-->

ผู้เขียน หัวข้อ: The Lead Masks Case ปริศนาหน้ากากตะกั่ว  (อ่าน 493 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18202
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
The Lead Masks Case ปริศนาหน้ากากตะกั่ว
« เมื่อ: 15 กันยายน 2017, 14:15:52 »

The Lead Masks Case ปริศนาหน้ากากตะกั่ว

ประเทศบราซิลถือว่าเป็นประเทศที่มีรายงานการพบจานบินและปรากฏการณ์เกี่ยวกับจานบินหลายครั้ง 
และหลายเหตุการณ์ก็ล้วนคุ้นหูชาวโลก เช่น การพบเห็นชูปราคาบรา (ภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ)
เป็นสัตว์ประหลาดกลับที่ออกอาละวาดสร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้าน ที่หลายคนเชื่อมีความเกี่ยวข้อง
กับมนุษย์ต่างดาว

นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์โคลาเรสยูเอฟโอบิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์การปรากฏตัวของยูเอฟโอเกิดขึ้นที่เกาะโคลาเรส 
ทางเหนือของประเทศบราซิล ในปี 1997 ที่มีพยานหลายคนจากหลายหมู่บ้านอ้างว่าพวกเขาถูกยูเอฟโอดังกล่าว
จู่โจมด้วยการฉายรังสีที่มีความเข้มข้นสูงเข้าใส่ ทำให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ 35 คน

จะเห็นว่าเหตุการณ์ยูเอฟโอที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากจะแปลกพิศวงแล้ว ก็ยังมีเรื่องน่ากลัวผสมอยู่ด้วย เหมือนเรื่องของ
หน้ากากตะกั่ว (The Lead Masks Case) ซึ่งเหตุการณ์การเสียชีวิตลึกลับของสองหนุ่มวิศวกรที่ปัจจุบัน

ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร....


 
เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงบ่ายของวันที่ 17 สิงหาคม 1966 สองช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมโทรทัศน์
มานูเอล เปไรร่า เดอ ครูซ (Manoel Pereira da Cruz) อายุ 32 ปี และ มิเกล โคเซ วิอาน่า
(Miguel José Viana) อายุ 34 ปี ได้ออกจากบ้านของพวกเขาใน แคมโป้ ดอส กอยทาคาเซส
ซึ่งตั้งอยู่ในทางตอนเหนือของริโอเดอเจโร ประเทศบราซิล  ระหว่างทางพวกเขาจำเป็นต้องซื้อ
อุปกรณ์ทำงานหลายอย่าง จึงแวะหยุดซื้อ

จากสถานที่สองหนุ่มซื้อของ มีพยานที่เห็นและได้ให้การว่าพวกเขาซื้อเสื้อโค้ทกันน้ำและขวดน้ำ หลังจากนั้นพวกเขา
ก็ขึ้นรถและหายไป…..

จนกระทั่งวันที่ 20 สิงหาคม เด็กชายคนหนึ่งชื่อจอร์ดา เด คอสตา อัลเวส (Jorge da Costa Alves) ได้ไปเล่นว่าว
ในเนินเขาวินตัม (Vintém) และทันใดนั้นเขาก็พบชายสองคนนอนอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตายแล้ว เด็กชาย
รีบกลับบ้านและเรียกตำรวจ


ไม่นานสถานที่เกิดเหตุก็เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักข่าว เมื่อพวกเขาตรวจสอบศพชายสองคน รวมไปถึงตรวจ
บริเวณรอบๆ ก็พบเรื่องน่าประหลาด กล่าวคือ ศพทั้งสองนอนบนพื้นมีหญ้าปกคลุมเล็กน้อย ที่แปลกคือทั้งสองสวมหน้ากาก
ตะกั่วที่กันรังสี และสวมเสื้อโค้ทกันน้ำ สภาพศพไม่มีร่องรอยความรุนแรงอยู่เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้สถานที่เกิดเหตุ
ก็ไม่มีร่องรอยต่อสู้ หรืออะไรน่าสงสัยแม้แต่น้อย

ใกล้ๆ ศพนั้น ตำรวจยังพบขวดเปล่าใส่น้ำ และแพ็คเก็ตที่มีผ้าขนหนูสองผืน พวกขนาดเล็กตกอยู่ข้างศพ
ที่มีข้อความประหลาด มันเขียนว่า

“16:30 สถานที่ตกลงไว้แล้ว  18:30 กลืนแคปซูลเข้าไปหลังจาก รับผลกระทบ
ปกป้องด้วยหน้ากากตะกั่ว รอสัญญาไว้ล่วงหน้า”




จากการสอบสวน ตำรวจทราบชื่อภายหลังว่าชื่อมานูเอล เปไรร่า เดอ ครูซ  และ มิเกล โคเซ วิอา ช่วงเวลาที่มีคนพบเห็น
พวกเขาสุดท้ายคือวันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งพวกเขาออกจากเมืองแคมโป้ ดอส กอยทาคาเซสโดยไม่ทราบสาเหตุ
(แถมเอาเงินไปกว่าพันดอลลาร์ติดตัวไปด้วย) ระหว่างทางพวกเขาซื้อวัสดุหลายอย่างที่ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร
เพราะเป็นวัสดุที่จำเป็นต้องการทำงานของสองหนุ่ม โดยพวกเขาเดินทางด้วยรถบัสมาถึงเมืองนิเทอรอย (ใกล้ภูเขาภูเขา วินตัม)
ที่นั้นพวกเขาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านค้าขนาดเล็ก และขวดน้ำที่บาร์ บริการได้ให้การมิเกลในตอนนั้นเหมือนคนประสาทมาก
คือเหมือนกังวลใจอะไรบางอย่าง เพราะเอาแต่มองดูนาฬิกาอยู่บ่อยๆ เหมือนกำลังนัดหมายอะไรบางอย่าง
 
 
ผลการชันสูตรไม่ค่อยได้ให้คำตอบอะไรนัก  ศพทั้งสองไม่พบบาดแผลหรือรอยพกช้ำใดๆ ทั้งสิ้นจึงตัดประเด็นมีการทำร้าย
ร่างกายออกไป ส่วนประเด็นผู้ตายทั้งสองเสียชีวิตเพราะยาพิษนั้น จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุก็ไม่แคปซูล หรือสารตกค้างใดๆ
อีกทั้งศพทั้งสองอยู่ในสภาพเริ่มเน่าย่อยสลาย มันเป็นสภาพที่ไม่สามารถตรวจสอบปริมาณสารพิษในร่างกายได้แล้ว
ทำให้ผลสรุปคือไม่พบสารพิษในร่างกาย และไม่มีใครตอบได้ว่าทั้งสองเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด


แน่นอนว่าตำรวจไม่สามารถตอบคำถามหลายคำถามไม่ได้ เป็นต้นว่า เหตุใดสองหนุ่มช่างต้องออกจากบ้านเดินทางไกล
กว่า 20 กิโล เพื่อมาที่ภูเขาแห่งนี้ นอกจากนี้จากพยานที่อ้างว่าพบเห็นสองคนสุดท้ายนั้น ในตอนที่จะออกไปสภาพอากาศ
กำลังจะมีฝนตก และมันก็มืดอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งสองก็ยังไม่หยุดที่จะเดินทางไปยังจุดหมาย  อีกทั้งทั้งคู่ต้องซื้อของทั้ง
เสื้อกันฝน, ผ้าขนหนูและขวดน้ำราวกับจำเป็นต้องใช้ 



นอกจากนี้ข้อความประหลาดบนโน๊ตกระดาษนั้น แม้ว่าประโยคนั้นอ่านเผินๆ อาจไม่ได้สนใจมากนัก เพราะอาจเป็นเรื่องปกติสำหรับ
ช่างอิเล็กทรอนิกส์ แต่หลายคนยังคงเชื่อว่ามันน่าจะเป็นรหัสลับที่มีความหมายพิเศษ แต่ก็ไม่มีใครทราบความหมายที่แท้จริงว่า
แปลว่าอะไร ยังมีเงินที่ทั้งสองพกติดตัว ซึ่งจากพยานว่าพวกเขาพกเงินสดจำนวนมาก (แม้ตอนนั้นบราซิลจะมีค่าเงินเพ้อก็ตาม)
หากแต่ตอนที่พบศพ เงินสดเหล่านี้ได้หายไป

และเงื่อนงำที่แปลกที่สุดคือ หน้ากากสีดำกันรังสีที่พบในเหตุเกิดเหตุ (จากการค้นข้อมูลไม่รู้ว่า หน้ากากถูกพบใกล้ที่เกิดเหตุ
หรือว่าผู้ตายทั้งสองสวมมันอยู่กันแน่) ที่ทั้งสองเหมือนจะใช้มัน แต่คำถามคือ ใช้ทำเพื่ออะไร และที่น่าพิศวงมากที่สุดคือ
พวกวัชพืชในจุดที่พบศพนั้นเมื่อมองด้วยตาเปล่าเห็นชัดเจนว่าวัชพืชเหล่านั้นมีการเติบโตช้ามาก  เมื่อเทียบกับวัชพืชที่อยู่
บริเวณเดียวกัน ราวกับว่ามันได้รับผลประทบรังสีอะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการนำวัชพืชที่ว่านำมาตรวจวิเคราะห์
ด้วยละเอียดว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

 
สรุปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!? เหตุใดพวกเขาต้องตาย?

[/url]

มีข้อสันนิษฐานมากมายเพื่ออธิบายความเป็นไปได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองช่างที่ตายอย่างลึกลับ เป็นต้นว่า ทั้งสงอาจเกี่ยวข้อง
กับยาเสพติดชนิดใหม่ และได้นัดนัดพบในสถานที่ดังกล่าว พร้อมกันนั้นทั้งสองก็ซื้ออุปกรณ์มากมายซึ่งอาจจะเอาไปทดลอง
อะไรบางอย่าง และระหว่างที่พวกเขาทดลองหรือลองยาเสพติดด้วยวิธีบางอย่างมันก็เกิดผิดพลาดขึ้น ผลคือทั้งสองเสียชีวิต
ในลักษณะดังกล่าว


ส่วนข้อสันนิษฐานว่าช่างทั้งสองฆ่าตัวตายไม่เป็นที่นิยมนัก และข้อสันนิษฐานว่าทั้งสองถูกฆาตกรรมโดยบุคคลที่สาม
ที่ทั้งสองคนถูกล่อลวงไปยังตำแหน่งที่เกิดเหตุและฆ่าตัวตาย ซึ่งผู้เสนอทฤษฏีนี้ได้สังเกตเรื่องการสะกดไวยากรณ์ที่ผิดพลาด
(กระดาษโน้ตที่มีข้อความ มีการสะกดไวยากรณ์ผิด) เป็นไปได้หรือไม่ว่ากระดาษนั้นอาจเขียนโดยบุคคลที่สาม ที่หลอกล่อมา
อีกทั้งจำนวนเงินก็ยังหายไปด้วย ส่วนที่ทั้งสองมีพฤติกรรมแปลกๆ เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาสวมหน้ากากเพื่อป้องกันแมลง
เท่านั้นเอง แต่ปัญหาคือประโยคที่ว่า “กลืนแคปซูล” นั้นมันหมายถึงอะไร เพราะในท้องของทั้งสองไม่พบแคปซูลใดๆเลย
แม้แต่น้อย

ทฤษฏีต่อมาคือการทดลอง อาจเกี่ยวข้องกับกัมมันตรังสี ซึ่งผ้าขนหนู เสื้อกันฝน สิ่งเหล่านี้อธิบายว่าพวกเขากำลังทดลองบางอย่าง
หากแต่ก็ไม่พบหลักฐานเพื่อยืนยันทฤษฏีนี้แต่อย่างใด

อีกหนึ่งทฤษฏีที่หลายคนไม่ได้พูดถึงกันนั้นคือทั้งสองคนถูกฆ่าตายโดยไฟฟ้า อันเนื่องมาจากฟ้าผ่า เพราะในวันที่ทั้งสอง
มีชีวิตครั้งสุดท้ายนั้น วันนั้นมีฝนตกและฟ้าร้อง ซึ่งมันอาจผ่าในบริเวณที่ทั้งสองอยู่ แต่ปัญหาคือจุดเกิดเหตุนั้นไม่มีร่องรอยฟ้าผ่า
และศพทั้งสองก็เริ่มเน่าทำให้ไม่สามารถตรวจเบาะแสเพิ่มเติมได้

ทฤษฏีที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดคือ ตัวการยูเอฟโอ เป็นไปได้หรือไม่ว่าสองคนนี้เป็นผู้คลั่งยูเอฟโอที่กำลังออกตามหายานต่างดาว
หรือไม่ก็กำลังติดต่อยูเอฟโอ ซึ่งบริเวณที่ทั้งสองเสียชีวิตนั้นชาวบ้านได้อ้างว่าได้เห็นยูเอฟโอปรากฏเหนือท้องฟ้าบ่อยครั้ง

แม่บ้านคนหนึ่งได้อ้างว่า วันที่ 17 สิงหาคม เธอได้เห็นวัตถุบินลึกลับรูปร่างไข่และมีแสงหลายสีสันไม่ว่าจะเป็นแสงสีฟ้าและ
สีเหลืองบินไปรอบๆ ภูเขา ซึ่งเธอกับลูกชายได้เห็นมันก่อนที่จะหายไป เป็นไปได้ไหมว่าข้อความในกระดาษโน้ตหมายถึง
การเตรียมตัวของพวกเขาที่จะเผชิญหน้ายูเอฟโอ หน้ากากตะกั่วนั้นออกแบบเพื่อป้องกันรังสีจากยูเอฟโอ (ถ้าเป็นไปได้)
หากแต่ระหว่างที่พวกเขาเผชิญหน้ายูเอฟโอด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขาก็จบชีวิตลงอย่างลึกลับ

ทุกวันนี้ปริศนาหน้ากากตะกั่วก็ยังคงลึกลับ ไม่มีใครทราบว่าเป็นฝีมือของใครระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรือเพียงแค่ฆ่าชิงทรัพย์
สุดท้าย มีเรื่องเล่ากันว่า มีรายการทีวีหนึ่งไปตรวจดูบริเวณที่พบศพทั้งสอง และได้พบกับเรื่องน่าพิศวง นั้นคือบริเวณที่พบนั้น
ไม่มีต้นหญ้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กันยายน 2017, 14:51:56 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่