-->

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคที่มากับเพศสัมพันธ์ ++ ซิฟิลิส  (อ่าน 1492 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

galumdok

  • คนธรรมดาๆ
  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 296
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
โรคที่มากับเพศสัมพันธ์ ++ ซิฟิลิส
« เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2012, 02:15:34 »

วันนี้ก้อเอาบทความมาฝากให้พี่ๆน้องๆ อีกสักเรื่องละกันครับ โรคใกล้ตัวเผื่อจะเอาไปสังเกตถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นกับเรา จะได้รักษาและป้องกันได้ทันนะครับ บทความเหล่านี้ ในยุคสัมยนี้หาง่ายครับ เนื้อหาไม่ค่อยต่างกันขึ้นกับว่า การเรียบเรียกจะทำให้อ่านง่ายหรือยากเท่านั้น  ส่วนการรักษา ผมไม่ขอยกมานะครับ เนื่องด้วยการรักษาในปัจจุบันมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลาอีกทั้ง เกรงว่าเมื่อบอกไปจะนำไปสู่การรักษาที่ไม่ถูกต้อง ถ้ามีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามวิธีการรักษา PM มาละกันครับ เผื่อเป็นแนว


ซิฟิลิส Syphilis
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Treponema pallidum เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกเช่น ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ปาก เยื่อบุตา หรือทางผิวหนังที่มีแผล เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้ากระแสเลือด และไปจับตามอวัยวะต่างๆทำให้เกิดโรคตามอวัยวะ โรคนี้แบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่
•   primary
•   secondary
•   latent
•   tertiary (or late)

คนเราติดเชื้อโรคนี้ได้อย่างไร

ทางเพศสัมพันธ์
•   เชื้อโรคสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ
•   เชื้อโรคจะติดต่อได้บ่อยในระยะ primary เนื่องจากระยะนี้จะไม่มีอาการ
•   ในระยะ secondary จะมีหูดระยะนี้จะมีเชื้อโรคปริมาณมากหากสัมผัสอาจจะทำให้เกิดการติดต่อ

การติดต่อทางอื่น
•   เชื้อจะอ่อนแอตายง่ายดังนั้นการสัมผัสมือหรือการนั่งโถส้วมจะไม่ติดต่อ
•   หากผิวหนังที่มีแผลสัมผัสกับแผลที่มีเชื้อก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ

จากแม่ไปลูก
•   เชื้อสามารถติดจากแม่ไปลูกขณะตั้งครรภ์และขณะคลอด

อาการของโรค

Primary Syphilis
ในระยะ primary รอยโรคจะปรากฏเป็นแผลริมแข็ง Chancre ซึ่งจะมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
•   หลังจากได้รับเชื้อ 10-90 วันจะมีตุ่มแดงแตกออกเป็นแผลที่อวัยวะเพศตรงบริเวณที่เชื้อเข้า
•   แผลมักจะเป็นแผลเดียว ไม่เจ็บ ขอบนูน ต่อมน้ำเหลืองจะโตกดไม่เจ็บ
•   ตำแหน่งที่พบได้บ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด ริมฝีปาก
•   แผลจะอยู่ 1-5สัปดาห์แผลจะหายไปเอง
•   แม้ว่าแผลจะหายไปแต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในกระแสเลือด
•   สำหรับผู้ที่เป็นโรคเอดส์ และมีขนาดใหญ่และมีอาการเจ็บมาก
•   การตรวจเลือกในช่วงนี้อาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30

Secondary Syphilis
•   ระยะนี้จะเกิดหลังได้รับเชื้อ 17วัน- 6 เดือน
•   ผู้ป่วยจะมีอาการอยู่ประมาณ 2-6 สัปดาห์แล้วจะหายไปแม้ว่าจะไม่ได้รับการรักษา
•   ต่อมน้ำเหลืองโต
•   ปวดตามข้อเนื่องจากข้ออักเสบ
อาการที่สำคัญมีดังนี้
•   มีผื่นสีแดงน้ำตาลที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ไม่คัน
•   ผื่นนี้สามารถพบได้ทั่วตัว
•   จะพบหูด Condylomata lata บริเวณที่อับชื้น เช่นรักแร้ ทวารหนัก ขาหนีบ
•   จะพบผื่นสีเทาในปาก คอ และปากมดลูก
•   ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
•   ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบาย
•   อาการเหล่านี้จะอยู่ได้ 1-3 เดือนหายไปได้เอง และอาจจะกลับเป็นซ้ำ
•   การตรวจเลือดในช่วงนี้จะให้ผลบวก

Latent Stage ระยะแฝง
•   ช่วงนี้ผู้ป่วยไม่มีอาการของโรค ช่วงนี้กินเวลา 2-30 ปีหลังจากได้รับเชื้อ
•   ในช่วงนี้จะทราบได้โดยการเจาะเลือดตรวจ
•   ในระยะนี้อาจจะเกิดผื่นเหมือนในระยะ Secondary Syphilis
•   ในระยะนี้หากตั้งครรภ์ เชื้อสามารถติดไปยังลูกได้

Late Stage (Tertiary)
•   ระยะนี้จะกินเวลา 2-30 ปีหลังได้รับเชื้อ
•   ระยะนี้เชื้อโรคจะทำลายอวัยวะต่างๆเช่น หัวใจและหลอดเลือด สมองทำให้อ่อนแรงหรืออาจจะตาบอด กระดูกหักง่าย
•   หากไม่รักษาให้ทัน อวัยวะต่างๆจะถูกทำลายโดยที่ไม่สามารถกลับเป็นปกติ
•   การตรวจเลือดอาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30

Congenital Syphilis
หมายถึงทารกที่ติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เด็กจะมีอาการดังนี้
•   เด็กจะมีอาการหลังคลอด 3-8 สัปดาห์
•   อาการอาจจะมีเล็กน้อยจนไม่ทันสังเกตเห็น ทำให้ไม่ได้รับการรักษา
•   เด็กโตขึ้นจะกลายเป็นระยะ Late Stage (Tertiary)

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นซิฟิลิส
การตรวจวินิจฉัยโรคนี้สามารถทำได้โดยการนำหนองจากแผล หรือเลือดไปตรวจหาตัวเชื้อ การตรวจเชื้อทำได้โดย

>>>>Darkfield Exam<<<<
•   การตรวจทำไดโดยการน้ำเหลืองจากแผลหรือผื่นที่สงสัยไปตรวจ
•   นำน้ำเหลืองนั้นไปส่องกล้องเพื่อหาตัวเชื้อ
•   การตรวจนี้สามารถวินิจฉัยได้ทั้งระยะ Primary Syphilis และ Secondary Syphilis

>>>>การตรวจเลือด<<<<
•   การเจาะเลือดตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิสทำได้ 2วิธีคือ
•   การเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส ได้แก่การเจาะ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) หรือ RPR (Rapid Plasma Reagent) หากให้ผลบวกต้องเจาะเลือดอีกเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
•   การเจาะเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโดยการเจาะ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption Test) หรือ MHA-TP (Microhemagglutination-Treponema Pallidum)

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เคยเป็นซิฟิลิสมาก่อนอาจจะให้ผลบวกหลอกโดยที่ไม่เป็นโรค
•   Cerebrospinal Fluid Test การตรวจน้ำไขสันหลังจะทำในรายสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อในระบบประสาท
สวยหล่อไม่เกี่ยว  อยู่ที่ซอยเปลี่ยว และ พละกำลัง

galumdok

  • คนธรรมดาๆ
  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 296
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: โรคที่มากับเพศสัมพันธ์ ++ ซิฟิลิส
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2012, 02:17:43 »
สวยหล่อไม่เกี่ยว  อยู่ที่ซอยเปลี่ยว และ พละกำลัง

galumdok

  • คนธรรมดาๆ
  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 296
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: โรคที่มากับเพศสัมพันธ์ ++ ซิฟิลิส
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2012, 02:18:28 »
สวยหล่อไม่เกี่ยว  อยู่ที่ซอยเปลี่ยว และ พละกำลัง

pheebar

  • รอง Global Moderator
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1435
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-1
    • ดูรายละเอียด
Re: โรคที่มากับเพศสัมพันธ์ ++ ซิฟิลิส
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2012, 13:31:39 »