เรื่องเล่าสุดประหลาด แห่งดินแดนหลังม่านเหล็กcr. พี่น้ำผึ้ง@dek-d
หลุมประหลาดในป่าแถบไซบีเรียเมื่อไม่นานมานี้ มีเว็บไซต์จำนวนมากรายงานว่า มีหลุมประหลาดโผล่ขี้นแถบตอนเหนือของไซบีเรีย มีทฤษฎีมากมาย
ที่พยายามอธิบายเรื่องนี้ตั้งแต่มนุษย์ต่างดาวเป็นคนทำหลุมอุกกาบาต, พวกมือบอนสร้างเรื่องปั่นหัวคนอื่น ภาวะโลกร้อน
กระทั่งการสะสมของก๊าซธรรมชาติที่อาจกำลังจะระเบิด ผู้คนส่วนมากเชื่อว่ามันคือก๊าซธรรมชาติ เพราะหลังจากที่มี
หลุมประหลาดผุดขึ้นมา ชาวบ้านละแวกนั้นก็มักจะเห็นแสงประหลาดและควันลอยขึ้นมา นักวิจัยหลายคนบอกว่า
บางทีอาจเป็นเพราะผืนโลกรอบๆ หลุมผลักสารอะไรสักอย่างขึ้นมาหลุมนี้ลักษณะเป็นรูปทรงกรวย ความลึกราวๆ 100 เมตร ซึ่งก็ทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย นักวิจัยคนนึงบอกว่าหลุมนี้
ไม่น่าจะทำโดยมนุษย์ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากธรรมชาติเช่นกัน อ้าว ยังไงกันล่ะเนี่ย หลุมประหลาดนี้ บางคนบอกว่า
เกิดขึ้นในปี 2013 แต่ถ้าดูจากอายุพืชที่ขึ้นรอบๆ หลุม ดันพบว่าเกิดก่อนปี ค.ศ. 2013 ซะอีก ทุกวันนี้ยังไม่มีใครหา
คำตอบได้เลยค่ะว่าหลุมนี้เกิดขึ้นได้ยังไง
รถโวลก้าสีดำถ้าฟังชื่อก็ดูเหมือนว่าเป็นแค่รถโบราณสีดำธรรมด๊า ธรรมดาใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าคอเรื่องเล่าสยองขวัญจะต้องรู้จักแน่ๆ!
ตำนานรถสยองนี้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงสงครามเย็น สมัยที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียตอยู่นั่นเองเรื่องเล่ามีอยู่ว่าถ้ารถโวลก้าสีดำขับเข้าไปใกล้ใคร โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง คน ๆ นั้นจะถูกลักพาตัวและหายไปตลอดกาล
บ้างเชื่อว่าปีศาจร้ายเป็นคนขับ บ้างก็เชื่อว่าเป็นแผนการของรัฐบาลที่จะลักพาตัวผู้ที่กุมความลับ เพราะว่ารถโวลก้า
ในสมัยนั้นราคาแพงมากๆ ต้องเป็นนักการเมืองที่มีอำนาจมากจริงๆ ถึงจะเป็นเจ้าของได้ บางคนก็เชื่อว่าเป็นการลักพาตัว
ผู้หญิงเพื่อไปให้พวกทหารข่มขืน บางคนก็เชื่อว่าเพื่อฆ่าและนำอวัยวะไปใช้ในโครงการของรัฐบาล
น่ากลัวมากๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะปัจจุบันพบเห็นได้ยากแล้วล่ะ
อเลสเฮนกาช่วงฤดูร้อนปี 1996 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของรัสเซีย หญิงชราสติไม่สมประกอบนามว่าทามาราได้พบเด็กทารกคนนึงในป่า
เธอพาเขากลับไปที่อพาร์ทเมนต์และตั้งชื่อเด็กน้อยคนนั้นว่า อเลสเฮนกา แต่ลูกสาวของหญิงชราบอกว่าเด็กทารกคนนี้
ไม่ใช่มนุษย์ เพราะไม่เคยขยับปากเวลากินอาหาร!ด้วยความสงสัย ลูกสาวของหญิงชราก็เลยพาเพื่อนไปที่อพาร์ทเมนต์อีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้เด็กทารกได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว
พวกเขาเลยส่งเด็กให้ วลาดิเมีย เบนดลิน ตำรวจท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบ เบนดลินได้ส่งศพทารกให้นักวิจัยสองท่าน
คนแรกคือ Dr. Irina Yermolaeva ที่บอกว่าทารกคนนี้พิการ ส่วนอีกคนคือ Lyubov Romanowa ซึ่งเชื่อว่าทารกคนนี้
ไม่ใช่มนุษย์ หลังจากนั้นไม่นาน ทามาราก็เสียชีวิตด้วยอาการประหลาด รายการโทรทัศน์ได้เปิดเผยเทปของเบนดลิน
ขณะที่เขาพูดคนเดียว
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะผลการตรวจสอบล่าสุดพบว่า อเลสเฮนกา
เป็นเพียงแค่ตัวอ่อนของมนุษย์เท่านั้นแหละ บาบ้า ยากา และ Koschey ผู้เป็นอมตะบาบ้า ยากา เป็นแม่มดของชาวสลาฟ ชาวรัสเซียบางส่วนเชื่อว่าเธอคือปีศาจร้าย เธออาศัยอยู่ในกระท่อมไม้ที่สร้างอยู่บนเสา
รูปร่างขาไก่ในป่า เสาแต่ละต้นจะมีหัวกะโหลกเสียบอยู่ รั้วก็ทำมาจากซี่กระดูก และไม่มีใครรู้ว่ากระท่อมนั้นอยู่ไหน แต่ถึงอย่างนั้น
แค่เราพูดว่า “หันหลังกลับไปที่ป่า เธออยู่ตรงหน้าฉัน” กระท่อมของบาบ้า ยากาก็จะปรากฏขึ้นมาทันที!มีผู้คนมากมายต้องการเจอบาบ้า ยากา เพราะตำนานเล่าว่าเธอรู้วิธีที่จะคงความเยาว์วัยไปชั่วนิรันดร์ด้วยยาวิเศษที่มีแค่เธอเท่านั้น
ที่รู้สูตร บาบ้า ยากาก็เลยเป็นแม่มดที่สาวและอ่อนวัยมากๆ นอกจากนี้ หนึ่งในเพื่อนคนสำคัญของเธอก็คือ Koshchey ผู้เป็นอมตะไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาของ Koshchey เป็นยังไง แต่หลาย ๆ คนก็เชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูก เพราะคำว่ากระดูกในภาษารัสเซีย
คือ Kost นั่นเอง มันมีความสามารถพิเศษคือสามารถสลายตัวไปกับลมได้ อีกทั้งยังมีเสียงร้องอันน่าขนลุกเมื่ออยู่กับศัตรู
แต่มีเสียงไพเราะยามต้องขับกล่อมให้หญิงสาวนอนหลับก่อนจะลักพาตัวไป สิ่งเดียวที่ฆ่า Koshchey ได้คือเข็มวิเศษที่ซ่อนอยู่
ใต้มหาสมุทร ซึ่งเข็มนี้จะทำลายเวทมนตร์ และสลายวิญญาณของมัน
โอ้โห แฟนตาซีมาก ๆ เลยนะเนี่ย
บันทึกของสองพี่น้อง จูดิคา-คอร์ดิเกเลียคิดว่าบางคนคงรู้จักบันทึกของอชิลลีและไกแอน สองพี่น้องตระกูลจูดิคา-คอร์ดิเกลีย ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ช่วงต้นทศวรรษ 1960
เพราะพวกเขามีความสามารถด้านการดักฟังสัญญาณ จนรู้ข้อมูลลับมากมายทั้งเรื่องสงครามอวกาศของรัสเซีย รวมถึงเรื่องผู้หญิง
คนแรกที่ได้ไปเยือนอวกาศเสียงเหล่านี้ถูกบันทึกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1960 ซึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่รัสเซียส่งนักบินอวกาศไม่ทราบชื่อ
ขึ้นไปบนอวกาศ สองพี่น้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้ได้รับภารกิจให้โคจรรอบโลก 17 ครั้ง และเสียงที่ว่าก็ได้บันทึกช่วงสุดท้ายในชีวิต
ของเธอไว้ได้พอดี โดยในบันทึกเสียงนั้น เธอบ่นว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นและดูเหมือนเธอกำลังจะชนอะไรสักอย่างนี่เป็น 1 ใน 9 บันทึกที่ได้รับการเผยแพร่ และแสดงให้เห็นว่ามีผู้คนมากมายที่สละชีวิตเพื่อให้รัสเซียชนะในสงครามอวกาศครั้งนี้
ซึ่งแน่นอนว่าทางรัสเซียต้องออกมาปฏิเสธ แต่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1960 TASS ได้รับการบันทึกว่ามีดาวเทียมพุ่งชนโลก
และศพของนักบินอวกาศข้างในน่าจะเป็นผู้หญิง
อื้อหือ... จะโกหกทั้งที น่าจะเห็นใจคนที่เสียสละเพื่อประเทศหน่อยเนอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://siberiantimes.com/science/casestudy/news/n0302-startling-changes-revealed-in-mystery-craters-in-northern-siberia/http://almanacofmerriment.blogspot.fi/2007/06/rusalka-week-or-week-of-love-sickness.htmlhttp://www.ancient-origins.net/myths-legends-europe/baba-yaga-confounding-crone-slavic-folklore-002836?qt-quicktabs=2&page=0%2C1https://skeptoid.com/episodes/4115