-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Karla Homol ka & Paul Bernardo บาร์บี้กับเคนในโลกของฆาตกรต่อเนื่อง  (อ่าน 621 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18149
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

Karla Homol ka & Paul Bernardo บาร์บี้กับเคนในโลกของฆาตกรต่อเนื่อง
credit :: cammy@dek-d.com



ในวงการของเล่นอมตะแล้ว หลายคนคงรู้จักบาร์บี้กับเคน ตุ๊กตาของเด็กผู้หญิงโด่งดังไปทั่วโลก
โดยตามความรู้สึกของหลายคนแล้วบาร์บี้เป็นตัวแทนของผู้หญิงอุดมคติที่เด็กผู้หญิงหลายคน
อยากจะเป็น ส่วนเคนก็เป็นตัวแทนของผู้ชายที่ผู้หญิงอยากได้เป็นคู่ครอง ทั้งสองคือรักอมตะ
ที่ไม่มีวันตาย


ที่น่าสนใจคือในวงการของฆาตกรต่อเนื่อง  มีฆาตกรคู่หนึ่งได้รับฉายาว่า เคนกับบาร์บี้ นั้นคือ
พอล เบอร์นาร์โด และ คาร์ล่า โฮมอลก้า  (Karla Homol ka &  Paul Bernardo )
ฆาตกรคู่รักจากแคนาดา ภายนอกพวกเขาเป็นคู่รักที่เหมาะสม เคนเป็นหนุ่มหล่อที่ดูแล้วนิสัยดี
ส่วนคาร์ล่าเป็นสาวสวย ทั้งคู่หวานกันหยดย้อย ในวันแต่งงานของทั้งคู่นั้น คนที่ไปในงานแต่ง
พูดเสียงเดียวกันว่าราวกับเจ้าหญิงสมหวังกับเจ้าชายในเทพนิยายไม่ปาน

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความงดงามนั้น ทั้งคู่คือฆาตกรต่อเนื่องอำมหิตที่สุดของประเทศเเคนาดา
เมื่อทั้งคู่ร่วมมือกันฆ่าเด็กหญิงมากกว่า 3 รายอย่างทรมานและโหดเหี้ยม

 
 
พอล เบอร์นาโด


 
พอล เบอร์นาโด เกิดวันที่ 27 สิงหาคม 1964 เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวลูกสาม เขาเป็นเด็กชายที่หน้าตาดี 
ตาสีฟ้า ผมทอง ยิ้มหวานช ชวนให้ถึงเทพบุตรเทวดาจากสวรรค์

ประวัติการเกิดของพอลค่อนข้างซับซ้อน แม้ว่าในทะเบียนนั้นพอลเป็นบุตรของเคน  และมาริลีน เบอร์นาร์โด
แต่หลายคนเชื่อว่าพอลไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเคน หากแต่เป็นลูกชู้ ที่มาริลีนนอกใจสามีไปร่วมรักแฟนเก่าขณะที่สามีไม่อยู่!!

หนึ่งปีหลังพอลเกิด ครอบครัวเบอร์นาโดก็ย้ายไปอยู่ บ้านเลขที่ 21Sir Raymond Drive ในสการ์บอโรห์ โตรอนโต
ประเทศแคนาดา และถูกเลี้ยงแบบชนชั้นกลางแต่ฐานะร่ำรวย แม่ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ พ่อก็พาไปเที่ยว มีสระว่ายน้ำ
หลังบ้าน ลูกๆ มีเสื้อผ้าใหม่ใส่ มีของเล่นใหม่ๆ ให้เล่นไม่รู้จักเบื่อ

แม้ภายนอกครอบครัวของพอลจะมีความสุขและมีทุกอย่าง แต่ความจริงแล้วสุขภาพจิตของคนครอบครัวไม่ดีนัก
พ่อของเขาเคน เบอร์นาร์โดนั้นเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ต่ำ เป็นคนอารมณ์ร้าย ขี้โมโหและชอบลงมือทำร้ายลูกกับเมีย
จนชีวิตครอบครัวแทบแตกร้าว

สำหรับเคนแล้ว เขามองมาริลีนเป็นทาสผู้ต้องคอยรองรับอารมณ์ เป็นทาสในเรือนเบี้ย และนั้นทำให้มาริลีนมีความเครียด
ไม่สนเรื่องรอบข้าง แยกห้องนอนกับสามี ใช้ชีวิตแบบซังกะตายไปวันๆ  อย่างไรก็ตาม สำหรับพอลนั้นเขาเลือกนับถือ
เคารพพ่อมากกว่าแม่ พ่อที่เขาสุดเคารพเทิดทูน เพราะพ่อเท่มากเวลาแสดงออกถึงความเข้มแข็งห้าวหาญโดยเฉพาะ
ตอนทำร้ายผู้หญิง นั้นทำให้พอลถอดแบบมาจากพ่อแบบไม่ผิดเพี้ยน

 
แย่ยิ่งกว่านั้นเคนเริ่มทำอนาจารลูกสาววัย 8 ขวบ  เขาเอานิ้วแยงกลีบเล็กๆ ของเธอในขณะที่คนอื่นๆ ในบ้านกำลังดูทีวีเพลิน
และเขาชอบดูเธอแก้ผ้าจนเกิดอารมณ์ สุดท้ายจบด้วยการข่มขืนเธออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี โดยแอบทำตอนดึกๆ
ในขณะที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว


ไม่มีใครแน่ใจว่าพอลรู้เรื่องพ่อข่มขืนพี่สาวของตนเองหรือเปล่า  สำหรับพอลแล้ว เขาเลือกนับถือเคารพพ่อมากกว่าแม่
พ่อที่เขาสุดเคารพเทิดทูน เพราะพ่อเท่ห์มากเวลาแสดงออกถึงความเข้มแข็งห้าวหาญโดยเฉพาะตอนทำร้ายผู้หญิง
นั้นทำให้พอลได้รับอิทธิพลจากพ่อไปเต็มๆ

พอลเป็นเด็กเรียนดี มีเพื่อนฝูงมากมาย เพราะรูปร่างเขาหล่อโครต ผมทองประกายสีทอง ท่าทางเป็นมิตรและเป็นคนขี้เล่น
สิ่งเหล่านี้ทำให้สาวๆ หลงเสน่ห์เขาจนหัวปักหัวปำ ในขณะที่พอลยังไม่ได้เป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำ เรียกได้ในบรรดาลูกทั้งสามในครอบครัว
พอลนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา

อย่างไรก็ตาม ต่อมาไม่รู้เป็นเพราะอะไร จู่ๆ แม่ของพลได้เปิดเผยความจริงว่าเขาไม่ได้เป็นลูกของเคน หากแต่เป็นลูกของชู้
มันเป็นความจริงที่เจ็บปวด เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวใจ พอลได้รู้ความจริงอันนี้เขาเกลียดแม่เป็นอย่างมาก เขาถึงด่าแม่ด้วย
คำหยาบคายว่า “อีสกปรก” และ “กระหรี่”

หลังจากนั้นจากนั้นพอลก็เริ่มเปลี่ยนไป ....


 


เด็กวัยหนุ่มอายุ 16 เริ่มไปในทางชั่ว แต่กระนั้นการการเรียนของเขาก็ยังไม่ขาดตกบกพร่องเพราะเขามีผลการเรียนเป็นเลิศ
โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ยิ่งทำให้ผู้หญิงเข้ามาติดต่ออยากขอความรู้จักด้วย จริงไม่แปลกแต่อย่างใดที่พอล
จะมีคู่เดทเป็นเด็กสาวๆ สวยๆ มากหน้าหลายตา


ในตอนนี้เอง พอลเริ่มคบพี่น้องตระกูล สมีร์นิส อันประกอบด้วย สตีฟ อเล็กซ์ และแวน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ซึ่งสองพี่น้องไม่ใช่คนดีเลย
พวกเขาเป็นเด็กนิสัยเสีย ชอบลักเล็กขโมยน้อย และอันธพาล และนั้นเองทำให้พอลได้ติดนิสัยชั่วๆ และมันก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น
นอกจากนี้สองพี่น้องยังให้พอลเรียนรู้เรื่องเทคนิคทางเพศแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ด้วย และเทคนิคเหล่านี้ได้ถูกนำมาผสมกับการ
ทรมานเหยื่อของพอลในเวลาต่อมา

ค.ศ.1980  หลังจากพอลจบการศึกษา พอลสมัครเข้าอบรมการขายกับแอมเวย์ ( Amway) ซึ่งการอบรมนี้เป็นแรงจูงใจ
ที่ทำให้พอลเอาดีด้านธุรกิจแทนที่จะเป็นนักบัญชีเหมือนพ่อ จึงเข้าไปศึกษาต่อในมหาลัยโตรอนโต เมื่อค.ศ.1983 เขาเลือก
สาขาบริหารธุรกิจและการตลาด ในขณะเดียวกันเสน่ห์ของเขาก็ยังไม่คลาย เพราะเขาเป็นหนุ่มหล่อแถมยังฉลาด เขาออกเดท
กับสาวๆ และมีเซ็กซ์กับพวกเธอ 

ในเวลานั้นเองพอลเริ่มพัฒนาความคิดในด้านมืด เขาเริ่มมีจินตนาการเรื่องเพศ ที่เขาจะมีความสุขหากทำให้ผู้หญิงอับอาย
ในที่สาธารณะ และเริ่มกระทำซาดิสต์ต่อพวกผู้หญิงที่มาหลับนอนกับพอล หลังจากรับปริญญาในเดือนกันยายน 1987
พอลก็เข้าไปทำงานกับบริษัท Perice Waterhouse ฝ่ายบัญชี เขากลายเป็นหนุ่มคาสโนว่าที่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน
แม้ว่าเขาจะเป็นหนุ่มที่ดูมีรสนิยมสูง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย เครื่องเสียง รถยนต์ล้วนยี่ห้อดังทั้งนั้น ราคาสูง แต่สำหรับสาวบางคน
ที่รู้จักเขาบนเตียงแล้วแทบรับไม่ไหว เขาเป็นมนุษย์ที่วิตถาร ชอบความรุนแรง และมันมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน

ในช่วงที่พอลเข้าทำงานฝ่ายบัญชี ในพื้นที่ใกล้ๆ กันนั้นได้เกิดคดีข่มขืนต่อเนื่องที่ต่อมาถูกตั้งฉายาว่า "นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์”   
(The Scarborough Rapist) เหยื่อส่วนมากของนักข่มขืนรายนี้เป็นเด็กหญิง ที่โดนนักข่มขืนดักซุ่มเอามีดจี้เธอในยามวิกาล
เขาบังคับให้ผู้หญิงที่กลัวลนลามทำโอษฐ์กาม จากนั้นก็ลงมือข่มขืนทั้งหน้าหลังอย่างเมามัน


ที่น่าประหลาดใจคือ นักข่มขืนรายนี้ไม่เคยปิดบังหน้าตัวเองเลยแม้แต่น้อย  เหยื่อทุกรายเห็นหน้าเขา และจำเสียงเขาได้
เพราะระหว่างเขาข่มขู่มันพ่นคำหยาบและลามกไม่สิ้นสุด แล้วชอบให้พวกเธอตอบสนองด้วยการร้องครวญคราง ไม่ร้อง
ก็บังคับให้ร้อง และต้องพูดด้วยว่ามีความสุขที่ได้เล่นเซ็กส์กับเขา

มีรายงานผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อถึง 18 ราย ส่วนใหญ่เหยื่ออยู่ในช่วง 15-22 ปี แต่ละรายถูกข่มขืนกินเวลานานถึง 30-45 นาที
แน่นอนว่าตำรวจพยายามจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้ โดยใช้ภาพสเก็ตจากคอมพิวเตอร์จากคำบอกเล่าของพยานลงประกาศ
ในหนังสือพิมพ์และในพื้นที่ที่เกิดเหตุ จากคำบอกเล่าของพยาน นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์เป็นคนผิวขาว วัย 20 กว่าๆ สูง 175 ซ.ม.
รูปร่างสันทัด ผมหยักศกสีน้ำตาล ไม่มีรูปถ่ายในประวัติอาชญากรรม

ต่อมามีเบาะแสเข้ามา เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งแจ้งมาว่าใบประกาศนักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์ มันคล้ายพอล เบอร์นาร์โด
เพื่อนสนิทของเธอมากๆ ซึ่งเขามักพูดเรื่องความสุขทางเพศบ่อยๆ ว่าเขาชอบ มีเซ็กต์แบบหยาบคาย และมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
แม้ตำรวจไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเธอมากนัก แต่ก็เรียกตัวพอลมาเพื่อสอบปากคำเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1990 กินเวลา 35 นาที
ซึ่งพอลทำหน้าซื่อต่อเจ้าหน้าที่สืบสวน ด้วยท่าทางไฮโซนักบัญชีความสามารถล้นพ้น ผนวกกับคำพูดที่สุภาพ ตอบคำถามตรงไปตรงมา
ทุกสิ่งล้วนประทับใจเจ้าหน้าที่จนไม่คิดว่าชายบุคลิกดีแบบนี้จะเป็นนักข่มขืนเด็กได้


และนอกจากนี้พอลก็ยินดีที่จะให้ตำรวจเก็บดีเอ็นเอ และนั้นทำให้ตำรวจเชื่อสนิทใจว่าเขาไม่ใช่นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์
และปล่อยตัวในวันรุ่งขึ้น
 

 



คาร์ล่า โฮมอลก้า


 
ราวฤดูใบไม้ร่วงปี 1987 พอล เบอร์นาร์โด ยังไม่มีหญิงคนไหนมาเป็นแฟนเป็นตัวเป็นตน จนกระทั่งวันหนึ่งขณะเช้าไปในร้านอาหาร
แห่งหนึ่งในโตรอนโต โชคซะตาได้ให้เขาพบสาวสวยคนหนึ่ง จนเขาอยากแต่งงานด้วยเธอคือ คาร์ล่า โฮมอลก้า


คาร์ล่า ลีแอนน์ โฮมอลก้า เกิดวันที่ 4 พฤษภาคม 1970 ในออนตาริโอ ประเทศแคนาดา  เธอเป็นลูกคนแรกของ โดโรธี
และ คาเรล โฮมอลก้า และต่อมาทั้งคู่ก็มีลูกสาวตามมาอีก 2 คน คือ ลอรี ในปี 1972 และ แทมมี่ ลีน 1975 แม้ตอนเป็นเด็ก
คาร์ล่าเป็นทุกข์ด้วยโรคหอบเรื้อรัง แต่มีผลการเรียนไม่เลวเลย เธอรักและชอบเลี้ยงสัตว์และมีความสุขมากกับวิชาการละคร
และภาษาอังกฤษที่เป็นวิชาเลือก และยังเป็นนักร้องนำวงประสานเสียง เป็นดารานำในละครโรงเรียน และแม้กระทั่งทำหน้าที่ติว
ให้เพื่อนในชั้น เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง


อย่างไรก็ตาม ชีวิตของเธอก็ไม่ได้มีความสุขนัก พ่อเธอเป็นผู้มักมากในกามชอบนอนกับหญิงอื่นนอกบ้านบ่อยครั้ง ขณะแม่
ก็เป็นผู้หญิงที่ตอบสนองให้พ่อมีความสุขโดยทุกๆ วัน เธอจะชอบพาสาวๆจากที่ทำงานของแม่มาค้างคืนที่บ้านของเธอบ่อยๆ
จนบางครั้งก็กลายเป็นเซ็กส์หมู่เลยก็มี


คาร์ล่าและน้องสาวสองคนของเธอเกลียดชังพ่อของตนเอง เธอเกลียดพ่อถึงขั้นด่าหยาบคายต่อหน้าพ่อตนเอง 
และนั้นทำให้คาร์ล่ากลายเป็นเด็กต่อต้านสังคม แต่งกายสไตล์หลุดโลก ย้อมผมดำเป็นสีแดง แต่งหน้าแต่งตาให้ผิดมนุษย์จะทำกัน
นอกจากจะเป็นภาพลักษณ์ พฤติกรรมของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยเพื่อนๆ ในโรงเรียนต่างเล่าว่า เธอชอบตะโกนคำลามก
ในที่สาธารณะและชอบทะเลาะกับพ่อแม่ของคนอื่น รวมทั้งชอบผู้ชาย และชอบยั่วผู้ชายด้วย เธอกลายเป็นแกะดำในหมู่นักเรียน
ชอบฝ่าฝืนกฎระเบียบมันทุกเรื่อง

คาร์ล่าเรียนในโรงเรียน “เซอร์ เชอร์ชิล เซคคอนตารี่” ในช่วงสุดท้ายของการเรียน เธอได้งานทำงานในร้านขายสัตว์เลี้ยง
Pen Center pet จนเลื่อนชั้นเป็นผู้ช่วยสัตว์แพทย์ แล้วพออายุได้ 17 เธอเก็บเงินส่วนตัวได้มากพอเพื่อเดินทางไปยังแคนซัส
เพื่อไปเยี่ยมดั๊ก เพื่อนเก่าสมัยเรียน ผู้ย้ายจากแคนาดาไปอยู่อเมริกาทั้งครอบครัว

ว่ากันว่า ดั๊กสอนหลายอย่างให้คาร์ล่าไม่ว่าจะเป็นการสูบโคเคนและดื่มเหล้าไปพร้อมๆ กัน รวมไปถึงเซ็กต์แบบซาดิสต์ด้วย

ในเดือนตุลาคม 1987 คาร์ล่าวัย 17 พร้อมเพื่อนร่วมงาน ชวนไปกินอาหารในโรงแรมสุดหรูที่โด่งดังในโตรอนโต ในขณะที่
สามสาวคุยกันอย่างสนุกนั้น หนุ่มหน้าตาดีสองคนก็เข้ามาจีบพวกเธอ และแนะนำตนเองว่า ชื่อ พอล เบอร์นาร์โด กับ แวน สมีร์นีส


สาเหตุที่สองหนุ่มเข้ามาจีบก็เพราะพอลที่เห็นคาร์ล่า แล้วเกิดถูกใจอยากทำความรู้จักด้วย หลังจากนั้นคาร์ล่ากับพอลก็คุยกัน
อย่างถูกคอราวกับรู้จักกันนาน สำหรับคาร์ล่าแล้วเธอประทับใจพอลตั้งแต่แรกเห็น เพราะความหล่อ อีกทั้งมีหน้าที่การงานมั่นคง
ในฐานะคนตรวจสอบบัญชี และในคืนนั้นสองหนุ่มสาวก็ไปสนุกบนเตียง เล่นกันทั้งคืนจนถึงเช้า เรียกได้ว่าสุขสมอารมณ์หมาย
จากนั้นพอลกับคาร์ล่าก็แยกกันจากไป



อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีมากกว่าเซ็กส์เฟรน เพราะพอลยังเริ่มจริงจังกับคาร์ล่า เขามาหาเธอถึงบ้าน
และมีครั้งหนึ่งเขาสารภาพว่าเขาคือ “นักข่มขื่นแห่งสการ์บอโรห์”

คาร์ล่าเมื่อได้ยินก็ได้ตอบว่าเธอรับกับมันได้ วินาทีนั้นเองที่พอลรู้สึกว่าเขาพบเนื้อคู่เข้าแล้ว

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอล เบอร์นาร์โด ก็กลายเป็นแขกประจำบ้านพ่อแม่ของคาร์ล่า ทุกสัปดาห์เขาจะมาหาเธอเป็นกิจวัตร
พร้อมของขวัญให้เธอเสมอและใช้เวลาแห่งความสุขอย่างหวานหยด

พอมาถึงเดือนธันวาคม 1989 พอลกับคาร์ล่าก็ประกาศว่าพวกเขาหมั่นกันแล้ว

1990 พอลซื้อแหวนหมั้นให้คาร์ล่า และมอบแผนงานให้เธอพิจารณาด้วย คาร์ล่าเนื้อเต้น เธอมีความสุขมาก ตลอดเวลาไม่มีเรื่องอื่นเลย
นอกจากจะเฝ้าพร่ำเพ้อกับทุกคนว่าพอลนั้นแสนประเสริฐเลิศชายขนาดไหน หลังจากได้แฟน ผลการเรียนของคาร์ล่ามีปัญหามากขึ้น
ตามลำดับ เธอขาดความรับผิดชอบในการเรียน ประหนึ่งว่าพอลได้ดึงเธอเข้าไปในโลกอีกใบของเขา โลกที่มีแต่ความรักที่ไม่รู้จบ
ที่ไม่ต้องสนเรื่องการเรียนหรืออนาคต โลกที่มีแต่เขาและเธอคนเดียว
โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกกรม
 
เรื่องราวความน่ากลัวของทั้งคู่ เริ่มต้นในคืนคริสต์มาส อีฟ 1990 เมื่อพอลตัดสินใจที่จะข่มขืนแทมมี่ ลีน โฮมอลก้า
น้องสาวอายุ 15 ปีแท้ๆ ของคาร์ล่า โดยมีคาร์ล่าเป็นผู้ช่วยเหลือ สาเหตุที่พอลอยากข่มขืนแทมมี่ เนื่องจากทันทีที่พอลได้พบแทมมี่
เขาก็อยากมีเซ็กต์กับเธอ ซึ่งคาร์ล่าเอง เธอก็ตอบสนองตัณหาของพอล ซึ่งทั้งสองเคยวางแผนที่จะข่มขืนแทมมี่โดยใช้ยาสลบ
แต่หลายครั้งล้มเหลว เพราะแทมมี่ตื่นก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้น


อย่างไรก็ตาม ในคืนนั้นเองทั้งสองเตรียมตัวมาดี คราวนี้ทั้งสองใช้ยาสลบแบบแรงพิเศษผสมในเครื่องดื่มค็อทเทลให้แทมมี่ดื่ม
เมื่อยาสลบออกฤทธิ์ พอลก็จัดการข่มขืนแทมมี่อย่างเมามัน พร้อมกับนั้นยังให้คาร์ร่าถ่ายวีดีโอไปด้วย การกระทำข่มขื่นทางเพศนี้
ดำเนินไปราวกับสัตว์นรกมิปาน พอลเริ่มรัวจังหวะเร็วขึ้น เร็วขึ้น และรุนแรงขึ้น


แต่แล้ววินาทีนั้นเอง สิ่งผิดปกติก็เกิดขึ้น จู่ๆ แทมมี่ก็รู้สึกไม่ดี เธอมีอาการหายใจไม่ออก หน้าเขียว ทำให้ทั้งสองแจ้งรถพยาบาลและตำรวจ
หลังจากนั้น พอลและคาร์ร่าก็รีบปกปิด ด้วยการใส่เสื้อคืนให้กับแทมมี่ แล้วกวาดขวดยากับผ้าทั้งหมดรวมทั้งแก้วเหล้าใส่ยานอนหลับ
ทุกอย่างเอาไปซ่อน อย่างไรก็ตามแทมมี่เสียชีวิตก่อนหน้าหน่วยกู้ภัยจะมาด้วยซ้ำ ส่วนด้านการสอบสวนตำรวจไม่ได้จับใครทั้งสิ้น
แม้จะสงสัยรอยไหม้รอบปากศพก็ตาม
   
ในคดีการตายของแทมมี่ ตำรวจสรุปเอาไว้มันเป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้า สาเหตุเกิดจากความเมาจนหมดสติ และช่วยตนเองไม่ได้
เลยสำลักตาย ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย การตายของแทมมี่ ทำให้พอลกับคาร์ล่าเริ่มมีความสัมพันธ์ไม่ดีเหมือนแต่กัน
พอลเริ่มเบื่อคาร์ล่า เกิดความรู้สึกรำคาญ แม้ว่าคาร์ล่าพยายามเอาใจพอลทุกอย่างแต่ก็ไม่ดีอะไรขึ้นเลย

พอลยังคิดถึงแทมมี่ เขาจินตนาการเรื่องเพศกับแทมมี่กับเรื่องอย่างว่า คาร์ล่าเอาใจพอลด้วยการพยายามทำตัวเป็นแทมมี่
เพื่อให้พอลพอใจ ด้วยการเอาเสื้อน้องมาใส่ แดัดเสียงดัดท่าให้เหมือนแทมมี่ เอารูปของแทมมี่ถูกตั้งไว้บนเตียง เพื่อทุกครั้ง
เวลาพอลเขย่าเธอเขาจะจ้องมองหน้าแทมมี่ในรูปเพื่อเบนสายตาโดยไม่ต้องมองหน้าคาร์ล่า


ปลายเดือนมกราคม 1991 คู่รักย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ดีกว่าเดิม แม้จะมีค่าใช้จ่ายมาก แต่พอลหาทางออกได้ด้วยการทำอาชีพ
ลักลอบของเถื่อนมากขึ้น มันได้กำไรจนเขาออกจากงาน แน่นอนว่ามองจากภายนอกแล้วเหมือนคู่รักที่เหมาะสมกันดีเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามความรู้สึกดำมืดวิปลาสในจิตใจของพอลก็เริ่มก่อตัวเขามีความเกลียดชัง เหยียดหยามพวกผู้หญิง มองว่าเป็นเพศ
ที่แสนต่ำด้วยสกปรกและอ่อนแอ ความรู้สึกนี้มันมากขึ้น มากข้า จนพอลอยากจะข่มขืนและฆ่าใครสักคน
 
ในช่วงเช้าวันที่ 15 มิถุนายน ประมาณตีสอง พอลผ่านเบอร์ลิงตัน ระหว่างทางเขาได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งชื่อ เลสลี่ อีรีน มาฮาฟฟี
(Leslie Mahaffy)  อายุ 14 ปี ที่พึ่งกลับจากงานศพเพื่อนที่ถูกรถชน และกำลังมีปัญหาเข้าบ้านไม่ได้ เพราะพ่อแม่เธอโมโห
ที่เธอกลับบ้านดึกจึงล็อกประตูบ้านไม่ให้เข้า


เลสลี่จึงเดินไปตามถนน จนนั่งบนโต๊ะยาวสาธารณะแถวนั้น แล้วด้วยรูปลักษณ์ที่สวยคมผมบลอนด์ แม่หนูคนนี้นั้นทำให้พอล
สะดุดเข้าอย่างจัง พอลเข้ามาหาเลสลี่ พยายามตีสนิท เด็กสาวไม่สะทกสะท้าน แถมถามเขาว่ามีบุหรี่ไหม พอลบอกว่ามันอยู่ในรถ
จากนั้นทั้งสองก็พาเธอไปที่รถ เมื่อเลสลี่เข้ามาในรถไม่ทันไร พอลก็ชักมีดปลายแหลมออกมาจี้สาวน้อย แล้วจับเธอมัดและผูกตา

พอลขับรถพาเหยื่อกลับบ้านเช่า การเดินทางใช้เวลาประมาณครึ่งชั่งโมง พอมาถึงบ้านเช่านั้น พอลแก้มัดและที่ผูกตาเธอออก
เขานำเธอไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วสั่งให้เธอแก้ผ้าออกให้หมด จากนั้นเขาก็ใช้กล้องวีดีโอถ่ายภาพเด็กสาว ไม่ว่าจะเป็น
ถ่ายเธอตอนปัสสาวะ ข่มขืน ทรมาน ทารุณกรรมทางเพศ (ตอนนั้นคาร์ล่าหลับอยู่ )



ภายหลังเทปวีดีโอที่ว่าถูกนำมาเป็นหลักฐานในชั้นศาล ในวีดีโอเต็มไปด้วยเนื้อหาที่เลวร้าย พอลพูดคำหยาบใส่เลสลี่
ส่วนเด็กสาวก็ร้องด้วยความเจ็บปวดและขอให้พอลหยุด ขณะที่มือของเธอถูกมัดด้วยเชือก

   
วันต่อมาและวันต่อมา พอลยังคงให้เลสลี่เป็นทาสกามต่อไป จนกระทั่งเขาให้คาร์ล่ามีส่วนร่วมด้วย โดยพอลถ่ายวีดีโอ
โดยกำกับให้สองสาวจูบปากกันดูดดื่ม จากนั้นก็เหมือนเดิม เด็กสาวต้องไปนั่งยองๆ ในห้องน้ำแล้วขับถ่ายให้พอลบันทึกเทป
พอลพาเธอกลับมาที่เตียงแล้วข่มขืนต่อ แต่คราวนี้เธอไม่ทำตามพอลสั่ง ทำให้พอลหงุดหงิดมาก เลยจับเธอคว่ำแล้วข่มขืน
กระชากเธอมาแล้วด่าเธออย่างรุนแรงอย่างลามกหยาบคายและเหยียดหยาม

เช้าตรู่วันอาทิตย์ พอลและคาร์ล่าตัดสินใจที่จะฆ่าคาร์ล่า ทั้งคู่เอายานอนหลับอย่างแรงใส่เหล้าให้เธอดื่ม จากนั้นพอล
ก็เอาสายไฟรัดคอเลสลี่จนขาดใจตาย โดยคาร์ล่ายื่นอยู่เฉยๆ จากนั้นก็อุ้มศพลงไปชั้นใต้ดิน พอลหยิบเลื่อยไฟฟ้ามาตัดหัว
แขนขาออกจากศพออกเป็น 10 ส่วน เอาชิ้นส่วนต่างๆ ของเลสลี่ใส่กล่อง 8 กล่อง (กล่องละชิ้น สองชิ้น) จากนั้นเขาก็เอา
ปูนซีเมนต์ผสมสำเร็จรูปชนิดแห้งไวเป็นพิเศษมาผสมน้ำแล้วเทไปในแต่ละกล่อง รอจนปูนแห้งอย่างสนิทอย่างใจเย็นแล้วจึง
ขนมันใส่รถทิ้งที่ทะเลสาบกิ๊บสันในตอนกลางคืน

ทางด้านพ่อแม่ของเลสลี่ ได้แจ้งตำรวจว่าลูกสาวเขาหายตัวไป ตำรวจได้ขอความร่วมมือสื่อช่วยเผยแพร่ภาพเด็กหญิงหายตัว
ไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า เธออาจหนีออกจากบ้าน เพราะเธอเคยทำแบบนี้สองครั้งแรก ครั้งแรก
หนีไป 7 วัน ครั้งสอง 10 วัน แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้พ่อแม่ยืนยันว่าครั้งนี้แตกต่างกัน แต่สื่อมวลชนดูจะไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก

วันที่ 29 มิถุนายน 1991 เพียงสองสัปดาห์หลังจากที่เขาฆ่าเลสลี่และกำจัดศพเรียบร้อยแล้ว พอล เบอร์นาร์โด
กับ คาร์ล่า โฮมอลก้า ก็แต่งงานกันที่โบสถ์ เซนต์ มาร์ค’ส แองกลิกัน ที่ไนแกงการ่า-ออน-เดอะ-เลค เมื่อเสร็จงาน
ทั้งคู่ก็ไปฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันที่ฮาวาย

แม้งานแต่งงานจะเต็มไปด้วยความชื่นมื่น อีกด้านของเมือง พ่อลูกคู่หนึ่งได้ไปเจอชิ้นส่วนศพในกล่องไม้หลายใบ
ที่ทะเลสาบกิ๊บสิ้น มีทั้งแขน ขา และหัวของคน และมีการหล่อปูนเพื่ออำพรางศพ ต่อมามีการสอบสวน
พบว่าเธอคือเลสลี่ มาฮาฟฟี จากประวัติทางทันตกรรมของเธอ




หลังจากพอลและคาร์ล่ากลับมาจากการตื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ พอลและคาร์ล่าได้ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอีก คราวนี้ คาร์ล่า
มีส่วนร่วมในการช่วยพอลในการดักจับเหยื่อ ตอนบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 16 เมษายน 1992 หนึ่งวันก่อนจะถึงวันหยุด good Friday
พวกเขาขับรถออกจากบ้าน ด้วยจุดประสงค์จะหาเด็กสาวๆ สักคนให้พอลข่มขืน และแล้ว คาร์ร่าก็พบเคริสเตน คอว์น แฟรนซ์
อายุ 15 ปี พอดิบพอดี เธอเรียนโรงเรียนโฮลี่ ครอสส์ ในเซนต์ แคธเธอรีน และเป็นเด็กสวยป๊อปปูลาร์มาก การเรียนและกีฬาก็เยี่ยม


วันนั้นคริสเตนเดินกลับบ้านตามลำพัง กำลังเดินเพลินๆ คาร์ล่าก็ร้องเรียกจากรถของพอล ทำทีเป็นจะถามทาง คริสเตนหลงกล
ไม่ทันตั้งตัวเมื่อพอลเปิดประตูมาฉุดเธอเข้าไปในรถ เด็กสาวพยายามดิ้นสุดฤทธิ์ แต่เธอไม่อาจสู้แรงผู้ใหญ่ 2 คนได้
เธอประสบชะตากรรมอย่างร้ายกาจเช่นเดียวกับเลสลี่ เธอถูกนำตัวเข้าไปในบ้าน แก้ผ้าถ่ายวีดีโอลามกตอนกำลังปัสสาวะ
โดนข่มขืนซ้ำเล่า 3 วัน 3 คืน ซ้ำร้ายยังถูกสองคนฉี่ทำวิปริตวิตถาร เช่น ฉี่รด ไปจนถึงเอาคอขวดไวน์ทิ่มเข้าไปทวารหนัก
ของคริสเตน

คืนวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 1992 คริสเตน แฟรนช์ ก็ถูกพอลรัดคอตาย  สองผัวเมียก็ลากศพคริสเตนออกมาแล้วล้างทั้งนอกและใน
โดยเอาสายยางทิ่มลงไปช่องทวารต่างๆ เพื่อล้างเชื้อ และร่องรอยออกทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม แม้บาร์บี้กับเคนเป็นคู่รักกัน แต่ใช่ว่าความรักของทั้งคู่จะยั่งยืน ผลสุดท้ายบาร์บี้กับเคนก็มีอันต้องเลิกกัน
เหมือนดั่งความรักของพอลของคาร์ล่าก็มีอันสิ้นสุดลง เมื่อคาร์ล่าทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของพอลผู้เป็นสามี

หลังจากสังหารคริสเตนแล้ว พฤติกรรมของพอลที่ทำต่อคาร์ล่ายิ่งเลวลง เขาทารุณตบตีเธอมากขึ้นกว่าเก่า และมันสุดจะทน
เมื่อวันปีใหม่ 1993 พอลได้ทำร้ายร่างกายของคาร์ล่าด้วยกระบอกไฟฉายทันที เล่นเอาตาเธอแทบหลุดจากเป้า และนั้นทำให้
ครอบครัวของคาร์ล่าและตัวคาร์ล่าทนไม่ไหวจึงแจ้งตำรวจจับสามี



พอลถูกจับเมื่อวันที่ 6 มกราคมด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยา แต่เนื่องจากเขาไม่มีประวัติการก่ออาชญากรรม เขาจึงได้รับการประกันตัว
ในขณะเดียวกัน วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1993 ตำรวจสอบสวนคดีฆาตกรรมพบว่า DNA จากตัวอย่างเชื้อของพอล ที่เขาให้เมื่อคราวก่อนโน้น
(ครั้งที่ถูกจับมาสอบสวนเรื่องนักข่มขืนสการ์บอโรห์) ดันไปตรงกับ DNA ของน้ำเชื้อที่พบจากเหยื่อฆาตกรรม 3 ราย

จากจุดนี้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลคดีที่เกี่ยวกับพอล เบอร์นาร์โดทันที

บัดนี้พอลกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ ของคดีฆ่าข่มขืนมาฮาฟฟี และแฟรนซ์ ซึ่งเป็นธรรมดาที่คาร์ล่าจะถูกเชิญมาให้ปากคำ
กับตำรวจด้วย และนั้นเองทำให้คาร์ล่าสารภาพว่าพอลนั้นเป็นนักข่มขื่นสการ์บอโรห์ และเขายังมีส่วนสำคัญในการฆ่าเด็กนักเรียน
หญิงสองคน ส่วนเธอนั้นยืนดูเขาฆ่าพวกเธอ อีกทั้งยังถ่ายวีดีโอขณะข่มขืนเหยื่อทุกคนอย่างละเอียด

เพื่อแลกกับการลดโทษฐานสมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรม อัยการยื่นเสนอกับคาร์ล่าว่า แทนที่จะถูกประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต
เขาสามารถขอร้องศาลให้ลงโทษเหลือจำคุกเพียง 12 ปีได้ เพราะคาร์ร่าให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี คาร์ร่าตกลงตามนั้น

ในเวลาต่อมาตำรวจชุดหนึ่งบุกเข้าจับกุมพอลที่บ้านของเขา ที่นั้นตำรวจพบบันทึกภาพห้องเก็บเสียง ห้องที่เกิดเหตุทุกมุม
เลาะฝาผนัง รื้อพรม เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุพยานทุกชิ้นจะไม่หลุดรอดไปได้ พร้อมกันนั้นก็มีการพลิกศพแทมมี่อีกครั้ง และผลคือ
เธอไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่ถูกพอลมอมเหล้าฆ่า

เวลานั้น คาร์ล่ามีอาการประสาทอย่างรุนแรง ซึมเศร้าคิดจะฆ่าตัวตาย ต้องรักษาอยู่นาน 7 สัปดาห์ เธอขอยื่นเปลี่ยนนามสกุลเดิม
เพื่อลดความกดดันจากสังคม ซึ่งทะเบียนท้องถิ่นยินยอมตามคำขอ ส่วนพอลก็เปลี่ยนนามสกุลเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจ และสื่อ
สืบค้นเรื่องส่วนตัว



ในชั้นศาล ทนายความของคาร์ล่าพยายามสร้างคาร์ล่าให้เป็น “เหยื่อบริสุทธิ์” เป็นสุภาพสตรีที่น่าสงสาร ที่ถูกพอลบังคับให้ทำตาม
ไม่งั้นคาร์ล่าจะโดนเช่นเดียวกับเหยื่อ ตรงกันข้ามกับ พอล ที่ถูกว่าร้ายเต็มๆ มีการเปิดวีดีโอที่ถ่ายทำโดยพอลและคาร์ล่าในชั้นศาล
ในภาพปรากฏความโหดร้าย รุนแรง ที่พอลลงมือกับเหยื่อเต็มๆ

อย่างไรก็ตาม พอลได้ด่าคาร์ล่าว่า เธอเองกมีส่วนรับผิดชอบต่อเด็กทั้งคู่ มันห่างไกลกับ “เหยื่อบริสุทธิ์” ชนิดสุดกู่
เพราะจากภาพวีดีโอเห็นชัดเจนว่าคาร์ล่าสนุกกับเหยื่ออย่างชัดเจน

ผลการพิจารณาคดี แม้ว่าคาร์ล่าจะมีส่วนในการฆาตกรรมต่อเนื่อง หากแต่เนื่องการทำข้อตกลงกับอัยการ บวกกับการพิสูจน์
ในชั้นศาลว่าถูกพอลทำรายและร่วมมือก่อคดีแบบไม่เต็มใจ ทำให้เธอถูกลดโทษเหลือจำคุก 12 ปี และห้ามครอบครองอาวุธปืน
และกระสุนตลอดชีวิต ซึ่งเป็นไปตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับอัยการ



ส่วนพอล เบอร์นาร์โดถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงทุกข้อกล่าวหา และได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ห้ามยื่นอุทธรณ์ จนกว่าติดคุก 25 ปีขึ้นไป


เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ จากคดีนี้ทำให้คาร์ล่ากลายเป็นผู้หญิงที่คนแคนาดารู้จักและเกลียดชังเข้าไส้ ยิ่งภาพที่เธอปรากฏ
ในรายการโทรทัศน์ที่ร้องไห้เสียใจในสิ่งที่ตนทำลงไป ยิ่งไม่ช่วยอะไรให้เธอมีภาพพจน์ที่ดีเลย

ในปี 2005 คาร์ล่าได้ถูกปล่อยตัวออกจากคุก คาร์ได้หลบหนีกระแสความเกลียดชังของสังคม ไปอาศัยอยู่เงียบๆ และแต่งงานใหม่
กับชายคนใหม่ มีลูกชายอีกคน ในปี 2007 มีข่าวออกมาบอกว่าคาร์ล่าได้ออกจากแคนาดาพร้อมครอบครัวโดยเปลี่ยชื่อใหม่เป็นลีแอนน์
หลังจากนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับเธอเป็นระยะ เช่นชื่อใหม่ มีลูกสามคน แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเธอในปี 2014 
พบว่าเธออาศัยอยู่ในควิเบก

ทางด้านพอล เบอร์นาร์โด ปัจจุบันเขายังถูกขังเดี่ยว ในเรือนจำคิงสตัน ชนิดมีกล้องวงจรปิดไว้จับตาสอดส่องความเคลื่อนไหวทุก 24 ชั่วโมง
แม้จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ในปี 2010 แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะเขายังถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายต่อสังคม  แม้ว่าในปี 2006 พอลได้สัมภาษณ์
ในคุกว่าเขาได้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีแล้วก็ตาม



ส่วนเทปลับที่พอลกับคาร์ร่าได้บันทึกภาพวินาทีข่มขืนก่อนฆ่าเหยื่อทิ้ง ซึ่งต่อมามีการเปิดในชั้นศาลเพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกขุน 
แม้ภายหลังจะมีการเรียกร้องให้ทำลายเทปดังกล่าว แต่ศาลปฏิเสธ ทำได้แต่ไม่ให้มันถูกนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนเท่านั้น
หากแต่ลือมีข่าว่า มีคนนอกอ้างว่าเขาเห็นภาพเหตุการณ์นั้นในวีดีโอ ทุกวันนี้เทปนั้นยังคงเป็นตำนาน และเป็นที่หมายตาของนักสะสม
พวกโรคจิตที่ชอบสะสมของที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรไปแล้ว

เรื่องราวของคาร์ล่าและพอลนั้นเป็นอุทธรณ์อย่างดีสำหรับความรักของหนุ่มสาวที่เวลาจะรักกัน จะต้องคิดให้มากๆ
โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ต้องดูฝ่ายชายให้ออกว่าเป็นคนแบบไหน หากเป็นคนไม่ดี ก็ขอให้ถอยห่าง อย่าคิดว่าความรัก
จะทำให้ฝ่ายชายกลับตัวเป็นคนดี มันเป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่า  หรือการ์ตูน เพราะมันคือชีวิตจริง ที่พลาดแล้ว
มันจะเป็นตราบาปตลอดชีวิต

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 กันยายน 2017, 12:45:43 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่