cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: etatae333 ที่ 02 มีนาคม 2018, 16:17:46

หัวข้อ: 9 บุคคลดังที่เป็นฮีโร่และจอมโจรในเวลาเดียวกัน
เริ่มหัวข้อโดย: etatae333 ที่ 02 มีนาคม 2018, 16:17:46
9 บุคคลดังที่เป็นฮีโร่และจอมโจรในเวลาเดียวกัน
cr. Cammy แปลและเรียบเรียง

แหละนี้คือ 9 อันดับ บุคคลดังที่น่าสนใจ ที่ประวัติและวีรกรรมของพวกเขาอยู่นอกเหนือกฎหมาย
ทางการเรียกพวกเขาว่าจอมโจร แต่ชาวบ้านกลับเห็นเป็นวีรบุรุษที่ได้รับความนิยม

 
9. Belle Starr

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063457-9674.jpeg)
 
เบล สตาร์(5 กุมภาพันธ์ 1848-3 กุมภาพันธ์ 1889) เป็นโจรผู้หญิงชาวอเมริกาที่ผิดกฎหมายทุกอย่างเพื่อหากำไร
โดยเธอเกิดรัฐมิสซูรี่ ครอบครัวของเธอย้ายไปเท็กซัส ตอนเป็นวัยรุ่นเธอมักโอ้อวดเรื่องของตนเองให้คนอื่นฟังมากมาย
เธอเก่งเรื่องการขี่ม้าและไม่กี่ปีต่อมาเธอก็ได้ตั้งแก๊งเพื่อทำผิดกฎหมายขึ้น โดยก่ออาชญากรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ปล้นธนาคาร ลักขโมย และต่อต้านผู้ใช้กฎหมาย โดยคำพูดติดปากของเธอคือ


“ฉันเป็นเพื่อนกับคนนอกกฎหมายที่กล้าหาญและสุภาพทุกคน”

ชีวิตของเธอแต่งงานกับสมาชิกในแก๊งหลายครั้ง และโดนทางการทลายแก๊งหลายครั้ง แต่เธอก็จะตั้งแก๊งขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง
เนื่องจากเธอพบว่าชีวิตโจรนั้นร่ำรวยกว่างานใดๆ นอกจากนี้เธอยังเรียนรู้การใช้เงินสิบบนและมารยาหญิงในการช่วยลูกน้อง
ที่ถูกจับ เธอมักเอาตัวเขาแลกกับคนใหญ่คนโตผู้พิพากษาเพื่อเกิดความพึ่งพอใจลดโทษแก่ลูกสมุน

แต่สุดท้ายเบลล์ฉายา “ราชินีแห่งจอมโจร” ก็สิ้นสุดลงหลังการสามีคนล่าสุดของถูกประหารชีวิต และ 3 กุมภาพันธ์ 1889
เธอก็ถูกฆ่าตายในขณะที่เธอกำลังขี่ม้าออกจากบ้านของเธอ โดยเธอถูกซุ่มโจรตี หลักจขกาที่เธอถูกยิงตกรถม้าเธอก็ถูกยิง
อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอตายสนิทแล้ว เบลล์เสียชีวิตอย่างโดดเดียว ในขณะที่เธออายุ 41 ปี และเรื่องราวของเธอถูกนำไป
สร้างเป็นภาพยนตร์มากมายในเวลาต่อมา






8. Ned Kelly

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063457-9908.jpeg)

เเน็ด เคลลี่ (1854-1880) ชาวไอรีชที่อาศัยในออสเตรเลียในศตวรรษที่ 19 ถูกบีบบังคับให้การเป็นโจร ซึ่งในตอนนั้นเขา
เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาในรัฐวิคตอเรีย พ่อของเขาโดนใส่ร้ายโดนตำรวจชั่ว จนเป็นเหตุทำให้เขาต้องฆ่าตำรวจตายสามศพ
(เหตุเกิดในปี 1878) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาจึงตั้งตนเป็นโจรต่อสู้กับเหล่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่คอยกด ขี่ข่มเหง
ประชาชนผิดชอบปล้นธนาคาร และฆ่าตำรวจสามนาย และถูกหมายจับทั่วออสเตรเลีย


28 มิถุนายน ค.ศ.1880 เน็ด เคลลี่ และแก๊งของเขาเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่โรงแรม เกลนโรแวน 
เขาและพรรคพวกจับตัวประกันกว่า 70 ชีวิต ซึ่งภายนอกโรงแรมเต็มไปด้วยตำรวจหลายสิบนายที่แห่มาจับกุม ตำรวจทำการ
ระดมกระสุนปืนหลายนัดยิงเข้าไปในโรงแรมในความมืดจนถึงเช้า เน็ด เคลลี่ และแก๊งเขาจนมุม จากนั้นเหล่าตำรวจก็หวังว่า
เขาและพวกจะยอมมอบตัว

แต่แล้วเน็ด เคลลี่ก็ทำให้ตำรวจแปลกใจ และตะลึงสิ่งที่เห็น

เน็ด เคลลี่ออกจากประตูโรงแรมคนเดียวในรูปลักษณ์ที่แสนแปลกตาเขาสวมชุดเกราะ ประดิษฐ์คลุมตั้งแต่หัวจรดต้นขา
ซึ่งประกอบกันเข้าแบบหยาบๆ แต่มันก็กันกระสุนได้ดีพอสมควร(ใครวาดภาพไม่ออกขอให้นึกถึงชุดเกราะไอออนแมน
เวอรชั่นออฟกัน) เน็ด เคลลี่คนเดียวในชุดเกราะเปิดศึกกับตำรวจนับร้อยด้วยปืนสั้นกระบอก เดียว(อย่างที่เห็นในภาพ)
แม้ชุดเกราะมันจะกันกระสุนแต่มันก็ทำให้เขางุ่มง่ามทำให้เขาโดนกระสุนหลาย นัดที่ระดมเข้าไปในชุดเกราะของเขาเต็มๆ
หลายนัดจนเซไปข้างหน้า ท่ามกลางห่ากระสุนหลายฝ่ายคิดว่าเคลลี่ตายโหงไปแล้ว

แต่เหลือเชื่อหลังสิ้นสุดกระสุนปืน(เคลซี่โดนตำรวจยิงที่ขาจนล้ม) ตำรวจทำการตรวจสอบพบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่.....

เน็ด เคลลี่ถูกตำรวจจับกุม ส่วนลูกน้องถูกตำรวจจับได้บางส่วน ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งโดนตำรวจฆ่าจากการหลบหนี
อย่างไรก็ตามต่อมา เน็ด เคลลี่ ถูกแขวนคอข้อหาฆ่าตำรวจตาย คำพูดสุดท้ายของเขาคือ "นี้แหละชีวิต" ส่วน ตำรวจ
ที่รังแกครอบครัวเคลลี่ในตอนแรกโดนไล่ออกในเวลาต่อมา จากนั้นเคลลี่ก็กลายเป็นตำนานเสือใบต้นแบบที่ทุกคนมองว่า
เขาเป็นวีรบุรุษ ประจำชาติมากกว่าวายร้ายของประเทศออสเตรเลีย
 






7. Dick Turpin

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063457-9596.jpeg)
 
เริชาร์ด(ดิก)เทอพิน(1705-7 เมษายน 1739) เป็นนักดักปล้นคนสัญจร ที่ผ่านถนนระหว่างลอนดอนไปเคมบริด์ ในช่วง 1730
ซึ่งสมัยนั้นการคมนาคมไม่สะดวกต้องใช้การเดินเท้าและพาหนะม้าและรถม้าเป็นหลัก ในอดีตเขาทำงานเป็นคนขายเนื้อเหมือนบิดา
จนกระทั้งเขาขโมยม้าและเขาร่วมแก๊งลักขโมย ก่อนพัฒนามาเป็นนักดัดปล้นและมีส่วนร่วมในก่ออาชญากรรมมากมายรวมไปถึงฆ่าคน
ทำให้ทางการตามจับกุมอย่างดุเดือด ส่งผลทำให้สมาชิกแก๊งของเขาถูกจับเกือบหมดในปี 1735 และเขาก็หายหน้าไปจากสังคมไป



จนกระทั้งในปี 1737 เขากลับมาอีกครั้งพร้อมคู่หนูใหม่ “ทอม คิง” ทั้งสองได้กลายเป็นวายร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในตอนใต้
อังกฤษในเวลานั้น หากแต่สุดท้ายคิงก็ตายจากเขาจากเหตุทะเลาะกัน เป็นเหตุทำให้เขาเสียใจต่องการตายของคู่หูมากจนเลิกมา
เป็นโจรดักปล้นในที่สุด เขาหลีกหนีไปกลบดานทีร่หมู่บ้านยอร์คเชียร์ใช้ชื่อใหม่ว่า จอห์น ปาล์เมอร์

ต่อมาไม่นานเขาก็พบจุดจบ เมื่อเขาถูกจับในข้อหาเป็นโจรขโมยแกะกับม้า ความจริงคดีดังกล่าวเขาแค่เสียค่าปรับหรือจำคุกไม่กี่ปี
ก็ออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่รู้ว่าเขาคือ ดิก เทอพิน โจรดักปล้นที่โด่งดัง ถ้าหากเขาไม่เขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจาก
น้องชาย และเขาดันลืมจ่ายค่าไปรษณีย์ และน้องชายจำมือเขาไม่ได้ เลยปฏิเสธจ่ายค่าจดหมาย

แต่ครูเก่าในหมู่บ้านแห่งนั้นดันจำลายมือเขาได้ เป็นลายมือของเด็กในห้องเมื่อหลายปีก่อน ชื่อของเขาคือ ดิก เอพิน ครูเลยไปที่ยอร์ค
เพื่อรับเงินรางวัลในการจับเทอพินมาลงโทษ ส่งผลทำให้เพอพินได้รับโทษประหารโดยการแขนคอในที่สุด

ในวันที่ประหารดิก เทอพินนั้น เขาได้โบกเมือและส่งรอยยิ้มแก่ประชาชนที่มามุมดูการประหารของเขา เมื่อเขาถูกแขวนบ่วงแขวนคอ
เขาได้พูดแก่ฝูงชนสามสิบนาที เพื่อสร้างความบังเทิงเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเขาก็คว้าห่วงและก็กระโดดออกจากบันได เขาตายภายในห้านาที
หลังจากนั้นและเรื่องราวของเขาได้ปรากฏในตำนานเรื่องเล่าจนถูกนำมาสร้างเป็นละครในศตวรรษที่ 18 และ 19 และในภาพยนตร์
โทรทัศน์ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งเนื้อหามีการเพิ่มสีสันแตกต่างจากเรื่องจริงโดยสิ้นเชิง
 




6. Ishikawa Goemon

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063458-0009.jpeg)
 
โกเอมอนมีชื่อเต็มว่า อิชิคาวา โกเอมอน (1558-1594) เขาเป็นวีรบุรุษนักรบนินจาและจอมโจร ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ที่เขาชอบขโมยทองคำและของมีค่าไปแจกคนยากจน 


ในประวัติศาสตร์มีข้อมูลประวัติชีวิตของเขาน้อยมาก ดังนั้นเรื่องราวของเขามักจะเป็นพวกตำนานพื้นบ้านหรือเรื่องราวเสริมแต่ง
มากกว่า เขามีชื่อเสียงโด่งดังจากการโดนลงโทษประหารโดยการถูกประหารชีวิตด้วยการถูกต้มลงน้ำเดือดจนตายพร้อมกับลูกชาย
หลังจากที่ลอบสังหาร โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ แต่ทำไม่สำเร็จ

ในตำนานเล่าว่าโกเอมอนพยายามลอบสังหารฮิเดโยชิ เนื่องจากต้องการล้างแค้นภรรยาและจับลูกชายของเขาไป เขาได้เข้าห้องนอน
และกำลังลงมือฆ่าฮิเดโยชิอยู่แล้ว หากแต่เขาต้องตกใจกับเสียงเคาะระฆัง และพวกซามูไรก็เข้าห้องจับกุมเขาอย่างรวดเร็ว เขาถูก
พิพากษาให้ถูกต้มในน้ำเดือดทั้งเป็นจนกว่าจะตาย ที่วัดนันเซนจิในเกียวโต โดยตำนานกล่าวไว้ว่าโกเอมอนได้อุ้มลูกชายเหนือน้ำ
จนกระทั่งตัวตาย อ่างอาบน้ำที่มีรูปทรงกะทะในประเทศญี่ปุ่นได้ตั้งชื่อตามว่า เกโอมอนบุโระ





 
5. Salvatore Giuliano

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063458-0469.jpeg)
 
เซาลวาทอร์ (16 พฤศจิกายน 1922-5 กรกฎาคม 1950) เป็นชาวนาชาวซิซิลีที่ผันตัวเองเป็นโจร อันเนื่องจากความไม่เท่าเทียมในสังคม
ซาลวาทอร์เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1922 ในหมู่บ้านตะวันตกของภูเขา Montelepre(ภูเขากระต่าย) ตอนเป็นเด็กเขาเป็นเด็กเรียนดี
แต่ด้วยสภาพสังคมทำให้เขาต้องถูกจำกัดทำอาชีพชาวนาเหมือนบิดาในขณะอายุ 13 ปี


ต่อมาเขาก็มีส่วนร่วมในการทำตลาดมืดขนส่งของผิดกฎหมายจนกระทั้งวันที่ 2 กันยายน 1943 เขาก็กลายเป็นคนนอกกฎหมายเพราะดัน
ไปฆ่าตำรวจเข้า เลยผันเป็นผู้นำกองโจร ซึ่ง ลูกน้องของเขาเป็นโจรฝีมือดีที่มีความสามารถทางการทหาร เขาได้รับฉายาว่าว่าเป็นโรบินฮูด
อันเนื่องจากพฤติกรรมของเขาที่ปล้นคนรวยช่วยคนจน นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพแห่งซิซิลี ที่พยายามทำให้
เกาะซิซิลีเป็นเอกราชจากรัฐบาลอิตาลี

ชีวิตของเขาส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับทหารหลบหนีถูกไล่ต้อนจนกระทั้งกลายเป็นโจรภูเขาสุดท้ายของเกาะซิซิลีที่ต่อต้านคอมมัวนิสต์
และสุดท้ายเขาก็ถูกฆาตกรรม ในช่วงขณะนอนหลับในวันที่ 5 กรกฎาคม 1954 โดยลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง ที่ได้รับคำสั่งมาเฟียในปาแลร์โม
แม้ทุกวันนี้เขาจะตายไปนานแล้วก็ตามแต่ผู้สูงอายุในหมู่บ้านภูเขารอบๆ ปาแลร์โมของเขายังคงร้องเพลงสรรเสริญเขาอยู่ และเรื่องราว
ของเขาได้รับความสนใจไปทั่วโลกเนื่องจากเขามีเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา ถึงขั้นเคยขึ้นชื่อติดอันดับในนิตยสารไทม์มาแล้ว




4. Billy the Kid

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063457-9745.jpeg)

บิลลี่ เดอะ คิด (23 พฤศจิกายน 1859-14 กรกฎาคม 1881)  มีชื่อจริงว่า เฮนรีแม็คคาร์ธี แต่กระนั้นดูเหมือนว่า เจ้าเด็กน้อยบิลลี่
(เนื่องจากเขาสูงเพียง 175 ซม.) จะมีชื่อเสียงกว่าชื่อจริงของเขาเสียอีก ในสมัยเขายังเป็นเด็กนั้นเขาก็มีชีวิตต้องต่อสู้กับสภาพสังคม
ถูกจับคดีลักทรัพย? และหนีคุก แล้วเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงใต้และเหนือของเม็กซิโก


เขาเก่งเรื่องการขี่ม้าและฆ่าคนครั้งแรกเมื่อ 17 สิงหาคม 1877 จนบิลลี่เดอะคิดได้กลายเป็นคนนอกกฎหมายที่มีชื่อเสียงในยุคศตวรรษที่ 19
ในชายแดนอเมริกาตะวันตกเฉียงใต้ ตามตำนานบอกว่าเขาฆ่าคนไป 21 คน ซึ่งโดยความจริงแล้วเขาแค่ฆ่าคนไปเพียง 14 หรือ 9 คนมากกว่า
ภาพลักษณ์ในขณะนั้นเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป โดยความเตี้ย 175 ซม. ตาสีฟ้า ฟันที่โดดเด่น แต่งตัวเรียบร้อย และสวมหมวกเม็กซิกันปีกกว้าง
นอกจากนี้เขายังเก่งภาษาเม็กซิกันและเป็นที่นิยมของผู้หญิงเม็กซิกัน

เขาหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าผู้รักษากฎหมายมาหลายครั้ง จนกระทั้งวันที่ 14 กรกฎาคม 1881 บิลลี่เดอะคิดก็ถึงคราวอวสานเขาตาย
หลังจากดวลปืนกับนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่มาล้อมจับเขา แม้ว่าบิลลี่เดอะคิดจะตายแต่เรื่องราวของเขาก็ยังคงอยู่และมีการเสริมแต่งให้จน
เกินเลยความจริงไปบ้างเพื่อให้ภาพพจน์ของเขาเป็นวีรบรุษที่กล้าหาญ

 
 



3.Lampião
 
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063458-045.jpeg)

Lampião (เป็นภาษาโปรตุเกสแปลว่า “ตะเกียงน้ำมัน”)เป็นชื่อเล่นของ "Captain" Virgulino Ferreira da Silva เป็นผู้นำที่มีชื่อเสียง
ของกลุ่ม Cangaço ซึ่งเป็นกลุ่มเที่ยวปล้นสะดมและผิดกฎหมาย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ในปี 190 และ 1930


Virgulino เกิดในปี ค.ศ.1897 ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ Pernambuco พ่อของเขาถูกตำรวจฆ่าตาย ทำให้เขาโกรธแค้นเจ้าหน้าที่
ทางการมาก จนเขาได้กลายเป็นโจรที่ชอบฆ่าตำรวจและทหารในขณะที่ 25 ปี จนกระทั้งโด่งดังจนกลายเป็นหัวข้อพาดหัวข่าวที่ยอดนิยม
ของหนังสือพิมพ์บราซิล

Virgulino ค่อนข้างเป็นคนที่ซับซ้อนและโหดร้าย เขาและพรรคพวกมักออกปฏิบัติการปล้นสะดมหมู่บ้านขนาดเล็กในเจ็ดรัฐของบราซิล
อยู่บ่อยๆ เรื่องผิดกฎหมายกลุ่มของเขาทำหมดไม่ว่าจะเป็น จับตัวประกัน ทรมาน วางเพลิง ข่มขืนผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับตำรวจหรือทหาร
หรือแม้กระทั้งควักดวงตามนุษย์ ด้วยมีดและตัดลิ้นผู้หญิง

โดยจำนวนสมาชิกกลุ่มของเขามีประมาณ 50 คน ทุกคนติดอาวุธหนัก สวมชุดหนังรวมทั้งหมวก เสื้อ รองเท้า กางเกงขายาวซึ่งกลุ่มนี้
เก่งเรื่องการต่อสู้แบบกองโจรสามารถต่อสู้กับกองทหารอาสาสมัครหรือตำรวจพิเศษได้ถึง 200 คน แต่กระนั้นกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลงเมื่อวันที่
28 กรกฎาคม 1938 เมื่อเขาและกลุ่มของเขาถูกหักหลังโดยผู้สนับสนุนและถูกซุ่มโจรตี เขา คนรักและพรรคพวกถูกฆ่าตาย และหลังจาก
ที่เขาตาย ทางการได้ตัดศีรษะของเขาและถูกส่งไปตรวจสอบที่ซัลวาดอ รัฐบาเยีย ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปให้ครอบครัวเพื่อฝังตามพิธี
 




2.Pancho Villa

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063458-0122.jpeg)
 
เนายพลปานโช วีญ่า(1878-1923) เป็นผู้นำฝ่ายกบฏชาวพื้นเมืองทางภาคเหนือของเม็กซิโก ผู้ก่อการปฏิวัติล้มล้างอำนาจของ
ประธานาธิบดีปอร์ฟีรีโอ ดีอัซ (Porfirio Diaz) เมื่อ ค.ศ. 1911 โดยเขาได้รับการสนับสนุนจากคนยากจนและต้องการที่จะปฏิรูป
ระบบเกษตรกรรม แม้ว่าเขาจะเป็นนักฆ่า โจร และผูนำปฏิวัติ แต่หลายคนจดจำเขาในฐานะพระเอกพื้นบ้าน หลังการตายเขาก็ถูก
ขัดขวางจากทางรัฐบาลไม่ให้ยอมรับเขาว่าเป็นวีรบุรุษของชาตินานถึง 20 ปี แต่กระนั้นชาวเม็กซิโกและคนทั่วโลกก็ไม่เคยลืมเขา


ปานโช วีญ่า  เป็นลูกชายคนโต ของครอบครัวชาวนา เขาเติบโตมาท่ามกลางความแตกต่างของชนชั้นและความไม่เท่าเทียมกันในสังคม
เมื่อเขาอายุได้ 15 พ่อของเขาเสียชีวิต ทำให้ภาระตกอยู่ที่เขาในการหาเลี้ยงครอบครัวที่มีแม่ และน้องสาวอีก 3 คนให้ดูแล จนกระทั้ง
เขาอายุ 16 ปี วันหนึ่งในขณะที่เขากลับมาบ้านเขาพบว่าเจ้าของที่ดินกำลังข่มขืนน้องสาววัย 12 ขวบของเขา วิญ่าเลยคว้าปืนพก
ยิงเจ้าของที่ดินตายแล้วหนีไปยังภูเขา

ในระหว่าง 1894-1910 เขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการหนีเอาตัวรอดในหุบเขา ก่อนที่จะเริ่มรวบรวม สมัครพรรคพวก ตั้งตัวเป็น
หัวหน้าโจรโดยเขามักปล้นทรัพย์สิน เงินทอง แจกจ่าย คนยากจนเสมอทำให้กองกำลังของเขา เติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้าน
ยกย่องว่าโรบินฮู้ดสมัยใหม่ ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งวิญ่ามีความคิดที่จะปฏิวัติโดนการรบแบบกองโจรในการต่อสู้
กองกำลังของประธานาธิบดีปอร์ฟีรีโอ ดีอัซที่ทำให้เม็กซิโกประสบปัญหาความทุกข์ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เขาถูกจำคุกแต่สุดท้าย
ก็หนีมาได้ และออกจากเส้นทางปฏิวัติในปี 1920 แต่ก็เกษียณสั้นๆ ก่อนที่เขาจะถูกยิงตายเมื่อ 20 กรกฎาคม 1923



 
1.Phoolan Devi

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1520063458-0164.jpeg)

ผูลัน เทวี ( 10 สิงหาคม 1963 - 25 กรกฏาคม 2001)เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1963
ในแคว้นอุตระประเทศทางตอนกลาง
ของอินเดีย ในครอบครัวที่วรรณะต่ำที่ยากจน เธอแต่งงานขณะอายุ 11 ปีกับคนที่แก่กว่าเธอถึงสามรอบ แต่ต่อมาก็ถูกยกเลิกเพราะ
สามีคิดว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวของเขายากจนลง เธอจึงกลับไปหาครอบครัวแต่กระนั้นสิ่งที่ได้รับคือครอบครัวขอร้องให้
เธอฆ่าตัวตายเสีย เพื่อปกป้องชื่อเสียงและเกียรติยษของตระกูล เมื่อถึงเธออายุ 20 ก็ถูกทำร้ายทางเพศจากคนที่มีวรรณะสูงกว่า
ในหมู่บ้าน จนต้องหันมาใช้มาก่ออาชญากรรม


ในปี 1979 เธอถูกจำคุกในหมู่บ้านหมู่บ้าน Behmai ซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวก Thakurs วรรณะสูง  และแต่ละคืนในช่วงสองสัปดาห์
เธอก็ถูกรุมข่มขืน จนกระทั้งสามสัปดาห์ให้หลังเธอก็หลบหนีและตั้งกองโจรขึ้น

เกือบสองปีที่ ผูลัน เทวี ปล้นชาวบ้าน จนกระทั้งก็ถึงเวลาแก้แค้นของเธอเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1981 เธอกับพรรคพวกในแก๊ง
แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้าน Behmai และเรียกคนในหมู่บ้านออกมาพบ เธอบอกให้ส่งตัวคนที่ข่มขืนเธอ
เมื่อปี 1983 ออกมา แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ เธอเลยโกรธและได้สังหารคนในที่แห่งนั้นถึง 22 คนเสีย และนี้คือ
การสังหารหมู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยโจรแห่งอินเดีย

สองปีหลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนั้น พรรคพวกเธอหลายคนถูกยิงตายในการต่อสู้กับกลุ่มศัตรูคู่อาฆาต หรือไม่ก็ในการเผชิญหน้า
กับตำรวจ เธอทนไม่ไหวจึงได้เจรจาต่อรองที่จะยอมมอบตัวกับทางการเมื่อปี 1983 ในช่วงนั้นสุขภาพของเธอไม่ดี อีกทั้งลูกน้อง
สมาชิกส่วนใหญ่ของเธอก็ตายก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ได้รับโทษเบา หลังจากที่เธอได้รับจำคุก 11 ปี แล้วก็ออกจากคุกและยืนยันว่า
เธอได้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีและได้รับเลือกให้เข้ารัฐสภาอินเดีย และพยายามสร้างชื่อเสียงด้วยนโยบายช่วยเหลือผู้กดขี่ในประเทศ
อินเดีย

วันที่ 25 กรกฎาคม 2001 ผูลัน เทวี ถูกยิงในขณะที่ออกจากรถของเธอเพื่อไปที่อยู่อาศัยใหม่ในนิวเดลีและเธอก็สิ้นใจในเวลาต่อมา
โดยคนที่ฆ่าเธอสารภาพว่าเป็นการล้างแค้น 22 ชีวิตที่ถูกเธอฆ่าที่หมู่บ้าน Behmai และเรื่องราวประวัติชีวิตของเธอได้ถูกทำเป็น
ภาพยนตร์จนได้รับประสบผลสำเร็จในอินเดียและประเทศตะวันตก


 
ข้อมูลจาก
http://www.oddee.com/item_96687.aspx