-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เดอะ ไบเบิล จอห์น (The Bible John) ฆาตกรปริศนา Part 1  (อ่าน 748 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18210
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

เดอะ ไบเบิล จอห์น (The Bible John) ฆาตกรปริศนา  Part 1



ฆาตกรระบือนามผู้นี้มันกระทำการฆ่าเหยื่อไปสามรายที่กลาสโกว์ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 1968 ถึงเดือนตุลาคม 1969
เหยื่อทั้งหมดเป็นสตรี สวยมีเสน่ห์และทุกคนอยู่ในช่วงรอบเดือนขณะที่ถูกฆ่า!


เหยื่อทั้งหมดที่ถูกฆ่าในที่ใกล้ๆ กับบ้านตัวเอง ลักษณะการตายคือถูกถุงน่องของตนรัดคอ มีร่องรอยถูกทำร้ายอย่างทารุณ
เหมือนกันหมด สุดแมนเลย! ฆาตกรคนนี้มีพยานมากมายเห็นหน้า มีลักษณะแต่งกายดีมาก มีมารยาท เป็นหนุ่มที่สง่างาม
สุภาพบุรุษมากๆ มีพยานเห็นว่าเขาอยู่กับผู้ตายทั้งสามในห้องเต้นรำ บาร์โรว์แลนด์ บอลล์รูน ใจกลางนครกลาสนครกลาสโกว์

มันเป็นสถานที่เสี่ยงกับการลวงเหยื่อไปฆ่ามากเลยแหละ เพราะใครต่อใครก็รู้ว่า ใครอยู่กับใคร และออกไปกลับใครบ้าง?
เจ้า"ไบเบิล จอห์น" น่ะมาที่นี้หลายครั้งเลยแหละ เด่นเสียด้วยสิ เพียงแต่ใครๆ ไม่อยากคุยหรือทำความรู้จักเท่านั้นเอง
กระนั้นก็มีหญิงสามคนมาที่นี้และถูกฆ่าตาย! เมื่อสอบถามคนในร้านต่างร้องอ๋อ! ต้องเป็นเขาแน่ๆ มันเด่นจะตาย!
ด้วยเหตุนี้ ตำรวจอาศัยปากคำของพยานมาอธิบาย บอกเล่าให้จิตรกรวาดรูปเขาขึ้นมา แต่แทบหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
เพราะมันดันหน้าโหล! มีชายหน้าตาแบบนี้นับร้อยคนในกลาสโกว์และคดีหนึ่งก็กลายเป็นคดีที่ไขไม่ออกถึงปัจจุบัน

น่าเสียดายนักถ้าเป็นปัจจุบันนี้ล่ะก็ไอ้เจ้าไบเบิ้ล จอห์น มันไม่รอดแน่ เพราะเทคโลยีสมัยใหม่จะจับตัวเขาอยู่หมัดแน่
ทั้งโทรทัศน์วงจรปิด ความเจริญก้าวหน้าของดีเอ็นอี และกฎหมายที่เปิดช่องคดีนี้ได้อย่างสะดวกเหมือน 30 ปีก่อน


               
รายที่1 แพ็ต ด็อคเกอร์


               
แพ็ต ด็อคเกอร์ อายุ 25 ปี เป็นนางพยาบาลที่ เบิร์นสเคิร์ก ฮอสพิเทิล ในเมืองกลาสโกว์ แต่งงานกับจ่าอากาศโท
คนหนึ่งมา 5 ปีมาแล้ว แต่ชีวิตรักล้มเหลว แต่กระนั้นยังไม่หย่าอย่างเป็นทางการ


ขณะที่ยังคารังคาซัง สามีของแพ็ตก็ต้องไปฝึกฐานทัพที่เมืองลินคอร์นไชร์ ดังนั้นแพ็ตจึงหิ้วลูกชายตัวน้อยวัย 4 ขวบ
ไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอเองที่แฟลตในแลงไซด์ เพลส ย่านแบทเทิลฟิลด์ทางตอนใต้ขอเมืองกลาสโกว์

เมื่อไม่มีใครมาคุม เธอก็มีความสุขที่สุด ทุกๆ เย็นหลังเสร็จงาน เมื่อนั้นเธอมักไปเต้นรำ ไม่ว่าที่ไหนในเมืองก็ตามไปเต้นหมด
ตามสมัยนิยมสมัยที่บาร์กำลังเฟืองฟู วันพฤหัสบดี 22 กุมภาพันธุ์ แพ็ตแต่งกระโปรงชุดสีเหลืองสดราวนกขมิ้น สวมเสื้อโค๊ต
สีเทาและสวมรองเท้าสีน้ำตาลเข้าชุดกับกระเป๋าถือ แล้วที่ก็ลาคุณพ่อกับคุณแม่ บอกท่านว่าจะไปเต้นรำที่ "มาเจสติค บอลล์รูน"
แถวๆ โฮปสตรีต

อย่างไรก็ตามแพ็ตกลับเปลี่ยนใจดื้อๆ ระหว่างทาง แล้วตรงดิ่งไปบาร์โรว์แลนด์ บอลล์รูม ดีกว่า "บาร์ร่าแลนด์" เป็นสถานที่
หนุ่มๆ สาวๆ นักเที่ยวเท้าไฟ นิยมไปเต้นกันสุดฤทธิ์สุดเดช เป็นสถานที่เฟืองฟูป๊อปปูล่ามากตั้งแต่สร้างเมื่อ 1930 ปีโน่น
และระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 น่ะที่นี้มีบรรดาทหารต่างชาติเข้ามาเที่ยวมากเลยแหละและบางคนจ้องเกี้ยวสาวสกอตแลนด์ 
ดีไม่ดีอาจได้ของฝากกลับไปบ้านเกิด

แม่สาวพวกนี้ก็ไม่ใช่ย่อย ส่วนมากแต่งงานมีสามีแล้วทั้งนั้น โชคดีอยู่หน่อยที่ สามีของเธฮเป็นทหารถูกส่งไปที่อื่น ส่วนทางนี้
คุณเธอก็หาลำไพ่พิเศษกับทหารต่างด้าวบ้าง เพื่อไม่เสียสมดุส เพราะจะไปรู้ได้ไงล่ะว่าป่านนี้สามีที่ห่างไกลกำลังทำอะไรกับสาวๆ
ที่นั้นบ้าง

ในระหว่างยุค 1950-1960 บาร์โรว์แลนด์ได้เปลี่ยนรูปโฉมใหม่เป็นสถานบังเทิงแบบร็อคแอนด์โรลล์ มีดาราดังระดับโลก
กลุ่มศิลปิน วงดนตรี ทั้งอังกฤษหรือลัดฟ้าจากอเมริกามาแสดงสดที่นี้กันอย่างครึกครื้น  ปลายทศวรรษที่ 60 เป็นธรรมเนียม
ที่รู้กันอยู่ว่าวันพฤหัสบดีบาร์โรว์แลนด์จะเป็นที่สิงสู่บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ที่ล้วนแต่ไม่โสด แอบหลอกหนีสามี ออกมาหาความสนุก
สนานบานตะไท เช่นหาคู่นอนค้างคืนแก้เหงา เต้นรำกัน สบตากัน เสียดสีร่างกายกันและกัน ต่างคนต่างชอบความตื่นเต้น...
เสี่ยงนิดๆ ก่อนที่จะกลับมาใช้ชีวิตปกติในเช้าวันต่อมา

แพ็ต ด็อกเกอร์ ก็เป็นสาวไม่โสดในจำนวนนั้น!

มีพยานรู้เห็นว่า แพ็ตได้พบเทพบุตรสุดหล่อ ผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มละไม และมีท่าทางคบหาสมาคมมาก ทั้งคู่สบตากันและดึงดูด
ด้วยกันบนฟลอร์เต้นรำจากนั้นก็ไม่แยกจากกันเลยตลอดคืน ดูท่าทางแพ็ตจะติดใจหลงรักชื่นชมเขามาก
จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากบาร์และหายไปเลย!

และแล้วศพเปลือยเปล่าของแพ็ตก็ถูกพบในเช้าวันรุ่งขึ้น!

มอริส กู้ดแมน อาชีพช่างทำประตูมีรถยนต์ส่วนตัว เขาเป็นผู้พบศพ เขาเล่าว่าที่อพาร์ตเมนต์ไม่มีที่จอดรถ
เขาจึงต้องจอดมันไว้ที่สถานที่ฝากรถ ที่มีลักษณะเป็นโรงรถล็อกประตูมิดชิด ปลอดภัย ตั้งอยู่ที่ คาร์ไมเคิล เพลส
ใกล้กับแฟลตของพ่อแม่แพ็ตนิดเดียวเอง แต่เมื่อเปิดประตูรถเข้าไป ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นศพเปลือยเปล่า
ขาวโพลน ศีรษะและใบหน้ามีแต่เลือดและรอยเท้าคล้ายกับถูกเตะถูกกระทืบ ถูกชกต่อยจนหน้ายับเยินเหมือน
นักมวยหลังโดนต่อยไม่มีผิด ทั้งแตกบวมและดำคล้ำไปหมด


เธอคงนอนอยู่ตรงนั้นทั้งคืน ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ตัวเธอหนาวจับแข็งเป็นน้ำแข็งเลยแหละ เพราะอากาศมันหนาวจับใจ
มอริสรีบแจ้งตำรวจ และเมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนสอบสวนในที่เกิดเหตุ เขามองศพดูแล้วชักไม่แน่ใจ....เมื่อไม่ได้พลิกศพนั้น
ผู้ตายแลดูคล้ายผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

จ่าเจมส์ อิมรี่ ลงมือชันสูตรเบื้องต้นในโรงรถนั้น เขาพบร่องรอยว่าเธอถูกมันรัดคอ แต่ไม่ทราบว่ามันใช้เชือกหรือเข็มขัดกันแน่
และสิ่งที่สยดสยองที่สุดคือใบหน้าและศีรษะถูกมันทำร้ายอย่างสาหัสสากรรจ์ ทั้งรอยชกต่อยและรอยเท้า

ในตอนนั้นตำรวจยังบอกไม่ได้ว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ ในที่เกิดเหตุ กระเป๋าและเสื้อผ้าเธอหายไปไหนไม่รู้
ค้นหาจนทั่วบริเวณก็ไม่พบ จนกระทั้งบ่ายของวันรุ่งขึ้นนี้แหลที่บิดาของแพ็ตอ่านข่าวเจอในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น  อ้าว! นี้ลูกตูนี้หว่า
จึงรีบโทรศัพท์หาตำรวจ แล้วถูกเชิญให้ดูศพ.....ใช้แพ็ตจริงๆ ด้วย การชันสูตรที่ทำภายหลัง ควบคุมโดยศาสตร์จารย์ กิลเบิร์ต ฟอร์เบส
ผู้เชี่ยวชาญจากกองพิสูจน์หลักฐาน เขายืนยันการชันสูตรเบื้องต้นว่า แพ็ตตายเพราะถูกรัดคอ และพบด้วยว่าเธอมีประจำเดือน
แต่ไม่มีหลักฐานการถูกข่มขื่นทำร้ายทางเพศแต่อย่างใด
               
สืบกันแทบตาย....แต่ไร้ประโยชน์
               
คนที่ตำรวจสงสัยมากที่สุดก็ไม่ใช้ใครที่ไหนถ้าไม่ใช้สามีที่กำลังหย่าร้างกับเธอ อีตานี้มันดวงแตกจริงๆ จากบ้านไปสงคราม
ไกลเป็นหลายร้อยไมล์ หลายปี แต่ดันมากลับคืนที่แพ็ตถูกฆ่าพอดี !


คืนนั้น เขาไปค้างพ่อแม่ของเขาที่อีสต์ โลเธี่ยน แล้วพอรุ่งเช้าก็เดินทางเข้าเมืองกลาสโกว์ แน่ละเจอตำรวจดักรอหน้าบ้านพอดี
......สอบซะละเอียดยิบเลยแหละ.....แต่ไม่พบพิรุธอะไรสักนิด ตำรวจจึงมั่นใจว่าแพ็ตเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเขาบอกความจริงทุกอย่าง
ไม่มีปิดบัง....

เหตุผลคือ เขาไม่จำเป็นต้องฆ่าแพ็ตนี้ แค่ขอหย่าดีๆ ก็ได้แล้ว ไม่มีอะไรโกรธเคืองสักนิด เมื่อผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งไม่ใช้ฆาตกร
ตำรวจต้องเร่งสอบให้เร็วที่สุด ไม่งั้นโดนชาวบ้านด่าแน่ จากการสอบถามโดยละเอียดกับพ่อแม่ของแพ็ต พวกเขาบอกตำรวจว่า
แพ็ดพูดก่อนออกจากบ้านว่าจะไปเต้นรำที่เจสติค บอล์รูม ในตอนพลบของวันพฤหัสบดี เพราะเธอชอบไปเต้นรำที่นั้น

ตำรวจได้ยินดังนั้นก็พุ่งแนวสอบสวนที่สถานที่แห่งนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง และยังเอารูปของแพ็ตไปติดตามที่สาธารณะแถวๆ นั้น
เผื่อใครเห็นจำหน้าเธอได้ จะได้มาให้เบาะแสบ้าง เป็นเวลานานหลายสัปดาห์ทีเดียว ที่ตำรวจเชื่อว่าแพ็ตไปที่ห้องเต้นรำมาเจสติค
พวกเขาปักหลักเพียรหาหลักฐาน หาพยานจากสถานที่แห่งนั้น แต่ถามเท่าไรก็ไม่มีใครว่าจะจำอะไรได้เกี่ยวกับหญิงผู้ตายคนนี้
ขนาดพนักงานที่นี้ไม่เคยเห็นเธอด้วยซ้ำ

ตำรวจยังงมโข่งไม่รู้ไปทางไหนดี หากถ้าไม่มีพยานคนหนึ่ง ที่เป็นพลเมืองดีช่วยเป็นธุระ ออกมาบอกว่าพี่ๆ วันพฤหัสบดีน่ะ
ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่บาร์โรแลนด์ต่างหาก

อ้าว.......เสียเวลาตั้งมากมาย เพราะมัวไปสืบผิดที่ การสอบสวนจึงเริ่มต้นใหม่หมด

เจ้าหน้าที่สืบสวนไปตั้งหลักใหม่กันที่ห้องเต้นรำบาร์โรว์แลนด์ พวกเขามุ่งจะหาพยานผู้รู้เห็นว่า แพ็ตเต้นรำและออกไปกับใคร
แต่น่าโมโหที่ตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือจากบรรดานักลีลาศเท้าไฟที่เป็นลูกค้าประจำในสถานที่นั้นมากนัก เพราะอะไรน่ะหรือ?
ก็เพราะพวกเขาไม่อยากเปิดเผยตนให้เดือดร้อนน่ะสิ ขืนเสนอหน้าเป็นพยาน คนที่บ้านก็จับได้ มีหวังบ้านแตก ข้อมูลน่ะถามได้...
แต่ให้เป็นพยานน่ะ......ยังไงก็ไม่เอา


ถึงตอนนี้ โปสเตอร์รูป แพ็ต ด็อคเกอร์ ก็ถูกติดไปทั่วเมืองกลาสโกว์ไปที่เรียบร้อย ตำรวจเรียกคนขับแท็กซี่เกือบหมดทั้งเมือง
มาถามว่าคืนนั้นมีใครรับผิดชอบรับผู้หญิงคนนี้จากบาร์โรว์แลนด์กลับที่คาร์ไมเคิล เพลลบ้างไหม! ขณะเดียวกัน หน่วยสืบสวน
อีกทางก็ไปลอกคลองและใช้แหใช้อวน สารพัดเครื่องมือ ลากเอาเศษของ เศษขยะ ขึ้นมาจากก้นแม่น้ำบริเวณ เผื่อเจอหลักฐาน
อะไรบ้าง

ไม่เสียแรงแฮะ เขาพบกระเป๋าถือสีน้ำตาลของแพ็ตและยังได้ส่วนหนึ่งของนาฬกาข้อมือเธอด้วย แต่กระนั้นหลักฐานเพียงแค่นี้
ก็ยังไม่สามารถทำให้บอกได้ว่าใครฆ่าเธอ เกือบจะเรียกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นวัตถุพยาน แถมยังเจอพวกอยากดังมาสารภาพว่า
เป็นฆาตกรอีก นับสิบราย

หลายเดือนผ่านไป ไม่มีข้อมูลอะไรคืบหน้าเลย! ท่ามกลางความลึกลับสับสน ฆาตกรยังลอยนวลอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
............และเหยื่อรายที่สองก็ปรากฏ

               
รายที่ 2 เจมิน่า แม็กโดนัลด์


               
เจมิน่า แม็กโดนัลด์ หรือมิม่า เป็นแม่ลูกสาม แยกอยู่กับสามี อาศัยอยู่ที่แม็คคีธ สตรีต ย่านบริดจ์ตัน เมืองกลาสโกว์
ในยุคปลายทศวรรษที่ 60 บริเวณที่ตรงนั้นยังมีสภาพแออัดเป็นสลัมและเชื่อเลยว่าขึ้นชื่อเป็นที่ซ่อมสุมของเหล่าอาชญากรรม
ตึกรามบ้านช่องบนถนนแม็คคีธไม่มีความน่าอยู่แม้แต่น้อย ถึงมันจะยังยืนหยัดตั้งตระหง่านอยู่ได้แต่มันก็ซ่อมซ่อ
ทรุดโทรมเต็มที่ ชนิดที่ไม่รู้ว่าจะพังโครมตั้งแต่เมื่อไหร่


บ่ายวันเสาร์ วันที่ 16 สิงหาคม 1969 ที่แสนอบอ้าว.....มิม่าสาวใหญ่วัย 32 ผมดำเข้ม เตรียมตัวไปเต้นรำที่บาร์โรว์แลนด์
เนื่องจากเป็นกิจกรรมยามว่างสุดโปรดของเธอ มิน่าต้องไปที่นั้นทุกๆ วันพฤหัสบดี และเสาร์และอาทิตย์ ไม่ได้ปคนเดียวหรอกนะ
มาร์กาเร็ต โฮ ไบรอัน น้องสาวของเธอไปด้วยทุกครั้ง ส่วนพวกเด็กๆ น่ะหรือ โน่นจ้างคนดูแลเด็กมาเลี้ยงเลย

บ่ายวันนั้น มิม่าแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อสีดำ กระโปรงานสีขาว คลุมด้วยโอเวอร์โค้ตสีน้ำตาล หิ้วกระเป๋าถือ
มีคนเห็นมิม่าเต้นรำกับผู้ชาย รูปหล่อ แต่งกายเรียบร้อย เธออ้อล้ออยู่กับเขาคนเดียวทั้งคืนเพราะหลังจากวอลซ์
เพลงสุดท้ายทั้งคู่ควงกันออกจากบาร์โรแลนด์ ทำท่าเหมือนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ บนถนนเบนสตรีท และตรงไป
ทางบริดจ์ตัน ครอสส์.......เส้นทางกลับแฟลตของมิน่าเอง

แต่ก่อนที่จะไปถึงแฟลต หนุ่มสาวคู่นี้ได้หยุดลงตึกร้างแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับแม็คคีธ สตรีท บางทีอาจเป็นได้ว่า
มิม่ากับชายลึกลับคนนั้นอาจหาที่ลับตาเพื่อแอบไปมีเซ็กซ์กัน แต่ทันใดนั้น.....ทันทีที่ห่างไกลตาผู้คน
เมื่อเธออยู่กับเขาเพียงลำพังเขาก็ทำร้าย ข่มขืนทารุณ แล้วเอาถุงน่องของเธอรัดคอจนเธอตายคามือ....................

เช้าวันต่อมา มาร์กาเร็ต น้องสาว ที่อยู่แฟลตเดียวกัน พอรู้ว่าพี่สาวยังไม่กลับมาที่ห้องเช่าก็เริ่มเป็นห่วง
เพราะมิม่าไม่เคยไปค้างคืนที่ไหนมาก่อนเลย เธอน่ะมีลูกๆ ที่ต้องห่วง และไม่มีทางที่มิม่าจะทิ้งลูกๆ ไว้ตลอดคืนเช่นนี้
ยิ่งคืนที่ออกไปเต้นรำ มิม่ามีแต่จะตรงกลับบ้านไม่ว่าดึกดืนแค่ไหนก็ตาม มาร์กาเร็ตยังคงคอยพี่สาวอย่างหวังว่า
เธอจะเดินกลับเข้ามา แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งคอยหายๆ ความวิตกกังวลเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเอง เธอได้ยินเสียงเด็กๆ ที่ผ่านหน้าต่างแฟลตคุยกันเสียงขรมว่ามีคนเจอศพอยู่แถวๆ นี้...ในตึกร้างใกล้แฟลตเธอ!

ศพใครหรือ!........ที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรสักนิด เพราะที่นี้มีคนเมาหรือคนจรจัดมานอนตายในสถานที่นี้บ่อยๆ
แต่กระนั้นมาร์กาเร็ตก็สะกิดใจ อดสงสัยไม่ได้ เธอคว้าผ้าคลุม ตั้งใจว่าจะออกไปดูสักหน่อย ที่ตึกร้างนั้น มาร์การเร็ต
เห็นกับตาว่าศพที่เด็กๆ พูดถึง คือ มิม่า พี่สาวของเธอเอง!

มิม่าถูกข่มขื่นและทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม ยับเยินไปหมด!
               

งานหนักของตำรวจ


               
มิม่าถูกฆาตกรรมหลังจากแพ็ต ดิอคเกอร์นาน 18เดือนเต็ม สองคดีมีส่วนคล้ายคลึงกันมาก มันต้องมีอะไรเชื่อมโยงกันแน่
ทั้งสองถูกฆ่าอย่างทารุณด้วยวิธีการรัดคอ หลังจากไปเที่ยวบาร์โรว์แลนด์ บอลล์รูม เต้นรำกับชายลึกลับที่มีเสน่ห์
บุคลิกท่าทางหน้าตาดียอดเยี่ยม แต่ไม่มีใครรู้จักว่ามันเป็นใคร


ขณะที่พบศพ กระเป๋าถือของผู้ตายทั้งสองคนไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ และสิ่งหน้าพิศวงไม่ใช้น้อยก็คือ เธอทั้งคู่กำลังมีประจำเดือน
เหมือนๆ กันความคล้ายคลึงของคดีนี้ คือสัญญาณอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลสุดท้ายนั้น มันเกือบแสดงให้เห็นว่า
บัดนี้ฆาตกรซาดิสต์วิตถารได้ออกล่าสตรีที่กำลังมีประจำเดือนแล้ว!

ผู้หญิงชาวเมืองกลาสโกว์ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรจะจัดการกับเหยื่อรายต่อไปอีกเมื่อไหร่
และผู้หญิงคนไหนจะโชคร้ายกลายเป็นเหยื่อของฆาตกร? เช่นเดียวกับคดีของแพ็ต ด็อคเกอร์ หน่วยสืบสวน
สอบสวนเล็งไปที่สถานเต้นรำบาร์โรแลนด์ คราวนี้มีพยานหลายคนเห็นเลยล่ะว่า มิน่าออกจาหห้องเต้นรำไป
กับชายคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนเชื่อว่าเป็นฆาตกร ยิ่งอธิบายลักษณะยิ่งใช่ ผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นชายลึกลับราว 25-35 ปี
ผอมบาง ผมแดง ใส่สูท เสื้อตัวในเป็นเชิ้ตสีขาวสะอาด


น่าดีใจที่มีพยานรู้เห็นเยอะแยะเลย แต่เปล่าหรอก...ตำรวจต้องหงุดหงิด ฮึกฮัดขัดข้องตามเคย ก็เพราะบาร์โรว์แลนด์
เป็นสถานที่โคจรของหนุ่มสาวชอบสนุก หลบสามีหลบภรรยามาหาความสำราญ อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ผลก็คือไม่มีใคร
กล้าแสดงตัวเป็นพยานอย่างเป็นทางการเพราะกลัวบ้านแตก



เมื่อพยานไม่ให้ความร่วมมือ ทางตำรวจก็ขอร้องพวกเขาได้แต่เพียงบอกรูปพรรณสัณฐาน เพื่อให้จิตรกรจะได้วาดรูป
ออกมาให้รู้หน้ารู้ตาบ้าง เกือบทุกคนมีความเห็นตรงกันเลยว่า เขาหล่อและดูเหมือนดาราหนัง
ผู้ชายบางคนในที่นั้นยังยอมรับเลยว่าถึงกับโมโหหึงเมื่อสาวที่มาด้วยหันไปให้ความสนใจมันจนเกิดเหตุเกินงาม
รูปวาดของชายคนนี้ นับเป็นครั้งแรกในวงการสอบสวนโลกเลย ที่ส่งไปประกาศข่าวหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทั่วไป
เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามจับกุมตัวมาให้เร็วที่สุด เพราะคิดว่าเขาคงอยู่ในกลาสโกว์ และทำตัวเด่นอย่างนี้
ชาวบ้านหรือไม่ใครสักคนน่าคงเคยพบเห็นแน่ๆ

แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ตำรวจยังไม่ปักใจยืนยันว่า ฆาตกรทั้งสองคดีจะเป็นคนเดียวกัน เพราะมันจะเป็นการด่วนสรุปเกินไป
จึงเป็นเพียงข้อคาดเดา สันนิษฐาน ความคล้ายคลึงกันเท่านั้น ทว่าในหมู่ชาวเมืองกลาสโกว์ ได้เกิดความวิตกจริตมากเชียวละ
ตอนนี้สาวเท้าไฟประจำบาร์โรว์แลนด์ถูกฆ่ารายแรก...แค่นั้นพวกผู้หญิงที่นั้นก็รู้สึกเสียวๆ แล้วละ เธอจะระแวงคนแปลกหน้า
ที่มาถูกตาต้องใจ และกล้าๆ กลัวๆ ไม่อยากให้เขาส่งบ้าน

พอเกิดเรื่องร้ายแบบนี้ พวกคุณเธอก็ต้องคิดหาแผนป้องกันตัวเต็มที่ เช่น พกเครื่องป้องกัน พาเพื่อนไปด้วยอย่าฉายเดี่ยวเด็ดขาด
และห้ามไปกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก แต่ถ้าป้องกันไม่ให้ไปเต้นน่ะ เมินซะเถอะฉันอยากแรดนี้!


แต่ก็ยังมีเหยื่อรายที่ 3 จนได้น่า!

(ติดตามตอนต่อไป)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กรกฎาคม 2014, 17:06:01 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่