-->

ผู้เขียน หัวข้อ: The Original Night Stalker ต้นฉบับนักล่ายามวิกาล  (อ่าน 584 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18154
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
The Original Night Stalker ต้นฉบับนักล่ายามวิกาล
« เมื่อ: 16 มิถุนายน 2017, 11:03:47 »

The Original Night Stalker ต้นฉบับนักล่ายามวิกาล

ริชาร์ด รามิเรซ (Richard Ramirez) ฉายานักล่ายามวิกาล (The Night Stalker)
อาจเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อเสียง (เลวร้าย) ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ในช่วงกลาง
ทศวรรษที่ 1980 ด้วยผลงานสุดเลวร้ายด้วยการฆ่าคน 13 ราย จนสร้างความหวาดกลัว
ต่อลอสแอนเจลิสในเวลานั้น
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://goo.gl/gcxRPY)



แน่นอนว่าฉายานักล่ายามวิกาล นั้นมาจากฆาตกรรายนี้ชอบออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน
เวลาจะก่อคดีจะมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านเหยื่อ และเมื่อถึงเวลามันจะบุกเข้ามาในบ้าน และฆ่าเหยื่อ
ด้วยการใช้ปืน ใช้มีดพก, ค้อน ฯลฯ และยังชอบข่มขืน เหยื่อส่วนมากเป็นผู้หญิงมีทั้งวัยรุ่นและคนแก่

หลังการจับกุมรามิเรซ เขาไม่เคยแสดงความสำนึกผิดต่อข้อหาอาชญากรรมของเขาแม้แต่น้อย
ศาลจึงตัดสินให้ประหารชีวิต แต่สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ขณะรอประหารชีวิตในแคลิฟอร์เนีย

ริชาร์ด รามิเรซ อาจเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่หลายคนรู้จัก และเขาก็ถูกลงโทษตามกฎหมายและเสียชีวิตไปแล้ว
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ซึ่งเป็นช่วงที่รามิเรซก่อคดีนั้น ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฆ่าคน
อย่างน้อยสิบคนในภาคใต้ของแคลิฟอร์เนีย (อาจเป็น 13 ราย) และลักษณะการก่อคดีนั้นคล้ายกับของ
รามิเรซมาก คือบุกบ้านตอนกลางคืนและฆ่าเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม ไม่แปลกเลยที่ฆาตกรรายนี้จะถูกตั้งฉายาว่า
“ต้นฉบับนักล่ายามวิกาล”  (The Original Night Stalker) อันแสดงให้เห็นว่าฆาตกรรายนี้ก่อคดี
ก่อนริชาร์ด รามิเรซเสียอีก (รามิเรซก่อคดีเมื่อในช่วง 1984-1985 ส่วนเจ้าต้นฉบับนั้นก่อคดีครั้งแรก
เมื่อ 30 ธันวาคม 1979)


และที่น่ากลัวกว่ารามิเรซก็คือ เจ้าต้นฉบับนั้นไม่ถูกตำรวจจับ แม้จะมีผู้ต้องสงสัยหลายคนก็ตาม
แม้จะมีการใช้ดีเอ็นเอมาช่วยการสืบสวนแล้วก็ตาม เจ้าฆาตกรก็ยังคงลอยนวลจนบัดนี้

 



ตอนแรกๆ เจ้าต้นฉบับรายนี้ก่อคดีข่มขืนต่อเนื่อง ในนามของ “นักข่มขืนพื้นที่ตะวันออก” (East Area Rapist)
ทางทิศตะวันออกแซคราเมนโต (ในเขตแซคราเมนโต เคาน์ตี้และ คอนตรา คอสต้า เคาน์ตี้ ) ในช่วงปี 1976
ได้เกิดคดีข่มขืนมากถึง 50 ราย  โดยคนร้ายจะก่อคดีดักข่มขืนในทางเปลียว และต่อมาก็เปลี่ยนมาเป็นบุกบ้าน
โดยเจ้านักข่มขืนนี้ชอบใช้ความรุนแรงและชอบใช้ปืนข่มขืนเหยื่อ


เจ้านักข่มขืนคนนี้ค่อนข้างฉลาด เพราะมีการปิดหน้า สวมถุงมือเพื่อไม่ให้มีหลักฐาน แถมยังเลือกเป้าหมาย
ที่เป็นผู้หญิงคนเดียว  แต่ตอนหลังมันก็เริ่มย่ามใจก่อคดีแม้ว่าหญิงคนนั้นจะมีผู้ชายอยู่ด้วยก็ตาม

แน่นอนว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้นต่างหวาดกลัวและตื่นตระหนก หลายคนถึงขั้นซื้ออาวุธปืน และซื้อสัญญาณ
เตือนภัยเพื่อป้องกันภัยไว้บ้าง ส่วนนายอำเภอแม้จะพยายามสืบสวนและกวดขันระวังภัยแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถ
หยุดก่อคดีของนักข่มขืนรายนี้ได้เลย

เจ้านักข่มขืนก็คดีมาอย่างยาวนาน และมากมายรวมกว่า 49 คดี  จนกระทั่งถึงคดีที่ 50 วันที่ 1 ตุลาคม 1979
มันได้บุกบ้านในซานตาบาร์บาราเคาน์ตี้ ซึ่งเป็นบ้านของนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อข่มขืนสองคนในบ้าน 
มันร้องเพลง “ฉันจะฆ่าพวกเขา” จนผู้หญิงกรีดร้อง โชคดีที่เพื่อนบ้านที่เป็นเอฟบีไอได้ยินเสียงนี้
จึงเข้ามาช่วยได้ทัน แต่กระนั้นนักข่มขืนก็สามารถหนีไปได้อย่างหวุดหวิด 

ไม่รู้ว่าเพราะความล้มเหลวครั้งนี้หรือเปล่า เมื่อในเวลาต่อมา เจ้าข่มขืนได้เปลี่ยนสภาพตนเองเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
ฆ่าเหยื่อ 10 รายซ้อน ตั้งแต่ 30 ธันวาคม 1979 - 4 พฤษภาคม 1986






 
วันที่ 30 ธันวาคม 1979 เจ้านักข่มขืนพื้นที่ตะวันออกก่อคดีฆาตกรรมครั้งแรก เมื่อมันบุกเข้าไปยิง ด็อกเตอร์ โรเบิร์ต
ออฟเฟอร์แมน (Dr. Robert Offerman) ศัลยแพทย์กระดูกอายุ 44  และเดบรา อเล็กซานดร้า แมนนิ่ง
(Debra Alexandra Manning) นักจิตวิทยาอายุ 35 ขณะถูกมัดอยู่บนเตียง ในคอนโด ในโกลตา แม้ว่าเพื่อนบ้าน
จะได้ยินเสียงปืน แต่ก็ช่วยเหลือไม่ทัน เจ้าฆาตกรได้หนีไประหว่างทางก็ขโมยจักรยานคนหนึ่งเพื่อใช้หนี และตอนหลัง
มีการพบจักรวาลถูกทิ้งอยู่บนถนนทางทิศเหนือของทีเกิดเหตุ

วันที่ 13 มีนาคม 1980 ชาร์ลี สมิธ (Charlene Smith) อายุ 33 ปี และ ลีแมน สมิธ (Lyman Smith) อายุ 43 ปี
ที่กำลังจะกลายเป็นผู้พิพากษา ถูกพบเป็นศพบนเตียงในบ้านพวกเขาในเวนทูรา  ฆาตกรใจเหี้ยมได้ผูกมัดข้อมือข้อเท้า
ด้วยเชือกผ้าม่าน ก่อนที่จะใช้ท่อนไม้จากเตาผิงจากกองฟืนนอกบ้านมาเป็นกระบองทุบตีทั้งคู่จนตาย ชาร์ลีถูกข่มขืน
แต่ที่แปลกคือปมเชือกข้อมือที่ฆาตกรมัดของพวกเขานั้นมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร

ตำรวจยังคงสับสนกับคดีนี้เพราะทั้งชาร์ลีนและลีแมนมีศัตรูมากมาย ทำให้มีหลายคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย นักวิเคราะห์
ไม่สามารถเชื่อมโยงคดีนี้กับคดีก่อนหน้าได้ว่าเป็นคดีเดียวกัน ฆาตกรนำหน้าตำรวจได้ก้าวหนึ่ง

เหยื่อรายต่อมา 19 สิงหาคม 1980 นักศึกษาแพทย์ คีธ แฮร์ริงตัน (Keith Harrington) อายุ 24 ปี และ พยาบาล
แพทริค ฮาร์ริ่งตัน (Patrice Harrington) อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของเขา ถูกมัดและใช้กระบอกทุบจนตาย
ในบ้านของพวกเขาใกล้นาพอยด์ และแพทริคถูกข่มขืน

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1981 มานูล่า วิตตฮัฮน์ (Manuela Witthuhn) อยู่บ้านคนเดียวเพราะสามีของเธออยู่ในโรงพยาบาล
และเธอก็ถูกผู้บุกรุกฆ่าตายในบ้านของเธอเองในเออร์ไวน์ ร่างกายของเธอแสดงให้เห็นว่ามีการผูกมัด ฆาตกรได้ข่มขืนเธอ
ก่อนและใช้กระบอกไม่ก็อาวุธอะไรสักอย่างสังหาร

ในเดือนกรกฏาคม 1981 ฆาตกรก็ได้เหยื่ออีกคู่ เมื่อมันบุกมาบ้านของผู้หญิงเชอรี โดมิงโก (Cheri Domingo ) อายุ 35
มันจับเธอมัดพร้อมกับอดีตแฟนของเธอ เกรกอรี่ ซานเชซ (Gregory Sanchez )อายุ 27 ปี ฝ่ายหญิงถูกข่มขืน และทั้งคู่
ถูกตีตายด้วยกระบอง เชื่อว่าอาวุธนำมาจากเพิงเล็กๆ   หลังบ้าน และเชอรียิงช้ำ และพบศพในเวลาต่อมา แต่อย่างไรก็ตาม
การตายของทั้งคู่ถูกสันนิษฐานตอนแรกคือเป็นฝีมือของแก๊งท้องถิ่น และที่แปลกคือใกล้ที่เกิดเหตุมีสุนัขสีขาวตัวหนึ่ง
อยู่ด้วยเชื่อว่าเป็นของฆาตกรอยู่ด้วย

วันที่ 4 พฤษภาคม 1986  จาเนลเล ลิซ่า ครูซ (Janelle Lisa Cruz) อายุ 18 ปีก็ถูกฆาตกรบุกมาบ้าน
จัดการมัดและข่มขืน ทุบตี (อาจเป็นประแจทอ) จนตาย ในช่วงที่เธออยู่บ้านคนเดียว ขณะที่ครอบครัวของเธอ
เที่ยววันหยุดในเม็กซิโก

แม้ว่าฆาตกรจะฆ่า 10 รายซ้อน แต่ก็ไม่มีใครสังเกตว่าเป็นฝีมือของฆาตกรต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรเชื่อมโยงเลย
ยกเว้นการก่อเหตุและถูกฆ่าเหมือนกัน คือถูกบุกรุกเวลากลางคืน เหยื่ออยู่ในบ้านพวกเขา และถูกทุบ และถูกยิง
จนกระทั่ง ในปี 2001 มีการตรวจดีเอ็นเอกก็พบเรื่องน่าทึ่งว่านักข่มขืนตะวันออก และต้นฉบับนักล่ายามวิกาลนั้น
เป็นคนเดียวกันแน่นอน


สำหรับการตรวจดีเอ็นเอนั้น แม้ว่าคดีจะผ่านยาวนานถึง 30 ปี แต่หลักฐานยังอยู่ครบ ซึ่งมีถึง 50 ชิ้น มีทั้งผ้าห่อม
ผ้าคลุมเตียง คราบผมและน้ำอสุจิ สิ่งเหล่านี้เมื่อตรวจห้องแล็บอาชญากรรมก็สามารถเห็นผลเชื่อมโยงกันได้





ในช่วง 30 ธันวาคม 1979- วันที่ 4 พฤษภาคม 1986 ต้นฉบับนักล่ายามวิกาลได้ฆ่าเหยื่อไป 10 ราย และนอกจากนี้
ยังมีเหยื่ออีกสามรายที่ไม่มีหลักฐานชี้ชัดเชื่อมโยงว่าเป็นฝีมือของเจ้าต้นฉบับหรือเปล่า


นักวิเคราะห์ได้สันนิษฐานว่าฆาตกรต่อเนื่องรายนี้เป็นชายผิวขาว อายุประมาณ 26 ถึง 30 (ในช่วงก่อเหตุ) ค่อนข้าง
เป็นหนุ่มแต่งตัวดีแต่ไม่หรูหรามากนัก อีกทั้งยังเรียบร้อย จนมองไม่ออกว่าเป็นคนอันตราย  อาศัยหรือไม่ก็ทำงาน
อยู่ใกล้เวนทูรา แคลิฟอร์เนียในปี 1980

ชายผิวขาวคนนี้น่าจะมีประวัติชีวิตที่ไม่ดีนัก น่าจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ มีความรุนแรงทางเพศ น่าจะเริ่มเป็น
พวกถ้ำมองในช่วงวัยรุ่นอายุยี่สิบต้นๆ  และเป็นคนฉลาดอย่างร้ายกาจ เพราะรู้วิธีการสืบสวนของตำรวจ ทำให้มัน
ไม่ทิ้งหลักฐานสำคัญเอาไว้


นอกจากจะฉลาดแล้วยังน่ากลัว เพราะมีการพัฒนาจากนักข่มขืนมาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง จากเล็งเหยื่อคนเดียว มาเป็น
คู่ชายหญิง เวลาก่อเหตุเป็นตอนกลางคืน และรอให้เหยื่อเข้านอน จากนั้นก็ทำเป็นแกล้งมาปล้นเพื่อให้ผู้ตกเป็นเหยื่อ
ไม่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดมานัก ก่อนที่จะมักพวกเขา ข่มขืนผู้หญิง และฆ่าทั้งคู่แบบไร้ความปราณี

ที่น่าแปลกคือ ในปี 1986 หลังจากที่สังหารจาเนลเล ลิซ่า ครูซ การฆาตกรรมต่อเนื่องก็ได้หยุดลง เชื่อว่าฆาตกร
อาจตาย หรือไม่ก็ออกไปหาเหยื่อในพื้นที่อื่น หรือไม่ก็จำคุกคดีอาญาอื่น


แน่นอนว่าตลอดระยะเวลาสืบสวน ก็มีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นต้นฉบับนักล่ายามวิกาลอยู่ในแฟ้มตำรวจหลายคน
แต่ส่วนมากเป็นผู้ต้องสงสัยของคดีฆาตกรรมคดีเดียวในคดีนั้นๆ มากกว่า ไม่น่าจะเป็นคนที่สามารถก่อคดี
ฆาตกรรมต่อเนื่องได้ โดยรายชื่อผู้สงสัยบางส่วนก็เช่น


-เบร็ท แกสบี้ (Brett Glasby)
พ่อค้ายาเสพติดที่ ต้องสงสัยว่าเป็นคนฆาตกรรมจาเนลเล ลิซ่า ครูซ
หากแต่ยังไม่ทันได้สอบสวนเขาก็ถูกฆ่าตายเสียก่อน ในเม็กซิโกเมื่อปี 1982

- พอล  “คอร์นเฟด” สไนเดอร์ (Paul "Cornfed" Schneider) สมาชิกระดับสูงของกลุ่มภราดร
แห่งอารยัน (Aryan Brotherhood) ก่อคดีมามากมาย รวมถึงพื้นที่ก่อคดีของต้นฉบับนักล่ายามวิกาลด้วย
และหลังจากเขาติดคุกคดีต่อเนื่องก็หยุดลง ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ หากแต่ข้อสมมุติฐานนี้
ก็ถูกตัดไปจากการตรวจสอบดีเอ็นเอที่ผลปรากฏแน่ชัดว่าเขาไม่ใช่ต้นฉบับนักล้ายามวิกาล

-โจ แอลซิป (Joe Alsip) นักธุรกิจเพื่อนของชาร์ลี สมิธ และ ลีแมน สมิธ ในคืนก่อนเกิดเหตุเขามาเยี่ยมบ้าน
และนอกจากนี้คำให้การของบาทหลวงท่านหนึ่งได้อ้างว่าเขามาสารภาพบาปว่าเป็นคนฆ่าทั้งสองตาย
อย่างไรก็ตามหลังจากมีการไต่สวนก็พบว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์

ในปี 2002 นักข่าวคนหนึ่งได้เขียนหนังสือพิมพ์ สันนิษฐานเกี่ยวกับตัวฆาตกรต้นฉบับนักล่ายามวิการว่า
เป็นไปได้หรือไม่ว่าฆาตกรต่อเนื่องนี้ที่หยุดก่อเหตุ เพราะถูกจับในข้อหาอื่น ถูกขังในคุกของแคลิฟอร์เนีย
และน่าจะเป็นนักโทษประหารคดีร้ายแรง และถูกประหารไปแล้ว โดยที่ไม่ได้รับการเชื่อมโยงกับคดี
ฆาตกรรมต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามข้อสันนิษฐานนี้ก็ตกลงไป เพราะมีการตรวจดีเอ็นเอย้อนหลังของนักโทษประหาร
ก็ไม่มีใครตรงกับต้นฉบับนักล่ายามวิการแม้แต่น้อย


ทุกวันนี้คดีนักข่มขืนพื้นที่ตะวันออก และคดีฆาตกรรมต่อเนื่องต้นฉบับนักล่ายามวิการ ก็ยังไม่คลี่คลาย
และไม่รู้ชะตากรรมฆาตกรตัวจริงว่าตอนนี้อยู่แห่งหนใด จะเป็นหรือตาย และมันจะกลับมาอีกหรือไม่!?

 
 
อ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/Original_Night_Stalker
http://criminalminds.wikia.com/wiki/The_Original_Night_Stalker
http://www.crimelibrary.com/blog/2013/12/02/who-is-he-the-original-night-stalker-killed-13-and-raped-50-but-was-never-caught/index.html
http://earonsgsk.proboards.com/
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 มิถุนายน 2017, 09:22:10 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

nameispop

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 104
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: The Original Night Stalker ต้นฉบับนักล่ายามวิกาล
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2017, 23:03:07 »

ขอบคุณครัชชช

น้ำขิง

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 462
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: The Original Night Stalker ต้นฉบับนักล่ายามวิกาล
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2017, 22:27:37 »

นักล่ายามวิกาล ชื่อนี้สวยแต่โหด