-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Norse Mythology: Episode 12 – เทพอื่นๆ  (อ่าน 988 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18213
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Norse Mythology: Episode 12 – เทพอื่นๆ
« เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2014, 17:33:41 »

Norse Mythology: Episode 12 – เทพอื่นๆ

บทนี้ผมอยากจะเก็บเทพเล็กเทพน้อยที่มีความหมายกับชาวเหนือ แต่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในสรวงสวรรค์มากนักและโดยมาก
ก็เป็นเทพแห่งธรรมชาติไม่ได้ประจำอยู่บนสรวงสวรรค์แอสการ์ดเพียงแห่งเดียวเอามารวบรวมกันไว้เสียหน่อยครับ

อูลเลอร์ (Uller) เทพแห่งฤดูหนาว



อูลเลอร์คนนี้เป็นโอรสของซิฟกับยักษ์ไร้นาม ซึ่งสำหรับชาวเหนือแล้วนะครับยังเป็นเทพแห่งการล่าและอาวุธด้วย
ความที่ฤดูหนาวกินเวลานานนับเดือนในภูมิภาคนั้น พาเอาความตายมาสู่ชาวเหนือ อูลเลอร์ก็เลยรั้งตำแหน่งเทพแห่งความตาย
(อันนี้เป็นความตายชนิดตายซากครับ คือหนาวจนเแข็งตายไปเอง ไม่เหมือนลูกน้องของเทพีเฮล) อูลเลอร์มีเลือดครึ่งหนึ่ง
เป็นยักษ์น้ำแข็ง ฤดูหนาวที่ปกคลุมแผ่นดินชั่วนาตาปีสำหรับเขาเป็นเวลาสบายๆ เป็นเวลาที่เขามีพลังแข็งแกร่ง ชนิดที่เชื่อกันว่า
ในเวลานี้อูลเลอร์สามารถแย่งอำนาจควบคุมแอสการ์ดมาจากโอดินได้ด้วยซ้ำ โอดินจะกลับมีพลังอีกครั้งก็เมื่อแสงแรง
แห่งดวงอาทิตย์ส่องพื้นโลกให้อบอุ่น


ด้วยเหตุนี้อูลเลอร์จึงได้รับการนับถือจากคนเหนือด้วยตำแหน่งสำคัญรองมาจากโอดิน ต่างกันแต่ไม่มีใครรักเขา
เหมือนโอดินเท่านั้นละครับ ก็เทพเล่นสนใจแต่น้ำแข็งและความเย็น ซึ่งเป็นความทุกข์สาหัสของชาวโลกนี่นา


นจอร์ด (Njord, Njörðr) เทพแห่งฤดูร้อนและสายลม กับ สการ์ดิ
(Skadi, Skaði, Skadi, Skade, Skathi)




หลังสงครามระหว่างอีเซอร์และวาเนอร์ ก็นจอร์ดคนนี้แหละครับที่ต้องแลกตัวมาอยู่แอสการ์ดกับลูกชายลูกสาว
เขาเป็นเทพวงศ์วาเนอร์แห่งฤดูร้อน กล่าวกันว่าเขาเป็นเทพรูปงามมักสวมเสื้อทูนิคยาวสีเขียวอันเป็นตัวแทนของ
ความเจริญงอกงามในหน้าร้อน มีหงส์เป็นตัวแทนอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพ เพราะมันมักปรากฏตัวในช่วงต้นของหน้าร้อน
แมวน้ำขี้เล่นที่อาศัยอยู่ริมฝั่งก็เชื่อว่าเป็นสัตว์โปรดของเขาเช่นเดียวกัน


นจอร์ดแต่งงานครั้งแรกกับเนอร์ธัสน้องสาวของเขาเองมีลูกชายและลูกสาวคือเฟรย์และเฟรยา เมื่อนจอร์ดถูกแลก
ให้มาอยู่แอสการ์ด มันเป็นเวลาที่การแต่งงานระหว่างพี่น้องด้วยกันกลายเป็นที่รังเกียจไปเสียแล้ว ภรรยาของนจอร์ด
ก็เลยไม่มาด้วยคงปล่อยให้สามีกับลูกมาแทน

เมื่อมาถึงแอสการ์ด นจอร์ดมีวังโนอาตัน (Noatun) อยู่ที่ริมทะเลซึ่งก็อยู่ในสายตาของเทพอีเซอร์ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเอี่ยวกับเรื่องราวของโลกิ แต่สกาดินางยักษ์คู่ชีวิตคนที่สองของเขานี่ซิครับ หาเรื่องเข้าไปยุ่งจนได้
ตำนานว่านจอร์ดจะได้เมียคนนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน

ก็สกาดิคนนี้ละครับที่เป็นลูกสาวของยักษ์ธิอัลซิ (Thialzi) ซึ่งโดนเทพฆ่าเพราะดันไปลักพาเทพีแอปเปิ้ลศักดิ์สิทธิ์เข้า
เมื่อปล่อยให้นางต้องหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียวก็เลยเดินทางมาเรียกร้อง (แต่คงไม่ถึงขั้นก่อม็อบครับ ก็มาคนเดียวนี่)
เทพแอสการ์ดก็อยากจะไถ่โทษ ยอมจะเอาทองคำจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ที่นางต้องการมาให้ สกาดิไม่สนครับ
เธอว่าเมื่อคนของเธอตาย เทพก็ต้องใช้คืนด้วยคน เว้าซื่อๆ ขอสามีก็แล้วกัน คำขอของยักษ์เนี่ยเล่นเอาเทพหัวเราะกันครืน



สกาดิได้รับความอับอายไปชั้นหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเดินมาถึงเส้นที่ถอยไม่ได้เธอก็เดินหน้าต่อไป อันที่จริงตอนนั้นเธออยากได้
บาลเดอร์เป็นสามีเนื่องจากเขารูปงามที่สุด แต่ไอ้จะบอกตรงๆ เดี๋ยวก็โดนโห่หาว่าใฝ่สูง นางยักษ์เลยเสนอว่าเธอจะเลือกใคร
ก็ได้ที่มีเท้าเข้ารูปสวยที่สุด โอดินสั่งให้บรรดาเทพทั้งหลายเข้าไปอยู่หลังม่าน เรียงแถวกันตามใจชอบแล้วยกเชิงม่านขึ้น
ให้สกาดิเลือก นางมองไปมองมาแล้วเลือกได้เทพองค์หนึ่งซึ่งเท้าสวยมาก นางหวังใจเต็มเปี่ยมว่าเท้าคู่นี้ต้องเป็นของบาลเดอร์
คิดว่าเมื่อเป็นเทพที่หล่อเหลาที่สุด ร่างกายก็น่าจะสวยสมบูรณ์ตามไปด้วย โอดินสั่งให้ยกม่านขึ้นเท่านั้นละครับนางยักษ์ลมแทบใส่

ปรากฏว่าเท้าคู่ที่นางเลือกกลับเป็นของนจอร์ดเทพแห่งฤดูร้อนและสายลมอ่อน บรรดาเทพต่างหัวเราะกันถ้วนหน้าเพราะรู้ทัน
ว่านางต้องการอะไร แต่การล้อเลียนนางยักษ์ในเรื่องการเลือกคู่นี้ไม่มีใครทำน่าเกลียดเท่ากับโลกิ เขาถลกกางเกงเต้นกระหย่องกระแหย่ง
ไปมาแอ่นหน้าแอ่นหลังยั่วยวนสกาดิจนเจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ไม่มีใครคิดว่าเลยว่าสกาดิจะผูกใจเจ็บเสียจนเมื่อถึงเวลา
ที่โลกิถูกพันธนาการ ก็สกาดิคนนี้ละครับที่เป็นคนหางูพิษเอามาตรึงไว้เหนือหัวโลกิเป็นการแก้แค้น เรียกว่าการเลือกคู่ของสกาดิครั้งนี้
กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง นางยักษ์ไม่ได้บาลเดอร์อย่างที่หวังแต่ได้เทพแห่งธรรมชาติที่แทบไม่มีความสำคัญ ทำให้การแต่งงานง่อนแง่น
ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น นางยักษ์พานจอร์ดไปอยู่ที่ดินแดนน้ำแข็งของนาง 9 คืน นจอร์ดก็ทนความหนาวเย็นไม่ไหว ขอให้สกาดิมาอยู่กับเขา
ที่ชายทะเล ปรากฏว่านางยักษ์ก็อยู่ได้ 9 คืน ชักทนเสียงรบกวนของนกทะเลและเสียงอึกทึกของอู่ต่อเรือแถววังโนอาตันไม่ไหว
สองคนก็เลยแยกกันอยู่ สกาดิกลับไปออกล่าสัตว์ในดินแดนน้ำแข็งที่แห้งแล้งของหล่อน ส่วนนจอร์ดกลับไปอยู่ในภูมิอากาศ
ที่สบายริมทะเลตามเดิม



พฤติกรรมของทั้งนจอร์ดและสกาดิให้ข้อคิดอย่างหนึ่งแก่ผู้แต่งงานครับผู้อ่าน คืออย่าพยายามเปลี่ยนคนที่จะมาอยู่กับเรา
ให้เหมือนเราเลยครับ รังแต่จะพบความขมขื่น แรกๆ เขาอาจยอมเพราะความรัก แต่นานวันเข้าความเกรงใจค่อยๆ
น้อยลงนิสัยจริงปรากฏ ไอ้ตอนนี้แหละจะอยู่กันไม่ยืด ดังเช่นคู่เทพและยักษ์คู่นี้


วิดาร์ (Vidar, Víðarr) เทพสันโดษ



เป็นลูกของโอดินกับนางยักษ์กริด วิดาร์รับความแข็งแกร่งมาจากโอดินเต็มเปี่ยม หากแต่บุคลิกที่ไม่เหมือนใครของวิดาร์
คือเขาเป็นเทพที่พูดน้อยมากจนถึงไม่พูดเลย อันนี้ไม่เกี่ยวกับการเป็นใบ้แต่ประการใดนะครับ แต่เพราะเขาคือตัวแทนของ
พลังเงียบ-พลังที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติและเขาก็ยังเป็นเทพที่รอดจากมหาสงครามแร็กนาร็อค มีความสำคัญในการสร้างจักรวาลที่สอง




ภาพของวิดาร์คือชายร่างสูงหล่อเหลา แต่งกายด้วยเกราะถือดาบคมกริบ ใส่รองเท้าที่ทำจากหนังหรือเหล็กซึ่งในเวลา
ต่อมาได้ป้องกันเท้าของเขาจากคมเขี้ยวของเฟนริส หมาที่เขาต้องตามล่าแก้แค้นที่มันฆ่าโอดิน



อีเจอร์ (Aegir, Ægir) เทพแห่งท้องทะเล และรัน (Ran)



เป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร เป็นเทพที่ไม่ได้สังกัดอยู่ทั้งในวงศ์อีเซอร์และวาเนอร์ เพราะว่าเกิดก่อนชาวบ้านนานมาก จะเรียกว่า
เกิดก่อนเผ่าพันธุ์ไหนในโลกและอยู่ยั้งยืนยงขณะที่เทพอื่นตายกันหมด อีเจอร์เป็นสวามีของรัน (คนนี้เป็นทั้งเมียและน้องสาวด้วย)
เป็นพ่อของลูก 9 คน (ตำรานี้ไม่บอกว่าหญิงหรือชาย แต่ผมเดาว่าเป็นนางยักษ์แห่งคลื่น 9 ตนที่โอดินพบตั้งแต่สร้างโลกเสร็จใหม่
ซึ่งก็หมายความว่าอีเจอร์เป็นพ่อตาของโอดิน เป็นตาของไฮล์มดาลเทพอารักษ์แห่งแอสการ์ดครับ)


อีเจอร์มักปรากฏร่างเป็นชายชรารูปร่างผอม ทั้งหนวดเคราและผมยาวขาวโพลน แต่มือเป็นกรงเล็บ อีเจอร์ไม่ใช่เทพใจดี
ตรงกันข้ามกลับเป็นเทพที่อารมณ์ผันผวน (ก็เหมือนท้องทะเลละครับ) เมื่อใดทีเขาปรากฏตัวเหนือผิวน้ำ นั่นก็หมายความว่า
เขามีจุดประสงค์ประการเดียวคือล่มเรือและสังหารลูกเรือ เลยเป็นประเพณีของคนเหนือให้ต้องมีการบูชายัญแก่อีเจอร์เสียก่อนเดินทาง



ข้างรันเมียของเขาซึ่งก็คือวิญญาณแห่งพายุท้องทะเลนั่นก็ไม่เบาเหมือนกันครับ เจ้าหล่อนเป็นตัวแทนของอารมณ์อันปรวนแปร
เธอมีแหวิเศษที่คอยลากวิญญาณลูกเรือเอาไปรวมกันไว้ในถ้ำปะการังซึ่งเต็มไปด้วยทองคำเรืองรอง รันชอบทองถึงขนาดเรียกมันว่า
ไฟแห่งท้องทะเล ความชอบของรันทำให้ลูกเรือชาวเหนือมักเอาทองคำก้อนเล็กๆ ติดไว้ในกระเป๋าเพื่อให้รันชอบ จะได้ไม่ต้องมาเอาชีวิต

อันที่จริงอีเจอร์ไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวกับวงศ์เทวัญของชาวแอสการ์ด จนกระทั่งธอร์สั่งให้เทพแห่งทะเลทำหน้าที่ต้มเหล้า
ให้ชาวแอสการ์ด ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับพวกเทพเลือดใหม่ เขาแก้ตัวว่าไม่มีหม้อใหญ่ (Cauldron)
ขนาดใหญ่พอสำหรับจะต้มให้ ธอร์จึงไปยึดหม้อใหญ่ของยักษ์ไฮเมียร์มาให้ คราวนี้อีเจอร์ปฏิเสธไม่ได้ครับ ต้องทำหน้าที่ต้มเหล้า
ให้เทพไปจนวันสิ้นโลก



ฟอร์เซ็ตติ (Forsetti) เทพแห่งกฎหมายและความยุติธรรม



เป็นลูกของบาลเดอร์กับนันนา-เทพีแห่งการเพาะปลูก ความที่เขาเป็นลูกของเทพผู้ทรงเกียรติทั้งคู่ ฟอร์เซ็ตติจึงได้ที่นั่งในแกลดสไฮล์ม
โดยอัตโนมัติ ครั้นโตเป็นผู้ใหญ่ฟอร์เซ็ตติก็รั้งตำแหน่งเทพแห่งการตัดสิน เขาอยู่ในวังกลิตเนียร์ (Glitnir) เป็นวังที่คล้ายเบรดาบลิค
ของบาลเดอร์ ต่างกันแต่ว่าหลังคากลิดเนียร์ดาดด้วยเงิน ส่วนเสาค้ำเป็นทองทั้งสิ้น


หน้าที่ของฟอร์เซ็ตติ คือนั่งบัลลังก์ภายในวังกลิตเนียร์ตัดสินคดีความหากเทพเกิดทะเลาะกัน ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยตัดสิน สติปัญญา
ของเทพหนุ่มองค์นี้ว่ากันว่ามีไหวพริบดีจนคู่กรณีรายไหนรายนั้นกลับออกไปแล้วเลิกทะเลาะกัน หันมาให้ความเคารพกันด้วยซ้ำ
เหตุนี้ละครับฟอร์เซ็ตติจึงได้รับการสวดอ้อนวอนก่อนจะมีการตัดสินคดีความในแผ่นดินมนุษย์ด้วยเหตุที่เขาเป็นเทพที่ยุติธรรมที่สุด



วาลี (Vali, Váli) ผู้แก้แค้น



โอรสของโอดินกับรินด้า เขาไม่ได้เกิดมาเป็นผู้แก้แค้นให้แก่บาลเดอร์อย่างเดียว แต่เป็นคนที่ปรากฏตัวคู่กันกับวิดาร์เสมอ
ถ้าวิดาร์เป็นตัวแทนพลังเงียบของธรรมชาติ วาลิก็เป็นตัวแทนของวิญญาณที่ไม่ตาย-แสงแห่งชีวิตที่ไม่มีวันดับ

ซึ่งจะสร้างความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติหลังความแห้งแล้งเสมอ วาลีมักถือคันธนูอันเป็นตัวแทนของพลังความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง



เฮอร์มอด (Hermod) ภูตนิมฟ์ผู้สื่อสาร



ลูกของโอดินกับฟริกก้า เฮอร์มอดนับเป็นทูตสื่อสารที่ซื่อสัตย์ของพ่อ ความเร็วและความว่องไวของเขาไม่มีใครทาบ
มีอยู่หลายครั้งเหมือนกันครับที่เวลาโอดินยุ่งมากๆ โอดินก็จะใช้เฮอร์มอดให้เอาหอกกุงเนอร์ ไป ณ จุดที่สงครามกำลังก่อตัว
แล้วเอาหอกศักดิ์สิทธิ์นั่นโบกเหนือทุ่งสงคราม พลังของมันทำให้ความกระหายเลือดในอกของนักรบแต่ละฝ่ายปะทุถึงขั้น
สุดตามมาด้วยการเข่นฆ่ากันอย่างเมามัน


เมื่อเฮอร์มอดได้เป็นผู้ช่วยให้เกิดสงครามภายใต้คำสั่งของโอดินอยู่บ่อยๆ เขาจึงกลายเป็นหัวหน้าพวกเอนเฮเรียร์ไปโดยปริยายครับ



นอร์น (The Norns) เหล่าเทพีแห่งโชคชะตา



นอร์นที่ว่านี้ก็คือเทพีสามพี่น้อง (คล้ายๆ เทพีแห่งชะตากรรมของกรีกเลยนะครับนี่) ผู้ชี้ความเป็นไปของบรรดาเทพและมนุษย์
นอร์นพี่ใหญ่มีชื่อว่า เอิร์ด (Urd) ผู้รู้เรื่องอดีต ภาพของนางเป็นหญิงชราที่เหลียวหลังมองอดีต คนกลางชื่อเวอร์ดานดี (Verdandi)
ผู้รู้เรื่องปัจจุบัน ภาพของนางเป็นหญิงสาวผู้มองไปข้างหน้า เผชิญกับปัจจุบันอย่างไม่กลัวเกรง ทั้งเอิร์ดและเวอร์ดานดี
นับเป็นนอร์นที่ช่วยเหลือมนุษย์มากที่สุด


ผิดกับสกัลด์ (Skuld) ผู้รู้เรื่องอนาคต น้องเล็กคนสุดท้ายซึ่งมีท่าทีตรงกันข้ามกับพี่ๆ ทั้งสอง เพราะว่าเธอคือตัวแทนของพลัง
ที่ทำนายไม่ได้ ไม่มีความรักต่อทั้งมนุษย์และเทพ ยิ่งกว่านั้นสกัลด์ยังเป็นพวกอารมณ์ไม่แน่นอนมีฤทธิ์สามารถลบคำทำนาย
ของเอิร์ดและเวอร์ดานดีได้ เนื่องจากเธอเท่านั้นที่กุมความลับของอนาคต ภาพของสกัลด์เป็นหญิงสวมผ้าคลุมหน้าตลอดเวลา
ในมือมีหนังสือหรือม้วนกระดาษที่ไม่เปิดเผย สายตาของสกัลด์จ้องไปในทางตรงกันข้ามกับพี่น้องเสมอ



เทพีนอร์นทั้งสามมีหน้าที่ทอเส้นใยแห่งชะตากรรมทุกวัน ตกเย็นสกัลด์จะเป็นผู้ถอดปมบางปมที่เอิร์ดและเวอร์ดานดีทอไว้
ทำให้อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นชัด นอกจากนี้นอร์นทั้งสามยังมีหน้าที่ดูแลรักษาต้นอิกดราซิล เก็บกิ่งหักและดูแลราก
ความที่นอร์นกุมชะตากรรมนี่ละครับ พวกเธอจึงกลายเป็นที่ปรึกษาของเทพโดยปริยาย


ที่มา: ต้นข้าว. http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=12
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤษภาคม 2014, 12:58:46 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่