซ์ (D.H. Lawrence) (ค.ศ. 1885 ?ค.ศ. 1930) เป็นนักประพันธ์, กวี, นักเขียนบทละคร,
นักเขียนบทความ และนักวิพากษ์วรรณกรรมชาวอังกฤษ


โดยผลงานที่ขึ้นชื่อของเขาคือเรื่อง Lady Chatterley’s Lover?(ชู้รักเลดี้แชตเตอร์เลย์) เป็นสุดยอดสุดยอด
วรรณกรรมของดีที่ถูกแบน 30 ปี (เขียนเสร็จในปี 1928 แต่กว่าจะจำหน่ายก็ 1960) และเป็นจุดกำเนิดการเซ็นเซอร์
จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีเนื้อหาทางเพศโจ๋งแจ้งมากไปเป็น?นิยายอีโรติก ความรักความใคร่ระหว่างนายสาว
กับคนเฝ้าสวนที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ศีลธรรมจรรยา

นอกจากนี้ LadyChatterley’s Lover เป็นสาเหตุที่ทำให้ลอว์เรนซ์มีศัตรูหลายคนและการเผชิญหน้ากับการถูกกล่าวหา,
การถูกเซ็นเซอร์และการถูกตีความหมายอย่างผิดๆ เมื่อลอว์เรนซ์เสียชีวิตผู้คนถึงเริ่มสรรเสริญคุณค่าของงานของลอว์เรนซ์ใน
ด้านความมีศิลปะและความจริงจังทางจริยธรรรมและถือว่าระดับงานเขียนเทียมเท่า

งานเขียนระดับคลาสสิคของนวนิยายอังกฤษในปัจจุบันงานเขียนของลอว์เรนซ์โดยทั่วไปเห็นกันว่า เป็นงานเขียนของผู้เห็นการณ์ไกล
และเป็นงานตัวอย่างของการเขียนแบบสมัยใหม่นิยม แม้ว่าผู้สนับสนุนสิทธิสตรีบางคนจะประท้วงทัศนคติของ ลอว์เรนซ์เกี่ยวกับสตรี
และเรื่องเพศในงานบางชิ้นก็ตาม ปัจจุบัน LadyChatterley’s Lover?ห้ามชั่วคราวในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามกฎหมายว่า
ด้วยการอนาจารและถูกห้ามชั่วคราวในออสเตรเลีย

 

2. The Canterbury Tales : เป็นงานที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อพัฒนาการทางวรรณกรรมของอังกฤษ



ตำนานแคนเตอร์บรี (The Canterbury Tales) เป็นวรรณกรรมที่เขียนโดยเจฟฟรีย์ ชอเซอร์
(Geoffrey Chaucer) ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นเรื่องย่อยที่รวบรวมกันเป็นหนังสือ (สองเล่มเป็นร้อยแก้ว อีกยี่สิบสองเล่มเป็นร้อยกรอง)
เป็นตำนานที่เล่าโดยนักแสวงบุญแต่ละคนจากซัทเธิร์ค (Southwark) ในลอนดอนที่เดินทางกันไปแสวงบุญที่ชาเปลของ
นักบุญทอมัส เบ็คเค็ทที่มหาวิหารแคนเตอร์บรี


"ตำนานแคนเตอร์บรี" เขียนเป็นภาษาอังกฤษกลาง เรื่องราวต่างถือกันว่าเป็นหนึ่งในมหาวรรณกรรม (magnum opus)
ที่ได้รับอิทธิพลมาจาก "ตำนานสิบราตรี"(The Decameron) แต่บางคนก็เชื่อว่านิทานแคนเทอเบอ รีมีส่วนคล้ายคลึง
กับเดคาเมรอน เนื่องจากชอเซอร์ยอมรับว่าเขาได้อ่านเรื่องเดคาเมรอนก่อนที่จะแต่งเรื่องนี้ ขึ้นมา

The Canterbury Tales มีเนื้อเรื่องว่า ในวันหนึ่งในเดือนเมษายน กลุ่มนักแสวงบุญ พบปะกันหน้าโรงแรมทาบาร์ด
ไม่ไกลจากลอนดอนพร้อมกับเจ้าของโรงแรม เพื่อจะเดินทางจากลอนดอนไปยังแคนเตอร์บรี เพื่อจะไปสักการะหลุมศพ
ของนักบุญทอ มัส เบ็คเค็ทที่มหาวิหารแคนเตอร์บรี ชอเซอร์บรรยายสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มอย่างละเอียดที่มาจากชนชั้นต่างๆ
ทั้งชนชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นต่ำ ที่มีอาชีพต่างๆ กันทั้งนักบวช แม่ชี คนเรือ คนสีข้าว ช่างไม้ เจ้าหน้าที่ ผู้ดีท้องถิ่น อัศวิน
และอื่นๆ แฮรี เบลลีย์เจ้าของโรงแรมเสนอให้ทุกคนในกลุ่มเล่าเรื่องของตนเองระหว่างการเดิน ทางซึ่งก็เป็นที่ตกลงกันว่า
แต่ละคนเล่าเรื่องคนละสี่เรื่องสองเรื่องขาไปและ อีกสองเรื่องขากลับ (ในหนังสือประกอบด้วยทั้งหมด 22 เรื่อง)
ผู้ที่เล่าเรื่องที่น่าฟังที่สุดที่ตัดสินโดยเบลลีย์ก็จะได้กินอาหารฟรีโดย สมาชิกช่วยกันจ่ายให้ ผู้เล่าเรื่องคนแรกคือขุนนาง
เรื่องแต่ละเรื่องก็สะท้อนให้เห็นถึงฐานะทางสังคมของผู้เล่า หรือบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เล่าขึ้นเพื่อเสียดสีผู้อื่นในเป็นต้น

The Canterbury Tales เป็นงานที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อพัฒนาการทางวรรณกรรมของอังกฤษ คนกลุ่มนี้จึงเป็นเสมือน
ภาพจำลองของสังคมอังกฤษในคริสตวรรษที่ 14 และได้ทำให้ภาษาอังกฤษโดดเด่นนิยมใช้ทั่วโลก และเหมาะสำหรับ
การนำมาใช้ในวรรณคดี(แทนที่จะใช้ภาษาละตินหรือฝรั่งเศส)
 


1. The Greatest : ผลงานทางด้านดาราศาสตร์ที่มีอิทธิพลและเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลา นานร่วม 1,400 ปี




ทั้งหมดของ 10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก นี้ไม่มีพระคัมภีร์ศาสนา ดังนั้นอันดับ 1 ไม่ใช้ไบเบิลแน่นอน แต่หนังสืออันดับหนึ่งนี้
ได้ทำให้โลกเปลี่ยนโดยแท้จริง โดยเฉพาะผลงานทางด้านดาราศาสตร์ที่ได้มีอิทธิพลและเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลา
นานร่วม 1,400 ปี จนกระทั่งนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัสได้พิสูจน์ว่าระบบจักรวาลของปโตเลมีไม่ถูกต้อง


ปโตเลมี เป็นนักดาราศาสตร์และนักภูมิศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ ปโตเลมีเป็นชาวกรีกโดยกำเนิด
แต่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ อัตชีวประวัติส่วนตัวของปโตเลมีมีการบันทึกไว้น้อยมากและไม่ชัดเจน

ผลงานของ ปโตเลมี นั้นมีประโยชน์ต่อโลกจริงๆ อย่างหนังสือชุด ทอเลมีเป็นผู้แต่งตำราที่สำคัญหลายเล่ม ที่ถือว่าเป็น
คัมภีร์ทางวิชาการ ในจำนวนนี้มีสองเล่มที่ได้ใช้สืบต่อไปในวิทยาการของอาหรับและยุโรป เล่มแรกคือคัมภีร์ดาราศาสตร์
ในชื่อว่า The Mathematical Compilation ซึ่งภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น The Greatest Compilation
(ชาวอาหรับได้แปลหนังสือเล่มนี้ และให้ชื่อใหม่เป็นภาษาอารบิกว่า “al-majisti” ซึ่ง ภายหลังจากนั้นถูกแปล
เป็นภาษาละตินว่า อัลมาเจสต์ (Almagest)

อัลมาเจสต์ มีทั้งหมด 13 ชุด ที่รวบรวมความรู้ด้านดาราศาสตร์ในยุคนั้น เรื่องการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ด้วยหลักการ
ทางคณิตศาสตร์ว่า โลกมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นศูนย์กลางของจักรวาล นอกจากนี้ยังมีความรู้เรื่องอธิบายการคำนวณ
ช่วงเวลาเกิดสุริยุปราคา และจันทรุปราคา การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ โลกกลม เป็นต้น และ นี้คือเนื้อหาในแต่ละเล่ม
ของ The Greatest

อธิบายพื้นฐานด้านดาราศาสตร์ที่เกี่ยวกับการพิสูจน์ว่า รวมไปถึงการอธิบายว่าเอกภาพเป็นทรงกลมด้วย
อธิบายหลักการของปโตเลมีที่แบ่งโลกออกเป็นโซน ต่างๆ รวมไปถึงการอธิบายเรื่องดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก
อธิบายช่วงระยะเวลาของปี และทฤษฎีการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์
อธิบายช่วงระยะเวลาของเดือน และทฤษฎีการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์
อธิบายระยะทางระหว่างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ระยะทางระหว่างดวงจันทร์และโลก รวมไปถึงการสร้างเครื่องมือวัดระยะระหว่างดาว
อธิบายการเกิดสุริยุปราคา และจันทรุปราคา
อธิบายการกำหนดตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า
อธิบายการกำหนดตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า
อธิบายเรื่องดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล อาทิเช่น ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัส และดาวเสาร์
อธิบายเรื่องดาว เคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล โดยเน้นดาวศุกร์ และดาวอังคาร
อธิบายเรื่องดาว เคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล โดยเน้นดาวพฤหัส และดาวเสาร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 สิงหาคม 2014, 13:24:16 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

doggyrun

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 262
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 18:34:03 »

ขาดไปอีกเล่มนะครับ ปิติ มานะ ชูใจของพี่ไทย pongz