cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: etatae333 ที่ 19 เมษายน 2019, 15:27:41

หัวข้อ: การสืบสวนคดีของชาวอียิปต์เมื่อสามพันปีก่อน!
เริ่มหัวข้อโดย: etatae333 ที่ 19 เมษายน 2019, 15:27:41
การสืบสวนคดีของชาวอียิปต์เมื่อสามพันปีก่อน!
cr.ทีมงานนักเขียนเด็กดี

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732909-3015.jpeg)
 
ปัจจุบัน มีเครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ทำให้การสืบสวนกลายเป็นเรื่องง่าย ไม่ยากเย็นอย่างเดียว
นักสืบทุกวันนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลของคนร้ายได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก ด้วยอุปกรณ์นานาชนิด แม้จะไม่ถึงขั้นการ์ตูนโคนัน
แต่ในสมัยก่อน ที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย การสืบสวนก็ย่อมจะซับซ้อนไปอีกแบบ


แต่มนุษย์ไม่ว่ายุคไหนๆ เมื่อมีมันสมองแล้ว ย่อมจะสรรหาวิธีแปลกๆ มาแก้ไขได้เสมอ ลองมาอ่านเรื่องราวการสืบสวนคดี
ของชาวอียิปต์ในอดีตมาให้อ่านกัน...ว่าเขาไขคดีกันด้วยวิธีไหน ขอเอาชื่อปู่เป็นเดิมพันเลย


ฝึกลิงไว้จู่โจมขโมย

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732534-1852.jpeg)

คนอียิปต์เองก็ถือคติ “กันไว้ดีกว่าแก้” เหมือนกัน เพราะงั้น ตำรวจอียิปต์จึงต้องจับตาดูประชาชนให้อยู่ในความสงบ
โดยเฉพาะที่หลุมศพและสุสาน ที่มักจะมีคดีเกิดขึ้นมากที่สุด ซึ่งหลายๆ ครั้ง ตำรวจเองก็ไม่ทันหัวขโมยเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น จึงมีการฝึกฝนลิงแสนรู้ เพื่อให้พุ่งเข้าจู่โจมขโมยแทนตัวเอง ลิงพวกนี้ไม่ใช่ลิงธรรมดาแต่ดุดันและ
โหดพอสมควร ภาพวาดภาพหนึ่งที่สืบทอดมาจากอดีต แสดงให้เห็นถึงภาพหัวขโมยในตลาด พยายามจะวิ่งหนี
แต่ก็โดนลิงกัดเข้าให้ที่ขา และลากเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้   
 

ถ้าหาคนผิดไม่เจอ คนใกล้ตัวโดนหมด

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732534-1844.jpeg)

เมื่อรามเสสที่สามถูกฆาตกรรม ตำรวจไม่ได้แค่จับตัวผู้ต้องสงสัย แต่ยังรวบตัวคนใช้ทั้งหมดด้วย มีทฤษฎีสมคบคิด
ต่างๆ มากมาย และเมื่อไม่รู้ชัดเจนว่าทฤษฎีที่แท้จริงคืออะไร สุดท้ายแล้ว บรรดาผู้คนที่ใกล้ชิดก็โดนทำโทษร่วมกันหมด
นั่นคือตัดหูเสีย เพราะจับตัวผู้ต้องสงสัยไม่ได้ และไม่มีใครยอมสารภาพอะไรที่เป็นประโยชน์ (โทษฐานที่รู้จักกันซวยไป)

สำหรับชาวอียิปต์ในอดีตนั้น ถ้าหากใครรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับคดีแล้วไม่ยอมแจ้งความ คนคนนั้นจะรับโทษหนัก
ในฐานะผู้มีส่วนทำให้เกิดคดีขึ้น ได้มีหลักฐานว่า คนรับใช้คนหนึ่ง มารายงานกับตำรวจว่า แอบได้ยินเจ้านาย
หารือกับเพื่อนเรื่องจะปล้นสุสาน ตัวเขาบอกว่ารีบมาบอกตำรวจเพราะเกรงว่าจะได้รับความผิด


 
อียิปต์มีนักสืบลงพื้นที่ด้วย

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732571-1755.jpeg)

ส่วนใหญ่คดีที่เกิดขึ้นมากที่สุดก็คือทะเลาะวิวาท แต่ถ้าเมื่อไหร่มันกลายเป็นคดีใหญ่ ก็จะมีการส่งนักสืบไปลงพื้นที่เพื่อ
ค้นหาความจริง นักสืบจะตามล่าหาพยาน สืบสวนตรวจสอบสถานที่ และสร้างทฤษฎีหรือสมมติฐานขึ้นมา รวมถึงร่าง
รายละเอียดทั้งหมด เพื่อนำไปตรวจสอบกับคดีที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เผื่อว่าอาจเป็นฆาตกรคนเดียวกัน

ในยุคของรามเสสที่สี่ ได้มีการปล้นเกิดขึ้น ทีมสืบสวนลงพื้นที่และพบอุโมงค์ที่ถูกขุดสำหรับการปล้น พวกเขาปะติดปะต่อ
ตัวหัวขโมยจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่โจรนำมาใช้ สืบไปจนรู้ว่าใครกันที่มีความรู้เรื่องการขุดเหมืองและน่าจะมีความเกี่ยวข้อง
สุดท้ายก็หาตัวคนร้ายจนเจอในที่สุด




ซ้อมจนกว่าจะพูดความจริง (ที่เจ้าหน้าที่ต้องการฟัง)

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732534-2219.jpeg)
 
" ผู้ต้องสงสัยหรือพยานจะโดนซ้อมจนกว่าจะพูดความจริง "
จะถือว่าเป็นวิธีสุดคลาสสิคก็ว่าได้ เพราะวิธีนี้หลายๆประเทศก็ยังมีการใช้อยู่จนเป็นข่าวอยู่พักๆ เพราะเมื่อใดที่ต้องการคำตอบ
นักสืบหรือตำรวจนั่นแหละ มักไม่เล่นบทอ่อนหวาน แต่หลายครั้งก็ทำตัวไร้เหตุผล และใช้กำลังเข้าร่วม จนกว่าจะได้คำสารภาพ
ที่ต้องการ ทั้งพยานและผู้ต้องสงสัยมีสิทธิ์โดนซ้อม ทรมาน อย่างโหดร้าย จนกว่าจะยอมพูดสิ่งที่รู้

ส่วนใหญ่จะถูกจับมัด แล้วทุบที่มือหรือเท้าจนกว่าจะยอมพูด ถ้าคำพูดที่ได้มาฟังไม่เข้าท่าหรือไม่มีประโยชน์ ก็จะโดนทำร้าย
ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะพอใจนั่นแหละ การทรมานถึงจะจบลง ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาใช้วิธีนี้กับพยานด้วย ทั้งที่พยานเอง
ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็จะโดนซ้อมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยอมพูดสิ่งที่เห็น จะว่าไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้ จะเป็นความจริงหรือแค่
การยอมแพ้เพราะทดความเจ็บปวดไม่ได้
 


คำสารภาพจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732678-9135.jpeg)

แม้ว่าเรื่องการซ้อมเพื่อให้พูดความจริงออกจะดูโหดร้ายไปสักหน่อย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือเจ้าหน้าที่เองรู้นะว่า คำสารภาพที่ได้
จากการทุบตีนี้อาจบิดเบือนความจริง เพราะงั้น พวกเขาจึงต้องตรวจสอบคำสารภาพที่ได้มาอย่างละเอียด เพราะไม่แน่ใจว่า
คนโดนซ้อมแค่พูดเพื่อให้พ้นจากการลงโทษเร็วๆ หรือเปล่า

นักสืบจึงต้องนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับหลักฐานในที่เกิดเหตุอยู่เสมอ หรือถ้าผู้ต้องสงสัยมาเป็นกลุ่ม ก็จะโดนแยกออกจากกันก่อน
แล้วค่อยสอบสวนทีละคน จากนั้นก็นำรายละเอียดมาปะติดปะต่อกัน ในคดีหนึ่ง คนร้ายที่รับสารภาพว่าเป็นคนปล้นสุสาน ถูกเอา
ผ้าคาดตาไว้ และนำไปยังสุสานที่เกิดเหตุ แล้วให้แสดงการปล้นให้ดูทั้งๆ ผูกตาไว้แบบนั้น


 
พยานต้องสาบานด้วยว่าถ้าโกหกจะโดนอะไร 

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732730-7837.jpeg)

อันนี้อาจจะดูเป็นความเชื่อ แต่เจ้าหน้าที่ก็จะให้พยานพูดไว้ก่อนว่าถ้าโกหกจะโดนอะไรบ้าง แล้วยึดเอาคำพูดนั้นไว้ เช่น ถ้าโกหก
จะถูกตัดจมูกและหู หรือไม่ก็โดนตัดชิ้นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เมื่อขึ้นศาล พยานเหล่านี้จะต้องบอกไว้ล่วงหน้าเลยว่า
ถ้าคำพูดของพวกเขาเป็นเท็จ พวกเขาจะโดนอะไร โทษนั้นมีหลากหลายมาก มีโทษประหลาดๆ เช่น ถ้าโกหก ขอให้ทางการ
ยึดสมบัติและคนใช้ของเราไปจนหมดด้วย 
 


 
ถ้าอยากรอดคดีก็ต้องเอาเงินเอาทองมาจ่าย (คุ้นๆ)

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732534-2657.jpeg)
 
คอร์รัปชั่นกลายเป็นเรื่องปกติ การสืบสวนเป็นเรื่องสำคัญก็จริง ถ้าคุณไม่ใช่คนสำคัญของประเทศ ศาลก็จะไม่สนใจคุณเท่าไหร่
และถ้าหากต้องการคำตอบอย่างรวดเร็ว การจ่ายสินบนช่วยคุณได้ หรือถ้าคนรวยเป็นผู้ต้องสงสัย พวกเขาก็สามารถรอดตัวไปได้
เพียงแต่จ่ายเหรียญทองไม่กี่เหรียญให้กับผู้พิพากษา

มีบทกวีของชาวอียิปต์ที่เขียนว่า ขอสวดอ้อนวอนแต่เทพเอมุน ให้ช่วยมอบความยุติธรรมให้กับคนจน เพราะศาลนั้นเรียกร้อง
แต่เงินและทองจากผู้คน ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักของอียิปต์เลยทีเดียว แต่จะว่าไป มันก็เป็นปัญหาของทุกประเทศแหละนะ
เรื่องความเท่าเทียมเนี่ย
 



ปัญหานอกใจเป็นเรื่องใหญ่ บทลงโทษถึงตาย

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732765-4304.jpeg)

เรื่องการหย่าร้างเป็นเรื่องโหดร้ายมากในอียิปต์ ถ้าใครโดนฟ้องร้องเรื่องข้อหานอกใจ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่
และที่น่าสนใจมากคือ...อียิปต์อนุญาตให้ฟ้องได้หลากหลาย ทั้งชายและหญิง คนอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสด้วย มีผู้หญิงมากมาย
ที่ฟ้องร้องสามีเรื่องนอกใจ หรือแม้ไม่ใช่สามี แต่เป็นญาติพี่น้องกัน แล้วรู้ว่านอกใจ ก็สามารถฟ้องได้

โทษนั้นรุนแรงมาก ถ้าผู้หญิงคนไหนถูกพบว่านอกใจสามี จะโดนตัดจมูกหรือไม่ก็เผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายจะโดนโบย 1,000 ครั้ง
หรือไม่ก็ถูกประชาทัณฑ์ให้สังคมตัดสิน ยกตัวอย่างเช่น มีผู้ชายคนหนึ่งศาลตัดสินว่านอกใจภรรยา ก็ถูกชาวบ้านรุมซ้อม
และศาลก็ไม่ได้ตัดสินว่าชาวบ้านผิดแต่อย่างใด


 
ถ้าหาคนผิดไม่ได้ก็ยกให้รูปปั้นตัดสินแล้วกัน 

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1555732909-3041.jpeg)

ฟังแล้วอาจจะดูแปร่งๆ แต่ชาวอียิปต์นั้นเชื่อเรื่องเทพเจ้าอย่างมาก และถ้าหากคดีไหนตัดสินไม่ได้หรือไม่รู้ว่าใครเป็นคนผิด
พวกเขาก็ยกการตัดสินใจให้กับรูปปั้น นักบวชจะถามรูปปั้นเอมุน และรอจนกว่ารูปปั้นจะบอกคำตอบ โดยจะใช้คำถามที่ลงเอยว่า
 ใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งถ้ารูปปั้นเคลื่อนที่มาข้างหน้า ก็เท่ากับแปลว่าใช่ แต่ถ้าเคลื่อนที่ไปข้างหลัง เท่ากับแปลว่าไม่ใช่

แน่นอนว่ารูปปั้นไม่ได้ขยับเอง แต่ความจริงแล้ว มีคนอยู่ข้างในต่างหาก และคนคนนั้นนี่แหละที่ทำตัวเป็นพระเจ้าเสียเอง
อารมณ์ใกล้เคียงกับคนทรงเจ้าที่ได้รับเกียรติจากพระเจ้านั่นเอง
 
 
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Crime_in_Egypt
https://www.numbeo.com/crime/country_result.jsp?country=Egypt
https://listverse.com/2016/10/27/10-truly-disgusting-facts-about-life-in-ancient-egypt/
http://listverse.com/2018/06/26/10-ways-crimes-were-investigated-and-solved-in-ancient-egypt/ 
https://www.nytimes.com/2011/05/13/world/middleeast/13egypt.html