15 มิย. 2552 12:50 น.
นายราชันย์ วีระพันธุ์ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวเชียงใหม่ถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤตเป็นอย่างมากตั้งแต่ปลายปี 2551 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยสาเหตุเกิดจากภาวะน้ำมันแพงพุ่งสูงถึงลิตรละเกือบ 50 บาท ตามด้วยวิกฤตทางการเมืองการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง-เสื้อเหลือง
นอกจากนี้ การเปลี่ยนไฟลท์บินไปมาระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ก็ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวเช่นกัน ส่งผลให้การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ซึมยาว โดยตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน จนส่งผลให้ภาคเอกชนค่อนข้างไม่สบายใจกับภาวะวิกฤตดังกล่าวเป็นอย่างมาก
สำหรับข้อมูลล่าสุด พบว่าโรงแรมระดับ 4 ดาวตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบันเหลืออัตราการเข้าพักเพียง 30% เท่านั้นลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีมากกว่า 85% หรือจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50% โดยที่แย่ที่สุดคงจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวพบว่าอัตราเข้าพักเหลือไม่ถึง 10% แต่โรงแรมขนาดเล็กที่มีขนาดห้องไม่เกิน 25 ห้อง หรือกลุ่มโรงแรมบูติค โฮเทล กลับมีอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยงสูงกว่า 70%
ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวลดลงเป็นอย่างมากเมื่อปรียบเทียบกับฐานข้อมูลจำนวนตัวเลขเมื่อปี 2550 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเชียงใหม่กว่า 5.4 ล้านคน เป็นชาวต่างประเทศ 2 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้น อัตราเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยวต่างประเทศประเภท Visitors ปกติจะเดินทางกลับมาเที่ยวซ้ำในประเทศไทยกว่า 53% แต่ในจำนวนดังกล่าวกลับมาเที่ยวที่เชียงใหม่ซ้ำเพียง 6% เท่านั้น ถือว่าน้อยมากจนน่าตกใจ
"เชียงใหม่เสียเปรียบการท่องเที่ยวจังหวัดอื่นเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ไม่น่าดึงดูดใจให้กลับมาเที่ยวซ้ำ ไม่เหมือนทะเล ที่ทุกคนในครอบครัวมีกิจกรรมที่สามารถร่วมกันทำได้ ข้อมูลล่าสุดที่จ.ภูเก็ต พบว่าจะมีเกี่ยวบินต่างประเทศบินตรงเพิ่มขึ้นอีก 3 สายการบินอีกด้วย" นายราชันย์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่แย่ไปกว่านั้นในช่วงนี้ของปี 2551 ที่เป็นช่วงกรีนซีซั่น เชียงใหม่เข้าสู่ช่วงฤดูฝน สภาพแวดล้อมเขียวขจีเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวอาหรับที่จะสามารถทดแทนนักท่องเที่ยวในช่วงปกติที่หายไปได้ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีนทท.กลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาหรือแม้แต่จองห้องพักหรือตั๋วเครื่องบินก็ยังไม่มีเลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เชียงใหม่จะกลับมาเฟื่องฟูเหมือนปี 2549 ที่มีการจัดงานราชพฤกษ์ 2549 อีกครั้ง