-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ไลก้า (Laika) ความจริงที่น่าสงสารของหมาพันธุ์ทาง  (อ่าน 595 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18235
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

ไลก้า (Laika) ความจริงที่น่าสงสารของหมาพันธุ์ทาง




เกือบ 60 ปีที่เราเชื่อกันว่าไลกา ตายในหน้าที่อย่างสงบขณะโคจรรอบโลกหลังปฏิบัติการเริ่มไปได้ราวหนึ่งสัปดาห์
แต่ข้อมูลใหม่ที่ออกมาอาจทำให้คนรักหมาหัวใจสลาย เพราะเป็นไปได้ว่าไลก้าสิ้นลมเพราะอากาศร้อนเกินไป
และมีอาการตื่นตระหนกตกใจ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่จรวดถูกปล่อย
 

 
หลังจากที่รัสเซียส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ขึ้นโคจรในอวกาศเป็นครั้งแรกของโลก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1957
โลกต่างแซ่ซ้อง นายนิกิต้า ครุชชอฟ ประธานาธิบดีโซเวียต ในขณะนั้น จนทำให้ผู้นำโซเวียต มีโครงการที่จะนำ
ดาวเทียมขึ้นไปโคจรบนอวกาศอีกครั้ง เขาจึงสั่งได้สั่งให้นายเซอร์เก โครอลยอฟ บิดาโครงการอวกาศโซเวียต
ให้ส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลกอีกครั้งในวันครบรอบการปฏิวัติของบอลเชวิควันที่ 7 พฤศจิกายน เพื่อเฉลิมฉลอง
วันสำคัญของรัสเซีย และคำสั่งนี้จึงเป็นที่มาของ "การเดินทางอวกาศของไลก้า"

โครอลยอฟ มีเวลาไม่ถึง 1 เดือน(หลังการปล่อยสปุตนิก 1) ในการตรียมงานปล่อยดาวเทียมสปุตนิก 2 ขึ้นสู่อวกาศ
ซึ่งปัญหาสำคัญหนึ่งอย่างคือ การส่งดาวเทียมขึ้นไปอีกครั้ง อาจเกิดอุบัติเหตุจนเป็นทำให้ชัยชนะการเดินทางไปอวกาศ
ครั้งแรกของรัสเซียเกิดความสูญเปล่าได้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่อาจโต้แย้งครุชชอฟซึ่งมีอำนาจในขณะนั้นได้

ต่อมามีผู้เสนอแนวคิด หลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนตายคือ การนำสุนัขขึ้นไปอวกาศแทนมนุษย์ 
ซึ่งโครอลยอฟก็ปิ๊งกับความคิดนี้ทันที แม้จะไม่ทราบถึงผลกระทบของอวกาศต่อสิ่งมีชีวิต ก็ตาม




ความจริงโซเวียตเคยทำการทดลองนำสุนัขขึ้นไปกับขีปนาวุธมาแล้ว สุนัขบางตัวรอดชีวิต โดยสุนัขที่นำมาทดลองส่วนใหญ่
เป็นพันธุ์ทาง เพราะเชื่อว่ามีความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมสูง เพียง 9 วันก่อน "สปุตนิก 2" ออกเดินทาง ดร.วลาดิเมียร์ ยาซดอฟสกี้
เลือก "ไลก้า" สุนัขอายุ 2 ขวบไปกับสปุตนิก


ไม่มีใครทราบเหตุผลในการตัดสินใจ บางทีอาจเป็น เพราะว่า "ไลก้า" เป็นสุนัขที่รูปร่างลักษณะดี

ไลก้า เป็นสุนัขเพศเมีย อายุประมาณ 3 ปี หนักประมาณ 6 กิโลกรัม เดิมชื่อว่า Kudryavka (รัส เป็นหมาข้างถนนที่ถูกพบในกรุงมอสโก
ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นไลก้า ตามชื่อพันธุ์สุนัขที่ใช้ล่าสัตว์ในรัสเซีย ไซบีเรีย และสแกนดิเนเวีย ซึ่งไลก้าเป็นหมาหนึ่งในสามตัวที่ได้รับการฝึก
สำหรับปฏิบัติภารกิจนี้ อีกสองตัว มีชื่อว่า เบลก้า(Albina) และ สเตรลก้า(Mushka)(ทั้งสองตัวขึ้นไปอวกาศหลังไลก้า)

 
ในบันทึกของยาซดอฟสกี้ระบุว่า รู้สึกสงสาร "ไลก้า" เพราะรู้ว่ามันต้องเสียชีวิตแน่นอน เวลาของมันที่จะอยู่ในโลกเหลืออยู่น้อยเต็มที
ในวันก่อนที่จะพามันไปขึ้นอวกาศ เขาพามันกลับบ้านไปเล่นกับลูกๆ  ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย และวันต่อมา เขาพา "ไลก้า" ไปส่งที่
ฐานทดลอง มันเดินเข้าไปประจำในแคปซูลอย่างเงียบๆ และสง่าผ่าเผย


ก่อนเดินทางเกิดอุปสรรคทางเทคนิคเล็กน้อย ทำให้ไลก้าต้องนั่งอยู่ในแคปซูลนานถึง 3 วัน ในขณะนั้นอากาศหนาวมาก จนต้องติดตั้ง
สายยางจากภายนอกให้เข้าไปในแคปซูลเพื่อให้อากาศอบอุ่น 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1957  วันที่ 3 พฤศจิกายน มีการส่งสปุตนิก 2
และไรก้าขึ้นสู่อวกาศ ท่ามกลางผู้สนใจทั่วโลกต่างร่วมเป็นสักขีพยานและแล้วไลก้า ก็กลายเป็นสุนัขตัวแรกของโลกที่เดินทางไปกับ
ยานอวกาศสปุตนิก 2 ของโซเวียต


เมื่อไลก้าไปถึงอวกาศและสปุตนิก 2 เข้าสู่วงโคจรแล้ว แพทย์ต่างเบาใจเมื่อพบว่า หัวใจของ "ไลก้า" ยังเต้นอยู่ ความดันปกติ
มันกินอาหารที่เตรียมไว้ให้ในแคปซูล ในรูปของเยลลี่ นอกจากนั้นก็ยังมีการล่ามไลก้าไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันหมุนตัว นอกจากนี้
ยังมีอุปกรณ์สร้างออกซิเจนและดูดคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อป้องกันการสะสมของสารพิษ รวมทั้งมีพัดลมที่จะทำงานโดยอัตโนมัติ
เมื่ออุณหภูมิในแคปซูลสูงเกิน 15 องศาเซลเซียส

แต่แล้วประมาณ 1 อาทิตย์ผ่านไป "ไลก้า" ก็เสียชีวิตลง....



ตอนแรกทางการโซเวียตแถลงว่าภารกิจนี้จะไม่มีการนำไลก้ากลับมายังพื้นโลก มันจะต้องตายในอวกาศ ต่อมาโซเวียตก็แถลงว่า
ไลก้ามีชีวิตอยู่ในอวกาศนานถึงสี่วัน ก่อนมันจะตายอย่างสงบ

นั้นเองที่ทำให้องค์กรพิทักษ์สัตว์ของตะวันตกออกมาประณามโซเวียตอย่างรุนแรง


วันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1957  ยานอวกาศสปุตนิก 2 ซึ่งโคจรรอบโลกเป็นจำนวน 2,570 รอบ ก็ตกลงสู่บรรยากาศโลก
หลังจากนั้น สาเหตุการตายของไลก้าถูกปกปิดเป็นความลับเป็นเวลาหลายปี เมื่อโซเวียตล่มสลายแล้ว ก็มีการเปิดเผยความจริง
ของการส่ง "ไลก้า" ไปกับ "สปุตนิก 2" โดย Dimitri Malashenkov แห่ง Institute for Biological Problems กรุงมอสโคว์


รายงานระบุว่าหลังจากถูกส่งขึ้นไปในอวกาศไม่นาน ไลก้ามีชีพจรสูงผิดปกติ หลังจากอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก กลับมีชีพจรต่ำลง
แสดงให้เห็นว่าไลก้ามีความเครียดสูง จากนั้นระบบควบคุมอุณหภูมิของยานอวกาศทำงานผิดปกติ ทำให้ไลก้าตายด้วยความร้อนสูง
และอาการตื่นตระหนก ประมาณ 5-7 ชั่วโมง หลังจากเริ่มปล่อยยาน



อย่างไรก็ตาม แม้มันจะมีชีวิตอยู่จริงเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ชื่อไลก้าก็ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะสุนัขตัวแรกที่ขึ้นไปยังอวกาศ
และข้อมูลที่ได้จากการเดินทางของไลก้าก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตสามารถอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักได้นาน และเปิดทางต่อการพัฒนา
วงการสำรวจอวกาศให้มนุษย์ได้ไปเหยียบอวกาศในเวลาต่อมา

 
หลังจากการส่งสปุตนิก 2 โซเวียตก็ได้ส่งหมาขึ้นไปในอวกาศอีกครั้ง กับยานอวกาศสปุตนิก 5 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1959   
พร้อมกับหมาพันธุ์ผสม 2 ตัว ชื่อ เบลก้า (Belka) และ สเตรลก้า (Strelka) กับหนูและต้นไม้จำนวนหนึ่ง ยานกลับสู่บรรยากาศโลก
อย่างปลอดภัยในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1959  หลังจากนั้น สเตรลก้า มีลูกครอกหนึ่ง ทางการโซเวียตได้จัดส่งลูกของสเตรลก้า
ให้เป็นของขวัญแก่ แจกเกอลีน เคนเนดี ภริยาประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี

วันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1961 โซเวียตส่ง "ยูริ กาการิน" มนุษย์คนแรกของโลกที่ขึ้นไปบนอวกาศ กาการินกล่าวอย่างติดตลกไว้ว่า
"ผมไม่เข้าใจว่าผมเป็นใครกันแน่ ระหว่างมนุษย์คนแรกในอวกาศหรือสุนัขตัวสุดท้ายในอวกาศ"
 
http://tasboard.piesoft.net/message.php?MsgCode=6238
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2_(%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82)

credit :: cammy@dek-d.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 สิงหาคม 2016, 16:22:25 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่