วันนี้ก้อเอาบทความมาฝากให้พี่ๆน้องๆ อีกสักเรื่องละกันครับ โรคใกล้ตัวเผื่อจะเอาไปสังเกตถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นกับเรา จะได้รักษาและป้องกันได้ทันนะครับ บทความเหล่านี้ ในยุคสัมยนี้หาง่ายครับ เนื้อหาไม่ค่อยต่างกันขึ้นกับว่า การเรียบเรียกจะทำให้อ่านง่ายหรือยากเท่านั้น ส่วนการรักษา ผมไม่ขอยกมานะครับ เนื่องด้วยการรักษาในปัจจุบันมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลาอีกทั้ง เกรงว่าเมื่อบอกไปจะนำไปสู่การรักษาที่ไม่ถูกต้อง ถ้ามีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามวิธีการรักษา PM มาละกันครับ เผื่อเป็นแนว
ซิฟิลิส Syphilis
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Treponema pallidum เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกเช่น ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ปาก เยื่อบุตา หรือทางผิวหนังที่มีแผล เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้ากระแสเลือด และไปจับตามอวัยวะต่างๆทำให้เกิดโรคตามอวัยวะ โรคนี้แบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่
• primary
• secondary
• latent
• tertiary (or late)
คนเราติดเชื้อโรคนี้ได้อย่างไร
ทางเพศสัมพันธ์
• เชื้อโรคสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ
• เชื้อโรคจะติดต่อได้บ่อยในระยะ primary เนื่องจากระยะนี้จะไม่มีอาการ
• ในระยะ secondary จะมีหูดระยะนี้จะมีเชื้อโรคปริมาณมากหากสัมผัสอาจจะทำให้เกิดการติดต่อ
การติดต่อทางอื่น
• เชื้อจะอ่อนแอตายง่ายดังนั้นการสัมผัสมือหรือการนั่งโถส้วมจะไม่ติดต่อ
• หากผิวหนังที่มีแผลสัมผัสกับแผลที่มีเชื้อก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ
จากแม่ไปลูก
• เชื้อสามารถติดจากแม่ไปลูกขณะตั้งครรภ์และขณะคลอด
อาการของโรค
Primary Syphilis
ในระยะ primary รอยโรคจะปรากฏเป็นแผลริมแข็ง Chancre ซึ่งจะมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
• หลังจากได้รับเชื้อ 10-90 วันจะมีตุ่มแดงแตกออกเป็นแผลที่อวัยวะเพศตรงบริเวณที่เชื้อเข้า
• แผลมักจะเป็นแผลเดียว ไม่เจ็บ ขอบนูน ต่อมน้ำเหลืองจะโตกดไม่เจ็บ
• ตำแหน่งที่พบได้บ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด ริมฝีปาก
• แผลจะอยู่ 1-5สัปดาห์แผลจะหายไปเอง
• แม้ว่าแผลจะหายไปแต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในกระแสเลือด
• สำหรับผู้ที่เป็นโรคเอดส์ และมีขนาดใหญ่และมีอาการเจ็บมาก
• การตรวจเลือกในช่วงนี้อาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30
Secondary Syphilis
• ระยะนี้จะเกิดหลังได้รับเชื้อ 17วัน- 6 เดือน
• ผู้ป่วยจะมีอาการอยู่ประมาณ 2-6 สัปดาห์แล้วจะหายไปแม้ว่าจะไม่ได้รับการรักษา
• ต่อมน้ำเหลืองโต
• ปวดตามข้อเนื่องจากข้ออักเสบ
อาการที่สำคัญมีดังนี้
• มีผื่นสีแดงน้ำตาลที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ไม่คัน
• ผื่นนี้สามารถพบได้ทั่วตัว
• จะพบหูด Condylomata lata บริเวณที่อับชื้น เช่นรักแร้ ทวารหนัก ขาหนีบ
• จะพบผื่นสีเทาในปาก คอ และปากมดลูก
• ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
• ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบาย
• อาการเหล่านี้จะอยู่ได้ 1-3 เดือนหายไปได้เอง และอาจจะกลับเป็นซ้ำ
• การตรวจเลือดในช่วงนี้จะให้ผลบวก
Latent Stage ระยะแฝง
• ช่วงนี้ผู้ป่วยไม่มีอาการของโรค ช่วงนี้กินเวลา 2-30 ปีหลังจากได้รับเชื้อ
• ในช่วงนี้จะทราบได้โดยการเจาะเลือดตรวจ
• ในระยะนี้อาจจะเกิดผื่นเหมือนในระยะ Secondary Syphilis
• ในระยะนี้หากตั้งครรภ์ เชื้อสามารถติดไปยังลูกได้
Late Stage (Tertiary)
• ระยะนี้จะกินเวลา 2-30 ปีหลังได้รับเชื้อ
• ระยะนี้เชื้อโรคจะทำลายอวัยวะต่างๆเช่น หัวใจและหลอดเลือด สมองทำให้อ่อนแรงหรืออาจจะตาบอด กระดูกหักง่าย
• หากไม่รักษาให้ทัน อวัยวะต่างๆจะถูกทำลายโดยที่ไม่สามารถกลับเป็นปกติ
• การตรวจเลือดอาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30
Congenital Syphilis
หมายถึงทารกที่ติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เด็กจะมีอาการดังนี้
• เด็กจะมีอาการหลังคลอด 3-8 สัปดาห์
• อาการอาจจะมีเล็กน้อยจนไม่ทันสังเกตเห็น ทำให้ไม่ได้รับการรักษา
• เด็กโตขึ้นจะกลายเป็นระยะ Late Stage (Tertiary)
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นซิฟิลิส
การตรวจวินิจฉัยโรคนี้สามารถทำได้โดยการนำหนองจากแผล หรือเลือดไปตรวจหาตัวเชื้อ การตรวจเชื้อทำได้โดย
>>>>Darkfield Exam<<<<
• การตรวจทำไดโดยการน้ำเหลืองจากแผลหรือผื่นที่สงสัยไปตรวจ
• นำน้ำเหลืองนั้นไปส่องกล้องเพื่อหาตัวเชื้อ
• การตรวจนี้สามารถวินิจฉัยได้ทั้งระยะ Primary Syphilis และ Secondary Syphilis
>>>>การตรวจเลือด<<<<
• การเจาะเลือดตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิสทำได้ 2วิธีคือ
• การเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส ได้แก่การเจาะ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) หรือ RPR (Rapid Plasma Reagent) หากให้ผลบวกต้องเจาะเลือดอีกเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
• การเจาะเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโดยการเจาะ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption Test) หรือ MHA-TP (Microhemagglutination-Treponema Pallidum)
ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เคยเป็นซิฟิลิสมาก่อนอาจจะให้ผลบวกหลอกโดยที่ไม่เป็นโรค
• Cerebrospinal Fluid Test การตรวจน้ำไขสันหลังจะทำในรายสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อในระบบประสาท