cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: etatae333 ที่ 09 พฤศจิกายน 2018, 11:04:21

หัวข้อ: เหตุการณ์สังหารหมู่สุดโหดในประวัติศาสตร์ชาติอังกฤษ
เริ่มหัวข้อโดย: etatae333 ที่ 09 พฤศจิกายน 2018, 11:04:21
เหตุการณ์สังหารหมู่สุดโหดในประวัติศาสตร์ชาติอังกฤษ
cr. ทีมงานนักเขียนเด็กดี

เหตุการณ์สังหารหมู่ The Harrying Of The North
สังหารหมู่ด้วยวิธีเผาหมู่บ้าน เผาอาหารจนหมด

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996316-963.jpeg)

พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 แห่งอังกฤษหรือสมญานามว่า “วิลเลี่ยมผู้พิชิต”( William the Conqueror) ได้ประสบความสำเร็จในการ
ยึดครองอังกฤษในปี ค.ศ. 1066 แต่แม้จะได้ครองราชย์แล้ว พระองค์ก็ยังไม่หยุดแผ่ขยายอำนาจของตน เพราะต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จ
ผ่านไปสามปีหลังการครองราชย์ ก็เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เรียกกันว่า Harrying of the North ขึ้น

ในช่วงนั้นกลุ่มกบฎทางตอนเหนือของอังกฤษใช้เทคนิคกองโจร เข้าโจมตีพระเจ้าวิลเลี่ยมจากนั้นก็ถอยหนี พระเจ้าวิลเลี่ยมเจอเหตุการณ์นี้
อยู่ไม่กี่หนก็ตัดสินใจว่า เมื่ออีกฝ่ายเล่นแบบนี้ คงต้องให้วิธีโหดร้ายกลับ ช่วงนั้นคือปลาย ค.ศ. 1069 พระองค์ได้สั่งการให้ทหารเริ่มปฏิบัติการ
 “สังหารหมู่” โดยใช้วิธีเผาหมู่บ้านทางตอนเหนือไปทีละหมู่บ้าน และสังหารประชาชนทั้งหมด ไม่พอแค่นั้น พระองค์ได้ทำลายแหล่งอาหาร
ทั้งหมด เพื่อให้ผู้รอดชีวิตอดตายในช่วงฤดูหนาว

เชื่อกันว่าผู้คนที่ตายในเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้ รวมผู้เสียชีวิตมากถึง 100,000 ราย
 

 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Massacre Of Glencoe
การสังหารหมู่เพราะต้องการให้แสดงความจงรักภักดี

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996340-6868.jpeg)

ในปีค.ศ. 1692 ช่วงเวลา 15 ปีก่อนจะเกิดพระราชบัญญัติสหภาพระหว่างอังกฤษและสก็อตแลนด์ พระเจ้าเจมส์ที่ 7 แห่งสก็อตแลนด์
ต้องลี้ภัยไปยังฝรั่งเศส เนื่องจากพระเจ้าวิลเลี่ยมแห่งออเรนจ์ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางทั้งหลาย และมีอำนาจครอบครองอังกฤษอยู่
กลุ่มต่างๆ หรือที่เรียกว่ากลุ่มแคลน (Clan) ของสก็อตแลนด์สนับสนุนพระเจ้าเจมส์ที่ 7 และมอบอำนาจให้พระองค์เต็มที่

แน่นอนว่าพระเจ้าวิลเลี่ยมแห่งออเรนจ์ไม่พอใจ และได้ยื่นคำขาดให้สก็อตแลนด์สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ภายในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1692
ไม่อย่างนั้น ก็จะจัดการขั้นเด็ดขาด ทว่าบรรดาผู้นำกลุ่มแคลนยังเลือกที่จะภักดีต่อพระเจ้าเจมส์และเฝ้ารอให้พระองค์กลับคืนแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าเจมส์ได้ประกาศว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ โดยวันที่พระองค์เลือกประกาศคือ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1691 แต่ต้องใช้เวลา
นานถึง 16 วัน สารสำคัญนี้จึงมาถึงสก็อตแลนด์ เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะถึงกำหนดการสุดท้ายที่พระเจ้าวิลเลี่ยมได้ให้ไว้
การตัดสินใจเป็นไปอย่างล่าช้ามาก ประกอบกับผู้นำของกลุ่มแคลนอย่าง อลาสแตร์ แมคเคลน ใช้เวลานานในการครุ่นคิด กว่าจะเลือก
ประกาศว่าจะสวามิภักดิ์ ก็ล่วงเลยมาจนวันที่ 31 ธันวาคมแล้ว

จอห์น ดาลริมเพิล เลขานุการของสก็อตแลนด์เองมีแผนต้องการกำจัดอำนาจของกลุ่มแคลน ที่เป็นพวกไฮแลนเดอร์อยู่แล้ว จึงปฏิเสธ
สารสวามิภักดิ์ และปล่อยให้พวกแคลนต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง 12 วันต่อมา กองทัพจากอังกฤษก็มาถึง ในตอนแรก พวกแคลนไม่รู้
ด้วยซ้ำว่ากำลังจะโดนสังหาร พวกเขาต้อนรับกองทัพอังกฤษอย่างดี มอบที่พักพิงให้และดูแลต้อนรับขับสู้

จนกระทั่งคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ระหว่างพวกแคลนนอนหลับ พวกเขาก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น รวมถึงตัวอลาสแตร์ แมคเคลนด้วย
 

 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Massacre Of The Jews At York
ชาวยิวเป็นเหยื่อในทุกยุคสมัย

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996367-753.jpeg)

ที่อังกฤษนั้น มีการต่อต้านยิวมาตั้งแต่ช่วงยุคกลางแล้ว และในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1190 ก็ได้มีเหตุการณ์โหดร้าย เมื่อชาวยิวจำนวน 150 คน
ถูกสังหารหมู่ที่ยอร์ก จุดกำเนิดของเรื่องนี้ เริ่มจากชายสี่คนชื่อว่า วิลเลี่ยม เพอร์ซี่, มาร์เม็ดดุ้ก ดาเรลล์, ฟิลิป เดอ โฟคอนเบิร์ก และริชาร์ด มาเลบิสส์
ทั้งสี่ต่างเป็นคนโลภและมีปัญหาทางการเงิน พวกเขายืมเงินจากชาวยิวเป็นจำนวนมาก ยิ่งเห็นว่าหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวและเลือก
ที่จะกำจัดชาวยิวเพื่อล้างหนี้แทน

แต่พวกเขาไม่ได้เลือกสังหารแค่เจ้าหนี้ของตน แต่เลือกพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลี้ภัยชาวยิวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ชาวยิวเหล่านี้แอบอาศัยอยู่ในปราสาทของเมือง
และมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ในคืนวันที่ 16 มีนาคม ทั้งสี่คนรวมตัวกันฆ่าผู้หญิงและเด็กๆ จำนวนมาก จากนั้นก็เผาปราสาททิ้ง สังหารชาวยิว
มากกว่า 150 คน
 



เหตุการณ์สังหารหมู่ The Wihtwara Pagan Massacre
เรื่องศาสนาก็เป็นประเด็นสำคัญที่ให้เกิดการสังหารหมู่

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996384-5754.png)

ช่วงปีค.ศ. 686 พระเจ้าแคสเวลล่า (Caedwalla) แห่งเวสเซ็กซ์พิชิตหมู่เกาะไอล์ออฟไวต์ที่อยู่ทางชายฝั่งตอนใต้ของอังกฤษ หลังจากยึดอำนาจมาได้
พระเจ้าแคสเวลล่าพบว่าผู้คนบนเกาะล้วนแต่นับถือลัทธินอกศาสนา ด้วยความที่พระองค์ให้ความสำคัญกับศาสนาคริสต์มาก จึงต้องการให้ทุกคนเปลี่ยน
มานับถือศาสนาคริสต์ พระเจ้าแคสเวลล่ายื่นคำขาดว่า ถ้าไม่เปลี่ยนศาสนาก็จะต้องถูกสังหารจนหมด

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ประชากรทุกคนบนเกาะต่างทำหูทวนลมและไม่สนใจคำสั่งของพระองค์ ตามสถิติมีผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียวคือ น้องสาวของ
กษัตริย์ประจำเกาะ ที่อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็คเบิร์ตแห่งเคนท์ นอกนั้นถูกสังหารหมู่จนเกลี้ยงเกาะ
 



เหตุการณ์สังหารหมู่ The Betrayal Of Clannabuidhe
ความไม่ไว้วางใจนำมาซึ่งการสังหารหมู่

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996401-0812.jpeg)

สำหรับเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้ น่าจะใกล้เคียงกับ “เรดเวดดิ้ง” ในซีรี่ย์เกมออฟโธรน (ถ้าเคยดู) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1574 เป็นเรื่องราวของ
เซอร์ไบรอัน แมคเฟลิม โอนีล ผู้นำของกลุ่มโอนีล แคลนนาบอย แห่งไอร์แลนด์เหนือ ในช่วงปี ค.ศ. 1568 โอนีลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวิน
หกปีต่อมา เขาก็พบว่าตัวเองประทับใจ และชื่นชมประเทศอังกฤษจนถึงขั้นอยากสวามิภักดิ์ น่าเสียดายที่อังกฤษไม่ได้ชื่นชมโอนีลเหมือนกับที่เขาชื่นชม
ประเทศของตน และมองว่าโอนีลอาจเป็นสายคนสำคัญ ประกอบกับกลุ่มโอนีล แคลนนาบอย ของเขาเริ่มแข็งแกร่งจนน่ากลัว

เหตุการณ์เลวร้ายเริ่มขึ้นเมื่อโอนีลได้เชิญเอิร์ลแห่งซัสเซ็กซ์มาที่ปราสาทของตนเพื่อปรับความเข้าใจ ระหว่างงานเลี้ยงทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่ง
งานจบน่ะแหละ กองทัพอังกฤษจึงบุกเข้ามาและสังหารโอนีลกับครอบครัวและผู้มาร่วมงานจนหมด นับรวมได้มากถึงเกือบ 500 คน ทุกคนไม่มีอาวุธ
และไม่มีอันตราย ตัวโอนีล ภรรยา น้องชาย ถูกจับตัวไปยังปราสาทดับลิน โอนีลถูกแขวนคอ ภรรยาโดนถ่วงน้ำ ส่วนน้องชายถูกแยกร่างเป็นสี่ส่วน
 


 
เหตุการณ์สังหารหมู่ St. Brice’s Day Massacre 
โครงกระดูกที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 2008

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996416-1978.jpeg)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1002 จุดเริ่มต้นมาจากปัญหาระหว่างกษัตริย์ของเดนมาร์ก พระเจ้าสเวนที่ 1 และกษัตริย์อังกฤษ
พระเจ้าแอเธลเรด ด้วยความที่พระเจ้าแอเธลแรดกลัวการรุกรานของเดนมาร์ก จึงตัดสินใจว่าจะสังหารชาวเดนมาร์กทุกคนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ ตัวเลข
ของผู้เสียชีวิตนั้นไม่ปรากฏ แต่เชื่อกันว่ามีจำนานมากมายเกินนับได้

ผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ในออกซ์ฟอร์ด พระเจ้าแอเธลแรดได้เขียนข้อความเอาไว้ว่า
“พวกเดนมาร์กมีอยู่เป็นจำนวนมาก แพร่กระจายเหมือนฝูงหอย และควรถูกทำลายให้หมดสิ้นด้วยการสังหาร พวกเดน (มาร์ก)
ที่อาศัยอยู่ในอ็อกฟอร์ด พวกนี้หนีความตายมา เข้ามาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ ทำตัวเป็นผู้ลี้ภัย แต่สุดท้ายพวกเขา
เป็นพิษเป็นภัยต่อเรา”


ในปี ค.ศ. 2008 นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเซ็นต์จอห์นได้ตรวจพบกระดูกของผู้ชายราว 35 คนในโบสถ์ของอ็อกฟอร์ด เชื่อกันว่าพวกเขาเป็นชาวไวกิ้ง
 


 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Storming Of Bolton
พวกคลั่งเจ้าและพวกบูชาประชาธิปไตยมักจะมีปัญหากันเสมอ

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996434-1959.jpeg)

จากสถิติเชื่อกันว่าเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มีคนตายมากที่สุดในช่วงสงครามกลางเมือง 9 ปีของอังกฤษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ
วันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1644 เมื่อกลุ่มคาวาเลียร์ (พวกคลั่งเจ้า) ภายใต้คำสั่งของเจ้าชายรูเพิร์ต เข้าโจมตีกลุ่ม ราวด์เฮด (รัฐสภา) ที่เมืองโบลตัน
กองทัพของพวกคาวาเลียร์มีกองทหารม้า 2,000 นาย และทหารราบ 6,000 นาย

ในช่วงกลางดึกที่ฝนตกหนัก รูเพิร์ตนำกองทัพเข้าบุกและสังหารคนของฝั่งตรงข้ามไปมากกว่า 1,600 ราย ผู้เสียชีวิตมีทั้งคนไม่เกี่ยวข้อง
ที่ไม่ใช่ทหารและคนที่ปราศจากอาวุธ


 

เหตุการณ์สังหารหมู่ (จราจล) The Peterloo Massacre
การเมืองก็นำมาซึ่งการสังหารหมู่เช่นกัน

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996453-2011.jpeg)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1819 ในเขตแลงคาเชอร์ ช่วงเวลานั้น อุตสาหกรรมสิ่งทอกำลังขยายตัวไปทั่วตอนเหนือของอังกฤษ
และได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เจ้าของโรงงานจำต้องตัดคนงานออกถึง 2 ใน 3 เพื่อลดปัญหาค่าใช้จ่าย ไหนจะปัญหา
เรื่องกฏหมายอากรข้าวโพด ทำให้พืชผลราคาสูงจนเจ้าของโรงงานไม่มีเงินพอจะซื้ออาหารมาให้กับคนงาน

ผลกลายเป็นว่า คนงานจำนวนกว่าหนึ่งล้านคนในแลงคาเชอร์ต้องตกระกำลำบาก นักการเมืองอย่างเฮนรี่ ฮันท์ ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะเขา
ประกาศว่าจะจัดการกฎหมายนี้ ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1819 ผู้คนมากมายไปฟังฮันท์ปราศรัย ทุกคนต่างพาครอบครัวไปด้วย และเตรียมอาหาร
ไปปิกนิกกันอย่างครื้นเครง

น่าเสียดาย หลังปราศรัยไปได้ไม่นาน ฮันท์ก็ถูกจับ แน่นอนว่าประชาชนไม่ยอม พวกเขาปกป้องฮันท์เต็มที่ สุดท้ายบรรดาทหารม้าก็จำต้องทำร้าย
ประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้อง จำนวนผู้บาดเจ็บมีมากถึง 700 ส่วนจำนวนคนตายอยู่ที่ราวๆ 18-20 คน
 


 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Massacre Of Berwick
การเลือกข้างทำให้เกิดโศกนาฎกรรมได้เสมอ

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1541996468-9987.jpeg)
เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถมาร์กาเร็ตแห่งสก็อตแลนด์ หรือ มาร์กาเร็ต ราชนารีแห่งนอร์เวย์สวรรคตในปี ค.ศ. 1290 ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพระองค์
มอบราชสมบัติให้ผู้ใดปกครองต่อ ผลทำให้เกิดการแย่งชิงบัลลังก์ขึ้น มีผู้คนมากมายแสดงตัวว่าเป็นรัชทายาทสายตรง สุดท้ายแล้ว พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด
ที่หนึ่งแห่งอังกฤษได้เลือก จอห์น บัลลิออล (John Balliol) ลอร์ดแห่งแกลโลเวย์เป็นกษัตริย์แห่งสก็อตแลนด์

แน่นอนว่าเมื่อเป็นผู้เลือกให้เป็นกษัตริย์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้คาดหวังว่า จอห์น บัลลิออลจะสวามิภักดิ์และเป็นพันธมิตรกับพระองค์ ในช่วงสงคราม
ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส พระองค์ได้เรียกร้องให้บัลลิออลมอบกองทัพสนับสนุนอังกฤษ แต่บัลลิออลกลับปฏิเสธ ทั้งยังเข้าพวกกับฝั่งเศสด้วย
ผลทำให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกริ้วมาก และได้เลือกเบอร์วิค ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างสก็อตแลนด์กับอังกฤษ เป็นพื้นที่แห่งการล้างแค้น

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ไว้ชีวิตใคร ไม่ว่าลูกเล็กเด็กแดง เพศหญิงหรือชาย ตลอดการสังหารหมู่ทั้งสองวัน ว่ากันว่าเลือดจากร่างกายของชาวสก็อต
หลั่งรดแผ่นดิน มีผู้คนมากกว่า 7,500 ต้องล้มตาย พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกรีฑาทัพเข้าสก็อตแลนด์ และได้ชัยในสงคราม สุดท้ายบัลลิออลก็ต้อง
สละราชสมบัติ

 

ข้อมูลจาก

http://listverse.com/2017/07/19/10-historical-british-massacres-that-outdo-game-of-thrones/
https://en.wikipedia.org/wiki/Peterloo_Massacre
http://www.bbc.co.uk/history/scottishhistory/independence/intro_independence2.shtml
https://englishhistoryauthors.blogspot.com/2014/01/the-menai-massacre-last-outpost-of.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Bolton_massacre
https://www.historytoday.com/richard-cavendish/st-brice%E2%80%99s-day-massacre
https://en.wikipedia.org/wiki/Betrayal_of_Clannabuidhe