-->

ผู้เขียน หัวข้อ: นักเย็ดศพในตำนาน Carl Tanzler เส้นขั้นบางๆของคำว่ารักและโรคจิต  (อ่าน 793 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18154
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

นักเย็ดศพในตำนาน Carl Tanzler เส้นขั้นบางๆของคำว่ารักและโรคจิต



คาร์ล แทนซ์เลอร์ เป็นนักรังสีวิทยาประจำโรงพยาบาลนาวิกโยธิน ในเมืองคีย์เวสต์ รัฐฟลอริดา วันหนึ่งเขาเกิดนิมิตว่า
ภรรยาคนปัจจุบันนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ แต่หากอดใจรอเขาจะได้พบกับคนที่เป็นคู่แท้ในเวลาอีกไม่นาน

คาร์ลไม่เหมือนนักฝันคนอื่นๆ ที่วันๆ เอาแต่นั่งวาดวิมานในอากาศ เพราะหากเขาฝันถึงสิ่งใดเขาจะทำมันให้เป็นความจริง
เหมือนอย่างที่ฝันอยากจะเป็นนักประดิษฐ์ เขาก็ลงมือสร้างเครื่องมือที่ซับซ้อนเป็นผลสำเร็จทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เรียนจบ
สาขาวิชาทางด้านนี้แต่อย่างใด

ในช่วงปี 1920 แทนซเลอร์ คาร์ล เป็นคนเยอรมัน แต่งงานกับดอริสและมีลูก 2 คน ก่อนจะนั่งเรือมาฟลอริด้ามาอาศัย
กับน้องสาวที่เมืองเซเฟอร์ฮิล ฟลอริด้า ในปี 1926 โดยภรรยากับลูกสาวตามมาภายหลัง และปีถัดมา 1927 เขาก็ได้
งานเป็นนักรังสีวิทยาในโรงพยาบาลทหารเรือที่เมืองคีย์เวสต์ ฟลอริด้า แต่ใช้ชื่อว่า คาร์ล ฟอน โคเซล


เมื่อได้ที่พักอาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง คาร์ลก็เดินทางไปรับภรรยาและบุตรสาวมาตั้งหลักปักฐานที่ฟลอริดา แต่ระหว่าง
การเดินทางนั้นเอง คาร์ลเกิดนิมิตเห็นหญิงสูงศักดิ์นามว่า เคาท์เตสส์ แอนนา คอนสแตนเตีย ฟอน โคเซล
(Countess Anna Constantia von Cosel) เธอบอกกับคาร์ลว่าเขาไม่ใช่สามัญชน หากแต่เป็นทายาทเลือดสีน้ำเงิน
มียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงท่านเคาท์คาร์ล แทนซ์เลอร์ ฟอน โคเซล และหญิงที่เขาแต่งงานด้วยนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ ผู้ที่เกิดมา
สำหรับเขานั้นเป็นหญิงพื้นเมือง มีดอกกุหลาบปักบนผมสีดำ

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเดินทางมาถึงฟลอริดาไม่นาน คาร์ลก็หย่าร้างกับภรรยาคนปัจจุบัน รอคอยวันพบกับคู่กรรมที่เห็นในนิมิต
ระหว่างนั้นเขาก็นำประกาศนียบัตรปลอม 9 ใบไปสมัครเป็นช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญทางแบคทีเรียประจำโรงพยาบาล
นาวิกโยธินในเมืองคีย์เวสต์ อย่างที่บอกไว้ว่าคาร์ลไม่ได้เป็นแค่นักฝันกลางวันทั่วๆ ไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้จบการศึกษา
ตามที่กล่าวอ้าง แต่เขาก็มีความสามารถซ่อมแซมเครื่องเอ๊กซเรย์ของโรงพยาบาลและประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการแพทย์
หลายชนิด ผู้คนจึงคิดว่าเขามีความรู้ความสามารถในสาขาวิชาต่างๆ ตามใบประกาศนียบัตรปลอม

ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา ได้กล่าวถึงวัยเด็กในขณะที่เขาเดินทางจากเยอรมันเพื่อไปเมืองเจนัว ในอิตาลี ซึ่งเขา
อ้างว่าบรรพบุรุษของเขานามว่า Countess Anna Constantia von Cosel มาหาเขา และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขา
หลงใหลในผู้หญิงผมดำรักข้างเดียวของแทนซเลอร์ เกิดขึ้นราวเดือนเมษายน ปี 1930 ขณะที่เขาทำงานในโรงพยาบาล
ทหารเรือในคีย์เวสต์


เขาได้พบกับสาวอเมริกันเชื้อสายคิวบานามว่า Maria Elena Milagro de Hoyos หรือ Helen ซึ่งแม่ของเธอพามา
พบหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ การที่เขาได้เจอเฮเลนซึงเหมือนกับลักษณะบรรพบุรุษของเขาที่เคยเจอ นั้นก็แน่นอนว่า
เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย



ในช่วงปี 1920 ถึงราวๆปี 1950 ปลายๆ เป็นช่วงที่วัณโรคเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายและคร่าชีวิตคนจำนวนมากในอเมริกา
จนถึงขนาดต้องตั้งโรงพยาบาลรักษาวัณโรคโดยเฉพาะและมีการแยกผู้ป่วยนี้จากโรคอื่นๆ มีคนป่วยมากจนถึงขนาดโรงพยาบาล
บางแห่งในช่วงที่มีผู้ป่วยมากสุด รับผู้ป่วยเกือบ 2-5 พันคน ทั้งๆ ที่ความจุจริงๆในพยาบาลขนาดใหญจุได้เพียงพันเตียงเท่านั้น
แต่ส่วนใหญ่กับรับคนไข้เรื่อยๆเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่หาย ตายสถานเดียว


แน่นอนว่าโรคที่เฮเลนเป็นนั้นคือ วัณโรค ซึ่งคร่าชีวิตคนในตระกูลของเธอไปเกือบหมด และก็เข้าทางแทนซเลอร์ เขาเสนอ
วิธีการรักษาต่างๆ นานา รวมถึงนำอุปกรณ์รักษาต่างไปให้เฮเลนถึงที่บ้าน และยังให้ของขวัญรวมถึงเสื้อผ้าให้เฮเลนด้วย
แต่ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้แน่ชัดว่า เฮเลนรู้สึกยังไงกับชายคนนี้

คาร์ลเสนอตัวขอทำหน้าที่รักษาอีเลน่า แม้ทางโรงพยาบาลจะลังเลในตอนแรก แต่ด้วยความที่คาร์ลมีประกาศนียบัตร (ปลอม)
ถึง 9 ใบ ประกอบกับความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องมือทางการแพทย์ อีกทั้งทีมแพทย์เองก็ไม่สามารถรักษาโรคร้ายนี้ได้
ดังนั้น มันก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว โรงพยาบาลและครอบครัวของอีเลน่าจึงอนุญาต



ถึงแม้จะมีความปรารถนาดีอย่างแรงกล้าและมีความสามารถในการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ แต่คาร์ลก็ไม่มีความรู้ทางการแพทย์
สักเท่าไรนัก เขาลองผิดลองถูกรักษาอีเลน่าด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตบ้าง ปรุงยาสมุนไพรผสมสารเคมีนานาชนิดตามแต่
ที่จะคิดได้ แต่อีเลน่าก็ไม่มีทีท่าจะมีอาการดีขึ้น

ระหว่างทำการรักษา คาร์ลได้นำเสื้อผ้า เพชรนิลจินดาไปประเคนให้กับอีเลน่าเป็นประจำ และถึงกับเอ่ยปากขอแต่งงาน
กับเธอ แต่อีเลน่าไม่ได้ตอบรับ ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากตามกฎหมายแล้วเธอยังเป็นภรรยาของหลุยส์จะเป็นเพราะโรคร้าย
กำเริบหรือการรักษาด้วยวิธีพิสดารพันลึกก็ตามแต่

ความพยายามของแทนซเลอร์ไม่เป็นผล ในที่สุดเฮเลนก็สิ้นลม จากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1931 ด้วยวัย
เพียง 22 ปีเท่านั้น และเขาเป็นธุระจัดการจ่ายเงินค่าทำศพรวมถึงทำสุสานเก็บศพให้เฮเลนด้วย คาร์ลออกแบบ
ให้มันเลิศหรูอลังการและแถมยังแอบติดตั้งโทรศัพท์สายตรง เพื่อจะได้คุยกับเธอได้ ทุกคืนแทนซเลอร์จะไปหาเฮเลน
จนกระทั่งเดือนเมษายน ในปี 1933 เขาจัดการนำศพเธอออกมาและนำกลับไปอยู่บ้านกับเขา โดยใช้รถลากเด็กเล่น
บรรทุกศพไปตอนกลางคืน ซึ่งเขาอ้างว่าวิญญาณของสาวเฮเลนตามมาอยู่กับเขาและร้องเพลงเป็นภาษาสเปนให้ฟังด้วย



ถ้าวันไหนเขาไม่สามารถไปได้ คาร์ลใช้โทรศัพท์สายตรงโทรศัพท์พูดคุยกับอีเลน่าตั้งแต่ค่ำจนถึงรุ่งสาง
ในที่สุดเขาก็แทบจะไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาล ทำให้เขาถูกเชิญออกจากงานในปี 1933

เมื่อไม่ต้องไปทำงาน คาร์ลก็มีเวลาอยู่กับคนรักมากขึ้น อีเลน่าบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน
คาร์ลจึงแอบลักลอบนำโลงศพขึ้นรถลากด้วยตนเอง แต่เมื่อรถลากพ้นเขตสุสานออกมา น้ำหนักที่แท้จริง
ของโลงก็แผลงฤทธิ์ทำให้รถลากหักโค่น โลงศพตกลงมากระแทกพื้นถนน

แม้ปราศจากรถลากแต่คาร์ลก็ยังรวบรวมพละกำลังลากโลงศพมาตามถนนตามลำพัง เขานำร่างของอีเลน่าทอดลงบนเตียงนอน
เวลาที่ล่วงเลยมาถึง 2 ปี ประกอบกับแรงกระแทกเมื่อครู่ ทำให้ร่างของอีเลน่าหลุดออกเป็นชิ้น ๆ แต่คาร์ลก็ไม่ยอมแพ้
นำสายเอ็นจากเปียโนมามัดกระดูกให้ต่อเข้าด้วยกัน ใช้ขี้ผึ้งและปูนขาวปะผุตามร่างกาย ผสมน้ำยาเคมีชะโลมร่างให้มีกลิ่น
เหมือนเนื้อหนังมนุษย์



ในความจริงตายไป 2 ปีแล้ว ร่างกายก็เน่าหมดแล้ว แต่แทนซเลอร์เขาใช้กรรมวิธีประกอบร่างดังนี้

-ประกอบกระดูกเข้าด้วยกันโดยใช้ลวดและไม้แขวนเสื้อ
-ลูกตาใช้แก้วตาปลอม
-หนังใช้ผ้าไหมชุบด้วยขี้ผึ้งให้เปียกโชกและปูนปลาสเตอร์ด้วย
-ส่วนผมทำจากวิกซึ่งเขาได้ผมมาจากแม่ของเฮเลนที่เก็บไว้และมอบให้เขาหลังจากฝังเฮเลนในปี 1931 ได้ไม่นาน
-ส่วนช่วงท้องและอก ใช้ผ้ายัดไว้ให้คงรูปและจับเธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรง เครื่องประดับ ถุงมือ ตามสมัยนิยม
  แล้วนำเธอนอนบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ฉีดน้ำหอมของน้ำยารักษาศพ เพื่อไม่ให้กลิ่นโชย


ความแตกเมื่อปี 1940 เมื่อน้องสาวของเฮเลนได้ข่าวว่าแทนซเลอร์อยู่กับศพพี่สาวตัวเอง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจค้น
และพบศพพี่สาวนอนอยู่บนเตียง และแทนซเลอร์ถูกจับในข้อหาทำลายหลุมศพและย้ายศพออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่ก็ถูกปล่อยตัวไปเนื่องจากหมดอายุความ




ในตอนที่มีการพบศพ ทางเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพและพบท่อกระดาษในบริเวณช่องคลอดของศพเพื่อให้สามารถมี
เพศสัมพันธ์กับศพได้ แต่การชันสูตรดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยและแพทย์ที่ชันสูตรศพของเฮเลนได้ออกมาพูดในปี 1972
ซึ่งคดีหมดอายุความไปแล้ว ทำให้ยังมีคำถามค้างคาว่าตกลงเขามีอะไรกับศพจริงหรือไม่

หลังจากชันสูตรศพของเฮเลนแล้ว มีการนำกลับไปฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสองขึ้นมาอีก
คาร์ลถูกจับและถูกส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาล



แพทย์ลงความเห็นว่าเขาป่วยเป็นโรคจิต แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คาร์ลหลุดจากคดีขโมยศพ หากแต่เขาหลุดเพราะ
คดีหมดอายุความ ส่วนร่างของอีเลน่าถูกนำไปตั้งแสดงให้สาธารณชนได้ชมในสุสาน ดีน-โลเปซ ระยะหนึ่งก่อนที่จะ
นำไปฝังที่สุสานคีย์เวสต์อีกครั้งตามคำร้องขอของญาติ

คาร์ลย้ายบ้านไปอยู่ที่เมืองปาสโค แต่ความรักอมตะยังไม่หมดไป เขาสร้างหุ่นขึ้ผึ้งเท่าตัวจริงของอีเลน่าและอาศัย
อยู่กินกับเธออย่างลับๆเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งมีคนไปพบเขานอนเสียชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของอีเลน่าภายในบ้าน
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1952 รวมอายุได้ 75 ปี  หลังจากที่หมอคาร์ลเสียชีวิตไป เรื่องราวของเขาก็โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ
และถูกนำไปพูดถึงในผลงานศิลปะหรือผลงานเพลงต่างๆ มากมาย รวมไปถึงทั้งซีรีส์และหนังดังๆ ด้วย






ที่มา : Another World.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 ตุลาคม 2017, 14:01:33 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่