เริ่มเข้าเบรก
คอลัมน์ คุยนอกจอ โดย เอกราช เก่งทุกทาง ลิเวอร์พูล ผ่านเกมกับ แมนฯยู มาอย่างราบรื่นและมองไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ แม้จะเพิ่งแพ้ อาร์เซน่อล ตกรอบคาร์ลิ่งคัพก็คงไม่ระคายผิวอะไร
สิ่งที่ได้จากนัดชนะปีศาจแดงมีมากมาย รวมทั้งการได้เห็นคุณค่าของตัวประกอบอย่าง ลูคัส ดาวิด เอ็นก๊อก และ ยอสซี่ เบนายูน
ถ้าลิเวอร์พูลจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ทีมต้องใหญ่ มีตัวเลือก มีอ๊อพชั่นเยอะพอๆ กับ เชลซี, แมนฯยู จะมัวยึดติดกับ เจอร์ราร์ด-ตอร์เรส ทุกๆ นัดไม่ได้เด็ดขาด
ราฟา เบนิเตซ จึงต้องผลักดันคนอื่นๆ ในทีม ซึ่งรวมทั้งตัวสำรอง ตัวสอดแทรกให้ขึ้นมามีบทบาทมากกว่าเดิม, เท่าที่เห็นจากเกมล่าสุด ลูคัส พิสูจน์ตัวเองได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ดูมีราคามากขึ้น ขณะที่เอ็นก๊อกซึ่งลากโซโล่เดี่ยวเข้าไปพังประตูที่สองก็โชว์ความนิ่งให้เห็นว่า พอจะฝากความหวังไว้ได้เหมือนกัน
ส่วนเบนายูน ผมยกให้เป็นมิดฟิลด์หงส์แดงที่ก่อกวนคู่แข่งดีสุด ด้วยการลากเลื้อยจี้เข้าหา กดดันกองหลังได้ทุกทีม เขาเป็นกองกลางคนเดียวในชุดนี้ที่เล่นบอลด้วยเท้าได้พลิ้วสุดสุด
นี่ถ้า อัลแบร์โต้ อควิลานี่ กลับมาเล่นได้เต็มๆ เกม ลิเวอร์พูลจะยิ่งครบเครื่อง
อควิลานี่ ลงเตะกับอาร์เซน่อลในคาร์ลิ่งคัพช่วง 15 นาทีสุดท้าย และโชว์ฟอร์มให้ราฟากับเดอะค็อปชื้นใจพอหอมปากหอมคอ แต่ถ้าจะออกสตาร์ทตั้งแต่ต้นก็คงต้องรอซักต้นเดือนหน้าแหละครับ
นับจากเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องเร่งเครื่อง ทำเบรกชนะติดๆ ซัก 5-6 นัดเพื่อตามล่าจ่าฝูง จะปล่อยให้ เชลซี กับ แมนฯยูอยู่ห่างๆ อย่างตอนต้นฤดูกาลไม่ได้
ถ้าจะให้สวย เริ่มเข้าเบรกตั้งแต่นัดเยือน ฟูแล่ม เสาร์นี้เลยก็ดี
นี่คือเกมสำคัญพอๆ กับวันเยือน ลียง ในแชมเปี้ยนส์ลีกวันพุธ, หงส์แดงต้องต่อยอดจากวันชนะแมนฯยูเพื่อรักษาความต่อเนื่องในเกมและสร้างความฮึกเหิมให้นักเตะ
จะว่าไปการบุกชนะฟูแล่มตอนนี้ก็ไม่ใช่ง่าย เจ้าถิ่นเริ่มกลับมาเข้าฝัก ไม่แพ้ 3 นัดติดต่อกัน แถมยังได้สะสมไมล์จากการเล่นยูโรป้าลีก ทำให้ชั้นบอลไม่ห่างจากลิเวอร์พูลอย่างที่คิด
ล่าสุดที่บุกเสมอ แมนฯซิตี้ 2-2, ฟูแล่มฟอร์มดีกว่า น่าชนะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็เสียดายที่พลาดโอกาสด้วยปัญหาเดิมๆ คือ กองหน้าไม่เด็ดขาด ยิงลูกชี้เป็นชี้ตายพลิกเกมไม่ค่อยได้ ไม่งั้นจะรุ่งกว่านี้อีกเยอะ
ผมว่า เกมรวมๆ ฟูแล่มไม่ค่อยต่างจากลิเวอร์พูลหรอก ถ้าจะปิ๋วก็คงเป็นเพราะเฉียบขาดสู้ไม่ได้ ซึ่งก็น่าเห็นใจ เนื่องจากกองหน้าไม่มีใครใกล้เคียง เฟร์นานโด ตอร์เรส เลยซักคน
บอลสูสีๆ มักตัดสินตรงการฉวยโอกาส เกมลอนดอนดาร์บี้ "อาร์เซน่อล-สเปอร์ส" ก็น่าจะมาแนวเดียวกัน
ทั้งสองทีมนอกจากเก่งพอๆ กัน ยังมี 19 คะแนนเท่ากัน แถมสถิติที่เจอกันมา ยังกินกันยาก ทีมปืนใหญ่อาจดูเหนือกว่า ครบเครื่องกว่าแต่ทีมตราไก่ก็มักจะหาทางมาสู้ได้ดีเสมอ
สเปอร์สอาจไม่มี อารอน เลนนอน แต่เกมรับที่เหนียวแน่นกว่าทุกปีน่าจะช่วยสร้างสมดุลย์ได้ ยิ่งปีนี้กุนซือ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ เน้นให้เล่นแน่นอนเข้าว่า ยิ่งปิดจุดอ่อนในเกมรับไปเกือบหมด
++อาร์เซน่อลชนะในบ้านมาทุกนัดก็จริง แต่เรื่องจะเชือดไก่ง่ายๆ คงไม่ใช่มั้งครับ++
โปรแกรมแข่งพรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 31 ต.ค. อาร์เซน่อล-สเปอร์ส, โบลตัน-เชลซี, เบิร์นลีย์-ฮัลล์, เอฟเวอร์ตัน-แอสตัน วิลล่า, ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล, ปอร์ทสมัธ-วีแกน, สโต๊ก-วูล์ฟแฮมป์ตัน, ซันเดอร์แลนด์-เวสต์แฮม, แมนฯยูไนเต็ด-แบล๊คเบิร์น วันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. เบอร์มิงแฮม-แมนฯซิตี้
โปรแกรมถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์+ฟรีทีวี
คืนวันเสาร์ที่ 31 ต.ค. เวลา 22.00 น. โบลตัน-เชลซี(ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63, คลับซี ช่อง 109), เอฟเวอร์ตัน-แอสตัน วิลล่า(ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 1 ช่อง 66, คลับเอ ช่อง 110), ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล(ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับแอล ช่อง 107), แมนฯยูไนเต็ด-แบล๊คเบิร์น(ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับเอ็ม ช่อง 106), ซันเดอร์แลนด์-เวสต์แฮม(ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 2 ช่อง 67), สโต๊ก-วูล์ฟแฮมป์ตัน(ทรูสปอร์ต 4 ช่อง 62), เบิร์นลีย์-ฮัลล์(ทรูวิชั่นส์ 17 ช่อง 17), ปอร์ทสมัธ-วีแกน(ทรูวิชั่นส์ 99 ช่อง 99) เวลา 00.00 น. ยูเวนตุส-นาโปลี(ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61), รีล มาดริด-เกตาเฟ่(ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63, คลับซี ช่อง 109) เวลา 02.00 น. โอซาซูน่า-บาร์เซโลน่า(ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) เวลา 02.45 น. เอซี มิลาน-ปาร์ม่า(ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61)
คืนวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. เวลา 21.00 น. ฟิออเรนติน่า-คาตาเนีย(ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61) เวลา 23.00 น. เบอร์มิงแฮม-แมนฯซิตี้(ฟรีทีวีช่อง 3, ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแอล ช่อง 107, คลับซี ช่อง 109) เวลา 01.00 น. มาลาก้า-บาเลนเซีย(ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59)
ที่มา